แชร์

องหญิงจิ้งจอกสวรรค์

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-27 12:53:45

สุดสิ้นช่วงเวลาอันครึกครื้น งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ถึงคราเลิกรา ความเงียบงันยามวิกาลโรยตัวลงปกคลุมทั่วจวนสกุลเซียวขนาดใหญ่

ใต้ซอกกำแพงที่ผุพังด้านหนึ่ง ก้อนขนสีขาวเล็กขมุกขมอมมุดลอดออกมาจากรูโหว่ที่พังทลาย

โม่เสวี่ยไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนของจวนใหญ่ แต่ในงานวันนี้มีคนที่ทรงอำนาจกว่าสตรีใจเหี้ยมนางนั้นมากมาย ขอเพียงล่อลวงใครสักคนที่ใหญ่กว่านางได้ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องหนีออกมาจากบ่วงอำมหิตจของหญิงนางนั้น

ใบหน้าเล็กๆ ที่ปกขนไปด้วยขนสีขาวยับย่นด้วยความไม่พอใจ ยามคิดว่ามันที่เพิ่งออกมาเที่ยวเล่นกลับตกหลุมพรางของมนุษย์ได้อย่างไร

โม่เสวี่ยเป็นรถึงองค์หญิงองค์เล็กแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ลวงตา นางเกิดมาพร้อมสายเลือดอันเข้มข้นของบรรพบุรุษ ทว่าต้องแลกมากับร่างกายที่อ่อนแอเปราะบางกว่าตนอื่นๆ ตั้งแต่แรกเกิด

บิดามารดาพี่ชายพี่สาวทะนุถนอมนางมาก ผู้คนในเผ่าก็ล้วนรักเอ็นดูนาง จิ้งจอกเด็กรุ่นเดียวกันยิ่งไม่มีใครกล้าขัดใจนาง พวกมันเป็นทั้งบ่าวรับใช้และลูกสมุน เป็นทุกอย่างให้นางยกเว้นสหาย

เผ่าจิ้งจอกถือเรื่องสถานะและความเข้มข้นของสายเลือดอย่างยิ่ง เสด็จแม่จิ้งจอกบอกกับนางว่าจิ้งจอกน้อยสายเลือดบางเบาเหล่านั้นล้วนจ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   หงส์เหินสู่สุวรรณภูมิ

    ถึงงานเลี้ยงจะจบสิ้นไปแล้ว แต่ใช่ว่าสกุลเซียวจะรีบร้อนไล่แขกเรือกลับไป แขกจำนวนมากมาจากแดนไกลเผื่อเข้าร่วมงาน ด้วยฐานะของสกุลเซียวแล้วจะรับรองพวกเขาพักผ่อนในเรือนพักแขกสองสามวันไม่ใช่ปัญหาดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมาก ไม่รีบร้อนกลับภูมิลำเนาและเลือกจะพักแรมด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป ไม่ว่ารอคอยบุตรที่อาจสอบเข้าสำนักศึกษา สานสัมพันธ์กับตระกูลอื่นๆ ที่ไม่ได้พบเห็นกันง่ายๆ หรือแม้แต่อยู่ต่อเพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ เช่นคุณชายผู้หนึ่งแซ่ซ่งนามจินเป็นต้น“เจ้ารู้เรื่องการเดิมพันของคุณหนูจ้างและคุณหนูเหมยหรือยัง”ซ่งจินผู้ได้รับข่าวก่อนใครเอ่ยอย่างมั่น “ฟังว่าการสอบและการเดิมพันครั้งนี้เพราะมีคนนอกสอบเข้าจึงสามารถให้คนนอกร่วมชมได้ ข้าให้บ่าวไปบ่าวไปจองที่นั่งแถวหน้าไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว”เหล่าคุณชายได้ยินดังนั้นก็ยิ่งคึกคัก “สมแล้วที่เป็นคุณชายซ่ง นับถือๆ"“เจ้าว่าใครจะชนะ”“ข้าว่าเป็นหนูจ้าว อักษรเมื่อคืนนี้ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”“แต่เทียบกันแล้วข้าประทับใจของขวัญของคุณหนูเหมยมากกว่า ข้าว่านางเองก็ไม่อาจประมาท”“ถูกต้อง นางได้รับการอบรมจากสายหลักสกุลเซียวแน่นอนว่าความสามารถย่อมมิใช่ธรรมดา”“คุณชาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-29
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เฟิงหวงหล่นร่วงสู่อเวจี

