ไปรยาเห็นดวงหน้าเล็กกลมโผล่มามองจากกรอบประตูบ้าน…ชะรอยเจ้าตัวน้อยจะรู้ว่าตนได้ทำบางสิ่งที่สร้างความไม่สบายใจให้กับแม่แล้ว
หญิงสาวหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน ซึ่งปกติมันเป็นที่นั่งเล่นชั้นดีของลูกชาย แล้วเรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “อชิ มาหาแม่มาลูก” อชิระเดินไปหาแม่ตามคำเรียก แล้วเบียดกายเล็กเข้าไปหาด้วยท่าทีประจบ จนหัวใจของคนเป็นแม่อ่อนยวบ ไปรยาไม่เคยโกรธหรือโทษลูกสักที ไม่ว่าลูกทำสิ่งใดลงไป เพราะหล่อนถือเป็นความรับผิดชอบของตัวเองทั้งสิ้น หญิงสาวลูบใบหน้าชื้นเหงื่อของลูกอย่างแสนรัก เพ่งพิศดวงหน้าเล็กด้วยหัวใจไหววูบ “เมื่อวานตอนที่แม่ไม่อยู่ มีคนมาที่บ้านเราหรือจ๊ะ” “ครับ” “อชิรู้จักเขาไหม” เด็กชายส่ายหน้าหวือ หากประกายบางอย่างในดวงตากลมทำให้ไปรยาต้องเอียงคอมอง แล้วถามนำทาง “มีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไหม” “อชิโป้งคุณลุง” “เขาทำให้ลูกโกรธหรือจ๊ะ” อชิระพยักหน้าหงึกๆ แล้วมุ่นคิ้วคิด ด้วยกำลังเรียบเรียงเหตุผลเพื่อบอกแม่ “อชิจะเข้าบ้าน แล้วคุณลุงมาขวาง...ไม่ให้อชิเข้าครับ” “แล้วลูก เอ่อ...คุยกับเขาด้วยไหม” “คุยเยอะแยะเลยครับ” บอกแม่ว่าคุยเยอะแยะ แต่เจ้าตัวเล็กก็ต้องใช้ความคิดอีกนั่นแหละว่าพูดคุยอะไรกับคุณลุงคู่ปรับไปบ้าง ส่วนไปรยา เมื่อสังเกตเห็นท่าทีฮึดฮัดของลูกชาย หล่อนก็ไม่อยากให้เจ้าตัวเค้นหาคำตอบ หากก็พยายามบอกลูกให้ระมัดระวังตัวจากคนแปลกหน้าตามที่ตั้งใจไว้ “ถ้าลูกไม่ชอบคุยกับเขา เขาทำให้ลูกโกรธ ลูกก็ไม่ต้องคุยกับเขาอีก” “ถ้าคุณลุงมาที่บ้านเราล่ะครับ” “อชิไม่รู้จักเขา เขาจึงเป็นคนแปลกหน้าของอชิ แม่เคยบอกอชิว่าอย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้า ดังนั้นถ้าเขามาที่บ้านเราอีก ให้อชิอยู่ข้างในบ้าน อย่าออกไปเจอเขา แต่ถ้าอชิเจอเขาข้างนอกบ้าน ให้อชิหนีให้ห่างจากเขา” “คุณลุงเป็นคนร้ายหรือครับ” “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่เราไม่รู้จักเขา แม่ก็เลยกลัวว่าเขาจะทำให้อชิไม่ได้อยู่กับแม่” ไปรยาพูดคำนี้กับลูกชายเสมอ ไม่ให้เขาคุยกับคนแปลกหน้า ด้วยเหตุผลว่าคนแปลกหน้าอาจทำให้เขาไม่ได้อยู่กับแม่...ซึ่งอชิระก็กลัวเรื่องนี้จนสุดหัวใจ กลัวที่ต้องห่างกัน ไปรยาไม่อยากให้ลูกเกิดความรู้สึกกลัวขนาดนั้น แต่เธอก็จำเป็นต้องทำ เพราะหวั่นเรื่องความปลอดภัยของลูก ที่ผ่านมาอชิระทำตามคำสอนของหล่อนเป็นอย่างดี เจ้าตัวไม่สุงสิงกับคนไม่รู้จัก แต่ไปรยาไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ลูกชายของหล่อนจึงคุยอยู่กับเขาเป็นนานสองนาน...ทำไมอชิระไม่ถอยไปห่างๆ เหมือนเช่นคนแปลกหน้าคนอื่น “อชิไม่กลัวคุณลุงครับ แต่อชิโป้งคุณลุง” เสียงเล็กๆ จากลูกชายทำให้หญิงสาวไม่ต้องคิดหาคำตอบนาน หากกลับจุดความกลัวขึ้นในหัวใจของหล่อนแทน เขากลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอ...เป็นเขาจริงๆ ใช่ไหม แม้ไม่อยากให้เป็นความจริง แต่ไปรยาคงต้องทำใจยอมรับ เพราะไม่มีเหตุผลที่ใครจะแอบอ้างชื่อเขากับเพื่อนบ้านของหล่อนคนที่ไปรยากลัวสุดหัวใจว่าเขาจะมาที่บ้านอีกนั้นกลับเงียบหายไป หากแทนที่จะสบายใจ หญิงสาวกลับรู้สึกกังวล เป็นเพราะคำพูดของเขาที่ฝากไว้กับเพื่อนบ้าน
