(ลีโอ) เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์
หนุ่มหล่อเลือดผสมอิตาลี ตุรกี รัสเซีย และไทย เขาเป็นชายหนุ่มที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลก ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานใหญ่ ผู้กุมบังเหียนของโรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน ด้วยวัยเพียง 36 ปี สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นบิดา ‘เอเดน’ ที่วางมือแล้วไปใช้ชีวิตอยู่อิตาลีกับภรรยา ‘เมลิซ่า’ (มารดาของเลโอนาดท์)
เขาถูกจัดอันดับให้เป็นหนุ่มฮ็อตที่หล่อรวยแห่งปี ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ก็มีสาวข้างกายไม่ว่างเว้น ทั้งดารานางแบบที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาเป็นของเล่นชั่วคราวไม่หยุดหย่อน แต่เลโอนาดท์ก็ไม่เคยให้สาวคนไหนอยู่เคียงข้างกายข้ามคืนเลยสักครั้ง! เพราะสำหรับเขาแล้ว พวกเธอไม่มีค่าพอที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อมองแสงอาทิตย์ของวันใหม่ พร้อมกันกับเขา!
เธอก็แค่ผู้หญิงที่ต้อยต่ำ! มิอาจเทียบกับความสูงศักดิ์ ในชาติตระกูล และความร่ำรวยของเขาได้แม้แต่นิด แต่ไยถึงได้ปฏิเสธที่จะเป็นของเขา ยิ่งเธอดิ้นหนีและหวาดกลัว มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขย้ำและกลืนกิน กลิ่นสาปของเด็กสาว...ที่บริสุทธิ์ มันช่างหอมหวานและเย้ายวนใจ จนทำให้เขาแทบคลั่ง แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง!!
(มะลิ) มะลิฉัตร เดือนแรม
สาวน้อยอายุ 21 ปี ที่มีดวงตากลมโตสีฟ้าอมเขียว รายล้อมไปด้วยขนตาที่ดกดำและยาวงอนเป็นแพ ริมฝีปากบางสีแดงอมส้มที่อวบอิ่ม รับกับจมูกโด่งสวยได้รูป ผมที่ดำเงายาวสยายรายล้อมดวงหน้าจิ้มลิ้ม ทำให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวน สวยสะดุดตาใครต่อใครที่พบเห็นไปทั่ว
มะลิฉัตรเป็นเด็กกำพร้า ที่เติบโตมาจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านเดือนแรม เธอไม่เคยรู้ว่าบิดาและมารดาเป็นใคร เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็มีเพียงคุณจันทร์ฉายหรือที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ คอยดูแลเธอมาตลอด!
ทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมา เธอมีความสุขกับงานที่ทำ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เมดทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม แต่มันก็เป็นงานที่ทำให้เธอมีเงินเดือนสูงถึงสามหมื่นบาทต่อเดือน ทุกๆ อย่างมันลงตัวดีกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำงานหลังจากที่เรียนจบ
แต่แล้วอยู่ๆ ความสุขของเธอก็หายไป! หลังจากที่ได้รับสายของหัวแผนก ที่โทร. มาในเช้าของวันนั้น! วันที่จะทำให้ชีวิตของเมดสาวอย่างเธอ ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล!
