“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน
“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”
สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน
“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!” พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล
“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน
“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
มะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่นแถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”
“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”
“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”
“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก่อนจะวางนิ้วลงที่แป้นสแกน จากนั้นก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์
“พักเบรกวันนี้เราไปกินส้มตำที่ร้านข้างตึกกันนะ” มะลิฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่หายหน้าบูดบึ้ง
“อืม! ว่าแต่วันนี้ผู้กำกับฯ จะมาไหมนะ?”
“เฮ้อ...” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุทำให้เธอเกือบโดนตบเมื่อครู่ ‘ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อยู่ยาก’
“เธอไม่ชอบคุณคเชนทร์เหรอมะลิ ฉันว่าเขาหล่อบาดใจออก” พิมาลาถามต่ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว
“ไม่อะ! ตอนนี้ฉันสนใจงานกับเงินเดือนที่จะต้องเก็บมากกว่า”
“อ๊ะ! แต่คุณคเชนทร์ฐานะร่ำรวยนะ เป็นฉันจะรีบคว้าเอาไว้เลย” พิมาลาที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเอ่ยแซว
“ได้โปรด... เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้ไหมคะคุณพิ” มะลิฉัตรบอกด้วย สีหน้าเพลียๆ
“คิกๆๆ อายเหรอ” พิมาลายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนหน้าแดง
“อายบ้าอะไรล่ะ!”
มะลิฉัตรบอกก่อนจะรีบคว้าแก้วกาแฟเดินออกไปวางที่ใต้เคาน์เตอร์ด้านหน้า พิมาลายิ้มก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสาวออกไปอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
เช้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel
มะลิฉัตรกับพิมาลาแวะซื้อกาแฟที่ร้านประจำก่อนจะเดินตรงไปยังทางเข้าด้านหลังสำหรับพนักงาน เพื่อเข้าทำงานเหมือนปกติ
“มะลิไปก่อนนะ เราขอแวะรดน้ำดอกไม้แป๊บ” พิมาลาสะกิดบอกเมื่อเดินผ่านห้องน้ำ
“อืม! รีบๆ มานะเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว” มะลิฉัตรบอกอย่างขำๆ กับคารมคมคายของเพื่อน
“จะทำสถิติเลยจ้า” พิมาลาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นๆ มะลิฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงาน
ร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ ที่เน้นสัดส่วน ทำให้ใครหลายๆ คน หันมามองตามกันเป็นตาเดียว มะลิฉัตรเดินเร็วๆ ตรงไปห้องสแกนนิ้วที่เห็นสายไหมเปิดประตูชะโงกหน้าออกมา จากนั้นก็ดึงประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม
‘มาแล้วๆ’
เสียงแว่วๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้มะลิฉัตรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ซ่า...
“อะ... อะไรกันเนี่ย?”
มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง เมื่อถูกกุ๊กไก่สาดน้ำแดงใส่ จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ” กุ๊กไก่ยิ้มก่อนจะทำท่าเสียใจ
“เป็นไรมากไหมจ๊ะมะลิคนสวย คิกๆๆ” สายไหมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อก!
“นี่มันเกินไปแล้วนะ” มะลิฉัตรเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันก็ขอโทษแล้วไงมะลิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจ้ะ คิกๆๆ” กุ๊กไก่บอกพลางหัวเราะคิกคัก
“เธอตั้งใจสาดใส่ฉัน!” มะลิฉัตรว่าก่อนจะวางกระเป๋าที่เปียกน้ำแดงลงใกล้ๆ กับโต๊ะติดผนัง
“อ้าวพูดแบบนี้! จะหาเรื่องฉันเหรอ?” กุ๊กไก่ถามกลับเสียงดัง
“ฮะ! ใครกันแน่ที่หาเรื่อง” คนที่ทำใจเย็นมาตลอด ตอกกลับอย่างไม่ยอม
“ทำไม? แกจะทำอะไรฉันเหรอนังมะลิ” กุ๊กไก่ท้าอย่างถือดี เพราะป้าของเธอนั้นอยู่มานานจนผู้จัดการยังต้องเกรงใจ ต่อให้เธอจะทำอะไรมะลิฉัตร เธอก็ไม่มีทางเดือดร้อน
“ก็ทำแบบนี้ไง” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะสาดกาแฟใส่อีกฝ่ายคืน
ซ่า!
