เข้าสู่ระบบ“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน
“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”
สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน
“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!” พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล
“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน
“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
มะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่นแถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”
“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”
“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”
“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก่อนจะวางนิ้วลงที่แป้นสแกน จากนั้นก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์
“พักเบรกวันนี้เราไปกินส้มตำที่ร้านข้างตึกกันนะ” มะลิฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่หายหน้าบูดบึ้ง
“อืม! ว่าแต่วันนี้ผู้กำกับฯ จะมาไหมนะ?”
“เฮ้อ...” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุทำให้เธอเกือบโดนตบเมื่อครู่ ‘ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อยู่ยาก’
“เธอไม่ชอบคุณคเชนทร์เหรอมะลิ ฉันว่าเขาหล่อบาดใจออก” พิมาลาถามต่ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว
“ไม่อะ! ตอนนี้ฉันสนใจงานกับเงินเดือนที่จะต้องเก็บมากกว่า”
“อ๊ะ! แต่คุณคเชนทร์ฐานะร่ำรวยนะ เป็นฉันจะรีบคว้าเอาไว้เลย” พิมาลาที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเอ่ยแซว
“ได้โปรด... เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้ไหมคะคุณพิ” มะลิฉัตรบอกด้วย สีหน้าเพลียๆ
“คิกๆๆ อายเหรอ” พิมาลายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนหน้าแดง
“อายบ้าอะไรล่ะ!”
มะลิฉัตรบอกก่อนจะรีบคว้าแก้วกาแฟเดินออกไปวางที่ใต้เคาน์เตอร์ด้านหน้า พิมาลายิ้มก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสาวออกไปอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
เช้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel
มะลิฉัตรกับพิมาลาแวะซื้อกาแฟที่ร้านประจำก่อนจะเดินตรงไปยังทางเข้าด้านหลังสำหรับพนักงาน เพื่อเข้าทำงานเหมือนปกติ
“มะลิไปก่อนนะ เราขอแวะรดน้ำดอกไม้แป๊บ” พิมาลาสะกิดบอกเมื่อเดินผ่านห้องน้ำ
“อืม! รีบๆ มานะเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว” มะลิฉัตรบอกอย่างขำๆ กับคารมคมคายของเพื่อน
“จะทำสถิติเลยจ้า” พิมาลาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นๆ มะลิฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงาน
ร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ ที่เน้นสัดส่วน ทำให้ใครหลายๆ คน หันมามองตามกันเป็นตาเดียว มะลิฉัตรเดินเร็วๆ ตรงไปห้องสแกนนิ้วที่เห็นสายไหมเปิดประตูชะโงกหน้าออกมา จากนั้นก็ดึงประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม
‘มาแล้วๆ’
เสียงแว่วๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้มะลิฉัตรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ซ่า...
“อะ... อะไรกันเนี่ย?”
มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง เมื่อถูกกุ๊กไก่สาดน้ำแดงใส่ จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ” กุ๊กไก่ยิ้มก่อนจะทำท่าเสียใจ
“เป็นไรมากไหมจ๊ะมะลิคนสวย คิกๆๆ” สายไหมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อก!
“นี่มันเกินไปแล้วนะ” มะลิฉัตรเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันก็ขอโทษแล้วไงมะลิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจ้ะ คิกๆๆ” กุ๊กไก่บอกพลางหัวเราะคิกคัก
“เธอตั้งใจสาดใส่ฉัน!” มะลิฉัตรว่าก่อนจะวางกระเป๋าที่เปียกน้ำแดงลงใกล้ๆ กับโต๊ะติดผนัง
“อ้าวพูดแบบนี้! จะหาเรื่องฉันเหรอ?” กุ๊กไก่ถามกลับเสียงดัง
“ฮะ! ใครกันแน่ที่หาเรื่อง” คนที่ทำใจเย็นมาตลอด ตอกกลับอย่างไม่ยอม
“ทำไม? แกจะทำอะไรฉันเหรอนังมะลิ” กุ๊กไก่ท้าอย่างถือดี เพราะป้าของเธอนั้นอยู่มานานจนผู้จัดการยังต้องเกรงใจ ต่อให้เธอจะทำอะไรมะลิฉัตร เธอก็ไม่มีทางเดือดร้อน
“ก็ทำแบบนี้ไง” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะสาดกาแฟใส่อีกฝ่ายคืน
ซ่า!