‘...เขาจะมาเอาของที่ฝากไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร พอเห็นว่าไม่มีผู้ใหญ่อยู่บ้านสักคน มีแต่เด็กเล็กคนเดียว เขาก็เลยฝากบอกไว้ว่าวันหลังจะมาใหม่’ไปรยาไม่รู้ว่าของที่อาณัติพูดถึงเป็นอะไร เขาหมายถึงเงินที่ปกป้องยืมไปทุ่มในร้านอาหารกึ่งผับที่เปิดข้างมหาวิทยาลัยแล้วขาดทุนจนทุนจมหาย หรือยังมีของชิ้นอื่นที่พี่ชายของหล่อนเอาไปอีกกันแน่“ถ้าถามจากพี่ป้อง รายนั้นคงบอกความจริงไม่หมดอยู่ดี”ช่วงแรกไปรยายังต้องรับมือกับบรรดาเจ้าหนี้ของพี่ชาย ส่วนคนต้นเหตุนั้นหนีหายตั้งแต่รู้ตัวว่าไม่สามารถกอบกู้ร้านอาหารมาได้แล้ว ปกป้องบอกหล่อนว่าจะไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ไปรยาจึงสนับสนุน แต่นานไปถึงรู้ว่าพี่ชายจงใจหนี เขาตัดช่องทางติดต่อกับครอบครัว หล่อนจึงต้องรับหน้ากับเจ้าหนี้ของเขาตามลำพัง...ในเวลานั้นไปรยาไม่กล้าบอกให้พ่อรู้ แต่นั่นแหละ สุดท้ายหล่อนก็ปิดความลับนี้ไม่ได้พ่อผิดหวังในตัวปกป้อง แต่หล่อนก็ไม่ได้ดีไปกว่าพี่ชาย เพราะในวันเดียวกัน พ่อยังต้องมารับรู้ว่าลูกสาวคนเดียวกำลังตั้งท้องโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กอีกด้วยสีหน้าเจ็บปวดและผิดหวังของพ่อยังตราอยู่ในใจ ไปรยาร้องไห้ ความอ่อนแอและสิ้นหวังจู่โจมเข้ามาอย่างถึงที่สุด ในบางค่ำคืนเมื่อหลับตานอน ไปรยาเคยภาวนาว่าขอให้พรุ่งนี้ตนไม่ต้องตื่นมาอีกเลยความทุกข์ของหญิงสาวไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของพ่อ พ่อ
อชิระเป็นเด็กว่าง่ายกับแม่ ตั้งแต่รู้ความมาก็แทบไม่ดื้อและไม่ค้านอะไรทั้งสิ้น สองแม่ลูกเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน แล้วจึงหยุดอยู่ริมถนน มือน้อยๆ ของลูกชายก็กระตุกมือของแม่เมื่อเจ้าตัวเห็นรถคันใหญ่แล่นผ่านหน้าไป“อชินั่งรถเมล์ไปรับพี่เลโอได้ครับ” ดวงตากลมของลูกที่แหงนมองมานั้นทำให้น้ำตาของคนเป็นแม่แทบคลอหน่วยตา...พลังใจจากลูกทำให้หล่อนมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอีกมากโข“ไม่เป็นไรครับ วันนี้เรานั่งแท็กซี่ไปดีกว่า อชิกับแม่จะได้นั่งสบาย”“ได้ครับ แม่กุ๊บกิ๊บจะได้ไม่เหนื่อยด้วยครับ”เด็กชายยิ้มแฉ่ง มือเรียวนุ่มของแม่จึงลูบแก้มกลมๆ อย่างอดใจไม่ได้ ซึ่งเป็นจังหวะที่รถแท็กซี่แล่นมาจอดเทียบพอดีกว่าจะจัดการธุระสำคัญเสร็จ รถยนต์คู่ใจของไปรยาที่มีอายุมากกว่าสิบห้าปีก็มาจอดในที่ประจำเมื่อเวลาผ่านเก้านาฬิกาไปแล้วเมื่อเปิดประตูรถออกมา ไปรยาก็เร่งสาวเท้าลัดเลาะไปตามทางเดินริมสวนเพื่อไปยังจุดนัดหมาย แม้รู้ว่าตัวเองสาย แต่หล่อนก็พยายามไปให้ถึงเร็วที่สุดร่างของหญิงสาวในเครื่องแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำสวมรองเท้าผ้าใบลำลองนั้นอยู่ในสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง เขามองหล่อนตั้งแต่วิ่งออกมาจากลานจอดรถ ก