“กรี๊ดดดดด” กุ๊กไก่กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว
“กุ๊ก!” สายไหมช็อกไปชั่วขณะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ
“อุ๊ย! ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่อีกฝ่ายบอกเธอเมื่อก่อนหน้า
“จับมัน! ฉันจะสั่งสอนอีเด็กกำพร้าให้รู้ว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” กุ๊กไก่บอกพลางปัดน้ำสีน้ำตาลอ่อนที่เกาะตามเนื้อตัวออก
“ดะ...” ได้เลย สายไหมยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกกระชากออกอย่างแรง
พลั่ก!
“มึงจะสั่งสอนใครเหรออีกุ๊ก!” พิมาลาถามด้วยสีหน้าตึงๆ พร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรเรียกคนที่เพิ่งมาถึงอย่างตกใจ
“ทำไมเปียกแบบนี้!” พิมาลาหันมามองเพื่อน ขณะที่อารมณ์เดือดพล่านพุ่งขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว หลังจากได้ยินคำพูดก่อนหน้าของกุ๊กไก่ ที่บอกว่าจะตบสั่งสอนอีเด็กกำพร้าเข้าเต็มๆ สองหู
“กุ๊กสาดน้ำแดงใส่เรา เราเลยสาดกาแฟกลับน่ะ” มะลิฉัตรบอก
“อ้าว! แบบนี้ก็สวยสิ” พิมาลามองหน้าสองสาวกลับอย่างไม่ยอม ‘ตายเป็นตาย! วันนี้จะขอตบอีลูกมีพ่อมีแม่ดูสักครั้งเถอะ!’
“กูสวยอยู่แล้ว!” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ
“นี่มึงรวบรวมความกล้านานไหม ที่จะบอกว่าตัวเองสวยด้วยท่าทางมั่นใจแบบนี้น่ะ” พิมาลาถามกลับพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า
“เดี๋ยวฉันตบอีพิให้ เธอจัดการอีมะลิได้เลย”
สายไหมกระซิบบอกเพื่อนพร้อมกับตั้งท่าจะเปิดศึกกับสองสาว
“ได้!” กุ๊กไก่พยักหน้ารับ เตรียมจะตรงเข้าไปกระชากแขนของ อีกฝ่ายมาตบ แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พลั่ก!
“นี่-มัน-เกิด-อะ-ไร-ขึ้น!” สิรันถามพลางกวาดตามองสี่สาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา กับสภาพพื้นห้องที่เปียกไปด้วยกาแฟและน้ำแดง
“เอ่อ... ก็มะลิน่ะสิคะหัวหน้า! อยู่ๆ ก็เอากาแฟสาดใส่กุ๊กไก่ค่ะ” สายไหมรีบรายงาน
“พวกเธอทุกคน! ตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้!” สิรันบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทำเอาสี่สาวรีบเก็บของใส่ล็อกเกอร์แล้วตามหัวหน้าแผนกไปติดๆ
แผนกต้อนรับ...
“เอาละมีใครจะเป็นคนเล่าก่อน” สิรันถามขึ้นเมื่อสี่สาวเข้ามานั่งกันจนครบ
“หนูค่ะ” กุ๊กไก่รีบยกมือขึ้น
“เชิญ” สิรันบอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างสำรวจ
“กุ๊กกับไหมกำลังจะเดินออกจากห้องสแกนนิ้ว มันเป็นจังหวะเดียวกับที่มะลิเดินเข้ามา แล้วชนกับแก้วน้ำแดงที่หนูถือเข้า เลยทำให้เปียกอย่างที่เห็น หนูพยายามขอโทษ และบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่มะลิก็ไม่ฟัง เขาคิดว่าหนูตั้งใจทำ เลยเอากาแฟสาดใส่หนูค่ะ” กุ๊กไก่เล่าทั้งน้ำตานองหน้า ผิดไปจากท่าทีก่อนหน้าลิบลับ
“โห... จบการแสดงมาเปล่าเนี่ยแม่คุณ” พิมาลาถึงกับอึ้งในความสามารถของอีกฝ่าย ที่เรียกน้ำตาได้ทันทีทันใดอย่างไม่น่าเชื่อ
“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามคนที่ขัดจังหวะ
“ขอโทษค่ะหัวหน้า” พิมาลายกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนกทันใด
“เล่าต่อ” สิรันหันไปพยักหน้าให้ดาราเจ้าบทบาทพูดต่อ
“เอ่อ... พอพิมาลาเข้ามาเห็นว่ามะลิเปียกเท่านั้นค่ะ ก็คิดว่าถูกหนูกับสายไหมแกล้ง ฮึก! ถะ... ถ้าเมื่อกี้หัวหน้าเข้ามาไม่ทันหนูกับเพื่อนอาจจะโดนสองคนนี่ทำร้ายร่างกายแล้วค่ะ ฮึก...”
