เรื่องที่ปราณขอคบนลอย่างจริงจังไม่ถูกพูดถึงอีกนับแต่วันนั้น เพราะนลคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจซ่อนจุดประสงค์นี้ไว้ตั้งแต่แรก ตั้งใจให้เธอลงเรือลำเดียวกัน และงัดเอาเงื่อนไขนี้มาใช้ ทำให้นลปฏิเสธไม่ได้
ซึ่งมันก็ถูก คนอย่างปราณปภัสไม่มีทางจะยอมช่วยเหลือใครง่าย ๆ หากไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกถูกชะตาใครคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น
และแน่นอนว่าการกดกระดิ่งเรียกซ้ำ ๆ ตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอกันครั้งแรก นั่นก็เพราะเธออยากจะเห็นหน้าของแอร์โฮสเตสที่ชื่อนลินภาบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ อีกฝ่ายจะมาขอร้องให้เธอช่วยแต่งงานด้วยซะอย่างนั้น งานนี้ถ้าไม่เรียกว่าอ้อยเข้าปากช้างก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
“นี่ ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยสิ รูปพรีเวดดิ้งนี่เราต้องเอาไปแปะไว้ข้างฝาบ้านนะ”
ปราณกระซิบข้างหูของนลระหว่างที่ทั้งคู่พากันมาถ่ายรูปงานแต่งงานที่สตูดิโอแห่งนี้ เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถ่ายนอกสถานที่เพื่อลดปัญหาจากสายตาคู่อื่น ๆ แค่สายตาของคนในสตูดิโอก็ทำเอาทั้งคู่เกร็งไปตามกัน
“เชิญคุณแปะไปคนเดียว ฉันไม่แปะด้วยหรอก”
นลตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ยังพยายามแย้มรอยยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอกำลังวางอยู่บนไหล่ของปราณ ทั้งคู่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวราวกับเจ้าหญิง แต่งหน้าทำผมจากช่างฝีมือดี หันหน้าเข้าหากัน ส่งยิ้มให้กัน ท่ามกลางคำพูดกระซิบกระซาบตลอดเวลาของการถ่ายรูป
“เลิกโกรธฉันได้แล้ว”
“ใครโกรธคุณ”
“เธอนั่นแหละ งอนฉันไม่เลิกสักที”
“ไม่ได้งอน! แต่ฉันโกรธ”
“นั่นไง เธอยอมรับแล้ว เธอโกรธฉันเรื่องที่ฉันอยากคบกับเธอจริง ๆ แต่มันก็ดีแล้วไง การแต่งงานของเรามันจะได้สมจริง”
“แต่ฉันไม่ได้บอกสักคำว่าจะยอมเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ มันแค่การจัดฉาก ไม่เข้าใจรึไง”
นลหันไปถลึงตาใส่ปราณขณะที่ตากล้องใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการเช็กภาพที่ถ่ายไปก่อนหน้า
“เป็นแฟนกับปลัดกระทรวงแล้วมันยังไง มีสาว ๆ ต่อคิวเธอตั้งเยอะแยะนะ นี่ฉันลัดคิวให้เลย”
ปราณยิ้มอย่างยียวน เธอยังคงชอบใบหน้าบึ้งตึงของนลเสมอ เห็นทีไรก็พาให้ยิ้มตามได้ทุกครั้ง
“หลงตัวเองเป็นบ้า”
นลมองค้อนอีกฝ่ายไม่กี่วินาทีก่อนจะเปลี่ยนหน้าเป็นการส่งยิ้มสวย ๆ แล้วหันมองกล้อง
“สนใจมาหลงด้วยกันมั้ยล่ะ บอกก่อนว่าถ้าเธอหลงฉันขึ้นมาจริง ๆ เธอจะหาทางออกไม่เจอนะ”
“คุณปราณปภัส เลิกพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้ว”
“เธอนี่มันน่ารักเป็นบ้าเลย”
ปราณปภัสหัวเราะเล็กน้อยแล้วประคองใบหน้าอีกฝ่ายให้ปลายจมูกของนลชนกับปลายจมูกของเธอ แม้ว่าคนตรงหน้าจะออกแนวขัดขืนเล็กน้อย แต่กลับมีเสียงเชียร์รอบข้างที่เห็นดีเห็นงาม
“สวยครับสวย สวยมากครับคุณปราณ ดีครับ ยิ้มครับ”
เสียงชัตเตอร์รัว ๆ ตามมาหลายครั้ง การถ่ายพรีเวดดิ้งวันนี้ผ่านไปด้วยดี หลังจากเสร็จสิ้นทั้งคู่จึงกลับมายังคอนโดของปราณเพื่อสั่งอาหารมาทานด้วยกัน วันนี้ปราณปภัสไม่มีงานที่ไหนอีก ส่วนนลก็อยู่ในช่วงพักเที่ยวบิน ทั้งคู่จึงได้ทานมื้อเย็นด้วยกัน
