LOGIN“มะลิเดี๋ยว! หยุดก่อน มะลิ!” เลโอนาดท์ตะโกนบอกคนที่วิ่งหน้าตั้งให้หยุด
“กรี๊ดดด อย่าตามนะไอ้โรคจิต”
เมดสาววิ่งเร็วขึ้นทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวิ่งตาม อารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ มันดูคล้ายกับเหยื่อสาวบริสุทธิ์ที่กำลังวิ่งหนีฆาตกรโรคจิตอย่างไรอย่างนั้น
“ให้ตายเถอะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สิงโตหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“ฉะ... ฉันลาออก! ฉะ... ฉันจะไม่ทำงานที่นี่อีกแล้ว” สาวเจ้าวิ่งไปตะโกนไปอย่างเริ่มจะสับสนว่าประตูทางออกอยู่ตรงไหน เพราะเธอวิ่งวนกลับมาที่หน้าห้องของอีกฝ่ายเป็นรอบที่สองแล้ว
“ใจเย็นๆ สิ ฉันก็แค่ปลดปล่อยความต้องการที่อัดอั้นและค้างคามาจากเธอ ก็แค่นั้น!” ลีโอนาดท์บอกหลังจากที่คว้าร่างบางเข้ากอดไว้ได้
“อ๊ะ ปล่อยฉันนะ!” สาวเจ้าร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับได้
“เราต้องคุยกัน” เขาบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับหมุนร่างบางให้ หันมาเผชิญหน้า
“กะ... ก็เรื่องของคุณสิ! แต่ฉันกลัว ฉันรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้คะ... คุณทำให้ฉันสติแตก”
“เธอก็ทำฉันสติแตกเหมือนกัน! หุ่นเธอ น้ำเสียงเธอ ริมฝีปากเธอ หน้าอกเธอ แล้วก็ตรงนั้นของเธอ ทำให้ฉันคลั่งจนแทบบ้า เธอนอนเปลือยเปล่าครวญครางอยู่บนเตียง ใต้ร่างของฉัน! แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ทั้งๆ ที่อยากจะกลืนกินจนแทบคลั่ง! แต่สุดท้ายก็ต้องไปช่วยตัวเอง ในห้องน้ำ และเธอก็ดันเปิดประตูเข้ามาเห็นเข้า โอ้พระเจ้า! ฉันสิ! ฉันคือคนที่กำลังสติแตกอยู่ตอนนี้ต่างหาก มะลิ!” สิงโตหื่นระบายอารมณ์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหผู้หญิงตรงหน้า ทั้งอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“...” มะลิฉัตรค้างนิ่ง เบลอๆ งงๆ กับประโยคที่ยาวเหยียดของ อีกฝ่าย ไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าใจไปทางไหนดี
“เธอทำอาหารเสร็จหรือยัง ฉันหิว!” เขาเอ่ยถามหลังจากที่สาวเจ้านิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“สะ... เสร็จแล้วค่ะ” มะลิฉัตรตอบอย่างมึนๆ
“งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดะ... เดี๋ยว มะ... เมื่อกี้ฉันบอกว่าลาออกนะ” เธอรีบทวนความจำให้อีกฝ่าย
“ไม่เห็นได้ยินเลย เราไปกินกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มตีมึนต่อราวกับว่าหลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนั้นไปจนหมดสิ้น
“นะ... นี่คุณโดนผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
“ผีบ้าอะไรล่ะ! ไปเร็ว!” เลโอนาดท์บีบจมูกที่โด่ง นั้นอย่างมันเขี้ยว
‘ไอ้บ้านี่เต็มหรือเปล่านะ?’ มะลิฉัตรมองคนที่จูงมือเดินไป อย่างงงๆ ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะทานอาหาร ที่มีฝาชีใหญ่ครอบอยู่
“เธอทำอะไรให้ฉันทานเหรอ?” เขาหันมาถามยิ้มๆ
“ปะ... เปิดดูเองเถอะค่ะท่าน” มะลิฉัตรเริ่มใจสั่นขึ้นมานิดๆ
“ว้าว! มื้อแรกของเราจะเป็นอะไรนะ?” เลโอนาดท์ทำท่าตื่นเต้น ก่อนจะดึงฝาชีที่ครอบออก มะลิฉัตรรีบหลับตาลงอย่างรู้ชะตากรรมว่า อีกฝ่ายจะต้อง...