“มะลิ! ถึงตาเธอเล่าแล้ว” สิรันส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งเงียบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“ค่ะหัวหน้า! ก่อนที่หนูจะเข้าไปในห้องสแกนนิ้ว หนูได้ยินเสียงของสายไหมพูดว่า มาแล้วๆ และทันทีที่หนูเปิดประตูเข้าไป กุ๊กไก่ก็สาดน้ำแดงใส่หน้าหนู แล้วบอกว่า อุ๊ยตาย! โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นกุ๊กไก่กับสายไหมก็หัวเราะใส่หนูค่ะ”
“เธอเลยสาดกาแฟใส่กุ๊กไก่คืน” สิรันถามแทรกขึ้นทันใด
“ค่ะ! หนูทำแบบเดียวกับที่เขาทำกับหนูทุกอย่าง ทั้งบอกว่าไม่ได้ตั้งใจและขอโทษ แต่หนูไม่ได้หัวเราะใส่เขาเท่านั้นค่ะ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“พิมาลา! พอเธอเข้ามาแล้วเธอทำอะไร” สิรันถามต่อ
“หนูไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ห้องสแกนนิ้ว หนูวิ่งเข้าไปแล้วทันได้ยินกุ๊กไก่พูดว่า จับมัน! ฉันจะสั่งสอน อีเด็กกำพร้าให้รู้จักว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” พิมาลาบอกพร้อมกับจ้องหน้าสองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไม่จริง! กุ๊กไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างลืมตัว
“กุ๊กไก่!” สิรันปรามพร้อมกับชี้ให้อีกฝ่ายนั่งลง
“ขอโทษค่ะ แต่กุ๊กไม่ได้พูดจริงๆ นะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกย้ำเพราะกลัวหัวหน้าแผนกจะไม่เชื่อตน
“เล่าต่อ!” สิรันพยักหน้าให้พิมาลา
“หนูก็ถามกุ๊กว่าจะสั่งสอนใครเหรอ แล้วหัวหน้าก็เข้ามาค่ะ”
“หัวหน้าคะ สองคนนี้จะพูดยังไงก็ได้ เพราะในห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้อง หนูยืนยันได้ว่าหนูไม่มีความคิดที่จะกลั่นแกล้งมะลิอย่างเด็ดขาด” กุ๊กไก่รีบออกตัว
“มะลิ! ลีโอ! มาถ่ายรูปกัน” โดมินิกเอ่ยชวนมะลิฉัตรกับเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะรีบเข้าไปร่วมเก็บภาพความทรงจำ ที่มีโดมินิก พราวดารา อริน คเชนทร์ พิมาลา ธีรติ ธาริณี เอเดน เมลิซ่า อังเดร ไอรดา เพียงดาว หม่อมหลวงอภิชาต และจันทร์ฉายกับเด็กๆบ้านเดือนแรมบรรยากาศในงานดำเนินต่อไปท่ามกลางสีหน้ายิ้มแย้มของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขกที่มาร่วมงานต่างสังสรรค์กันต่ออย่างสนุกสนาน จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม ทุกคนก็ออกมาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นรถที่ด้านหน้าของงาน เพื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ใช้เป็นเรือนหอนักข่าวที่ดักรออยู่ด้านหน้า ต่างกระหน่ำกดชัตเตอร์ขณะที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองคู่เข้าไปในรถลีมูซีน“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?” มะลิฉัตรถามเมื่อเข้ามานั่งในรถคันหน้ากับเจ้าบ่าว ขณะที่พราวดารานั่งลีมูซีนคันหลังกับโดมินิก“ยังไม่บอก ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรส์!” เลโอนาดท์ดึงร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก แล้วมอบจูบที่เร่าร้อนให้กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายอย่างไม่รอช้า“อื้อ...” มะลิฉัตรครางท้วงได้เพียงครู่ก็ต้องยอมโอนอ่อนตามเจ้าบ่าวอย่างเลี่ยงไม่ได