    สายฉินสั่นสะเทือนนักดนตรีบรรเลงดีหรือไม่ หากท่านฟังดนตรีเป็น ท่านจะบอกได้เพียงได้ยินดนตรีทำนองแรกท่วงทำนองอันใสสะอาดที่ชำแรกลงในแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แสงตะวันต้องศีรษะนางเผยให้เห็นเส้นผมรำไรเหนือคิ้วโค้งดั่งคังศร แพขนตาหลุบซ่อนความรู้สึกที่ไม่อาจมีผู้ใดรับรู้ได้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลัก สองมือเรียวปรับสายฉินอย่างไม่รีบร้อน การเคลื่อนไหวเรียบร้อยลื่นไหลดุจเมฆล่องสายฝนริน บ่งบอกถึงความชำนาญและทักษะอันแข็งแกร่งของนาง ทำให้คนที่เอาแต่วิจารณ์ล้วนต้องหุบปากสิ้นลำพังท่าทีนี้ของกินขาดคุณหนูสกุลจ้าวไปแล้วเกินครึ่ง“เริ่มได้เลยหรือไม่เจ้าคะ”เหล่าอาจารย์ตัดสินพลันได้สติจากสองมือขาวที่คล้ายกำลังร่ายมนตร์ของนาง “เริ่มเถอะ”ลานกว้างที่บรรจุคนนับร้อยพลันเงียบสงัดก่อนสายลมพัดแผ่วนำพาท่วงทำนองอันวิจิตรเข้าสู่โสต ดุริยทำนองครวญมันบอกเล่าเรื่องราวเหนือต้นอู่ถงโบราณเก่าแก่สูงค้ำตระง่านฟ้าบนต้นมีรังร้างอยู่รังหนึ่งในรังมีไข่นกฟองหนึ่งท่วงทำนองเร่งกระชั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความยากลำบากของลูกนก จะงอยปากเล็กๆ ยังอ่อนนิ่มเมื่อเทียบกับเปลือกไข่เจ้านกน้อยส่งเสียงร้องจิบๆ ตามสัญชาตญาณไม่มีใครสนใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-30
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ระบบเพิ่มพูนวาสนา

    ห้วงเวิ้งแห่งว่างเปล่าไร้อาทิตย์ ดวงดาว และจันทร์สกาวส่องฉาย อนันตาไร้สิ้นสุดในกาลยาวนานเกินจะนับได้หรืออาจเป็นเพียงเสียวเวลาสั้นแห่งการถอนใจไม่กี่คราแล้วก็มลายไป สิ้นแล้วซึ่งความหวัง ความอบอุ่นเย็นชาทั้งหลายในโลกีย์วิสัยสถานที่อันว่างเปล่าและขาวโพลน ที่ซึ่งแยกไม่ออกว่าเป็นทั้งฟ้าหรือผืนดิน หากแต่จะเรียกสิ่งนี้ว่าท้องฟ้า มันก็เป็นท้องฟ้าที่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน ปกคลุมไปด้วยเงาสลัวรางอันมืดมิดและแสงจาดจ้าอันขาวโพลนสลับกันไปมากลายเป็นผืนนภาอันสุดทนดูที่กระด่างกระดำ ทั้งจะดำก็ไม่ดำจะขาวก็ไม่ขาว เป็นจุดแสงจุดมืดระยิบระยับสลับกัน ยังมีเสียงสาดซ่าบาดแก้วหูเดี๋ยวแว่วเดี๋ยวดับ จนหากคนเป็นได้ยลเห็นคงมิแคล้ววิงเวียนจนต้องอาเจียนออกมาเป็นแน่แท้โชคดีนะที่นางตายแล้วปรภพช่างอุจาดตาเสียจริงอมนุษย์ที่ล่องลอยอย่างไร้จุดหมายคิด พลันฉุกสติตัวขึ้นมาได้ว่าตนนั้นคล้ายว่าจะตายเสียแล้ว จบสิ้นชีวิตอเนจอนาถสุดแสนจะน่าเวทนานี้เสียทีปรภพแห่งนี้เป็นสถานที่พิอันกลนัก ไร้แม่น้ำวั่งชวนเหม็นคาวคละคลุ้งทอดยาว ไม่มีสะพานไน่เหอหรือดอกปี่อั้นสองแดงฉานสองข้างทาง กระทั่งไม่มียายเมิ่งผู้ถือน้ำแกงลื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ฟื้นคืน