“นั่นสิ...แต่กิ๊บก็ยังงงว่าพี่ยุ้ยขอบคุณกิ๊บทำไม” “ตอนแรกเขาจองสามวัน แต่พอเห็นกุ๊บกิ๊บเมื่อเช้า เขาก็เปลี่ยนใจจองยาวเป็นเดือนเลย ดูท่าจะกระเป๋าหนักน่าดู”“จริงหรือคะ แล้วเขาเป็นใครกัน” อารมณ์ดีใจที่โรงแรมมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาตั้งแต่เช้าค่อยๆ คลาย คุณแม่ลูกหนึ่งกะพริบตาปริบๆ สีหน้าระแวดระวังขึ้นมาทันใด การทำงานเป็นพนักงานอยู่ในโรงแรม แม้เป็นโรงแรมระดับดี แต่มักมีพวกเสี่ยใหญ่ที่ชอบหลอกล่อทีเล่นทีจริง แถมบางคนพอรู้ว่าหล่อนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความกระหาย“อยากรู้ชื่อลูกค้าหรือเปล่า” “ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไม่ต้องบอก”ไปรยาปฏิเสธรัวเร็ว ขอไม่รู้ไม่เห็นและไม่เกี่ยวข้องไว้ก่อน เพราะดูท่าจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว ก่อนหล่อนจะจ้ำเท้าไปยังพื้นที่รับประทานอาหารมื้อเช้าของแขกที่เข้าพักในโรงแรมหญิงสาวเป็นพนักงานในสำนักงานส่วนหน้า วันนี้หล่อนเข้าทำงานสาย แม้จะบอกผู้จัดการไว้ก่อนแล้ว แต่หล่อนก็อยากชดเชยด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เต็มขีดภายในเวลาที่จำกัด และเมื่อถึงเวลาเลิกงานของตัวเอง หล่อนจึงแทบทรุดเพราะหมดแรง“ขอโทษนะคะที่วันนี้มาสายแล้วยังกลับเร็วอีก พรุ่งนี้สัญญาว่าจะเข้างานตั้ง
“เย่ๆ แม่กุ๊บกิ๊บมารับอชิแล้ว”แค่เปิดประตูรถออกมาหลังจากนำรถไปจอดหน้าประตูรั้วเตี้ยๆ หน้าบ้านพักครูประจำชั้นของลูกชาย ไปรยาก็ได้ยินเสียงใสๆ ดังขึ้น หัวใจที่เต้นระส่ำมาตลอดทางถูกปลอบประโลมด้วยรอยยิ้มของลูกอชิระกำลังยิ้มแป้น ดวงตาเรียวยิบหยี ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหันไปบอกคุณครูที่ออกมาดูด้วยตัวเอง“คุณครูคร้าบ แม่อชิมาแล้วครับ”ท่าทางของเด็กชายนั้นสดใสร่าเริง หากไปรยาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่หล่อนจะมาถึงนั้น อชิระเป็นอย่างไรบ้าง“สวัสดีค่ะ กิ๊บมารับอชิช้า ต้องรบกวนคุณครูให้ช่วยดูแล ขอโทษด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ อชิบอกครูไว้แล้วว่าสงสัยวันนี้เลโอจะเกเร แม่กุ๊บกิ๊บเลยมารับช้า” คุณครูบอกอย่างเอ็นดู ไปรยาก็อดที่จะยิ้มอย่างภูมิใจในตัวลูกชายไม่ได้ ลูกชายเชื่อมั่นในตัวเธอ อชิระพยายามทำตัวเข้มแข็งเสมอ แต่ไปรยาก็รู้ว่าเจ้าตัวทำได้ดีในระดับที่เด็กสามขวบจะทำได้เท่านั้น หล่อนจึงพยายามไม่ผิดเวลานัด เพราะไม่อยากให้ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวจนเกิดเป็นความไม่มั่นคงขึ้นในจิตใจ...ทว่าหลายครั้งก็ยังมีเหตุที่หล่อนไม่อาจควบคุมได้“งั้นอชิเข้าไปเอากระเป๋า แล้วลาคุณครูปุ้ย เราจะกลับบ้านกันค่ะ” เพียงแค่แม่บอก อชิระก็วิ่งปรู
รถยนต์คันสีขาวค่อนข้างเก่าแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว ระยะทางจากบ้านพักครูถึงบ้านหลังนี้ไม่ไกลหรอก ใช้เวลาขับรถไม่กี่นาทีก็ถึง หากวันนี้สองแม่ลูกสมัครใจที่จะขับรถออกนอกเส้นทางไปยังตลาดขายส่งของสดและผลิตผลทางการเกษตรที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก...แม้คนเป็นแม่จะไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน แต่สำหรับเด็กชายนั้นกำลังปลื้มอย่างหนักกับของที่แม่ยอมซื้อให้เมื่อหญิงสาวนำรถเข้าไปจอดภายในรั้วบ้านอย่างเรียบร้อย หล่อนจึงอนุญาตให้ลูกชายลงจากรถได้ อชิระปีนลงมา ในมือถือถุงพลาสติกใสที่มีถุงน้ำอยู่ข้างใน...