1
Rocasander Grand Hotel... (ประเทศไทย)
ร่างสูงภูมิฐานในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินผ่านประตูทางเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับมะลิ” คเชนทร์ นายตำรวจหนุ่มหล่อเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว ทันทีที่ลงจากเครื่องชั่วโมงก่อน เขาก็รีบ ขับรถตรงมาหาสาวเจ้าที่โรงแรมพร้อมกับของฝาก
“สะ... สวัสดีค่ะผู้กำกับฯ” มะลิฉัตรหันมามองอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่เห็นนายตำรวจหนุ่มหิ้วถุงกระดาษใบใหญ่สองสามใบเดินตรงเข้ามาหา
“ผมเอาของฝากมาให้ครับ” คเชนทร์บอกพร้อมยกถุงกระดาษวางบนเคาน์เตอร์ให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับอย่างรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาหลายคู่ของพนักงานและลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม กำลังหันมามองเธออย่างสนใจ
“ไม่มีของกุ๊กไก่บ้างเหรอคะผู้กำกับฯ” คนที่เพิ่งมาถึงฉีกยิ้มหวานให้ผู้กำกับการหนุ่มหล่อที่มักจะมานั่งจิบกาแฟที่ล็อบบีเป็นประจำ
“เอ่อ! ครั้งหน้าแล้วกันนะครับ” คเชนทร์บอกหญิงสาวจบ ก็หันกลับไปจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของมะลิฉัตรต่ออย่างคิดถึง
“แหม... แบ่งที่มะลิให้ก็ได้นี่คะผู้กำกับฯ” สายไหมบอกพลางมองในถุงใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอิจฉา
“คือขนมพวกนี้ผมตั้งใจซื้อฝากมะลิไปให้เด็กๆ น่ะครับ” คเชนทร์หันไปยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่
“แต่เมื่อกี้ไหมเห็นกล่องคล้ายๆ กับน้ำหอมยี่ห้อดังนะคะ” สายไหมบอกพลางจ้องถุงกระดาษใบเล็กอย่างสนใจ
“ใช่ครับ! น้ำหอมของ Dior ขวดนั้นคุณแม่ของผมท่านฝากมาให้มะลิน่ะครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมายไปให้คนที่เอาแต่เงียบ
“ว้าว!” กุ๊กไก่ทำตาลุกวาว ก่อนจะแสร้งถามต่อ เมื่อเห็นอีกกล่อง ที่อยู่ด้านในถุงใบเดียวกัน “แล้วกล่องนั้นอะไรคะ?”
“ก็น้ำหอมอีกนั่นแหละครับ ของคุณพิ” ชายหนุ่มบอกพลางมองท่าทางของสองสาวอย่างสังเกตอาการที่แปลกไป
“โห... มะลิกับพินี่โชคดีจริงๆ นะคะ” กุ๊กไก่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างอดไม่ได้ ‘เดี๋ยวเถอะมึง เจอดีแน่อีมะลิ!’
“มะลิ! ไปทานข้าวกัน” พิมาลาที่ไปเข้าห้องน้ำมา เอ่ยชวน
“สวัสดีครับคุณพิ” คเชนทร์หันไปเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ้าว! ผู้กำกับฯ คเชนทร์ สวัสดีค่ะ” พิมาลามองผู้กำกับการหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์อย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก ‘อีบ้าสองตัวนี่หาเรื่องมะลิหรือเปล่านะ!’
“มาได้จังหวะพอดีครับ ผมว่าจะชวนมะลิกับคุณพิไปทาน ข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะครับ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ เพราะเริ่มจะรำคาญสองสาวที่ตั้งคำถามไม่หยุดขึ้นมานิดๆ
“โอ้โฮ! ผู้กำกับฯ ชวนทั้งทีไม่ปฏิเสธเด็ดขาดค่ะ ปะ มะลิ! ไปเร็วฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว” พิมาลาเอ่ยพลางหันไปยักคิ้วให้กุ๊กไก่กับสายไหมอย่างผู้ชนะ
“พิ! ช่วยเราถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ” ผู้กำกับการหนุ่มรีบอาสา
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรส่งถุงใบใหญ่ให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินออกมาที่นอกเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ยินดีครับ” คเชนทร์รับถุงใบเดิมมาถือ แล้วชวนสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ไปก่อนนะ” พิมาลาหันไปบอกสองสาว ก่อนจะออกเดินตามเพื่อนรักกับนายตำรวจหนุ่มออกไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผู้กำกับฯ หลงอีมะลิน่าดูเลยนะว่าไหม?” สายไหมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินไปขึ้นรถ BMW รุ่นใหม่ของคเชนทร์ที่จอดอยู่ด้านหน้า!