    สายลมเหน็บหนาวพาพัดคืนค่ำพรำลมฝน ความมืดยามวิกาลคืบคลานบดบังผืนฟ้าจวบจนจันทรามิอาจยลเห็น สายฝนฉ่ำเย็นรัตติกาลพาลพาผู้คนรู้สึกถึงลางร้ายดุจภูตพรายแห่งความตายวนเวียน ใต้เฉลียงโคมส่องแสงกระทบเงาเท้าผู้คนเดินเข้าออกกระสับกระส่าย เสียงระงมวุ่นวาย “เป็นอย่างไร” ชายชราถามเสียงเหี้ยม ทำทีว่าหากคำตอบมิได้ดั่งใจก็จะฆ่าฟัน ทำให้เหล่าแพทย์นักปรุงโอสถทั้งหลายหลบตากันจ้าละหวั่น เสียงหัวเข่ากระแทกพื้นไม้ดังขึ้น “ท่านผู้เฒ่าเซียว นะ นี่.. . คุณหนูใหญ่ยังเล็กนัก เดิมที่ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว ครานี้ตกน้ำไปแม้จะยื้อลมหายใจคืนมาได้ แต่ชีพจรกลับแผ่วนัก หากใช้ยาแรงเกินไปก็เกรงว่าจะกระทบรากพรสวรรค์ ทว่าผ่านมากหลายชั่วยามคุณหนูใหญ่กลับไม่ฟื้นขึ้นมา หากไม่ใช้ยาแรงกว่านี้ผู้น้อยเกรงว่า.. .” คำพูดต่อไปไม่ต้องให้พวกเขาพูดต่ออตีดผู้นำตระกูลเซียวก็เดาได้ นายท่านผู้เฒ่าได้แต่ถอนใจด้วยความกลัดกลุ่มกังวล รากพรสวรรค์ในการฝึกตนของผู้คนมักแบ่งบานในช่วงวัยเจ็ดขวบ ร่างกายของหลานสาวตนเดิมที่ก็ไม่สู้ดีมาโดยตลอด สำหรับโลกแห่งการกระทบรากพรสวรรค์หมายถึงสิ่งใด ในฐานะผู้อาวุโสตระกูลใหญ่ในโลกแห่งการบำเพ็ญ เซียวอี้จงย่อมรู้ด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เซียวอวิ๋นหัง

    เงาน้ำทอดอ่างทองแดงสั่นสะท้อน ผ้าฝ้ายผิวนุ่มถูกจุ่มชุบน้ำอุ่นก่อนบรรจงเช็ดลงบนดวงหน้าเล็กๆ ของเหมยลี่อิงที่กำลังงัวเงีย นางส่งเสียงงึมงำเล็กน้อยขณะสาวใช้กำลังล้างหน้าตนเอง ส่วนแม่นมเดิมที่คอยรับใช้นางนั้นถูกไล่ออกไปแล้วหลังประมาทจนนางตกน้ำ นางครุ่นคิดในใจว่าดีนักที่ตนย้อนมาช่วงนี้พอดี ในชีวิตก่อนของนางเพราะอุบัติเหตุอันเป็นฝีมือของมารดาปลอมๆ อันเป็นที่รักนี่เอง ที่ให้รากพรสวรรค์ของนางถูกกระทบ ไม่ว่าจะบำเพ็ญเพียรอย่างไร พยายามเท่าไร ผลของมันก็เพียงดีกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากนางเป็นคนธรรมดาระดับการบำเพ็ญเล็กน้อยนั้นไม่นับเป็นอันใด ปัญหาคือหลังจากพลิกผันมากมาย สถานะของนางยังสูงส่งขัดกับพรสวรรค์ที่ควรมีกระทั่งถูกวิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง จนถึงปัจจุบันนางยังขบคิดไม่เข้าใจ ว่ามารดาใดในโลกจะโหดร้ายกับลูกของตนเองได้ถึงเพียงนั้น แน่นอนว่ามีอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือตนไม่ใช่บุตรสาวของนางจริงๆ เพล้ง !ซ่า! เสียงอ่างน้ำตกพื้น หยาดน้ำใสหยดกระจายจนเลอะพื้นห้อง กระเด็นโดนชายชุดนอนเด็หกหญิงจนเปียกชุม “ทำอะไรของเจ้า!!” สาวใช้ตวาดบ่าวเด็กผู้นั้นก่อนกดหัวเขาให้คุกเข่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สหายร่วมเรียน

    “หุบปากเสีย” นิ้วเล็กชี้ไปยังสาวใช้ที่คร่ำครวญไม่เลิกผู้นั้น เด็กน้อยวัยห้าขวบตัวกลมป้อม แก้มระเรื่อแดงก่ำจากการเพิ่งตื่นนอน ผมเผ้ารุงรังชี้นิ้วถลึงตา ไม่ว่าดูอย่างไรก็น่ารักน่าเอ็นดู ทว่าเพราะสถานะนางทำให้ผู้คนไม่กล้าเพิกเฉย รวมกับกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้นางดูไม่สามัญธรรมดา เหมยลี่อิงชี้ไปที่บ่าวรับใช้ระดับสองให้ลากนางออกไป ด้วยฐานะหลานสาวสายตรงของนาง ปกติจะมีแม่นมหนึ่งคน สาวใช้ระดับหนึ่งรับใช้ข้างกายสองคน สาวใช้ระดับสองทำงานหยาบสี่คน บ่าวไพร่ทำงานหยาบในเรือนอีกไม่เกินห้าคน ยามนี้นางขาดแม่นมไปแล้วหนึ่งคน สาวใช้ข้างกายก็ใช้การไม่ได้อีกหนึ่งคน รวมเซียวอวิ๋นหังเจ้าปัญหาที่ไม่รู้ว่ารับเข้าเรือนมาตั้งแต่เมื่อไรผู้นี้อีก ยังไม่รู้เลยว่าบ่าวเหล่านี้ภักดีต่อใคร เป็นสายของเรือนไหนแฝงเข้ามาบ้าง ครู่หนึ่งเหมยลี่อิงพลันรู้สึกสมองพองโตขึ้นมา นางสั่งบ่าวระดับสองคนหนึ่งที่เหลือในห้องพลางมองไปที่เด็กชาย “เจ้าพาเขาไปอาบน้ำ เช็ดเนื้อตัวเสีย อย่าได้คิดกลั่นแกล้งรังแกคนให้คุณหนูเช่นข้าเห็นอีกเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ สาวใช้ตัวน้อยรู้สึกว่าคุณหนูของนางยามนี้หน้าเกรงขามอย่างยิ่ง พลันพยักห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สีสัน