“เชิญคุณรินที่โต๊ะดีกว่าครับ”โดมินิกเอ่ยทำลายความเงียบ หลังจากที่มองตามหลังเพื่อนไปด้วยความรู้สึกผิด ที่พูดเล่นออกไป แต่ดันไปสะกิดบางอย่างเข้าอย่างจัง!“ค่ะ” อรินพยักหน้ารับเบาๆ“เธอมากับหนุ่มหล่อคนนั้นได้ยังไง” พราวดารากระซิบแซวเพื่อนสาวยิ้มๆ“เรื่องมันยาว” อรินกระซิบตอบ“ยาวแค่ไหนฉันก็พร้อมรับฟัง” พราวดาราบอกยิ้มๆ“แหม ว่าแต่ตัวเองเถอะ! ไหนบอกว่าจะเข้ามาหาที่โรงแรมแล้วทำไมอยู่ๆ วันนั้นก็หายไปเฉยเลย” อรินเท้าความเรื่องครั้งก่อน“เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังนะ!” คนที่ไม่ยอมเอ่ยชวนเพื่อนคนไหนมาร่วมงานแต่ง บอกด้วยน้ำเสียงตึงนิดๆ เพราะวันนั้นเธอหิ้วเค้กที่ทำเองกับมือไปเซอร์ไพรส์วันเกิดของอรินที่โรงแรมเอื้องลานนา แต่กลับ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น จนสุดท้าย... ต้องมาสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในงานแต่งวันนี้!“ฉันจะรอฟังจ้ะ” อรินยิ้มก่อนจะเข้าไปนั่งที่โต๊ะตามเพื่อนสาวและเจ้าบ่าวของอีกฝ่าย“ขอแชมเปญสามแก้ว!” โดมินิกบอกพนักงาน ก่อนจะหันมาเอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของพราวดารากับอรินต่ออย่างสนอกสนใจ“ซาเก้! พาสาวๆ ไปนั่งที่โต๊ะใหญ
ห้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel (งานแต่ง)เวลา 09:09 น. งานแต่งของเลโอนาดท์กับมะลิฉัตร และโดมินิกกับพราวดาราถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ ท่ามกลางแขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทและเครือญาติ ที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเลโอนาดท์หันไปมองเจ้าสาวของตน ที่สวยราวกับนางในวรรณคดีด้วยสีหน้าชื่นชม ขณะที่แขกต่างเข้าแถวต่อคิวรดน้ำสังข์ โดยที่ธีรติกับพิมาลา คอยช่วยดูแลเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคู่อยู่ใกล้ๆ“คุณสวยมากเลย” เลโอนาดท์กระซิบ“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรหันไปยิ้มบางๆ ให้เจ้าบ่าวอย่างขำๆ เพราะตั้งแต่ที่เข้าพิธี อีกฝ่ายก็หันมาบอกเธอแบบนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว“เดี๋ยวเสร็จพิธีช่วงเช้าแล้ว ผมขอเป็นคนถอดชุดนี้ออกนะ” เลโอนาดท์กระซิบบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ“บ้า!” มะลิฉัตรอายหน้าแดงกับคำพูดหื่นๆ ของเจ้าบ่าวด้านโดมินิกที่นั่งโต๊ะถัดไป ก็เอาแต่หันมองเจ้าสาวของตัวเองบ่อยๆ ราวกับคนไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน จนทำให้แขกในงานถึงกับแอบอมยิ้มตามๆ กัน“หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?” พราวดาราถามขึ้นอย่างอดไม่ได้“ไ
“เรื่องอะไร?” อังเดรหันไปถามอย่างสงสัย ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพี หันมามองชายหนุ่มตามๆ กัน“เรื่องแต่งงานครับ” โดมินิกบอกพร้อมกับหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคู่หมั้นสาวแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมามองคนอื่นๆ‘ไอ้บ้านี่กำลังจะทำอะไรนะ’ พราวดารารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมานิดๆ“มีอะไรหรือเปล่า?” อังเดรถามต่ออย่างสงสัย“กำหนดแต่งงานเดิม มันช้าไปครับ เอ่อ... ผมกลัวว่า...”