“พระเจ้า! นี่เธอกะจะให้ฉันตายเลยหรือไง มะลิ!” เขาหันไปถามสาวเจ้าที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าขุ่นเคือง หลังจากที่เห็นพริกกับเส้นมาม่าพันกันไปมาอยู่ในชามใบใหญ่ ‘พริกนี่น่าจะสักครึ่งโลได้’
“เอ่อ... ก็ท่านบอกว่าทานได้ทุกอย่างนี่คะ” คนมีความผิดเอ่ยเสียงเบา เตรียมท่าจะวิ่งหนีอีกครั้ง
“ใช่! แต่ต้องเป็นอาหารที่เธอทานได้ด้วย” เลโอนาดท์กลอกตาอย่างเซ็งๆ
“กะ... ก็ทานได้สิคะ แบบนี้มะลิทานเป็นประจำเลยค่ะ” เธอเอ่ยเสียงใสกลบเกลื่อนอาการสั่นกลัวในใจ
“จริงเหรอ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ
“จะ... จริงค่ะ ไม่เชื่อมะลิทานให้ดูก็ได้” สาวเจ้าหยิบส้อมขึ้นมาทำท่าจะทานให้ดู แต่กลับถูกมือหนายกจานขึ้นซะก่อน
“อย่า! ฉันไม่อยากหามเธอส่งโรงพยาบาลเพราะอาหารนี่”เขาบอกพร้อมกับรีบเทผัดมาม่าลงในถังขยะ
“งั้นท่านจะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวมะลิจะทำให้ใหม่ค่ะ” เธอบอกอย่างรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ
“เธอนั่งรอก็พอ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันจะทำเอง” เขาหันมาบอกก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วหยิบของออกมาวาง
“ค่ะ” เธอตอบรับ พร้อมกับจ้องมองร่างสูงที่เริ่มลงมือทำอาหารด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับเชฟมืออาชีพอย่างแปลกใจ
สามสิบนาทีต่อมา...
เลโอนาดท์วางสเต๊กฟิเลมิยองลงในจาน ที่มีผักร็อกเกตกับมะเขือเทศเชอร์รี่ที่ราดซอสบัลซามิกเอาไว้ แล้วส่งจานไปให้กับหญิงสาวที่นั่งจ้องหน้าตนนิ่งมาเกือบห้านาที
“นี่ของเธอ” เขาบอกก่อนจะหยิบจานของตัวเองมาวาง พร้อมนั่งลงข้างๆ กับเธอ
“ว้าว! ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรมองสเต๊กจานใหญ่อย่างทึ่งๆ แต่ยังไม่ยอมจับมีดกับส้อม
“หั่นเป็นไหม?” เลโอนาดท์เลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“เอ่อ...” มะลิฉัตรส่ายหน้าเบาๆ
“มา! ฉันหั่นให้ดีกว่า จะได้ทานง่ายขึ้น” เขาเลื่อนจานของตัวเองออก แล้วยกจานของเธอมาวางแทนที่ จากนั้นก็ลงมือหั่นสเต๊กให้อย่างอารมณ์ดี
มะลิฉัตรแทบทำตัวไม่ถูก กับการกระทำที่ดูใส่ใจราวกับสุภาพบุรุษในเทพนิยาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าออกจะหื่นจนเธอเกือบไม่รอดมาหลายครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว!” เขาเลื่อนจานส่งคืนให้เธอหลังจากที่หั่นเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว
“นี่! ตรงนี้... สำหรับคำว่าขอบคุณของเธอ” เลโอนาดท์บอกพร้อมกับชี้นิ้วลงที่แก้มของตัวเอง
“ฮะ...” มะลิฉัตรถึงกับอึ้งไปสามวินาที
“ฮะอะไรล่ะ เร็วสิ!” เลโอนาดท์หันมาทำหน้าดุ
“แต่ว่าฉัน...”
“เธอจะเป็นคนหอมฉัน! หรือว่าจะให้ฉันจูบเธอ เลือกมา!”