    โลกที่เขารู้จักไม่เคยมีความงดงาม อวิ๋นหังเกิดในจวนตระกูลใหญ่ แต่สถานะของเขากลับต่ำยิ่งกว่าบ่าวไพร่ เนื่องเพราะมารดาของเขาเป็นเผ่ามาร เขาเกิดมาก็ไม่รู้อะไรมากนัก รู้เพียงแต่ฮูหยินใหญ่จวนสี่มักไม่ยินดีในการมีอยู่ของเขา ส่วนผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาเองก็ไม่เคยใส่ใจ ต่างจากความเป็นอยู่ของทายาทตระกูลใหญ่ เขาอาศัยอยู่ในห้องเก็บฟืนเล็กที่เต็มไปด้วยฟางแห้ง บ้าวครั้งก็มีหนู มีงู มีตะขาบเป็นเพื่อน พวกมันบ้างคราก็มานอนกับเขา บ้าวคราก็กัดเขา ฝังพิษบ้าง เขาไม่ได้ใส่ใจเพราะอย่างไรเขาก็ไม่ตาย อีกทั้ง อย่างไรก็ดีกว่าอยู่ตัวคนเดียว ตอนเช้าเขาต้องหาบน้ำ ตอนสายต้องเป็นลูกมือทำอาหาร ต้องเที่ยงต้องล้างจาน ตอนเย็นยังต้องซักผ้า ท้องฟ้าที่เขาเห็นไม่เคยเป็นสีฟ้าใส บางครั้งมันก็เปล่งประกายแดงๆ ในอากาศสีขาวดำ ความอาฆาตพยาบาทที่ลอยมาจากผู้คนมักเข้าเติมเต็มท้องของเขาประทังหิว มันมาพร้อมกับความขุ่นแค้น ริษยา อารมณ์อันแสนเหม็นเน่าที่เขาเพียงมองว่าเป็นอาหารเพราะว่าไม่อาจกินข้าวขาวได้อิ่มเหมือนคนอื่นๆ แม่นมจั่วข้างกายฮูหยินใหญ่มักเอามือนางจิกกระชากเส้นผมเขาแล้วกล่าว หากเจ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีข้าวกิน แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สำนักศึกษา

    ฝ่ายคุณหนูใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยความลึกลับอันหญิงใหญ่กลับถอนหายใจอยู่ในรถม้ามองท่านตาที่ทำตาอาลัยอาวรอย่างเสียไม่ได้ แบบนี้นางได้มีหวังไปเข้าเรียนสายตั้งแต่วันแรกเป็นแน่แท้ เด็กน้อยฉีกรอยหวานประจบเอาใจผู้เป็นตา พลางเอ่ยปลอยว่า “ท่านตาเจ้าขา เดี๋ยวตอนเย็นพวกเราก็ได้เจอกันแล้วเจ้าคะ” เซียวจงสิงยังรำลาหลานพร้อมเช็ดน้ำตาในใจ ลูกนกที่เขาเริ่มฟูมฟักย่อมต้องเติบใหญ่ วันนี้บินไปเรียนที่สำหน้าศึกษา ไม่รู้ว่าวันหน้าจะโบยบินไปถึงที่ใด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจอยู่ใต้ปีกของตนได้ตลอดไป “อิงเอ๋อร์จำที่ตาบอกได้หรือไม่” เหมยลี่อิงพนักหน้าหงึกงัก พรางกระชับป้ายไม้อาคมให้มิดชิด ป้ายไม้อันนี้ท่านตาเชิญสหายนักพรตมาทำให้ตั้งแต่ยังเล็กเพื่อปกปิดพลังของนาง เหมยลี่อิงค่อนข้างพิเศษนางเกิดมาพร้อมกับพลังปราณอันบริสุทธิ์ดุจของขวัญอันล้ำค่าจากสวรรค์ แต่น้ำหนักของของขวัญนี้ยิ่งใหญ่เกินไป เหมยลี่อิงยังเล็กเกินกว่าจะแบกรับมันไว้ได้ ขอเพียงมีข่าวลือสักเล็กน้อยว่าทารกอายุไม่กี่เดือนกลับเดินลมปราณด้วยตนเอง พลังปราณที่ได้จากกลั่นลมกายใจเจื่อความบริสุทธิ์ผ่องใส ทำให้ทุกผู้คนอยากเข้าใกล้ สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนชิดเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19