และเจ้าตัวก็ลืมข้าวของชิ้นอื่นของตัวเองไปเสียสิ้น“คุณตาคร้าบ อชิมีปลาหางปายูนเยอะแยะเลย อชิจะเลี้ยงให้มันตัวโตๆ เลยครับ” เด็กชายบอกเสียงเจื้อยแจ้ว พลางยกถุงในมือให้คุณตาข้างบ้านดู อชิระจะเรียกทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่วัยเดียวกับคุณตาของตัวเองว่าคุณตาแทบทั้งสิ้น“อชิจะเลี้ยงปลาอะไรนะ ตาฟังไม่ถนัด”“ปลาหางปายูนครับ” เด็กชายบอกเสียงดังฟังชัด แถมท่าทียังมั่นใจเสียด้วย จนคนเป็นแม่ต้องบอกตามหลัง“ปลาหางนกยูงค่ะคุณตา พาไปซื้อที่ตลาดมาเมื่อกี้”“ใช่ครับๆ อชิจะเลี้ยงปลาหางปายูน” อชิระพยักหน้
“คุณมาบ้านฉันทำไม” ไปรยาเปิดฉากถามเมื่อเห็นว่าลูกชายเข้าบ้านไปแล้ว“กุ๊บกิ๊บอยู่บ้านหลังนี้หรือ”“นี่เป็นบ้านของฉัน”คำพูดแสนธรรมดา หากทำให้คนฟังต้องกลั้นลมหายใจ เขาเคยถามคำถามนี้กับเด็กชายเมื่อตอนพบกันครั้งแรก และยังจำได้แม่นยำว่าเจ้าตัวตอบเขาว่าอย่างไร‘ใช่ครับ นี่บ้านของอชิ’ “กุ๊บกิ๊บอยู่กับเจ้าหย็อง...” เผลอหลุดปากไปแล้ว และดวงตาของคนเบื้องหน้าที่อยู่ห่างแค่รั้วโปร่งกั้นก็ทอประกายวาบ หล่อนสาวเท้ามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง “อย่าเรียกลูกฉันว่าเจ้าหย็องอีก” เสียงกร้าวราวแม่เสือลูกอ่อนจากคนหน้าหวานที่ยังมีเครื่องสำอางแต่งแต้มอย่างจัดเต็มนั้นทำให้อาณัตินิ่งงันเหมือนถูกตรึง...เขาได้คำตอบโดยที่ยังไม่ได้ถาม“เขาไม่ใช่ลูกพี่ป้องหรือ”ไปรยาถึงกับงงงันเมื่อได้ยินเสียงถามราวกับละเมอของเขา หล่อนนึกไม่ถึงว่าอาณัติจะเข้าใจอย่างนั้น แต่พอนึกถึงเหตุผลว่าคงเป็นเพราะเขาโฟกัสแต่เรื่องของพี่ชายกับเขาที่ยังคาราคาซังกันอยู่ ซึ่งพี่ชายของหล่อนก็เป็นฝ่ายผิดเต็มประตู หญิงสาวจึงต้องเปลี่ยนตัวเองจากการรุกไล่มาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนท่าทีที่อ่อนลงของไปรยาอยู่ในสายตาของอาณัติ เขาจึงฉวยโอกาสถามหล่อนต่อ“พี่ป้องไม่อย
เสียงเล็กสั่นเครือเกาะกินหัวใจของคนเป็นแม่ วินาทีนั้นไปรยาไม่คิดอะไรอีก หล่อนเปิดประตูรั้วออกแล้วอ้าแขนรับร่างของลูกชายที่วิ่งเข้ามาโถมใส่เต็มแรงอชิระกอดคอแม่ไว้แน่น เนื้อตัวสั่นระริก ไปรยารู้ว่าตนทำให้ลูกหวาดกลัวอีกแล้ว“อชิไม่อยู่บ้านนะครับ อชิจะอยู่กับแม่ อชิไปกับแม่ด้วย” เด็กชายร้องไห้สะอื้นขณะซุกใบหน้าอยู่กับแม่ หญิงสาวลูบหลังลูบไหล่ของลูกอย่างปลอบประโลม“ไม่ร้องนะครับคนดี อชิอยู่กับแม่แล้ว เราจะไปด้วยกันนะ”หญิงสาวออกแรงยกร่างเล็กอวบของลูกชายวัยสามขวบ น้ำหนักของลูกทำให้หล่อนต้องเกร็งข้อมือ อชิระมีหล่อนแค่คนเดียว การปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ หล่อนรู้ดี แต่การพาลูกออกไปกับเจ้าหนี้ของพี่ชายในเวลานี้ มันก็เป็นทางเลือกที่หล่อนยังหวั่นๆ “ฉันจะพาลูกไปด้วย” ไปรยาบอกเขาหลังจากล็อกประตูรั้วเสร็จ ดวงตาหวานส่อแววระแวดระวัง หล่อนไม่วางใจ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรที่กระทบจิตใจของอชิระ ดูก็รู้ว่าอาณัติไม่ได้เอ็นดูลูกชายของหล่อนสักเท่าไร ที่สำคัญก็คือเด็กชายโตพอจะรู้ความแล้วอาณัติอ่านสายตาของไปรยาออก หากเขาเพียงไหวไหล่แล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้หล่อนเข้าไปนั่งกลิ่นหอมอ่