พิซซ่าสองถาดกับปีกไก่และน้ำอัดลม เป็นมื้อเย็นของคนทั้งคู่ ทีวีห้าสิบนิ้วตรงหน้ากำลังฉายหนังรักเรื่องหนึ่งที่นลเป็นคนเลือก ทั้งคู่นั่งอยู่บนเบาะโซฟาที่พื้นด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะเหนื่อยกับการถ่ายพรีมาทั้งวัน
“เธอหายโกรธฉันรึยัง”
ปราณเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ส่งพิซซ่าชิ้นใหญ่เข้าปากกันไปจนใกล้จะอิ่มท้องแล้ว
“คุณจะสนใจทำไม ต่อให้หายหรือไม่หายฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว งานแต่งกำลังจะเกิดขึ้น ฉันก็ต้องทำตามเงื่อนไขของคุณอยู่ดี”
นลไม่ได้มองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างกัน สายตาของเธอจดจ่อกับภาพทีวีเบื้องหน้า แม้ว่าจะดูไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม
“ตอนที่ฉันตกลงน่ะ เธอไม่คิดบ้างรึไงว่ามันง่ายเกินไป คนไม่รู้จักกันมาก่อนจะยอมช่วยเหลือกันง่าย ๆ เหรอ”
นลละสายตาจากทีวีทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอกลับมาจ้องมองใบหน้าของปราณอย่างไม่วางตา
“ฉันไม่ได้คิดว่ามันง่ายเกินไป แต่ฉันคิดว่ามันแฟร์กับเราทั้งคู่ ฉันเองก็ต้องยอมทิ้งงาน ทิ้งเงินเดือน มาอยู่กับคุณตรงนี้ไง”
“เธอก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว เธอกำลังจะแต่งงานกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศนะนล ไม่ใช่คนทั่วไปที่เธอจะยังใช้ชีวิตอย่างปกติได้”
“เรื่องนั้นฉันไม่เถียง แต่ฉันไม่ชอบที่คุณพูดไม่หมด เรื่องเงื่อนไขนั่น”
“ทำไม? ถ้าเราต้องคบหากันจริง ๆ แล้วมันทำไม”
“ไม่ทำไมหรอก แต่คนอย่างคุณน่ะไม่เหมาะกับฉัน ฉันเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ปล่อยฉันกลับไปทำงานบนเครื่องบินเถอะ”
“ไม่ปล่อย เธอไม่มีสิทธิ์ไปไหนแล้วทั้งนั้น”
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์มาก ฉันกำลังหนีเสือปะจระเข้รึไงนะ”
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย เราก็แค่มาคบกันให้มันจบเรื่อง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วันนี้วันที่เท่าไหร่นะ ฉันดูปฏิทินแป๊บ”
นลขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะทำนัก
“สองมีนาคม จดเป็นวันครบรอบละกันนะ แฮปปี้แอนนิเวอร์ซารีหนึ่งวันนะคุณ”
“คุณปราณ นี่คุณเพี้ยนปะเนี่ย”
นลขมวดคิ้วเข้าหากันมากกว่าเดิม
“อ๊ะ ๆ อย่านะ อย่าพูดแบบนั้น ถ้าฉันเพี้ยนก็แปลว่าเธอมีแฟนเป็นคนเพี้ยนนะ คิดดี ๆ”
“ฉันไม่ใช่แฟนคุณ เราเป็นแฟนกันตอนไหนไม่ทราบ”
“ตอนนี้ไง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“ให้ตายเถอะ หัวจะปวด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
นลถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ ต่างจากปราณที่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเห็นใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายเธอก็ยิ่งชอบอกชอบใจ
“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปรับรถนะ ต่อไปเผื่ออยากจะไปไหนจะได้มีรถใช้”
“รับรถ รถอะไร?”
นลยังไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ย
“รถเก๋งอีกคัน ฉันซื้อให้เธอ เอาไว้ใช้”
“ไม่เอา!”
นลตอบกลับไปทันที เธอไม่คิดจะรับสิ่งของใด ๆ จากอีกฝ่ายอยู่แล้ว ยิ่งเป็นของชิ้นใหญ่หรือของมีค่า นลไม่เคยหวังว่าจะได้มันเลย
“ไม่เอาได้ไง เธอจะให้ฉันใช้รถสองคันเหรอ รับไปเถอะน่า ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอก”
“คุณนี่มัน..”
“ทำไมคะ”
ปราณยักคิ้วอย่างยียวน
“เจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์ที่สุด”
“แล้วเธอชอบไหม? คนเจ้าเล่ห์น่ะ”
“ไม่ ไม่มีทาง!”