“หึ! เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
กุ๊กไก่บอกอย่างเจ็บแค้นใจ เมื่อคนที่เธอแอบสนใจมานาน ไปสนใจเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ไม่มีอะไรจะสู้เธอได้แม้แต่น้อย
“ต้องแบบนี้สิกุ๊ก! อย่าไปยอมแพ้มันเด็ดขาด ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะ เป็นว่าที่คุณนายผู้กำกับฯ มาแต่ไหนแต่ไร” สายไหมรีบเสริม
“ใช่! ฉันจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด!” กุ๊กไก่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันอยู่ข้างเธอจ้ะกุ๊ก!” สายไหมบอกอย่างเอาใจ เพราะป้าของ อีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ของโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานในทุกๆ แผนก
“ขอบใจมากไหม” กุ๊กไก่ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่เพื่อนช่วยสนับสนุนและอยู่ข้างๆ
คเชนทร์ขับรถพาสองสาวไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังใกล้ๆ กับโรงแรมเสร็จ ก็ขับรถไปส่งมะลิฉัตรกับพิมาลาที่หอพัก
“ขอบคุณผู้กำกับฯ มากๆ นะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ลงจากรถ
“น้องๆ คงจะดีใจมากค่ะ ที่จะได้กินขนมของอิตาลี อ้อ! ขอบคุณสำหรับน้ำหอมด้วยนะคะ” พิมาลายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม
“เล็กน้อยครับ!” คเชนทร์รับไหว้สองสาว ก่อนจะขับรถกลับคอนโดมิเนียมอย่างอารมณ์ดี พลางวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะได้ครอบครองหญิงสาวที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ
สองวันต่อมา... 8:54 น.
หลังจากที่สองสาวกลับจากชลบุรีก็ต้องเปลี่ยนกะการทำงาน เข้า 9:00 น. เลิกงาน 18:00 น. โดยพักเบรกตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสอง เนื่องจากสองสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ จึงได้รับสิทธิ์ในการเข้าพักฟรีในหอพักของพนักงานที่อยู่ใกล้กับโรงแรม
มะลิฉัตรเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงานอย่างเร่งรีบ เพื่อลงเวลาเข้างานเหมือนที่บางแห่งใช้การตอกบัตรเป็นเครื่องยืนยัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีแล้ว
“ไงมะลิ!” กุ๊กไก่ที่เพิ่งจะออกกะ ทักทายศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าตึงๆ
“มีอะไรเหรอกุ๊ก!” คนที่กำลังวางนิ้วลงบนเครื่องสแกนหันมาถามกุ๊กไก่กับสายไหม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“เธอรู้ว่าฉันชอบผู้กำกับฯ คเชนทร์ใช่ไหม” กุ๊กไก่เข้าประเด็น
“แล้ว...” มะลิฉัตรเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกครั้ง เพราะพิมาลาที่แวะซื้อกาแฟยังไม่โผล่มาสแกนนิ้ว
“แหม! รู้แล้วก็ไม่ควรยุ่งกับคนที่เพื่อนแอบรักน่ะสิยะ” สายไหม ต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ผู้กำกับฯ เอาขนมมาฝากให้น้องๆ ของฉันก็แค่นั้น” เธอบอกก่อนจะเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์
“แล้วน้ำหอมล่ะ?” กุ๊กไก่ถามพลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า
“พวกเธอก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ตอนที่เขาบอก” มะลิฉัตรรู้สึก เบื่อหน่าย ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ที่เธอจะต้องเจอตอนเข้างาน
กุ๊กไก่รีบกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกไป ให้หันมาคุยกับตน “เขาจะบอกยังไงก็ช่าง! ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้คือแกจะเลิกยุ่งกับ ผู้กำกับฯ หรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขาสักหน่อย พวกเธอก็เห็น” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม” กุ๊กไก่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง
“ลากมันเข้ามาตบข้างในนี่เลยกุ๊ก ข้างนอกมีกล้องวงจรปิด!”
