“ฉินอันอัน!” เขากู่ร้องเรียกชื่อออกมาเธออย่างใจสลาย! ใบหน้าของเขาเย็นเฉียบราวกับใบมีด เปื้อนไปด้วยรังสีสังหารที่น่ากลัวและสยองขวัญ! เขาอยากไปช่วยเธอ! แต่เขากลับพบว่าถึงพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ แต่ก็ห่างไกล! เขาได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงของเธอ เขามองเห็นความกลัวที่ขยายใหญ่ขึ้นในดวงตาของเธอ แต่เขาทำอะไรไม่ได้! เลือดในตัวเขาเดือดพล่านทันที เขาอยากจะสับชายที่รังแกเธอเป็นพัน ๆ ชิ้น! เลาะกระดูกแล้วเอาให้หมากิน! อีกด้านของวิดีโอ ฉินอันอันตกตะลึง นั่นมันเสียงฟู่สือถิง! ร่างกายของเธอหนาวเย็นไม่หยุด! เธอคิดไม่ถึงว่าอิ๋นหวังจะแอบถ่ายวิดีโอส่งให้ฟู่สือถิง! “สือถิง! อย่ามอง!” น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลออกมาจากดวงตาของเธอ “ขอร้องล่ะ! อย่ามอง!” ฟู่สือถิงมองดูท่าทางที่ไร้ทางสู้และเจ็บปวดใจของเธอแล้ว หัวใจเขาเหมือนถูกบดขยี้จนแหลก! นิ้วมือของเขากำโทรศัพท์แน่น มีความเกลียดชังที่กระหายเลือดในดวงตา! “ผมจะรีบไปช่วยคุณ! ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้!” วินาทีที่เขาเอ่ยปาก น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเงียบงัน มันไหลลงมาที่มุมปาก น้ำตารสขม! เขาไม่เคยลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน ที่ได้เห็น
“ผมนัดหมายกับเธอบนเครื่องบินแล้ว ถ้าทางเธอไฟดับ นั่นเป็นสัญญาณที่พวกเราจะเข้าไปช่วยเธอ ถึงเวลานั้นให้เธอฉวยโอกาสที่กำลังวุ่นวายหามุมซ่อนตัว รอจนพวกเราเข้าไปแล้วฆ่าศัตรูให้หมดก็ช่วยเธอออกมาได้แล้ว!” “ถ้าไม่ทำลายระบบวงจรไฟฟ้าของพวกเขา และทำให้ระบบภายในเสียหาย พวกเขาจะต้องใช้เธอเป็นตัวประกันข่มขู่พวกเราแน่!” ……ภายในวิลล่า หลังจากวิดีโอถูกวางสายไปแล้ว เสียงของฉินอันอันก็หายไปเช่นกัน หลังจากที่เธอหยุดดิ้นรนขัดขืนไม่ร้องไห้แล้ว ความสนใจของอิ๋นหวังก็ลดลงเหตุผลทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนของเขานั่นเอง มีเพียงแค่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขาเท่านั้น เธอถึงจะยอมอยู่อย่างสมัครใจ และเหตุผลที่โทรวิดีโอหาฟู่สือถิง ก็เป็นเพราะเขาตรวจสอบเจอว่าฟู่สือถิงคือผู้ชายของเธอหากทำให้ฟู่สือถิงเห็นว่าเธอถูกเหยียบย่ำ ฟู่สือถิงไม่มีทางต้องการเธออีกแน่นอน “ทำไมคุณไม่ร้องแล้วล่ะ? คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยคุณจริง ๆ เหรอ?” อิ๋นหวังยิ้มและตบหน้าเล็ก ๆ ที่เย็นชาของเธอ “คุณรู้ไหมว่ามีทหารซ่อนอยู่ในป่าด้านล่างวิลล่ากี่คน? ถ้าผมไม่อนุญาต ไม่มีใครสามารถเข้ามาในวิลล่าของผมได้!” “ลูกสาวคุ