“แล้วจะคอยดู อย่ากลืนน้ำลายตัวเองละกันคุณนลินภา”
“โลกใบนี้ไม่มีใครหลงตัวเองได้เท่าคุณแล้วล่ะ”
นลไม่อยากจะต่อบทสนทนาอีก เลยหยิบปีกไก่เข้าปากแล้วเคี้ยวแก้มตุ่ย สายตาหันกลับไปมองทีวีเบื้องหน้า ส่วนปราณก็เอาแต่จ้องหน้าคนข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
หากนลสังเกตมันสักนิด เธอคงได้เห็นว่าแววตาของปราณในตอนนี้เต็มไปด้วยความคลั่งรักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
วันต่อมาปราณพานลไปรับรถอย่างที่บอกไว้จริง ๆ รถเก๋งสีขาวยี่ห้อดังรุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวไม่นาน ติดโบแดงอันใหญ่ไว้ที่กระโปรงรถพร้อมด้วยช่อดอกไม้สีหวานจากเซลล์ที่ดูแลการซื้อรถคันนี้ของปราณปภัส
“เจนขอบคุณคุณปราณมากนะคะที่ให้ความไว้ใจและมารับรถด้วยตัวเอง”
พนักงานขายรถเอ่ยกับปราณปภัสด้วยน้ำเสียงแสนหวาน สายตามองคนที่คุยด้วยอย่างปลาบปลื้ม
“ขอบคุณเช่นกันค่ะที่จัดการทุกอย่างให้”
ปราณตอบกลับอย่างสุภาพ ไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น เธอจับมือนลไปเดินดูรถท่ามกลางสายตาของพนักงานขายรถในโชว์รูมหลายคน บางคนก็แอบเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปของทั้งคู่ บ้างก็พูดถึงข่าวของทั้งสองคนที่เพิ่งให้สัมภาษณ์เรื่องการคบหาไปไม่นาน
และไม่นานหลังจากนั้น ภาพของปราณและนลที่โชว์รูมรถก็ว่อนสนั่นโซเชียล
คุณเห็นข่าวรึยัง
นลส่งข้อความไปถามปราณขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่บนเครื่อง
เห็นแล้ว รูปสวยดีหนิ แต่ในภาพฉันดูอ้วนไปหน่อย สงสัยต้องออกกำลังกายเพิ่มแล้ว
ยังจะตลก พ่อคุณไม่ว่ารึไง
ไม่หนิ ก็มันเรื่องจริง ทำงานเถอะ เจอกันที่ไทย
ข้อความที่ส่งหากันสิ้นสุดลงแค่นั้น นลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เธอรู้ดีว่าคำว่าไม่ของปราณ มักจะซ่อนความรู้สึกอื่นไว้เสมอ
และตอนนี้เธอกำลังอยู่อีกฝั่งของโลก ไม่สามารถที่จะไปหาปราณได้ ไม่รู้เลยว่าข่าวที่แพร่ออกไปจะสร้างความหนักใจให้ปราณมากขนาดไหน
“แกว่างมากนักรึไง ถึงมีเวลาไปดูรถซื้อรถ รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ภาพพจน์ที่ออกมามันทำให้ชื่อเสียงของฉันป่นปี้หมดแล้ว!”
ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด นายชาญชัยเรียกลูกสาวของเขาเข้าพบทันทีเมื่อเห็นข่าวในโซเชียล
“ปราณไม่เห็นว่าชื่อเสียงของพ่อจะป่นปี้ตรงไหนนี่คะ อีกอย่างภาพนั้นก็เรื่องจริง ไม่ใช่ภาพตัดต่อ และข่าวที่เขียนออกมาก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย ในข่าวกลับเขียนชมพ่อด้วยซ้ำว่าเปิดกว้างเรื่องนี้ พ่อกำลังถูกยกย่องนะคะ นี่ปราณทำเพื่อพ่อเลยนะ”
“ปราณ!”
นายชาญชัยตบโต๊ะเสียงดังปังพร้อมกับการตวาดลูกสาวของเขาเต็มเสียง ปราณสะดุ้งเล็กน้อยแต่ใบหน้าของเธอราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย
“อีกหน่อยพ่อต้องไปงานแต่งของปราณนะคะ เรากำลังเตรียมงานไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถึงวันนั้นปราณจะส่งการ์ดเชิญอีกที”
ปราณปภัสเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น แววตาของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ ต่างจากความรักครั้งก่อนที่ยอมให้มันเป็นไปตามคำสั่งของพ่อ นั่นก็เพราะเธอและคนรักเก่าก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก
ต่างจากนลที่ปราณปภัสมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะสมที่จะอยู่เคียงข้างเธอ
“แกอยากจะทำอะไรก็ทำไป ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของแกอีก แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้าเมื่อไหร่แกสร้างปัญหาให้กับฉัน ฉันเฉดหัวแกออกจากบ้านแน่”
“พ่อไม่กล้าหรอก! ลองไม่มีปราณดูสิ ใครจะมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของพ่อ ใครจะคอยมารับหน้านักข่าว คอยไปออกงานแทน ไหนจะกินเลี้ยงกับผู้แทนต่างประเทศ โดยที่พ่อเอาเวลาเหล่านั้นไปหมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระ คอยแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
นายชาญชัยลุกขึ้นพรวด เขาขี้หน้าปราณปภัสอย่างเหลืออด
“ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะให้ลูกน้องมาลากแกออกไป!”
“ไม่ต้องค่ะ ปราณออกไปเองได้ ยังไงก็อย่าลืมหาวันว่างไว้ด้วยนะคะ คุณพ่อ”
ปราณหันหลังเดินจากมา ไม่คิดจะหันกลับไปมองใบหน้าของคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ทำคือการตั้งแง่กับพ่อของตัวเองอย่างตั้งใจ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอคิดมาดีแล้ว
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