“กรี๊ดดดดด” กุ๊กไก่กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว
“กุ๊ก!” สายไหมช็อกไปชั่วขณะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ
“อุ๊ย! ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่อีกฝ่ายบอกเธอเมื่อก่อนหน้า
“จับมัน! ฉันจะสั่งสอนอีเด็กกำพร้าให้รู้ว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” กุ๊กไก่บอกพลางปัดน้ำสีน้ำตาลอ่อนที่เกาะตามเนื้อตัวออก
“ดะ...” ได้เลย สายไหมยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกกระชากออกอย่างแรง
พลั่ก!
“มึงจะสั่งสอนใครเหรออีกุ๊ก!” พิมาลาถามด้วยสีหน้าตึงๆ พร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรเรียกคนที่เพิ่งมาถึงอย่างตกใจ
“ทำไมเปียกแบบนี้!” พิมาลาหันมามองเพื่อน ขณะที่อารมณ์เดือดพล่านพุ่งขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว หลังจากได้ยินคำพูดก่อนหน้าของกุ๊กไก่ ที่บอกว่าจะตบสั่งสอนอีเด็กกำพร้าเข้าเต็มๆ สองหู
“กุ๊กสาดน้ำแดงใส่เรา เราเลยสาดกาแฟกลับน่ะ” มะลิฉัตรบอก
“อ้าว! แบบนี้ก็สวยสิ” พิมาลามองหน้าสองสาวกลับอย่างไม่ยอม ‘ตายเป็นตาย! วันนี้จะขอตบอีลูกมีพ่อมีแม่ดูสักครั้งเถอะ!’
“กูสวยอยู่แล้ว!” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ
“นี่มึงรวบรวมความกล้านานไหม ที่จะบอกว่าตัวเองสวยด้วยท่าทางมั่นใจแบบนี้น่ะ” พิมาลาถามกลับพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า
“เดี๋ยวฉันตบอีพิให้ เธอจัดการอีมะลิได้เลย”
สายไหมกระซิบบอกเพื่อนพร้อมกับตั้งท่าจะเปิดศึกกับสองสาว
“ได้!” กุ๊กไก่พยักหน้ารับ เตรียมจะตรงเข้าไปกระชากแขนของ อีกฝ่ายมาตบ แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พลั่ก!
“นี่-มัน-เกิด-อะ-ไร-ขึ้น!” สิรันถามพลางกวาดตามองสี่สาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา กับสภาพพื้นห้องที่เปียกไปด้วยกาแฟและน้ำแดง
“เอ่อ... ก็มะลิน่ะสิคะหัวหน้า! อยู่ๆ ก็เอากาแฟสาดใส่กุ๊กไก่ค่ะ” สายไหมรีบรายงาน
“พวกเธอทุกคน! ตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้!” สิรันบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทำเอาสี่สาวรีบเก็บของใส่ล็อกเกอร์แล้วตามหัวหน้าแผนกไปติดๆ
แผนกต้อนรับ...
“เอาละมีใครจะเป็นคนเล่าก่อน” สิรันถามขึ้นเมื่อสี่สาวเข้ามานั่งกันจนครบ
“หนูค่ะ” กุ๊กไก่รีบยกมือขึ้น
“เชิญ” สิรันบอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างสำรวจ
“กุ๊กกับไหมกำลังจะเดินออกจากห้องสแกนนิ้ว มันเป็นจังหวะเดียวกับที่มะลิเดินเข้ามา แล้วชนกับแก้วน้ำแดงที่หนูถือเข้า เลยทำให้เปียกอย่างที่เห็น หนูพยายามขอโทษ และบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่มะลิก็ไม่ฟัง เขาคิดว่าหนูตั้งใจทำ เลยเอากาแฟสาดใส่หนูค่ะ” กุ๊กไก่เล่าทั้งน้ำตานองหน้า ผิดไปจากท่าทีก่อนหน้าลิบลับ
“โห... จบการแสดงมาเปล่าเนี่ยแม่คุณ” พิมาลาถึงกับอึ้งในความสามารถของอีกฝ่าย ที่เรียกน้ำตาได้ทันทีทันใดอย่างไม่น่าเชื่อ
“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามคนที่ขัดจังหวะ
“ขอโทษค่ะหัวหน้า” พิมาลายกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนกทันใด
“เล่าต่อ” สิรันหันไปพยักหน้าให้ดาราเจ้าบทบาทพูดต่อ
“เอ่อ... พอพิมาลาเข้ามาเห็นว่ามะลิเปียกเท่านั้นค่ะ ก็คิดว่าถูกหนูกับสายไหมแกล้ง ฮึก! ถะ... ถ้าเมื่อกี้หัวหน้าเข้ามาไม่ทันหนูกับเพื่อนอาจจะโดนสองคนนี่ทำร้ายร่างกายแล้วค่ะ ฮึก...”