สายไหมบอกเพื่อนสาว พร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะตบอีกฝ่าย
“ก็ลองดูสิ!” พิมาลาที่ถือกาแฟเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้า จึงบอกกับสายไหมแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อม จะมีเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“ถ้าเธอสองคนทำอะไรมะลิละก็ จบไม่สวยแน่” พิมาลาบอกพร้อมกับชี้หน้าของสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“พิ! อย่า” มะลิฉัตรสะบัดแขนที่ถูกกุ๊กไก่จับออก แล้วรีบเดินเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวจอมบู๊เอาไว้มั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเบรกอารมณ์ไม่อยู่
“กลัวอะไรมะลิ” พิมาลาหันมาต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“ไม่ได้กลัว! แต่ถ้ามีเรื่องแล้วเราจะได้ออกจากงานทั้งคู่นะพิ!” มะลิฉัตรกระซิบบอกเสียงเบา
“มะลิ! ลีโอ! มาถ่ายรูปกัน” โดมินิกเอ่ยชวนมะลิฉัตรกับเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะรีบเข้าไปร่วมเก็บภาพความทรงจำ ที่มีโดมินิก พราวดารา อริน คเชนทร์ พิมาลา ธีรติ ธาริณี เอเดน เมลิซ่า อังเดร ไอรดา เพียงดาว หม่อมหลวงอภิชาต และจันทร์ฉายกับเด็กๆบ้านเดือนแรมบรรยากาศในงานดำเนินต่อไปท่ามกลางสีหน้ายิ้มแย้มของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขกที่มาร่วมงานต่างสังสรรค์กันต่ออย่างสนุกสนาน จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม ทุกคนก็ออกมาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นรถที่ด้านหน้าของงาน เพื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ใช้เป็นเรือนหอนักข่าวที่ดักรออยู่ด้านหน้า ต่างกระหน่ำกดชัตเตอร์ขณะที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองคู่เข้าไปในรถลีมูซีน“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?” มะลิฉัตรถามเมื่อเข้ามานั่งในรถคันหน้ากับเจ้าบ่าว ขณะที่พราวดารานั่งลีมูซีนคันหลังกับโดมินิก“ยังไม่บอก ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรส์!” เลโอนาดท์ดึงร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก แล้วมอบจูบที่เร่าร้อนให้กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายอย่างไม่รอช้า“อื้อ...” มะลิฉัตรครางท้วงได้เพียงครู่ก็ต้องยอมโอนอ่อนตามเจ้าบ่าวอย่างเลี่ยงไม่ได
“เชิญคุณรินที่โต๊ะดีกว่าครับ”โดมินิกเอ่ยทำลายความเงียบ หลังจากที่มองตามหลังเพื่อนไปด้วยความรู้สึกผิด ที่พูดเล่นออกไป แต่ดันไปสะกิดบางอย่างเข้าอย่างจัง!“ค่ะ” อรินพยักหน้ารับเบาๆ“เธอมากับหนุ่มหล่อคนนั้นได้ยังไง” พราวดารากระซิบแซวเพื่อนสาวยิ้มๆ“เรื่องมันยาว” อรินกระซิบตอบ“ยาวแค่ไหนฉันก็พร้อมรับฟัง” พราวดาราบอกยิ้มๆ“แหม ว่าแต่ตัวเองเถอะ! ไหนบอกว่าจะเข้ามาหาที่โรงแรมแล้วทำไมอยู่ๆ วันนั้นก็หายไปเฉยเลย” อรินเท้าความเรื่องครั้งก่อน“เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังนะ!” คนที่ไม่ยอมเอ่ยชวนเพื่อนคนไหนมาร่วมงานแต่ง บอกด้วยน้ำเสียงตึงนิดๆ เพราะวันนั้นเธอหิ้วเค้กที่ทำเองกับมือไปเซอร์ไพรส์วันเกิดของอรินที่โรงแรมเอื้องลานนา แต่กลับ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น จนสุดท้าย... ต้องมาสวมชุดเจ้าสาวอยู่ในงานแต่งวันนี้!