บทล่าสุด

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เฟิงหวงหล่นร่วงสู่อเวจี

    สายฉินสั่นสะเทือนนักดนตรีบรรเลงดีหรือไม่ หากท่านฟังดนตรีเป็น ท่านจะบอกได้เพียงได้ยินดนตรีทำนองแรกท่วงทำนองอันใสสะอาดที่ชำแรกลงในแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แสงตะวันต้องศีรษะนางเผยให้เห็นเส้นผมรำไรเหนือคิ้วโค้งดั่งคังศร แพขนตาหลุบซ่อนความรู้สึกที่ไม่อาจมีผู้ใดรับรู้ได้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลัก สองมือเรียวปรับสายฉินอย่างไม่รีบร้อน การเคลื่อนไหวเรียบร้อยลื่นไหลดุจเมฆล่องสายฝนริน บ่งบอกถึงความชำนาญและทักษะอันแข็งแกร่งของนาง ทำให้คนที่เอาแต่วิจารณ์ล้วนต้องหุบปากสิ้นลำพังท่าทีนี้ของกินขาดคุณหนูสกุลจ้าวไปแล้วเกินครึ่ง“เริ่มได้เลยหรือไม่เจ้าคะ”เหล่าอาจารย์ตัดสินพลันได้สติจากสองมือขาวที่คล้ายกำลังร่ายมนตร์ของนาง “เริ่มเถอะ”ลานกว้างที่บรรจุคนนับร้อยพลันเงียบสงัดก่อนสายลมพัดแผ่วนำพาท่วงทำนองอันวิจิตรเข้าสู่โสต ดุริยทำนองครวญมันบอกเล่าเรื่องราวเหนือต้นอู่ถงโบราณเก่าแก่สูงค้ำตระง่านฟ้าบนต้นมีรังร้างอยู่รังหนึ่งในรังมีไข่นกฟองหนึ่งท่วงทำนองเร่งกระชั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความยากลำบากของลูกนก จะงอยปากเล็กๆ ยังอ่อนนิ่มเมื่อเทียบกับเปลือกไข่เจ้านกน้อยส่งเสียงร้องจิบๆ ตามสัญชาตญาณไม่มีใครสนใ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   หงส์เหินสู่สุวรรณภูมิ

    ถึงงานเลี้ยงจะจบสิ้นไปแล้ว แต่ใช่ว่าสกุลเซียวจะรีบร้อนไล่แขกเรือกลับไป แขกจำนวนมากมาจากแดนไกลเผื่อเข้าร่วมงาน ด้วยฐานะของสกุลเซียวแล้วจะรับรองพวกเขาพักผ่อนในเรือนพักแขกสองสามวันไม่ใช่ปัญหาดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมาก ไม่รีบร้อนกลับภูมิลำเนาและเลือกจะพักแรมด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป ไม่ว่ารอคอยบุตรที่อาจสอบเข้าสำนักศึกษา สานสัมพันธ์กับตระกูลอื่นๆ ที่ไม่ได้พบเห็นกันง่ายๆ หรือแม้แต่อยู่ต่อเพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ เช่นคุณชายผู้หนึ่งแซ่ซ่งนามจินเป็นต้น“เจ้ารู้เรื่องการเดิมพันของคุณหนูจ้างและคุณหนูเหมยหรือยัง”ซ่งจินผู้ได้รับข่าวก่อนใครเอ่ยอย่างมั่น “ฟังว่าการสอบและการเดิมพันครั้งนี้เพราะมีคนนอกสอบเข้าจึงสามารถให้คนนอกร่วมชมได้ ข้าให้บ่าวไปบ่าวไปจองที่นั่งแถวหน้าไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว”เหล่าคุณชายได้ยินดังนั้นก็ยิ่งคึกคัก “สมแล้วที่เป็นคุณชายซ่ง นับถือๆ"“เจ้าว่าใครจะชนะ”“ข้าว่าเป็นหนูจ้าว อักษรเมื่อคืนนี้ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”“แต่เทียบกันแล้วข้าประทับใจของขวัญของคุณหนูเหมยมากกว่า ข้าว่านางเองก็ไม่อาจประมาท”“ถูกต้อง นางได้รับการอบรมจากสายหลักสกุลเซียวแน่นอนว่าความสามารถย่อมมิใช่ธรรมดา”“คุณชาย