“เอ่อ... งั้นขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหมคะ ที่บอกว่าขอบคุณ” คนที่ถือมีดกับส้อมค้างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ‘อีตาบ้านี่หน้ามึนจริงๆ’
“โอเค! งั้นฉันจูบเลยแล้วกัน” เขาเอ่ยพลางทำท่าจะลุกขึ้น
“อย่านะ!” เธอรีบร้องห้ามแล้วขยับหนี
“ให้เร็วเลย! ฉันหิวแล้ว” เลโอนาดท์เอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง
“เฮ้อ...ค่ะ” เธอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้น
‘นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ไงนะ จุดที่ต้องทำตามที่อีตาบ้านั่นสั่งทุกอย่าง’
“อาหารจะเย็นหมดแล้วนะ!” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเพราะสาวเจ้ายังไม่ยอมเข้ามาหอมแก้มตนสักที
“ค่ะ” มะลิฉัตรขยับเข้าไปใกล้ แล้วกดริมฝีปากบางที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว! แต่แล้วก็ตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายดึงเธอเข้าไปกอด
“จุ๊บ! จุ๊บ!” เลโอนาดท์จดริมฝีปากลงที่แก้มนวลทั้งสองข้างอย่างอดใจไม่ไหว
“นี่คุณ!” มะลิฉัตรจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“มารยาททางสังคมน่ะ หึๆ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะหยิบมีดกับส้อมมาหั่นสเต๊กของตัวเองทานต่ออย่างเนียนๆ
‘สังคมหื่นกามน่ะสิไม่ว่า!’ มะลิฉัตรต่อว่าอีกฝ่ายในใจ
“ทานต่อสิ!”
สาวเจ้าไม่ตอบ แต่จิ้มเนื้อนุ่มขึ้นมาทานต่อด้วยความหิว เพราะตั้งแต่โดนโทร. ตามตัวมาทำงาน เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย!
“อร่อยไหม?”
“ค่ะ” เมดสาวเอ่ยเบาๆ โดยไม่มองหน้าของอีกฝ่าย
“เอาน่า... ก็แค่หอมแก้มเองจะนอยด์อะไรนักหนา เมื่อกี้ฉันทั้งดูด ทั้ง...”
แปดเดือนต่อมา...เลโอนาดท์จ้องมองดูลูกชายตัวน้อย ‘แพททริกสัน’ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างตนกับภรรยา ด้วยความรู้สึกอิจฉา“ขอผมชิมมั่งได้ไหมมะลิ?” เขาเอ่ยขออย่างคนมีมารยาท พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้ภรรยาสาว ที่หุ่นกลับเข้ารูปเข้าร่างเซ็กซี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกขนาดใหญ่“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธ พร้อมกับส่งค้อนให้คนตัวโต ที่ชอบมาออดอ้อนขอกินนมแทบจะทุกครั้งที่เธอให้นมลูก“ได้โปรด...”“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอลีโอ?”“ผมไม่ได้บ้า! แต่ถ้าบ้าแล้วได้กินนมเหมือนแพททริก ผมก็พร้อม!” คนหื่นบอกด้วยสายตาแพรวพราว“บ้า!”“เร็วสิ! เปิดหน้าอกอีกข้างให้ผม” เลโอนาดท์บอกพลางจะเปิดเสื้อของภรรยาขึ้น แต่กลับถูกสาวเจ้าตีมือเข้าให้“ไม่มีทาง!”“คุณลำเอียงนะมะลิ! คุณรักแพททริกมากกว่าสามีของตัวเองใช่ไหม” คนที่อยากลิ้มลองรสชาติใจจะขาดบอกด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ“พระเจ้า! แพททริกคือลูกชายของคุณนะลีโอ” เธอเอ่ยเตือนอย่างเริ่มจะเอือมระอากับท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจของสามี“ใช่! แล้วคุณก็คือภรรยาของผม” เขาบอกพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ทางหางตา