“ชื่อพี่อะไรครับ”“หืม...” อาณัติถามในลำคอ ด้วยไม่มั่นใจว่าเด็กชายถามเขาหรือเปล่า พอเหลือบตาไปมอง เขาก็เห็นเจ้าตัวน้อยจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ “อชิถามถึงใครคะ” ไปรยาถามลูกชายขึ้นมาบ้าง เพราะถือเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องเคลียร์ข้อสงสัย อชิระเงยหน้าไปมองแม่แล้วทำปากยู่...ทำไมผู้ใหญ่ไม่เข้าใจคำถามของตน เขาจึงต้องชี้ที่คอนโทรลหน้ารถ แล้วถามคำถามเดิม“ชื่อพี่อะไรครับ”หญิงสาวยิ้มกว้าง เพราะหล่อนเข้าใจลูกชายแล้ว“พี่ไม่มีชื่อค่ะ”“ทำไมพี่ไม่มีชื่อครับ พี่เลโอยังชื่อเลโอเลย”ถึงตอนนี้คนที่พยายามเรียนรู้เด็กชายก็เริ่มเข้าใจตาม เขากระแอมในลำคอเรียกความสนใจ แล้วตอบด้วยชื่อที่นึกขึ้นได้ในวินาทีนั้น“รถของลุงชื่อไทเกอร์”“อ๋อ…พี่ไทเกอร์” อชิระทวนคำพลางพยักหน้าหงึกๆ พอใจที่ตัวเองได้คำตอบ “ชอบพี่ไทเกอร์หรือเปล่าล่ะ”เด็กชายส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ ทำให้เจ้าของไทเกอร์เสียหลักไม่น้อย...รถหรูขนาดนี้เจ้าเด็กตัวจิ๋วยังไม่ชอบอีกหรือ นี่มันรถรุ่นใหม่ สมรรถนะดี เงียบสนิท และนุ่มสบาย หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว“อชิไม่ชอบพี่ไทเกอร์หรอก พี่ไทเกอร์เป็นของคุณลุง ไม่ใช่ของแม่กุ๊บกิ๊บสักหน่อย”“แล้วทำไมถึงชอบของของลุงไม่ไ
“หน้าตาโหงวเฮ้งดีเชียว หน้าเรียวผุดผ่อง หน้าผากนูนเกลี้ยง ไม่มีรอย แก้มก็อิ่ม ผิวพรรณดี”บรรยากาศภายในห้องพักผ่อนของบ้านจัดสรรสองชั้นในโครงการหรูเป็นไปอย่างสงบ หากท่าทีของคุณนายอรอรก็สร้างความแปลกใจให้กับลูกชายและแม่ของหลานนัก“ไหน เอามือมาให้แม่ดูสิ” แค่จบคำพูด คุณนายอรอรก็ดึงมือบางของคนที่นั่งข้างๆ มากุมไว้เอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ทันตั้งตัว “มือไม่นุ่มเท่าไร หนูคงต้องทำงานอยู่ตลอดสินะ แต่ไม่เป็นไร ทาโลชันบ่อยๆ ไม่นานก็หาย แต่นิ้วมือเรียวอวบดี ลักษณะส่งเสริมคู่ครอง”“แม่ทำอะไรเนี่ย แล้วแม่เป็นหมอดูโหวงเฮ้งตั้งแต่เมื่อไร”อาณัติอดที่จะถามเพราะสงสัยไม่ได้ อีกทั้งยังเกรงว่าไปรยาจะอึดอัดและกลัวว่าที่แม่สามีไปเสียก่อน“ฉันหัดดูตั้งแต่มีพี่สะใภ้แก”ถ้านับนิ้วก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือนสินะ...ลูกชายตีสีหน้าประหลาดเมื่อมองแม่หมอมือใหม่กำลังลองวิชากับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ หากคนใกล้ชิดคุณนายอรอรที่ติดตามมาด้วยนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจ“สบายใจเถอะค่ะ คุณนายรักลูกสะใภ้จนเป็นที่เลื่องลือทั้
แล้วอาณัติก็ส่งเบอร์โทร.ของพ่อตาไปให้แม่ เขาได้เบอร์นี้มาพร้อมกับเบอร์ของปกป้อง...หรือจะพูดให้ถูกนั่นก็คือเขาแอบเก็บเบอร์ของพ่อตามาในคราวนั้นด้วยพอเห็นว่าหมดธุระกับเขาแล้ว คุณนายอรอรก็เอนกายนอนบนเก้าอี้นอนเล่นในห้องพักผ่อนแล้วหลับตาลง เป็นการปิดการสนทนากลายๆ จากนั้นอาณัติถึงได้ขับรถออกมารับลูกชายนี่แหละ“พ่อครับ คุณย่าจะใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บไหมครับ”คำถามของลูกทำให้เขาต้องนิ่งงัน รับรู้ถึงสายใยระหว่างแม่และลูกชายที่ไม่อาจแยกจากกัน“คุณย่าเป็นคนใจดี พ่อคิดว่าคุณย่าจะใจดีกับแม่ด้วย แต่ถ้าอชิอยากรู้จริงๆ อชิต้องถามคุณย่าเอาเองนะ”เด็กชายตีสีหน้าครุ่นคิด เรียวคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างน่าเอ็นดู จู่ๆ เขาก็อยากรู้ความคิดของลูกขึ้นมา“คุณย่าต้องใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บแน่นอนครับ เพราะแม่กุ๊บกิ๊บสวย แม่กุ๊บกิ๊บรักอชิมากด้วย”“เหตุผลเข้าท่า...