“นี่คุณจะพูดอะไรซาเก้” เธอเอ่ยตัดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ“พราว! คุณอยากใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานหรืออยากใส่ชุดคนท้องแต่งงาน?” เขายิงคำถามใส่เธอ แต่กลับทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างช็อกไปตามๆ กันพราวดาราหน้าชาวาบทันใด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบิดพลิ้วคำพูด โดยการลากเธอมาตบกลางสี่แยกไฟแดง ด้วยคำว่าชุดคนท้อง!“ละ... แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะซาเก้” หม่อมหลวงอภิชาตเอ่ยทำลายความเงียบ ขณะหัวใจยังสั่นไม่หายกับคำบอกเมื่อครู่“อีกสองอาทิตย์ครับคุณพ่อ” โดมินิกหันไปบอกว่าที่พ่อตายิ้มๆ“เร็วขนาดนี้ เอ่อ... พ่อว่าเราจัดงานไม่ทันแน่ๆ” หม่อมหลวงอภิชาตให้ความเห็น พลางหันไปมองบุตรสาวที่น้ำตาคลอ ป
แปะๆๆๆๆ พนักงานยี่สิบกว่าคนที่ออกมารอต้อนรับปรบมือและส่งเสียงเฮ! ดังไปทั่วอย่างดีใจเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองว่าที่เจ้าสาว ก็เห็นสาวเจ้าอายจนหน้าแดงก่ำ จึงเอ่ยขอตัวกับทุกคนแล้วรีบพาเธอขึ้นห้องพักเชียงใหม่...เมื่อคืนหลังจากงานเลี้ยงการหมั้นหมายของโดมินิกกับพราวดารา ที่มีแต่กลุ่มเครือญาติทั้งสองฝ่ายที่โรงแรมเอื้องลานนา ไอรดาโกรธจนหน้าแดงก่ำ ที่อยู่ๆ บุตรชายของเธอก็แอบพาว่าที่ลูกสะใภ้หนีออกจากงานไปแบบไม่บอกไม่กล่าวใคร ทำเอาหม่อมหลวงอภิชาตกับคุณหญิงเพียงดาวเดินตามหาบุตรสาวไปทั่วงาน จนกระทั่งมาทราบจากดีนภายหลังว่าทั้งสองขับรถออกจากงานไปได้สักพัก ไอรดากับอังเดรถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าบุตรชายของตัวเองจะกล้าทำอะไรบ้าๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ไอรดาจึงโทร. ไปขู่ว่าถ้าไม่พาพราวดารากลับมาที่ไร่สิรันยากรณ์ก่อนห้าโมงเย็น ตนจะสั่งยกเลิกงานแต่งทั้งหมดโดมินิกจึงจำใจพาสาวเจ้ากลับ จากนั้นก็ตีเนียนไปพูดเรื่องชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ตนโทร. ให้เจ้าของห้องเสื้อดัง ขนมาประเคนให้เลือกถึงที่ ร่วมร้อยกว่าชุดเช้าวันต่อมา...เล
“ไอวี่จะยอมจบง่ายๆ เหรอ” โดมินิกถามต่ออย่างเป็นห่วง“ก็แล้วนายจะให้ทำยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้รักเธอนี่” เลโอนาดท์ตอบพลางยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์“แล้วนายจะแต่งงานที่ไหน”“คงแต่งที่ไทยให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยพามะลิไปอังกฤษด้วย”“นายจะแต่งเมื่อไหร่” โดมินิกถามต่อ“อีกสองอาทิตย์” เลโอนาดท์บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น“อะไรนะ!” โดมินิกถึงกับอึ้งไปสามวินาทีที่ได้ยินคำตอบ“อีกสองอาทิตย์ แด๊ดกับมัมฉันเตรียมการเอาไว้แล้ว”“ทะ... ทำไมถึงเร็วกว่างานแต่งของฉันอีกวะ” คนที่ถูกตัดหน้างานแต่งถามอย่างไม่เข้าใจ“อ้าว! ก็แล้วทำไมนายไม่เร่งให้เร็วขึ้นล่ะ?” เลโอนาดท์ถามกลับด้วยสีหน้าขบขัน“จริงด้วย! งั้นฉันไปเร่งแด๊ดกับมัมบ้างดีกว่า” โดมินิกบอกราวกับคนค้นพบทางสว่างของชีวิต“ฮ่าๆๆ ขอให้สำเร็จนะ” เลโอนาดท์หัวเราะร่าอย่างชอบใจ“เออ!” โดมินิกเดินกลับเข้าไปในงานด้วยสีหน้าตึงเครียดหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนรักจะวิวาห์สายฟ้าแลบก่อนตนเลโอนาดท์หันไปจ้องมองร่างบางที่มารดาของตนพาไปแนะนำแขกผู้ใหญ่ในงานด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะเริ่มนึกถึ