“แต่ตอนที่แม่ท้องลูก! แม่แพ้ท้องตั้งสามเดือนแน่ะซาเก้” ไอรดา บอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้บุตรชายฟัง“โอ้พระเจ้า! ทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผมแบบนี้” คนที่ดีใจจะได้เป็นพ่อคน แต่กลับต้องมาสวมหน้ากากบดบังใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ เพราะภรรยาดันเห็นแล้วรู้สึกอยากจะอ้วกถึงกับคร่ำครวญออกมา“ฉะ... ฉันขอโทษ” พราวดาราน้ำตาคลออย่างรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย“ไม่ใช่ความผิดคุณพราว” โดมินิกดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบอย่างรู้สึกสงสาร พร้อมกับด่าตัวเองในใจ ที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอแสร้งทำทุกอย่างขึ้น เพราะอยากแก้แค้นตนคืนเรื่องนางแบบดังครั้งก่อน“แบบนี้มันดีกว่าที่หนูพราวต้องอ้วกนะว่าไหม?” ไอรดาบอกพลางจ้องมองใบหน้าของบุตรชายหน้ากาก ทอม ครูซ อย่างขำๆ“ครับ” โดมินิกยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะเสียเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องภรรยาตามที่หมอบอก“พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อน” นายแพทย์ใหญ่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง“ขอบคุณมากๆ ครับอาหมอ” โดมินิกหันไปบอก“ขอบคุณค่ะ” พราวดารายกมือไหว้อีกฝ่ายทันใด“ย
สิบนาทีต่อมา...“พราว! เป็นไงบ้างลูก” ไอรดาถามลูกสะใภ้ที่หน้าซีดอย่างเป็นห่วง“หนูเวียนหัวค่ะ” พราวดาราบอก“ซาเก้บอกว่าหนูอาเจียนด้วยใช่ไหม”“ใช่ค่ะ! พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของเขา หนูก็รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาทันทีทันใด” พราวดาราบอกเสียงอ่อนอย่างคนที่หมดแรง“พระเจ้า!” คนที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย“ซาเก้!” ไอรดากลอกตากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะหันไปถามสาวเจ้าต่อ “แล้วถ้าไม่เห็นหรือไม่มองหน้าของพี่เขา หนูก็ไม่...”“หนูก็โอเคนะคะ แต่พอเห็นแล้วทุกอย่างในท้องมันก็ตีขึ้นมาที่ต้นคอทันทีเลยค่ะ” พราวดารากระซิบบอกเสียงเบา“คิกๆๆๆ” ไอรดาหัวเราะขึ้นอย่างชอบอกชอบใจ“นะ... หนูเป็นอะไรเหรอคะคุณแม่” พราวดาราถามอย่างรู้สึกงงงวยในท่าทีของแม่สามี“อีกเดี๋ยวเราจะได้รู้พร้อมๆ กันจ้ะ เพราะหมอกำลังเดินทางมา” ไอรดายิ้มให้หญิงสาวอย่างเอ็นดูคนที่รออยู่ด้านนอก เห็นสาวใช้ยกถาดน้ำส้มเดินมา จึงตรงเข้าไปแย่งแก้วน้ำส้ม จากนั้นก็ตีเนียนถือเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับเอ่ยถามคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ “ดีขึ้นหรือยัง”พราว
“ผมทรมานนะที่ได้แต่มองคุณ แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาบอก พร้อมกับช้อนอุ้มภรรยาสาวเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ ด้วยสายตาสื่อความหมายพราวดาราใบหน้าร้อนผ่าว รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า“คืนนี้ผมจะรักคุณให้ถึงเช้าเลยคอยดู” โดมินิกบอกก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นอย่างโหยหาและเร่าร้อนหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช้าวันต่อมา...