บ่ายสามโมงเย็น กล้วยหอมที่บรรจุลงลังถูกลำเลียงขึ้นรถบรรทุกเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวรอจนรถบรรทุกกล้วยของตนเคลื่อนออกไปแล้วจึงถอดหมวกปีกกว้างออกมาพัดแรงๆ ก่อนจะหันไปยิ้มกับน้องสาวแล้วพากันกลับบ้านซึ่งมารดารออยู่
นางอุบลเห็นรถกระบะลูกสาวขับเข้ามาก็ยกน้ำยกท่าตั้งรอบนแคร่ใต้ถุนบ้าน น้ำแข็งละลายน้ำหวานสีแดงบำรุงหัวใจ ทั้งยังแก้กระหายคลายความเหนื่อยล้าได้ดี ในกระจาดมีส้มเปลือกบางที่ลูกสาวซื้อมาจากตลาดและกล้วยหอมกล้วยน้ำว้าจากสวนเตรียมไว้เช่นกัน
“กลับมาแล้วแม่ โอ๊ยร้อนสุดๆ เลยวันนี้” เสียงดวงใจดังมาก่อนตัว ก่อนจะเดินตรงมาที่แคร่แล้วนั่งลงตักน้ำขึ้นดื่มอั้กๆ ขณะที่พี่สาวเดินตามมาพร้อมกระเป๋าใส่เงิน
“เงินค่ากล้วยแม่” เภตราส่งทั้งกระเป๋าให้มารดา ฝ่ายนั้นเลื่อนเอาไปดู เห็นธนบัตรแบงก์พันแบงก์ร้อยถูกมัดเป็นปึกๆ แล้วจึงเอ่ยถาม
“ได้มาเท่าไรล่ะงวดนี้”
หญิงสาวยิ้มให้มารดาพลางรับแก้วน้ำจากน้องสาว ดื่มรวดเดียวหมดแก้วแล้วตอบ
“หกหมื่นห้าแม่ งวดนี้กล้วยน้ำว้าเยอะหน่อย แต่งวดหน้ากล้วยหอมจะเยอะกว่า หวีใหญ่กว่าคราวนี้ นี่หนูก็เก็บกล้วยน้ำว้าเอาไว้ให้ป้าสดไปทำกล้วยแขกขายห้าเครือ เห็นว่าเย็นๆ จะให้ลูกมารับ”
เภตราตอบมารดา ดึงกระเป๋ามารูดซิปแล้วควักเงินออกมานับให้มารดาดู ก่อนส่งให้นาง
“เอ็งก็เก็บเอาไว้สิ ของเอ็งทั้งนั้น แบ่งกันกับน้องนั่นแหละ” นางอุบลกล่าว ใบหน้าคล้ำและค่อนข้างกร้านอย่างคนผ่านงานหนักมาสารพัดแต้มรอยยิ้มภูมิใจในตัวลูกสาวทั้งสอง
“แม่เก็บเอาไว้เถอะ หนูกับไหมยกงวดนี้ให้แม่ เอาไว้งวดหน้าหนูกับไหมค่อยแบ่งกัน”
“ใช่แม่ แม่เก็บเอาไว้นะ ไปฝากธนาคารเลย เอาไว้หนูชอร์ตค่อยไถแม่ทีหลัง” ดวงใจพูดจบก็หัวเราะขบขันกับความคิดที่ฟังดูเข้าท่าของตนเอง เภตราเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย ส่วนมารดามองแล้วค้อนขวับ ทว่าใบหน้าเจือยิ้ม
“นังดาวไถเอ๊ย” นางอุบลค่อนลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะผุดลุกจากตรงนั้น คว้าเอาเงินที่เภตรายกให้ตรงขึ้นไปเก็บบนเรือน นางเก็บเอาไว้ก็จริง แต่ก็เก็บเอาไว้ให้ลูกๆ ทั้งสองของนางนั่นเอง เงินที่ได้มาแทบไม่เคยได้ใช้ เพราะกับข้าวกับปลาที่จับจ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะลูกสาวช่วยกันออกทั้งนั้น เงินที่ทั้งสองให้มานางจึงเก็บฝากธนาคารเสียค่อน เก็บไว้กับตัวเล็กน้อยเผื่อฉุกเฉินเท่านั้นเอง เมื่อเก็บเงินเรียบร้อย หลังจากนั้นไม่นานก็ลงมาสมทบกับลูกสาวสองคนข้างล่างอีกครั้ง