แต่ถ้าแม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้”“แม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ครับ ถ้าแม่ไม่รัก แม่ไม่ให้พ่อกอดหรอก ไม่ให้พ่อหอมแก้มด้วย”“เดี๋ยว
ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์เด่นสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอนุบาล เขาจะอยู่ตรงนี้ตรงตามเวลาทุกวัน เป็นอันรู้กันว่าเขาเป็นคุณพ่อของเด็กชายอชิระหากก่อนหน้านี้ไม่ว่าคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนตัวน้อยต่างคุ้นเคยว่าคุณแม่ของอชิระจะเป็นคนมารับเด็กชาย และคุณแม่ก็มักมารับช้ากว่าพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่การงาน ทำให้อชิระต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่เลิกเรียน เด็กชายก็วิ่งออกมาเป็นคนแรกๆ เพราะรู้ว่าพ่อของตนจะต้องมารออยู่ก่อนแล้ว…และวันนี้ก็เช่นกัน“พ่ออู๋มารับอชิแล้วครับ”เด็กชายร้องบอกคุณครู แล้วกระโดดเหยงๆ พลางโบกไม้โบกมือให้พ่อเห็นว่าตนมาแล้ว“อชิลาคุณครูแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ อย่าลืมสวัสดีคุณพ่อด้วยนะคะ”“ครับคุณครู” เด็กชายทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย เมื่อวิ่งไปหาพ่อก็ยกสองมือป้อมๆ ขึ้นมาไหว้หัวใจของอาณัติเบ่งบาน เขาบอกไม่ได้เลยว่าความสุขในทุกวันนี้นอกจากการเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว ยังมีสิ่งใดที่มีค
“บอกพี่สิว่ากุ๊บกิ๊บยังติดอะไร ถึงได้ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับพี่”“คุณก็รู้”“พี่รู้? รู้อะไร?”“คุณกลับมาที่นี่เพื่ออะไรคะ ก่อนที่คุณจะรู้ว่าฉันมีอชิอยู่ด้วย”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน ก่อนเขาจะถามกลับทั้งที่รู้แก่ใจว่าหล่อนหมายถึงอะไร“กุ๊บกิ๊บหมายถึงหนี้ของพี่ป้องใช่ไหม”“ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่หนี้ของพี่ป้องค่ะ แต่เป็นหนี้ของครอบครัวเรา”“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น ถึงพี่ป้องจะเป็นพี่ชายของกุ๊กกิ๊บ แต่พี่ก็ไม่เคยอยากให้กุ๊บกิ๊บมาใช้หนี้แทนเขา มันไม่ยุติธรรม ใครก่อเรื่องไว้ก็ต้องให้คนนั้นรับผิดชอบ”อาณัติพูดง่าย...แต่ในความเป็นจริง ไปรยากับพ่อทำไม่ได้“เราเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้หรอกค่ะ”“เพราะพี่ป้องหนีไป กุ๊บกิ๊บกับพ่อต้องอยู่รับหน้าก็เลยต้องใช้หนี้แทนเขาอย่างนั้นหรือ”ในทีแรกไปรยาไม่ได้คิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ หล่อนเข้าใจว่าปกป้องไปทำงานที่อื่นเพื่อจะหาเงินส่งมาใช้หนี้ พี่ชายคงรับผิดชอบหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้น หากหล่อน