ไมค์เอาสองมือปิดหน้า ทรุดตัวลงและร้องไห้ “ผมเสียใจมาก! ทำไมเมื่อคืนนี้ผมถึงได้พูดจาโหดร้ายกับเธอขนาดนั้น!” ฟู่สือถิงคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ดวงตาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดร้าว “ตอนนั้นเธอทั้งหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกเอามาก ๆ ถึงผมจะไปช่วยเธอไม่ได้ในทันที แต่ก็ไม่ควรพูดออกมาเลย! เธอได้ยินคำพูดของผมจะต้องสิ้นหวังมากแน่ ๆ…” ไมค์รู้สึกผิดมากจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ลูกกระเดือกฟู่สือถิงขยับขึ้นลงพร้อมกับพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หยุดร้องได้แล้ว! ทำลายระบบใกล้เสร็จรึยัง?”ไมค์เช็ดน้ำตาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเหลือบมองความคืบหน้าบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ใกล้แล้วล่ะ… เสร็จภายในเที่ยงคืนนี้แน่นอน ผมปวดหัวมาก ถ้าฉินอันอันตายแล้วจริง ๆ ผมจะทำยังไงดี?” ฟู่สือถิงเองก็ไม่กล้าตั้งสมมติฐานนี้ “คุณกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเถอะ!” ไมค์มองตอเคราสีเขียวครึ้มที่คางของเขาที่โผล่ออกมา แล้วคิดว่าบางทีเขาอาจจะเจ็บปวดมากกว่าตัวเอง เพราะยังมีลูกที่ยู่ในท้องของฉินอันอันด้วยเขายืนอยู่ที่เดิม ท่าทางเหม่อลอย ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ไมค์พูด “คุณต้องกลับไปดูแลเด็กสองคนแล้วก็ยังมีอิ๋นอิ๋นอีก” ไมค์เพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เขาถึงได้มีป
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมคะ? ฉันจะไปทำมื้อเที่ยงนะคะ” ป้าหงพูดพร้อมกับเดินไปที่ห้องครัว ฟู่สือถิงมองดูบ้าน ที่มีสไตล์การตกแต่งเป็นแบบมินิมอลและมีเค้าโครงที่ชัดเจนในการมองแค่แวบเดียว รุ่ยลาคิดว่าเขากำลังหาห้องอยู่ ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขกอย่างรวดเร็วแล้วชี้บอกทางเขา “คุณนอนในห้องนี้ค่ะ!” ฟู่สือถิงส่งเสียงตอบรับ แต่สายตาของเขากลับถูกกรอบรูปบนตู้ดึงดูด ในกรอบรูปคือภาพถ่ายครอบครัวทีมีจางหยุนและฉินอันอันนั่งอุ้มเด็กทารกด้วยกัน เขาเดินไปที่ตู้แล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูอย่างละเอียด มีคำว่า ‘พวกเราอายุครบหนึ่งขวบแล้ว’ เขียนไว้มุมขวาล่างของรูปภาพ เพราะฉะนั้น น่าจะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตอนที่เด็กสองคนนี้อายุหนึ่งขวบ เด็กทารกอายุหนึ่งขวบสองคนนี้ คนหนึ่งสวมสูทจิ๋วสุดหล่อ อีกคนสวมชุดเจ้าหญิงสีขาว มีมงกุฎประดับบนศีรษะ… เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ดังนั้น นี่คือเสี่ยวหานและรุ่ยลางั้นเหรอ? “คุณรีบมาเร็ว ๆ สิคะ!” รุ่ยลายืนอยู่ที่ประตูห้องรับแขกและตะโกนบอกฟู่สือถิง “มาดูเตียงที่หนูตกแต่งให้คุณสิคะ!” ฟู่สือถิงวางรูปถ่ายลงแล้วเดินหาไปรุ่ยลาทันที ห้องพักแขกที่อยู่ชั