“ฉันจะรอฟังจ้ะ” อรินยิ้มก่อนจะเข้าไปนั่งที่โต๊ะตามเพื่อนสาวและเจ้าบ่าวของอีกฝ่าย“ขอแชมเปญสามแก้ว!” โดมินิกบอกพนักงาน ก่อนจะหันมาเอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของพราวดารากับอรินต่ออย่างสนอกสนใจ“ซาเก้! พาสาวๆ ไปนั่งที่โต๊ะใหญ
ห้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel (งานแต่ง)เวลา 09:09 น. งานแต่งของเลโอนาดท์กับมะลิฉัตร และโดมินิกกับพราวดาราถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ ท่ามกลางแขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทและเครือญาติ ที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเลโอนาดท์หันไปมองเจ้าสาวของตน ที่สวยราวกับนางในวรรณคดีด้วยสีหน้าชื่นชม ขณะที่แขกต่างเข้าแถวต่อคิวรดน้ำสังข์ โดยที่ธีรติกับพิมาลา คอยช่วยดูแลเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคู่อยู่ใกล้ๆ“คุณสวยมากเลย” เลโอนาดท์กระซิบ“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรหันไปยิ้มบางๆ ให้เจ้าบ่าวอย่างขำๆ เพราะตั้งแต่ที่เข้าพิธี อีกฝ่ายก็หันมาบอกเธอแบบนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว“เดี๋ยวเสร็จพิธีช่วงเช้าแล้ว ผมขอเป็นคนถอดชุดนี้ออกนะ” เลโอนาดท์กระซิบบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ“บ้า!” มะลิฉัตรอายหน้าแดงกับคำพูดหื่นๆ ของเจ้าบ่าวด้านโดมินิกที่นั่งโต๊ะถัดไป ก็เอาแต่หันมองเจ้าสาวของตัวเองบ่อยๆ ราวกับคนไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน จนทำให้แขกในงานถึงกับแอบอมยิ้มตามๆ กัน“หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?” พราวดาราถามขึ้นอย่างอดไม่ได้“ไ
“เรื่องอะไร?” อังเดรหันไปถามอย่างสงสัย ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพี หันมามองชายหนุ่มตามๆ กัน“เรื่องแต่งงานครับ” โดมินิกบอกพร้อมกับหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคู่หมั้นสาวแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมามองคนอื่นๆ‘ไอ้บ้านี่กำลังจะทำอะไรนะ’ พราวดารารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมานิดๆ“มีอะไรหรือเปล่า?” อังเดรถามต่ออย่างสงสัย“กำหนดแต่งงานเดิม มันช้าไปครับ เอ่อ... ผมกลัวว่า...”“นี่คุณจะพูดอะไรซาเก้” เธอเอ่ยตัดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ“พราว! คุณอยากใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานหรืออยากใส่ชุดคนท้องแต่งงาน?” เขายิงคำถามใส่เธอ แต่กลับทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างช็อกไปตามๆ กันพราวดาราหน้าชาวาบทันใด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบิดพลิ้วคำพูด โดยการลากเธอมาตบกลางสี่แยกไฟแดง ด้วยคำว่าชุดคนท้อง!