รถคันสีขาวค่อนข้างเก่าเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านจัดสรรที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังของโครงการหรู แม้บ้านหลังนี้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหลังอื่นในโครงการเดียวกัน แต่พื้นที่รอบบ้านนั้นกว้างขวางไม่ต่างกันไปรยาเปิดประตูรถออกมาหลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว เมื่อสักครู่หล่อนขับรถผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านก็สัมผัสได้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีค่อนข้างสูง หากพอมาถึงบ้านหลังนี้ หล่อนก็ขับรถเข้ามาได้เลย เพราะประตูรั้วเปิดกว้างอยู่หล่อนมาไม่ผิดบ้านแน่นอน เพราะเห็นรถคันสีดำคุ้นตาจอดอยู่ เมื่อมองผ่านผนังกระจกเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพโล่งว่าง ไม่มีผ้าม่านกำบัง และทั่วทั้งห้องก็แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ หล่อนก็เห็นลูกชายกำลังนั่งอยู่กลางพื้นห้อง ใกล้กันนั้นก็เห็นคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง...พวกเขายังไม่รู้ถึงการมาของหล่อนไปรยาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถงใหญ่แล้วตรงไปยังห้องนั้น เมื่อหล่อนปรากฏตัวอยู่ตรงประตู พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“แม่มารับอชิแล้ว”อชิระร้องบอก รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้าเล็กกลมที่เปรอะเปื้อนเศษอาหาร เนื้อตัวก็มอ
เป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์แล้วที่อาณัติรับหน้าที่ไปรับอชิระกลับจากโรงเรียน โดยไปรยาได้แจ้งกับทางโรงเรียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากช่วงนี้สถานการณ์ของโรงแรมดีขึ้น ลูกค้าเข้ามาพักมากกว่าเดิม หัวหน้าแผนกจึงขอให้หล่อนยืดเวลาเลิกงานเป็นห้าโมงเย็นเหมือนกับพนักงานคนอื่นหลังจากเลิกเรียน อชิระจึงต้องอยู่กับพ่อ เพื่อรอแม่เลิกงานแล้วกลับบ้านไปพร้อมกัน ระหว่างนั้นเด็กชายจะอยู่ในห้องพักของพ่อในโรงแรม แต่บางวันพ่อก็จะพามาที่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อได้ไม่นาน ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในโครงการหรูที่อชิระเคยมาดูพร้อมพ่อและแม่นั่นเอง และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็อยู่ในระหว่างการตกแต่ง“พ่อครับ อชิเอาปลาหางปายูนมาอยู่กับปลาคาร์ปได้ไหมครับ”อชิระถามขึ้นเมื่อเกาะผนังกระจกในห้องพักผ่อนแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นคนงานกำลังสร้างบ่อปลาคาร์ปภายในพื้นที่สวน เด็กชายเห็นว่าบ่อมีขนาดใหญ่ ถ้าหากจะให้ปลาหางนกยูงของตนมาอยู่ด้วยก็คงน่าสนใจไม่น้อย“ปล่อยให้ปลาหางนกยูงอยู่ในอ่างบัวนั่นแหละดีแล้ว มันอยู่ตรงนั้นสบายแล้วนะ”อาณัติเกรงว่าถ้าปล่อยให้ปลาทั้งสองชนิดมาอยู่ร่วมกัน ปลาหางนกยูงอาจ
ไปรยาออกมาจากห้องนอนหลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว เสียงโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นยังคงดังมาให้ได้ยิน หญิงสาวจึงเดินไปดูลูกชายที่นอนปิกนิกที่หล่อนปูไว้ให้นั้นว่างเปล่า แต่มีรอยยับย่นของผ้าปูนอนซึ่งบอกให้ว่าเจ้าตัวคงเพิ่งลุกไปไหนสักที่ และไม่ต้องมองหานาน หญิงสาวก็เห็นร่างเล็กยืนขยุกขยิกข้างโต๊ะไม้ตรงมุมห้อง ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีช่อดอกไม้วางอยู่“อชิทำอะไรคะ” ไปรยาถาม หลังจากมองลูกอยู่หลายวินาที แล้วเด็กชายก็หันมาตอบ“อชิดูดอกไม้ครับ”“อชิชอบหรือคะ แม่ยกให้เอาไหม”“ไม่เอาครับ ดอกไม้ของแม่กุ๊บกิ๊บ พ่ออู๋ให้ดอกไม้สวยๆ แม่กุ๊บกิ๊บต้องเก็บไว้ดีๆ นะครับ”“หือ...