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ท้องฟ้าด้านนอกมืดลง ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา ถึงแม้ไม่หนักมากแต่ก็มากพอที่จะรบกวนจิตใจได้“คุณฉิน ยาเย็นลงแล้ว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉินอันอันได้สติกลับมา เธอเดินไปที่ถังไม้แล้วยื่นมือไปทดสอบอุณหภูมิของยาน้ำ “เอาศพลงเลย!” เธอพูด “เอ่อ…ใส่ไปแบบนี้ จะไม่แช่จนเน่าเหรอ?” ผู้ช่วยอิ๋นหวังถาม “คุณฉิน คุณสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้จริง ๆ ใช่ไหม?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเย็นชา “คุณกำลังตั้งคำถามกับฉันเหรอ?” “ฉันแค่อยากรู้” ฉินอันอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่คือยาสูตรลับ ศพจะไม่เน่าเปื่อย” ผู้ช่วยเห็นว่าเธอจริงจังอย่างมากในสิ่งที่พูด ดังนั้นจึงไม่ตั้งคำถามอีก บอดี้การ์ดสองสามคนยกศพหญิงสาววางไว้ในถังไม้ ฉินอันอันมองเห็นใบหน้าตื่นตระหนกในระดับต่าง ๆ ศพหญิงสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ว่าจะสวยขนาดไหนก็ไม่มีใครชื่นชมความงามของเธอ คนตายไม่ได้น่ากลัว ที่น่ากลัวคือสิ่งที่เราไม่รู้“คุณฉิน ต้องทำอะไรต่อไป?” ผู้ช่วยถาม “รอ” ฉินอันอันยืนอยู่ข้างถังและพูดเสียงเรียบผู้ช่วยใบหน้ามีประหลาดใจ “รออะไร?” “รอให้เธอคืนชีพกลับมา” หลังจากที่ฉินอันอันพูดสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธ
“ฉินอันอันล่ะ ฉินอันอันอยู่ที่ไหน?!” อิ๋นหวังแผดเสียงคำราม “ไอ้พวกหมูโง่! ทำไมไม่พาเธอมาหาฉัน?!” บอดี้การ์ดและผู้ช่วยต่างพากันตามหาฉินอันอันเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอยืนอยู่ข้างถัง ไม่ขยับตัวเลยแล้วทำไมจู่ ๆ ถึงหายไปได้? ไฟฉายในมือของผู้ช่วยฉายไฟไปยังศพหญิงสาวที่แช่ในถังไม้ โทรศัพท์ในมือหล่นลงพื้นส่งเสียงดัง ‘ปัง’! “ผี! ผีหลอก!” มีคราบเลือดสองสามหยดติดอยู่ที่หางตาและมุมปากของศพหญิงสาว เหมือนกับว่าศพเปลี่ยนสภาพไปแล้ว มันน่ากลัวมาก! ผู้ช่วยตกใจกลัวจนวิ่งหนีเตลิดไปแล้ว! บอดี้การ์ดที่ถือไฟฉายต่างพากันฉายไฟไปที่ใบหน้าของศพหญิงสาวด้วยเช่นกัน ถึงแม้ทุกคนจะไม่กรีดร้อง แต่ก็วิ่งหนีไปโดยอัตโนมัติ “เจ้านาย ด้านนอกมีเฮลิคอปเตอร์เยอะมาก!” หลังจากผู้ช่วยวิ่งหนีมาที่ชั้นหนึ่ง ก็พบว่าด้านนอกน่ากลัวยิ่งกว่าผี! อิ๋นหวังกัดฟันแล้วยกปืนขึ้น ชี้ไปศีรษะของศพหญิงสาวแล้วเหนี่ยวไกปืน ครั้นเสียง ‘ปัง ปัง’ ดังติดต่อกันหลายครั้ง ส่วนศีรษะของศพหญิงสาวก็มีรูกระสุนปรากฎขึ้นหลายรู! นี่ไม่ใช่ลูกสาวที่เขารักสุดหัวใจอีกต่อไปแล้ว ลูกสาวของเขาเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก ไม่ใช่ผีที่น่ากลัวแบบนี้!