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   องหญิงจิ้งจอกสวรรค์

    สุดสิ้นช่วงเวลาอันครึกครื้น งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ถึงคราเลิกรา ความเงียบงันยามวิกาลโรยตัวลงปกคลุมทั่วจวนสกุลเซียวขนาดใหญ่ใต้ซอกกำแพงที่ผุพังด้านหนึ่ง ก้อนขนสีขาวเล็กขมุกขมอมมุดลอดออกมาจากรูโหว่ที่พังทลายโม่เสวี่ยไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนของจวนใหญ่ แต่ในงานวันนี้มีคนที่ทรงอำนาจกว่าสตรีใจเหี้ยมนางนั้นมากมาย ขอเพียงล่อลวงใครสักคนที่ใหญ่กว่านางได้ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องหนีออกมาจากบ่วงอำมหิตจของหญิงนางนั้นใบหน้าเล็กๆ ที่ปกขนไปด้วยขนสีขาวยับย่นด้วยความไม่พอใจ ยามคิดว่ามันที่เพิ่งออกมาเที่ยวเล่นกลับตกหลุมพรางของมนุษย์ได้อย่างไรโม่เสวี่ยเป็นรถึงองค์หญิงองค์เล็กแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ลวงตา นางเกิดมาพร้อมสายเลือดอันเข้มข้นของบรรพบุรุษ ทว่าต้องแลกมากับร่างกายที่อ่อนแอเปราะบางกว่าตนอื่นๆ ตั้งแต่แรกเกิดบิดามารดาพี่ชายพี่สาวทะนุถนอมนางมาก ผู้คนในเผ่าก็ล้วนรักเอ็นดูนาง จิ้งจอกเด็กรุ่นเดียวกันยิ่งไม่มีใครกล้าขัดใจนาง พวกมันเป็นทั้งบ่าวรับใช้และลูกสมุน เป็นทุกอย่างให้นางยกเว้นสหายเผ่าจิ้งจอกถือเรื่องสถานะและความเข้มข้นของสายเลือดอย่างยิ่ง เสด็จแม่จิ้งจอกบอกกับนางว่าจิ้งจอกน้อยสายเลือดบางเบาเหล่านั้นล้วนจ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อักษรฝู

    นัยต์ตาดอกท้อทอประกายระยิบระยับ เหมยลี่อิงแย้มยิ้มอย่างน่ารัก นางหยิบกระระฆังเล็กๆ สีทองเหลืองขนาดเท่ากำมือออกมาพลางกล่าว “ลี่อิงคาราวะท่านตา ขอให้ท่านตาอายุยืนยาวเป็นพันๆ ปีดุจเขาไท่ซ่าน มีความสุขโชติช่วงไม่สิ้นสุดเจ้าค่ะ ” เสียงกระฆังน้อยในมือนางก้องกังวาลเป็นสัญญาณให้โคมลอยมากมายที่ถูกจุดจนส่องสว่างลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่านางใช้วิธีการใดเหล่าโคมกลับไม่ลอยปลิวหนีไป แต่ค่อยๆ เรียบตัวเหนือผืนฟ้าเป็นอักษร“福 (ฝู)—ความสุข มีโชค)” ที่สวยงามอย่างยิ่ง ใต้ท้องนภาสีดำเข้มราวน้ำหมึก ปรากฎประภาอักษร ‘ฝู’ สีทองส่องสว่างงดงามเป็นมงคล เฉิดฉายราวจะกลบแสงจันทร์ให้หม่นหมอง เหมยลี่อิงยิ้มตาหยีลั่นระฆังใบน้อยในมืออีกครั้ง ม้วนกระดาษใต้โคมไฟเหล่านั้นถูกปล่อยลงมา โคมทุกใบเต็มไปด้วยคำอวยพรอันเรียบง่ายแต่จริงใจจากพวกเขาสามคนพี่น้อง ‘ขอให้ท่านตาอายุยืนยาวเป็นที่รักของลี่อิงตลอดไป’ ‘ขอให้ท่านตามีความสุขดุจอาทิตย์เที่ยงวัน’ ‘ขอให้ท่านตารักข้ามากขึ้น ทำโทษข้าน้อยลง’ ‘…..’ ‘ขอใหท่านตาสุขภาพแข็งแรง’ ‘ขอให้ท่านตาแข็งแกร่งดั่งวัวเหล็กยักษ์ ก้าวขาทีสะเทือนขุนเขา’ ‘ขอให้เส้นทางบำเพ็ญข

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ศัตรู

    หากจ้าวลี่อิงคือดารากลางนภาสว่างไสวให้ผู้คนต้องเหลียวมองซ้ำ การคงอยู่เหมยลี่อิงนั้นกลับเจิดจรัสดั่งจันทร์ฉาย ทำให้ผู้คนไม่อาจล่ะสายตาจากนางได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เด็กหญิงในชุดสีแดงอิ่มเอิ่บดุจผลทับทิมสุกงอม ผิวขาวกระจ่างราวหิมะแรก คิ้วโก่งดั่งใบหลิว นัยต์ตาดอกท้อเปล่งประกายเหมือนบรรจุไว้ด้วยมหาสมุครดวงดาวนับหมื่นพัน ทั้งที่สามใส่อาภรณ์สีแดงสดใส แต่กลิ่นอายของนางกลับวิสุทธิ์สุกใสปราศจากมนทินใดๆ ดุจเซียนน้อยใต้อาสนะดอกบัวของพระโพธิ์สัตว์ผู้ค้ำจุนสรรพชีวิต ทำให้ผู้คนรู้สึกทั้งต้องเว้นระยะห่างและต้องการชิดใกล้นางโดยสัญชาตญาณ กล่าวโดยสรุปนางเหมือนตุ๊กตามงคลตัวน้อยอันปราณีตที่ให้ความรู้สึกไม่คล้ายสมจริง เสียงไพเราะของปีกปิ่นผีเสี้อสีลูกหว้ากระทบกันเบาๆ เหนือศรีษะ เวลาที่นางย่างก้าวยังส่งเสริมให้นางดูศักดิ์สิทธิ์สง่างาม “ผู้คนสามารถงดงามได้ถึงเพียงนี้จริงๆ ” ซ่งจินรู้สึกว่าตนมีชีวิตอยู่มาสิบสี่ปีช่างเสียเปล่านัก วันนี้ถึงได้รู้ว่าอะไรเรียกว่าคนงามที่แท้จริง เขาอดไมใได้เย้าแหย่สหายข้างกายเล็กน้อย “เจ้ามิใช่บอกว่านางมีข่าวลือว่าอัปลักษณ์พิกลพิการหรอกหรือ” คุณชายผู้นั้นพึมพำอย่างเลื่อนลอย “นาง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   วางหมาก