“มะลิ! ถึงตาเธอเล่าแล้ว” สิรันส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งเงียบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“ค่ะหัวหน้า! ก่อนที่หนูจะเข้าไปในห้องสแกนนิ้ว หนูได้ยินเสียงของสายไหมพูดว่า มาแล้วๆ และทันทีที่หนูเปิดประตูเข้าไป กุ๊กไก่ก็สาดน้ำแดงใส่หน้าหนู แล้วบอกว่า อุ๊ยตาย! โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นกุ๊กไก่กับสายไหมก็หัวเราะใส่หนูค่ะ”
“เธอเลยสาดกาแฟใส่กุ๊กไก่คืน” สิรันถามแทรกขึ้นทันใด
“ค่ะ! หนูทำแบบเดียวกับที่เขาทำกับหนูทุกอย่าง ทั้งบอกว่าไม่ได้ตั้งใจและขอโทษ แต่หนูไม่ได้หัวเราะใส่เขาเท่านั้นค่ะ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“พิมาลา! พอเธอเข้ามาแล้วเธอทำอะไร” สิรันถามต่อ
“หนูไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ห้องสแกนนิ้ว หนูวิ่งเข้าไปแล้วทันได้ยินกุ๊กไก่พูดว่า จับมัน! ฉันจะสั่งสอน อีเด็กกำพร้าให้รู้จักว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” พิมาลาบอกพร้อมกับจ้องหน้าสองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไม่จริง! กุ๊กไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างลืมตัว
“กุ๊กไก่!” สิรันปรามพร้อมกับชี้ให้อีกฝ่ายนั่งลง
“ขอโทษค่ะ แต่กุ๊กไม่ได้พูดจริงๆ นะคะหัวหน้า” กุ๊กไก่บอกย้ำเพราะกลัวหัวหน้าแผนกจะไม่เชื่อตน
“เล่าต่อ!” สิรันพยักหน้าให้พิมาลา
“หนูก็ถามกุ๊กว่าจะสั่งสอนใครเหรอ แล้วหัวหน้าก็เข้ามาค่ะ”
“หัวหน้าคะ สองคนนี้จะพูดยังไงก็ได้ เพราะในห้องสแกนนิ้วไม่มีกล้อง หนูยืนยันได้ว่าหนูไม่มีความคิดที่จะกลั่นแกล้งมะลิอย่างเด็ดขาด” กุ๊กไก่รีบออกตัว
แปดเดือนต่อมา...เลโอนาดท์จ้องมองดูลูกชายตัวน้อย ‘แพททริกสัน’ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างตนกับภรรยา ด้วยความรู้สึกอิจฉา“ขอผมชิมมั่งได้ไหมมะลิ?” เขาเอ่ยขออย่างคนมีมารยาท พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้ภรรยาสาว ที่หุ่นกลับเข้ารูปเข้าร่างเซ็กซี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกขนาดใหญ่“ไม่ค่ะ!” มะลิฉัตรปฏิเสธ พร้อมกับส่งค้อนให้คนตัวโต ที่ชอบมาออดอ้อนขอกินนมแทบจะทุกครั้งที่เธอให้นมลูก“ได้โปรด...”“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอลีโอ?”“ผมไม่ได้บ้า! แต่ถ้าบ้าแล้วได้กินนมเหมือนแพททริก ผมก็พร้อม!” คนหื่นบอกด้วยสายตาแพรวพราว“บ้า!”“เร็วสิ! เปิดหน้าอกอีกข้างให้ผม” เลโอนาดท์บอกพลางจะเปิดเสื้อของภรรยาขึ้น แต่กลับถูกสาวเจ้าตีมือเข้าให้“ไม่มีทาง!”“คุณลำเอียงนะมะลิ! คุณรักแพททริกมากกว่าสามีของตัวเองใช่ไหม” คนที่อยากลิ้มลองรสชาติใจจะขาดบอกด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ“พระเจ้า! แพททริกคือลูกชายของคุณนะลีโอ” เธอเอ่ยเตือนอย่างเริ่มจะเอือมระอากับท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจของสามี“ใช่! แล้วคุณก็คือภรรยาของผม” เขาบอกพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ทางหางตา