อะไรเนี่ย ลูกชายของแม่”ไปรยานึกขันคนเจ้ากี้เจ้าการ ตั้งแต่เป็นธุระจัดการนำดอกไม้มาให้หล่อน กระทั่งบอกให้หล่อนเก็บดอกไม้ช่อนี้ไว้ดีๆ“งั้นแม่จะเอาดอกไม้ใส่แจกันไว้ก็แล้วกันนะคะ”ไปรยาตอบสนองคำพูดของลูกชาย เพราะเห็นว่าดอกไม้ช่อนี้คงมีราคาไม่น้อย หากปล่อยให้เหี่ยวเฉาเร็วเกินไปก็น่าเสียดาย
กว่าครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายตามสายตาของพนักงานขายบ้านโครงการหรูจะเสร็จสิ้นจากการดูบ้านและขับรถออกจากโครงการก็เป็นเวลาใกล้หกโมงเย็น หากพวกเธอยินดีให้บริการ เพราะสัมผัสได้ว่าลูกค้ามีกำลังซื้อ อีกทั้งเขาสนใจที่จะซื้อบ้านอย่างจริงจังอาณัติพาไปรยาและอชิระไปรับประทานอาหาร เขาเลือกร้านอาหารที่อยู่ใกล้โครงการบ้านจัดสรรแห่งนั้น เพราะเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นของเด็กชายไปพอสมควร แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่บ่นว่าหิวสักคำ เพราะได้กินทั้งนมและขนมไปจนอิ่มแปล้แล้วดังนั้นกว่ารถคันสีดำจะแล่นไปจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังสีฟ้าได้ก็เป็นเวลาหัวค่ำ อาณัติลงจากรถแล้วไปเปิดประตูให้ลูกชายลงมา ขณะที่ไปรยากำลังไขกุญแจประตูรั้วบ้าน“อชิหยิบดอกไม้ของพ่อมาด้วย”ดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางบนเบาะหลังข้างเก้าอี้ที่นั่งของอชิระยังคงงดงามดี แม้มันจะไม่สดเหมือนกับตอนที่ร้านมาส่ง เด็กชายหอบดอกไม้ช่อนั้นแทบไม่ไหว จนพ่อต้องยื่นมือไปช่วยอีกแรงไปรยาหันไปมองสองพ่อลูกที่ช่วยกันหอบดอกไม้ทั้งช่ออย่างแปลกใจ พวกเขาเดินผ่านประตูรั้วที่หล่อนเปิดกว้างไว้ให้เข้ามาในเขตบ้าน หล่อนนึกสงสัยว่าทั้งสองคน
“แม่ว่ายังไงครับ หลังนี้เป็นบ้านตัวอย่างนะ แต่จะมีอีกหลังที่คล้ายกัน อยู่ด้านหลังของโครงการ หลังนั้นไม่มีสระว่ายน้ำ อชิน่าจะชอบครับ เพราะรอบบ้านเป็นสนามหญ้าทั้งหมด”อาณัติกำลังวิดีโอคอลกับคุณนายอรอร ไปรยาเห็นเข้าก็ดึงลูกชายออกมาห่างๆ เพราะหล่อนไม่รู้ว่าแม่ของเขาคิดกับอชิระอย่างไร อีกทั้งหล่อนเองก็ยังไม่รู้จักแม่ของเขา รู้แต่ว่าท่านเป็นเศรษฐินีที่มีชื่อในระดับจังหวัด และหล่อนก็รู้เรื่องนี้หลังจากเลิกรากับอาณัติไปแล้ว‘ไอ้อู๋มันทิ้งกุ๊บกิ๊บไปเมืองนอก เพราะเงินไม่กี่แสนเนี่ยนะ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ เป็นลูกเศรษฐีประสาอะไร...คิดเล็กคิดน้อยไม่เข้าท่า’ปกป้องต่อว่าอาณัติลับหลัง ไปรยาได้ฟังก็น้ำตาตกใน เวลานั้นหล่อนสับสน ทุกข์ใจ และหดหู่ ได้แต่รับรู้การตัดสินใจของพี่ชายว่าเขาจะออกไปจากบ้านด้วย แล้วสุดท้ายก็เหลือเพียงหล่อนคนเดียว กระทั่งพ่อเข้ามาจัดการจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ซึ่งทำให้ไปรยาลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง“กำลังคิดอะไร หน้าเศร้าอีกแล้ว”เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ใกล้ๆ ไปรยารู้สึกตัวก็ต