“ละ... แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะซาเก้” หม่อมหลวงอภิชาตเอ่ยทำลายความเงียบ ขณะหัวใจยังสั่นไม่หายกับคำบอกเมื่อครู่“อีกสองอาทิตย์ครับคุณพ่อ” โดมินิกหันไปบอกว่าที่พ่อตายิ้มๆ“เร็วขนาดนี้ เอ่อ... พ่อว่าเราจัดงานไม่ทันแน่ๆ” หม่อมหลวงอภิชาตให้ความเห็น พลางหันไปมองบุตรสาวที่น้ำตาคลอ ป
แปะๆๆๆๆ พนักงานยี่สิบกว่าคนที่ออกมารอต้อนรับปรบมือและส่งเสียงเฮ! ดังไปทั่วอย่างดีใจเลโอนาดท์ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองว่าที่เจ้าสาว ก็เห็นสาวเจ้าอายจนหน้าแดงก่ำ จึงเอ่ยขอตัวกับทุกคนแล้วรีบพาเธอขึ้นห้องพักเชียงใหม่...เมื่อคืนหลังจากงานเลี้ยงการหมั้นหมายของโดมินิกกับพราวดารา ที่มีแต่กลุ่มเครือญาติทั้งสองฝ่ายที่โรงแรมเอื้องลานนา ไอรดาโกรธจนหน้าแดงก่ำ ที่อยู่ๆ บุตรชายของเธอก็แอบพาว่าที่ลูกสะใภ้หนีออกจากงานไปแบบไม่บอกไม่กล่าวใคร ทำเอาหม่อมหลวงอภิชาตกับคุณหญิงเพียงดาวเดินตามหาบุตรสาวไปทั่วงาน จนกระทั่งมาทราบจากดีนภายหลังว่าทั้งสองขับรถออกจากงานไปได้สักพัก ไอรดากับอังเดรถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าบุตรชายของตัวเองจะกล้าทำอะไรบ้าๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ไอรดาจึงโทร. ไปขู่ว่าถ้าไม่พาพราวดารากลับมาที่ไร่สิรันยากรณ์ก่อนห้าโมงเย็น ตนจะสั่งยกเลิกงานแต่งทั้งหมดโดมินิกจึงจำใจพาสาวเจ้ากลับ จากนั้นก็ตีเนียนไปพูดเรื่องชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ตนโทร. ให้เจ้าของห้องเสื้อดัง ขนมาประเคนให้เลือกถึงที่ ร่วมร้อยกว่าชุดเช้าวันต่อมา...เล
“ไอวี่จะยอมจบง่ายๆ เหรอ” โดมินิกถามต่ออย่างเป็นห่วง“ก็แล้วนายจะให้ทำยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้รักเธอนี่” เลโอนาดท์ตอบพลางยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์“แล้วนายจะแต่งงานที่ไหน”“คงแต่งที่ไทยให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยพามะลิไปอังกฤษด้วย”“นายจะแต่งเมื่อไหร่” โดมินิกถามต่อ“อีกสองอาทิตย์” เลโอนาดท์บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น“อะไรนะ!” โดมินิกถึงกับอึ้งไปสามวินาทีที่ได้ยินคำตอบ“อีกสองอาทิตย์ แด๊ดกับมัมฉันเตรียมการเอาไว้แล้ว”“ทะ... ทำไมถึงเร็วกว่างานแต่งของฉันอีกวะ” คนที่ถูกตัดหน้างานแต่งถามอย่างไม่เข้าใจ“อ้าว! ก็แล้วทำไมนายไม่เร่งให้เร็วขึ้นล่ะ?” เลโอนาดท์ถามกลับด้วยสีหน้าขบขัน“จริงด้วย! งั้นฉันไปเร่งแด๊ดกับมัมบ้างดีกว่า” โดมินิกบอกราวกับคนค้นพบทางสว่างของชีวิต“ฮ่าๆๆ ขอให้สำเร็จนะ” เลโอนาดท์หัวเราะร่าอย่างชอบใจ“เออ!” โดมินิกเดินกลับเข้าไปในงานด้วยสีหน้าตึงเครียดหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนรักจะวิวาห์สายฟ้าแลบก่อนตนเลโอนาดท์หันไปจ้องมองร่างบางที่มารดาของตนพาไปแนะนำแขกผู้ใหญ่ในงานด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะเริ่มนึกถึ