อ๊อก! อ๊อก! เสียงอาเจียนในห้องน้ำปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นทันใด“ลีโอ!”“ผมโอเค!”“คุณเป็นอะไร?” มะลิฉัตรถามอย่างเป็นห่วง“ผมเวียนหัว คุณช่วยโทร. ไปบอกแม่ครัวให้หาอะไรเปรี้ยวๆ ขึ้นมาให้ผมทานหน่อย ได้โปรด...”“ดะ... ได้ค่ะ” มะลิฉัตรตอบรับก่อนจะเดินแกมวิ่งไปยังโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านนอก แล้วโทร. บอกแม่บ้านด้วยน้ำเสียงตื่นๆ จากนั้นก็กลับเข้าไปหาสามีที่ยังคงอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ“คุณไหวไหม!”“ไหว!” เลโอนาดท์บอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย มะลิฉัตรรีบเข้าไปประคองสามีเดินไปยังเตียงนอน“ขึ้นมานอนข้างๆ ผมสิ” เข
“ผมว่าแด๊ดกับมัมต้องอยู่นานกว่านั้นแน่ๆ เพราะผมกะจะมีลูก สักสามคนครับ” เลโอนาดท์บอกยิ้มๆ“ฮ่าๆๆ จัดไปไอ้เสือ” เอเดนหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจกับสีหน้ามุ่งมั่นของว่าที่คุณพ่อมือใหม่‘บ้า! ตั้งสามคนแน่ะ ใครจะขยันเกิดได้ขนาดนั้นกัน’ มะลิฉัตรกลอกตามองบนอย่างเพลียๆ กับจำนวนลูกๆ ที่สามีตั้งใจจะมีให้ได้หลังจากที่วางสายวิดีโอคอลเสร็จ เอเดนกับเมลิซ่าก็ออกไปนั่งจิบไวน์เบาๆ ที่ระเบียงริมสระว่ายน้ำ พูดคุยกันต่อเรื่องของขวัญที่จะเตรียมเอาไว้รับขวัญหลานคนแรกกันอย่างตื่นเต้นเลโอนาดท์รีบพาภรรยากลับขึ้นห้อง เพราะต้องการกระชับความสัมพันธ์ หลังจากที่เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี“คืนนี้ผมจะได้นอนกอดคุณใช่ไหม?” เลโอนาดท์กระซิบถาม“จริงๆ เราแยกกันนอนมันสบายดีนะคะ” มะลิฉัตรบอกยิ้มๆ“โธ่! อย่าแกล้งผมสิ ผมนอนมองคุณมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วนะ” เลโอนาดท์โอดครวญ“หลบไปค่ะ! ฉันจะไปอาบน้ำ” มะลิฉัตรรีบผลักร่างหนาออกให้ห่างตัว“เดี๋ยวผมถูหลังให้” เขาบอกพร้อมกับช้อนอุ้มเธอทันใด“อ๊ะ!” มะลิฉัตรตกใจ อายหน้าแดงก่
“น่าจะเป็นเพราะยาที่ไอวี่ใส่ในเหล้าที่นายดื่มไปก่อนหน้า ฉันเข้าไปก็เห็นนายนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ตอนนั้นไอวี่คงจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์นายตามที่เห็นในข่าว” ลูเซียสเล่าต่อ“ลู! นายทำอะไรไอวี่” โดมินิกถามเข้าเรื่อง“ฉันลากเธอไปอีกห้องที่อยู่ถัดไป แล้วก็จัดการปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในตัว” ลูเซียสยอมรับตามตรง“แต่ฉันก็ยังมองไม่เห็นเหตุผลที่นายจะต้องแต่งงานกับไอวี่อยู่ดี” โดมินิกถามอย่างไม่เข้าใจ“นายหลงรักไอวี่ใช่ไหม!” เลโอนาดท์ถามเรื่องที่แอบสงสัยมานาน“ไม่มีทาง!” ลูเซียสปฏิเสธเสียงแข็ง“แล้วทำไมนายถึงจะ...”“ก็เพราะฉันคือผู้ชายคนแรกของเธอน่ะสิ” ลูเซียสบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด“พระเจ้า!” เลโอนาดท์อุทานตาโต ‘เกือบซวยแล้วไหมเรา!’“ลีโอไม่ได้มีอะไรกับไอวี่ คุณสบายใจได้ครับมะลิ” ลูเซียสหันไปบอกภรรยาของเพื่อนรักให้คลายกังวล“เห็นไหม ผมบอกคุณแล้วก็ไม่เชื่อ” เลโอนาดท์รีบตัดพ้อภรรยาทันใด มะลิฉัตรอายหน้าแดงขึ้นมานิดๆ หลังจากได้ยินการเล่าแบบเปิดอกของลูเซียส“ไอวี่ออกจากห้องไปตอนเช้า พร้อมกับมือถือที่ถ่ายรูป จา