“เมื่อสักพักแม่รับโทรศัพท์จากเสี่ยแอ๊ด เห็นว่าจะเข้ามาดูหมูเย็นนี้” นางอุบลกล่าวถึงอนุกุล เพื่อนรุ่นพี่ของเภตราซึ่งเป็นคนแนะนำให้บุตรสาวคนโตของนางเลี้ยงหมูเป็นอาชีพเสริม แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นอาชีพหลักอีกอาชีพหนึ่งเสียนี่
“จ้ะ หนูเพิ่งคุยกับพี่แอ๊ดเมื่อสักพักนี้เอง”
ดวงใจนับนิ้วทันที สมองของหล่อนกำลังคิดสะระตะ ก่อนจะหรี่ตาแล้วยิ้มพรายกับรายได้ที่ลอยมากองตรงหน้า
“งวดนี้หนูจะได้หลักหมื่น ฮ่าๆ ค่าหมูหนูไม่ยกให้แม่หรอกนะ หนูจะเอาไปเปิดพอร์ตเพิ่ม ฮ่าๆ จะรวยหุ้นเป็นเศรษฐีนีกับเขาก็คราวนี้”
“หรือไม่ก็เจ๊งบ๊ง แล้วซมซานกลับมาไถแม่อีกล่ะสินังลูกดาวไถ!”
เมื่อถูกมารดาค่อนขอดลูกสาวคนเล็กก็ยิ้มเผล่ ก่อนจะกระแซะไปกอดแขนนางแล้วเอ่ย
“โธ่ เงินแม่ก็เยอะแยะ ถ้าลูกเจ๊งบ๊งก็สมทบกันสักหน่อยจะเป็นไรไป เนอะพี่หมอกเนอะ” หันไปพยักพเยิดกับพี่สาวที่นั่งอมยิ้ม ส่วนมารดาก็ส่ายหน้าตามระเบียบ ก่อนบอก
“เฮ้อ เมื่อไรจะมีผู้ชายตาถั่วมาขอเอ็งไปทำเมียสักทีว้า แม่ละเบื่อเอ็งจะแย่แล้วนะนังไหม ถ้ามีมาล่ะก็จะรีบยกให้แถมหมูอีกสิบตัว แถมข้าวสารอีกสิบกระสอบเลยคอยดู” ทำเสียงเบื่อหน่าย ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ไยดีในตัวบุตรสาว แต่คนเป็นลูกกลับทำหน้าบึ้งทันทีทันใด
“โธ่แม่! ตาถั่วเรอะ คำนี้เขี่ยไปให้ไกลนะแม่ ลูกแม่ดีเลิศประเสริฐศรีจะตาย ใครได้หนูไปจะโชคดีไปยันชาติหน้า แล้วอีกอย่าง หนูเป็นคนเลือกนะแม่ ไม่ยอมให้ใครมาเลือกหนูหรอก เชอะ! ที่ไม่มีจนทุกวันนี้เพราะเลือกแม่เลือก เข้าใจ๋?”
ยื่นหน้าเข้าไปถามมารดาด้วยอาการยียวน จึงถูกมะเหงกเขกลงมาบนกระหม่อมเต็มแรง
กึก!
“โอ๊ย! แม่น่ะ เจ็บนะ” คนเลือกมากคลำหัวป้อย...
สองแม่ลูกยังคงกระเซ้าเย้าแหย่กันต่อไป ในขณะที่เภตราค่อยๆ ผุดลุกจากตรงนั้น แล้วเดินตรงไปยังคอกหมูที่อยู่ห่างจากตัวบ้านเงียบๆ ทำให้นางอุบลมองตามแล้วถอนหายใจยาว นึกขึ้นได้ว่าคำพูดของนางไปกระทบใจลูกสาวคนโตเสียเต็มเปา
เภตรานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเตี้ยหน้าคอกหมู นัยน์ตาคู่งามกวาดมองไปผ่านๆ ในขณะที่สมองก็คิดถึงใครบางคนที่รู้ดีว่าไม่เคยลืมเขาได้เลย ริมฝีปากสีเรื่อขบเม้ม น้ำตาเอ่อเมื่อคิดถึงวันที่เขาบอกลา และขอให้หล่อนพบเจอคนที่ดีกว่า ทว่าไร้คำอธิบายใดๆ จากปากของเขา วันนั้นจนถึงวันนี้ หล่อนก็ยังไม่อาจล่วงรู้ว่าเหตุใดเขาจึงทิ้งหล่อนไปหาคนอื่น...
แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรหล่อนไม่อยากรับรู้อีก มันจบลงแล้ว เพราะเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีเขาหล่อนก็อยู่ได้ และอยู่ดีมีสุขมาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานั่นแหละ...
หญิงสาวบอกตนเองเช่นนั้น ก่อนจะสูดลมหายใจเต็มปอด แล้วลุกขึ้นยืน ปัดภาพใบหน้าของผู้ชายที่ทรยศความรัก ตรงไปยังคอกหมูเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเหมือนทุกๆ วัน
"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลงไปหาอะไรกินข้างล่างนะ” เสียงทุ้มบอกชิดแผ่นหลังเนียนของหญิงสาว ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาหายใจได้เป็นปกติยิ้มจาง “พรุ่งนี้เราไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ” คนตัวโตเปลือยเปล่าตอบกลับพลางเลื่อนกายลงจากร่างนุ่มของภรรยาพร้อมกับรั้งเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน “ก็ไว้ไปกินที่โน่นไง” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะทั้งคู่มีแพลนท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันหลายแห่ง ที่มีทั้งในเขตเมืองและชนบท จึงต้องจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าหลายที่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการเดินทางท่องเที่ยว “เรามีลูกเพิ่มอีกสักคนดีไหมหมอก” ดลภาคย์ในวัยที่ขึ้นต้นด้วยเลขสี่ยังคงหนุ่มแน่นทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกว่าเป็นวัยที่กำลังน่ากิน รูปร่างของเขาดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำไป ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานหนัก แต่ก็ออกกำลังกายไม่ได้ขาด หล่อนเองก็พลอยออกกำลังกายตามเขาไปด้วย เภตราในวัยสามสิบสี่ย่างสามสิบห้า จึงทั้งสาวและสวยและดูเด็กกว่าอายุมาก จึงไม่มีปัญหาหากต้องการตั้งท้องลูกคนที่สาม “ช่วยหมอกเลี้ยงหรือเปล่าล่ะ นี่ยังปวดหัวกับสามแสบที่บ้านอยู่เลย” หญิงสาวเอ่ยถาม พลางไล้ปลายน
หลังจากทุ่มเทกับบริษัทนำเข้าและส่งออกจนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ดลภาคย์ตัดสินใจชวนภรรยาสุดที่รักเดินทางไปฮันนีมูนหวานยังประเทศญี่ปุ่น โดยฝากลูกๆ เอาไว้กับปู่และยายให้ช่วยดูแล เมื่อเก็บของเข้าที่พัก ชายหนุ่มก็พาภรรยาออกไปเปิดหูเปิดตาทันที ระหว่างที่กำลังถ่ายภาพให้ภรรยาอยู่นั้น ก็มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักจากด้านหลัง “ดล” คนถูกเรียกหันไปตามเสียง เช่นเดียวกับคนที่กำลังยืนโพสท่าถ่ายรูปก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกันที่ได้พบคนรู้จักโดยบังเอิญ “รัต ไม่ได้เจอกันนานเลย มาเที่ยวเหรอ” ดลภาคย์ทักทายเพื่อนเก่า พร้อมกับหันไปพยักหน้าเรียกภรรยาที่กำลังเดินตรงมาหา มือใหญ่ที่สวมกอดภรรยาทันทีที่หญิงสาวมาหยุดอยู่ข้างกาย