“แต่ตอนที่แม่ท้องลูก! แม่แพ้ท้องตั้งสามเดือนแน่ะซาเก้” ไอรดา บอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้บุตรชายฟัง“โอ้พระเจ้า! ทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผมแบบนี้” คนที่ดีใจจะได้เป็นพ่อคน แต่กลับต้องมาสวมหน้ากากบดบังใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ เพราะภรรยาดันเห็นแล้วรู้สึกอยากจะอ้วกถึงกับคร่ำครวญออกมา“ฉะ... ฉันขอโทษ” พราวดาราน้ำตาคลออย่างรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย“ไม่ใช่ความผิดคุณพราว” โดมินิกดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบอย่างรู้สึกสงสาร พร้อมกับด่าตัวเองในใจ ที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอแสร้งทำทุกอย่างขึ้น เพราะอยากแก้แค้นตนคืนเรื่องนางแบบดังครั้งก่อน“แบบนี้มันดีกว่าที่หนูพราวต้องอ้วกนะว่าไหม?” ไอรดาบอกพลางจ้องมองใบหน้าของบุตรชายหน้ากาก ทอม ครูซ อย่างขำๆ“ครับ” โดมินิกยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะเสียเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องภรรยาตามที่หมอบอก“พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อน” นายแพทย์ใหญ่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง“ขอบคุณมากๆ ครับอาหมอ” โดมินิกหันไปบอก“ขอบคุณค่ะ” พราวดารายกมือไหว้อีกฝ่ายทันใด“ย
สิบนาทีต่อมา...“พราว! เป็นไงบ้างลูก” ไอรดาถามลูกสะใภ้ที่หน้าซีดอย่างเป็นห่วง“หนูเวียนหัวค่ะ” พราวดาราบอก“ซาเก้บอกว่าหนูอาเจียนด้วยใช่ไหม”“ใช่ค่ะ! พอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของเขา หนูก็รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาทันทีทันใด” พราวดาราบอกเสียงอ่อนอย่างคนที่หมดแรง“พระเจ้า!” คนที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย“ซาเก้!” ไอรดากลอกตากับท่าทางของบุตรชาย ก่อนจะหันไปถามสาวเจ้าต่อ “แล้วถ้าไม่เห็นหรือไม่มองหน้าของพี่เขา หนูก็ไม่...”“หนูก็โอเคนะคะ แต่พอเห็นแล้วทุกอย่างในท้องมันก็ตีขึ้นมาที่ต้นคอทันทีเลยค่ะ” พราวดารากระซิบบอกเสียงเบา“คิกๆๆๆ” ไอรดาหัวเราะขึ้นอย่างชอบอกชอบใจ“นะ... หนูเป็นอะไรเหรอคะคุณแม่” พราวดาราถามอย่างรู้สึกงงงวยในท่าทีของแม่สามี“อีกเดี๋ยวเราจะได้รู้พร้อมๆ กันจ้ะ เพราะหมอกำลังเดินทางมา” ไอรดายิ้มให้หญิงสาวอย่างเอ็นดูคนที่รออยู่ด้านนอก เห็นสาวใช้ยกถาดน้ำส้มเดินมา จึงตรงเข้าไปแย่งแก้วน้ำส้ม จากนั้นก็ตีเนียนถือเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับเอ่ยถามคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ “ดีขึ้นหรือยัง”พราว
“ผมทรมานนะที่ได้แต่มองคุณ แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาบอก พร้อมกับช้อนอุ้มภรรยาสาวเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ ด้วยสายตาสื่อความหมายพราวดาราใบหน้าร้อนผ่าว รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า“คืนนี้ผมจะรักคุณให้ถึงเช้าเลยคอยดู” โดมินิกบอกก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นอย่างโหยหาและเร่าร้อนหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช้าวันต่อมา...