    ช่องสีเหลี่ยมตารางตัดขวางเสมอกัน เม็ดขาวดำกลมเกลี้ยงเป็นมันวาว ชั้นเรียนนี้วันนี้คือหมากล้อมหนึ่งในศาสตร์ศิลป์อันเลื่องลื่อหมากขาวบนกระดานค่อยๆ ถูกรุกไล่ ถูกกลืนกินที่ละนิดดุจชายฝั่งเซาะน้ำฝนค่อยเลือนหาย เม็ดทรายกระจัดกระจายลงผืนน้ำ สายน้ำนั้นทั้งอ่อนโยน ลุ่มลึกแต่กลับไม่อาจต้านทานได้เหมยลี่อิงได้แต่นั่งมองหมากขาวถูกกลืนหายปตาปริบๆ อย่างช่วยไม่ได้“ข้าแพ้อีกแล้ว!”นางทรุดตัวลงบนเก้าอี้ถามอย่างท้อแท้ “เจ้าเพิ่งเคยเล่นจริงๆ หรือ”“ถูกต้อง” เซียวอวิ๋นหังกล่าวโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเหมยลี่อิงยิ่งฟังยิ่งโรยแรงดุจต้นกล้าน้อยที่เหี่ยวเฉา นางแทบทำใจเชื่อไม่ได้ว่าตัวนางที่ประสบการณ์มากมายกลับพ่ายแพ้ให้กลับเด็กที่เพิ่งหัดเล่นไม่ถึงครึ่งชั่วยามตาแรกยังพอแก้ตัวได้ว่าตนประมาทไปพอตาที่สองตาที่สามที่สี่ที่ห้า....นางอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าตัวเขาเป็นอัจฉริยะเกินไปหรือว่านางโง่เขลาเกินไปกันแน่เด็กหญิงเริ่มสงสัยในชีวิตหรือทุกสิ่งที่นางประสบมาล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา เป็นฟองสบู่บางๆ ที่ถูกจิ้มแตกแล้วก็จางหาย“เป็นถึงคุณหนูใหญ่สายตรงกับไม่อาจเอาชนะแม้แต่ลูกอนุสายสี่ได้ เจ้าช่างน่าอนาจใจโดยแท้”เสียงดัดแ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เซียวปี้เหลียน

    “พิษ?” ในที่นี้มีเพียงเซียวสือรุ่ยที่ตกใจ“เป็นพิษไร้สี ไร้กลิ่น สะสมทีน้อยและออกฤทธิ์เมื่อผ่านไปหมื่นวันเท่านั้น เมื่อมันออกฤทธิ์ผู้ต้องพิษจะเส้นลมปราณสูญสลายและถึงแก่ความตายโดยไร้ยาแก้”เซียวสือหลงแทบทำใจเชื่อไม่ได้ “...ยาพิษที่ทำลายเส้นลมปราณ”“ผู้ใดกัน ช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้!” เซียวสือรุ่ยกัดฟันกล่าวเซียวจงสิงถอนหายใจ “ข้ากลับไม่รู้ว่าตนถูกวางยาตั้งแต่เมื่อใด ยังดีที่ได้ส่าหร่ายคลายวิญญาณของอิงเอ๋อร์ มิเช่นนั้นครานี้คงย่ำแย่แล้วจริงๆ ”เด็กหญิงพูดไม่ออกคล้ายก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ในลำคอ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วยของตัวเองเงียบๆในกาลก่อนท่านตาผู้ยิ่งใหญ่ของนางถูกยาพิษนี้เล่นงาน กว่ารู้ตัวก็สายเกินแก้ไข แต่ครานี้นางช่วยท่านตาเอาไว้ได้ตระกูลเซียวที่ไม่สูญเสียเสาค้ำยันก็สมควรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นใช่หรือไม่ไม่มีผู้ใดบอกได้กระทั่งตัวนางเองก็ยังไม่แน่ใจชีวิตที่เจ็บปวด ล้มเหลว ร่อนเร่ เซซังแหลกสลายยังคงเกิดขึ้นและไม่เคยผ่านไป ติดค้างอยู่ในความทรงจำอันเจ็บปวดเหมือยปลายเข็มซ่อนในยอดหญ้า รอคอยประเดประดังเข้ามาทุกคราที่นางล้มลงในความโดดเดี่ยวเด็กหญิงโผกอดท่านตาที่อุ้มนางเอาไว้