ทำให้รัตติกาลผ่อนลมหายใจยาว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ดลภาคย์ก็ยังคงรักมั่นอยู่แต่กับเภตราไม่เสื่อมคลาย ขณะเดียวกันหล่อนเองก็ไม่เคยลืมความรู้สึกที่เคยมีต่อเขา แม้ทุกวันนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวญี่ปุ่นก็ตามที “ไม่ได้มาเที่ยว แต่รัตมาอยู่กับสามีที่นี่ได้สักสองปีแล้ว” “นั่นสินะ เราได้ข่าวว่ารัตไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว ที่แท้มาอยู่กับสา
บทพิเศษ ๒อนุกุลพาลูกและภรรยาแวะมาเยี่ยมเยียนเภตราและครอบครัวหลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ชายหนุ่มมีร่างกายอ้วนท้วนกว่าแต่ก่อนพอควร และดูมีความสุขมากเช่นกัน “หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะพี่แอ๊ด” หญิงสาวต้อนรับชายหนุ่มกับเพื่อนรัก ที่แต่งงานกันหลังจากหล่อนแต่งงานกับดลภาคย์เพียงหนึ่งปีเท่านั้นด้วยความดีใจ “พี่ไปทำฟาร์มที่ต่างจังหวัดน่ะ ก็เลยต้องทุ่มเทให้กับฟาร์มใหม่ หมอกกับพี่ดลดูสบายดีนะ เด็กๆ โตเร็วมาก” เขามองลูกๆ ของหญิงสาวกับหนุ่มรุ่นพี่ด้วยสายตาเอ็นดู เขาเองก็กำลังมีลูกคนที่สองกับภรรยาเช่นกัน “สบายดีค่ะ พี่แอ๊ดเองก็กำลังมีคนที่สองใช่ไหม ว่าแต่กี่เดือนแล้วเนย” หันไปถามเพื่อนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ “สี่เดือนแล้วจ้ะ” ตอบพลางลูบท้องตนเองเบาๆ “ดีใจด้วยนะ ของเราก็กำลังซนเลย โชคดีที่พี่เดียวเริ่มดูแลน้องได้แล้ว เลยเบาแรงเราได้มาก” หญิงสาวเอ่ยถึงลูกเลี้ยงที่ตนรักเหมือนลูกแท้ๆ ด้วยแววตารักใคร่ “หมอกโชคดีรู้ไหม มีลูกโตทันใช้ น้องเดียวเองก็โคตรน่ารัก เหมือนกับว่าตั้งใจมาเกิดเป็นลูกเธอ แค่อาศัยท้องคนอื่นเท่านั้น ดูสิ ยิ่งโตยิ่งหน้าตาคล้ายกันอย่างน่าอ
“คุณดลโชคดีนะคะ ที่มีภรรยาทั้งสวยและเก่ง ลูกๆ ก็น่ารักทุกคน” ดลภาคย์สบนัยน์ตาคู่งามพร้อมกับยิ้มตอบ รับรู้ว่าหญิงสาวคิดเช่นไรกับตนเองมาโดยตลอด ทว่าเขาไม่มีตาจะแลใครที่ไหนอีก นอกเสียจากภรรยาคนงามของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงหล่อนจะเผลอคิดเกินเลยกับเขาไปบ้าง แต่ชายหนุ่มนับถือหล่อนอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ การไม่คิดล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวและรู้ว่าควรปฏิบัติตนเช่นไรกับคนที่แอบมีใจให้ ไม่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องร้าวฉานเหมือนกับผู้หญิงอื่นที่เขาเคยเจอ จึงเลือกมองข้ามความรู้สึกที่หญิงสาวมีต่อเขา ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจร่วมงานกับหล่อนมาจนถึงวันนี้ “ต้องขอบคุณภรรยาของผม เพราะมีเธอเคียงข้างและเป็นกำลังใจ ผมจึงมาถึงจุดนี้ได้” ทั้งสีหน้าและแววตายามเขาเอ่ยถึงเภตรา วาสินีสัมผัสได้ถึงความรักและการยกย่องจากดลภาคย์ หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างยอมรับว่าไม่มีช่องว่างใดให้หล่อนหรือใครคั่นกลาง เขาเป็นผู้ชายหนึ่งในล้านที่มีความจงรักภักดีต่อคู่ชีวิตอย่างที่สุด และวันนี้หล่อนคงต้องยอมตัดใจจากเขาเสียที “วาดีใจที่คราวนี้จะมีคุณหมอกไปกับเราด้วยนะคะ วาจะจัดการเรื่องการเดินทางของคุณหมอกให้เร