อ๊อก! อ๊อก! เสียงอาเจียนในห้องน้ำปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นทันใด“ลีโอ!”“ผมโอเค!”“คุณเป็นอะไร?” มะลิฉัตรถามอย่างเป็นห่วง“ผมเวียนหัว คุณช่วยโทร. ไปบอกแม่ครัวให้หาอะไรเปรี้ยวๆ ขึ้นมาให้ผมทานหน่อย ได้โปรด...”“ดะ... ได้ค่ะ” มะลิฉัตรตอบรับก่อนจะเดินแกมวิ่งไปยังโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านนอก แล้วโทร. บอกแม่บ้านด้วยน้ำเสียงตื่นๆ จากนั้นก็กลับเข้าไปหาสามีที่ยังคงอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ“คุณไหวไหม!”“ไหว!” เลโอนาดท์บอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย มะลิฉัตรรีบเข้าไปประคองสามีเดินไปยังเตียงนอน“ขึ้นมานอนข้างๆ ผมสิ” เข
“ผมว่าแด๊ดกับมัมต้องอยู่นานกว่านั้นแน่ๆ เพราะผมกะจะมีลูก สักสามคนครับ” เลโอนาดท์บอกยิ้มๆ“ฮ่าๆๆ จัดไปไอ้เสือ” เอเดนหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจกับสีหน้ามุ่งมั่นของว่าที่คุณพ่อมือใหม่‘บ้า! ตั้งสามคนแน่ะ ใครจะขยันเกิดได้ขนาดนั้นกัน’ มะลิฉัตรกลอกตามองบนอย่างเพลียๆ กับจำนวนลูกๆ ที่สามีตั้งใจจะมีให้ได้หลังจากที่วางสายวิดีโอคอลเสร็จ เอเดนกับเมลิซ่าก็ออกไปนั่งจิบไวน์เบาๆ ที่ระเบียงริมสระว่ายน้ำ พูดคุยกันต่อเรื่องของขวัญที่จะเตรียมเอาไว้รับขวัญหลานคนแรกกันอย่างตื่นเต้นเลโอนาดท์รีบพาภรรยากลับขึ้นห้อง เพราะต้องการกระชับความสัมพันธ์ หลังจากที่เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี“คืนนี้ผมจะได้นอนกอดคุณใช่ไหม?” เลโอนาดท์กระซิบถาม“จริงๆ เราแยกกันนอนมันสบายดีนะคะ” มะลิฉัตรบอกยิ้มๆ“โธ่! อย่าแกล้งผมสิ ผมนอนมองคุณมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วนะ” เลโอนาดท์โอดครวญ“หลบไปค่ะ! ฉันจะไปอาบน้ำ” มะลิฉัตรรีบผลักร่างหนาออกให้ห่างตัว“เดี๋ยวผมถูหลังให้” เขาบอกพร้อมกับช้อนอุ้มเธอทันใด“อ๊ะ!” มะลิฉัตรตกใจ อายหน้าแดงก่
“น่าจะเป็นเพราะยาที่ไอวี่ใส่ในเหล้าที่นายดื่มไปก่อนหน้า ฉันเข้าไปก็เห็นนายนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ตอนนั้นไอวี่คงจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์นายตามที่เห็นในข่าว” ลูเซียสเล่าต่อ“ลู! นายทำอะไรไอวี่” โดมินิกถามเข้าเรื่อง“ฉันลากเธอไปอีกห้องที่อยู่ถัดไป แล้วก็จัดการปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในตัว” ลูเซียสยอมรับตามตรง“แต่ฉันก็ยังมองไม่เห็นเหตุผลที่นายจะต้องแต่งงานกับไอวี่อยู่ดี” โดมินิกถามอย่างไม่เข้าใจ“นายหลงรักไอวี่ใช่ไหม!” เลโอนาดท์ถามเรื่องที่แอบสงสัยมานาน“ไม่มีทาง!” ลูเซียสปฏิเสธเสียงแข็ง“แล้วทำไมนายถึงจะ...”“ก็เพราะฉันคือผู้ชายคนแรกของเธอน่ะสิ” ลูเซียสบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด“พระเจ้า!” เลโอนาดท์อุทานตาโต ‘เกือบซวยแล้วไหมเรา!’“ลีโอไม่ได้มีอะไรกับไอวี่ คุณสบายใจได้ครับมะลิ” ลูเซียสหันไปบอกภรรยาของเพื่อนรักให้คลายกังวล“เห็นไหม ผมบอกคุณแล้วก็ไม่เชื่อ” เลโอนาดท์รีบตัดพ้อภรรยาทันใด มะลิฉัตรอายหน้าแดงขึ้นมานิดๆ หลังจากได้ยินการเล่าแบบเปิดอกของลูเซียส“ไอวี่ออกจากห้องไปตอนเช้า พร้อมกับมือถือที่ถ่ายรูป จา