ดวงตาของฟู่สือถิงเปลี่ยนเป็นอาฆาตทันที! คุณหมอรีบเปลี่ยนคำพูด “ฉันไม่ได้พูดว่าเธอตายแล้ว เธออาจเสียเลือดมากจนตกอยู่ในภาวะตกใจชั่วคราว แค่ ตกใจน่ะ!” ขนตาฟู่สือถิงสั่นเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกอดหญิงสาวในอ้อมแขนแน่น จนแทบจะผสานร่างของเธอเข้ามาในตัวเขา ครู่ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดที่โรงพยาบาล และฉินอันอันก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำการช่วยชีวิต ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูห้องฉุกเฉิน ราวกับถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราวไว้ทั้งตัวร่างกายและหัวใจของเขาเหมือนจะกลวงเปล่า! ถ้าหากเกิดความผิดพลาดอะไรก็ตามกับฉินอันอัน เขาจะทำยังไง? เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นแทรกอารมณ์และความคิดอันเจ็บปวดของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสายอัตโนมัติ “ฉินอันอันเป็นยังไงบ้าง?! ผมจัดการอิ๋นหวังเรียบร้อยแล้ว!” ไมค์พูดอย่างภาคภูมิใจ “ตาแก่นี่! ผมรู้อยู่แล้วว่าจะเขาออกมาทางประตูด้านหลัง… พอเขาออกมาปุ๊บผมก็จับเขาปั๊บ!” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลง น้ำเสียงแหบพร่า “เธอถูกยิงที่แขน ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่” “พวกคุณอยู่โรงพยาบาลไหน?! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” ไมค์ชะงักไปชั่วขณะแล้วถามว่า “ตอนคุณเจอเ
แน่นอนว่าเขาเลือกฉินอันอัน เขาไม่อยากทอดทิ้งลูก แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นลูกของพวกเขากำลังจะมีอายุครบสี่เดือน หากไม่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็จะมองเห็นหน้าเด็กได้ชัดเจนในการตรวจครรภ์ครั้งต่อไป! “เอาล่ะ คุณผู้ชาย คุณช่วยเซ็นชื่อในใบรับทราบและยินยอมรับการรักษาด้วย” คุณหมอหยิบเอกสารหนึ่งแผ่นแล้วยื่นให้เขา “ต้องการฉีดยาชาในการผ่าตัดเอากระสุนออกให้คนไข้หรือไม่? ยาชาอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์อย่างมาก ถ้าคุณต้องการเก็บลูกไว้ พวกเราจะไม่ฉีดยาชาให้คนไข้” “มันจะไม่เจ็บปวดมากเหรอ?!” ฟู่สือถิงย่อมอยากเก็บเด็กไว้ แต่เมื่อคิดถึงการผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาชา ฉินอันอันจะต้องเจ็บปวดจนตายแน่นอน! “ใช่ เจ็บปวดมาก แต่จะผ่านไปได้” หมอกล่าว “ตอนนี้เธออ่อนแอมากแล้ว ผมไม่ยากให้เธอต้องได้รับความเจ็บปวดอีก” ฟู่สือถิงรู้สึกหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ จนรู้สึกเจ็บตอนที่หายใจ “โปรดให้ยาชากับเธอเถอะครับ” “ตกลง” หมอหยิบใบรับทราบและยินยอมรับการรักษาที่เขาเซ็นชื่อจากมือเขาแล้วหันกลับเข้าห้องฉุกเฉินไป ฟู่สือถิงปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ต้องสละชีวิตเด็ก แต่ยังดีที่ฉินอันอันปลอดภัย ถ้าเธอเป็นอะไรไป ลูกของพวกเขาก็ไม่รอ