บทพิเศษ ๑ชีวิตคู่ของดลภาคย์กับเภตราผ่านมาแล้วห้าปี แต่ทั้งสองแทบไม่เคยทะเลาะกัน ดลภาคย์แม้อายุมากขึ้นทว่ากลับยิ่งมีเสน่ห์ ทำให้มีผู้หญิงหลายคนสนใจอยากเป็นคนข้างกายหนุ่มหล่อและภูมิฐานที่มีฐานะมั่นคง บางคนรู้ว่าเขามีภรรยาแล้วยังมองข้ามความจริง ส่วนคนที่ไม่รู้ก็พยายามหาทางเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันเภตราก็ไม่น้อยหน้า หญิงสาวไม่เคยปล่อยให้ตนเองทรุดโทรมตามกาลเวลา แม้จะผ่านการตั้งท้องและคลอดลูกมาแล้วถึงสองครั้งแต่นับวันหญิงสาวยิ่งงดงามราวกับดอกไม้ที่แย้มบานเต็มที่ ส่งกลิ่นยั่วยวนหมู่ภมรให้หมายดอมดม ร่างงดงามที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วชมพูเข้ม สอดชายเสื้อภายใต้กางเกงสแล็กสีดำ เน้นให้เห็นสัดส่วนงดงาม ดวงหน้าหวานแต่งแต้มเพียงบางเบา อวดความเนียนใสไร้จุดด่างดำเดินผ่านประตูสำนักงานเข้าไปภายใน ดวงตาคู่งามมีรอยยิ้มหยอกเย้าเมื่อหันไปเห็นเตโชนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของน้องสาว ทั้งคู่ตัดสินใจคบหากันเมื่อสองปีก่อน ปลัดหนุ่มใหญ่จึงกลายมาเป็นแขกประจำของดวงใจไปโดยปริยาย อีกไม่นานคงมีข่าวดีให้ได้แช่มชื่น เพราะปลัดหนุ่มได้เกริ่นเรื่องการสู่ขอกับมารดาของหล่อนเป็นที่เรียบร้อย ร่างร
“น้องเดียวหิวไหมคะ แม่หมอกทำสาคูเผือกเอาไว้ให้ด้วยนะ” ของชอบของแม่หนูเขาละ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดุษิตาก็ยกมือขึ้นทันที “กินค่า น้องเดียวกิน” เภตรายิ้มหวานให้ลูกสาว ดวงใจจึงอาสาลุกไปตักให้ ไม่นานนักแม่หนูก็ตักสาคูเผือกกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเภตราคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ดลภาคย์มองภาพนั้นด้วยความสุขใจ เขาสบตาบิดาแล้วยิ้มให้ท่าน นายสนเองก็ดีใจที่ลูกชายเลือกรักคนไม่ผิด เภตราไม่ได้รักเพียงลูกชายของเขา แต่ยังเผื่อแผ่ความรัก ความเมตตามาให้หลานสาวของท่านด้วย จะมีความสุขใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขที่ได้เห็นภรรยาใหม่ของบุตรชายมีความรักความปรานีให้กับลูกติดอย่างจริงใจเช่นหญิงสาวตรงหน้า ท่านคงตายตาหลับแล้วคราวนี้...สภาพอากาศวันนี้สดใส ไม่ต่างกับกิจการของดลภาคย์ บริษัทนำเข้าส่งออกของเขาขยายใหญ่ขึ้น เรียกว่าความสำเร็จเติบโตเป็นเงาตามตัว เช่นเดียวกับลูกชายตัวน้อยที่อายุครบหนึ่งขวบเต็มวันนี้พอดี พ่อแม่ลูกทั้งสี่คนจึงตื่นแต่เช้าเพื่อทำบุญตักบาตรโดยเฉพาะพี่เดียวที่เตรียมชุดสุดหล่อเอาไว้ให้น้องชายตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ซ้ำยังแคะกระปุกหมูซื้อของขวัญให้น้องชายแสนรักอี