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ส่าหร่ายคลายวิญญาณ

    เซียวสือรุ่ยเบ้ปาก เดินไปยังลูกกลมสีทองที่ดูสว่างที่สุดในความคิดเขา แม้ความจริงๆ แล้วทุกๆ อันจะสว่างเท่ากันก็ตาม เซียวอวิ๋นหังเพียงหยิบลูกแก้วสีเงินที่โผล่ขึ้นมาข้างเท้า ในเมื่อทั้งหมดแล้วเป็นของดีจะอันไหนก็เหมือนกัน เขาจะมอบให้เสี่ยวอิงหมด เหมยลี่อิงเรียกระบบในใจ “ตอนนี้ข้ามีแต้มลิขิตเท่าไร”[โฮสต์ได้รับมาสองร้อยแต้ม รวมกับที่สะสมไว้ในโลกภารกิจ สามหมื่นสองพันสี่ร้อยแต้ม เป็นทั้งหมดสามหมื่นสองพันหกร้อยแต้ม ]“ใช้แรกเนตรหยั่งรู้ระดับแรก”[ทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น โฮสต์ได้รับเนตรหยั่งรู้ระดับหนึ่งคงเหลือ สามหมื่นหกร้อยแต้ม]นัยต์ตาดอกท้อของเด็กหญิงทอประกายสีทองจางๆ เหมยลี่อิงไม่รอช้ารับหยิบของที่นางต้องการทันทีผู้เฒ่ากระต่ายเท้าอุ้งเท้านุ่มนิ่มเท่าคางมองนางอย่าพิจารณาครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ว่าอะไร ความสามารถก็นับเป็นโชควาสนาอย่างหนึ่งเช่นกันกระต่ายเป็นสัตว์คิดไวใจร้อนเสร็จธุระแล้วก็จะใส่ใจเห็นพวกเขาเลือกของรางวัลกันแลวก็กระทืบเท้าเคาะพื้นส่งพวกมนุษย์จิ๋วออกจากแดนลับทันที“อ้ากก เจ้าอ้วกใส่เสื้อข้าแล้วเจ้าโง่ !”เซียวสือรุ่ยหยิบตัวเซียวอวิ๋นหังขึ้นมาโยนเข้าไปในธารน้ำจุดที่

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   หัวใจแห่งป่าไม้

    เซียวสือรุ่ยลองถามแน่นอนว่าเจ้าหมีตัวใหญ่ไม่เข้าใจ เขาเลยลองเดินตามมันตัวมันในที่สุดก็คิดว่าพวกเขาคงเข้าใจความนัยจึงนำทางพวกเขาไปในที่สุดแสงตะวันถอดผ่านแนวผา ชะแง่งหินขรุขระทางเดินคับแคบ เด็กมอมแมมสามคนเดินตามแม่หมีที่มีลูกน้อยนั่งอยู่บนหัวหนึ่งตัว“เจ้าจะพาพวกเราเดินไปถึงเมื่อไร”แน่นอนว่ามารดาหมีศิลาไม่อาจตอบพวกเขาได้ พวกเขาได้แต่เดินตามมันไป กระทั่งจวนจะเดินไม่ไหว เซียวสือรุ่ยได้ประคองเหมยลี่อิงที่กำลังจะล้มลงแม่มีสีน้ำตาลตัวใหญ่จึงผินหน้ากลับมาก็ค้อมตัวให้ เจ้าลูกหมีเข้าใจมันรีบลงจากหลังแม่ ดึงแขนเสื้อชุดเด็กๆ ให้ขึ้นมา“พวกเราขึ้นไปได้จริงหรือ” เหมยลี่อิงตามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเซียวสือรุ่ยประคองน้องสาวขึ้นไปท่าทางระวังภัยอยู่ในที กระทั่งไม่เห็นแม่หมีโมโหก็ว่างใจ ให้เซียวอวิ๋นหังปีนตามขึ้นไปแล้วค่อยปิดท้ายด้วยตนเหมยลี่อิงลอบยิ้ม พี่รองของนางเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่ค่อนใส่ใจอะไร แต่กลับขวัญกล้าจิตใจละเอียดอ่อนกลายเป็นสามคนหนึ่งตัวอยู่ถูกบรรทุกอยู่บนหลังแม่หมีตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลของหมีศิลาไม่อ่อนนุ่มเหมือนลูกหมี ขนเส้นหนาระคายสากบนแผ่นหลังกว้างทำให้นางไม่สบายตัวอยู่บ้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status