หลังจากภารกิจเที่ยวบินของนลเสร็จสิ้น และเธอมีเวลาพักที่ไทยสองวัน สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือการพาปราณปภัสไปหาครอบครัวและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่นลเดาไม่ออกเลยว่า เรื่องราววันนี้จะจบลงยังไง
“เธอโอเคนะ”
ปราณปภัสที่อยู่หลังพวงมาลัยหันมาถาม วันนี้เธอตั้งใจมาเจอครอบครัวของนลพร้อมตะกร้าของฝากมากมาย ทั้งผลไม้และไวน์รสชาติเยี่ยม อีกทั้งยังเสียสละเคลียร์งานและหาวันว่างให้ตรงกับนล ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายปราณก็ล็อกเวลาได้อย่างฉิวเฉียด แม้ว่าค่ำวันนี้เธอจะต้องไปทานข้าวกับรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ๆ ต่อก็ตาม
“ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ฉันไม่พาคุณไปที่บ้าน แม่คงไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดแน่ แล้วฉันก็คงต้องเจอคำถามเดิม ๆ ไปอีกนาน ฉันตัดสินใจแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”
“ไม่ต้องกังวลนะ มีฉันทั้งคน”
ปราณเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ทว่าครั้งนี้นลไม่ปฏิเสธการกระทำของเธออีกแล้ว กลับมีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น ระหว่างที่รถหรูของปราณขับเคลื่อนไปบนถนนเส้นยาว
บ้านของนลอยู่ห่างจากชานเมืองเล็กน้อย เป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านที่อยู่หลังสุดท้าย บ้านหลังนี้นลทำงานเก็บเงินและซื้อสดด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอ เพราะอยากให้พ่อกับแม่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การเป็นลูกคนเดียวที่แบกรับความหวังมากมายไว้บนบ่านั้นแสนจะเหน็ดเหนื่อย แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานลไม่เคยพูดคำว่าเหนื่อยให้คนที่บ้านได้ยินเลยสักครั้ง เธอทำตามกรอบที่แม่วางไว้แทบทุกอย่าง
แต่เรื่องเดียวที่นลจะไม่ยอมคือเรื่องคู่ครอง เพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งนี้เธอไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้พ่อแม่พอใจได้
“บ้านเธอร่มรื่นดีนะ”
ปราณเอ่ยขึ้นเมื่อขับรถมาจอดหน้าบ้านของนล มองผ่านรั้วบ้านเข้าไปเห็นต้นไม้เล็กใหญ่ล้อมรอบ
“พ่อฉันชอบปลูกต้นไม้น่ะ แม่ก็เหมือนกัน”
“ไม่ต้องคิดมากนะ เราผ่านวันนี้ไปด้วยกันได้แน่นอน”
ปราณเอื้อมมือไปจับมือคนข้าง ๆ เอาไว้ เธอรับรู้ความกังวลใจของนลผ่านดวงตาคู่สวยได้ดี
“ขอบคุณนะ ฉันก็หวังว่าทุกอย่างวันนี้จะผ่านไปด้วยดีเช่นกัน”
ทั้งคู่ก้าวลงจากรถ โดยไม่ลืมหยิบของฝากหลายกระเช้าติดมือไปด้วย เมื่อเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น พ่อและแม่ที่กำลังนั่งดูข่าวเที่ยงวันก็ลุกยืนทันที เพราะวันนี้นลไม่ได้กลับบ้านมาคนเดียว แต่ข้างกายของเธอยังมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศยืนอยู่ด้วย
“คุณปราณ คุณปราณจริง ๆ ด้วย สะ สวัสดีค่ะ”
แม่ของนลเอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกักแถมยังยกมือไหว้คนตรงหน้า ทำเอาปราณรีบรับไหว้เช่นกัน
“เอ่อ ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ ปราณต่างหากที่ต้องไหว้คุณแม่ แล้วก็คุณพ่อ”
ปราณปภัสยกมือไหว้คนอาวุโสตรงหน้าทั้งสองท่าน พยายามส่งยิ้มให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้บรรยากาศกดดัน แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศในบ้านก็ยังดูอึมครึมอยู่ดี
“นล นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงพาคุณปราณมาบ้านเราได้”
คนเป็นพ่อถามเสียงเข้ม
นลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามพูดทุกอย่างให้ชัดเจนมากที่สุด
“แม่คะ พ่อคะ นลกับคุณปราณเราคบหากันมาได้สักพักแล้วค่ะ อย่างที่ข่าวออกไป มันคือเรื่องจริง”
“คบ?”
แม่ทวนคำ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ใช่ค่ะ แล้วเราก็วางแผนจะแต่งงานกัน”
ทุกอย่างรอบตัวอยู่ในความเงียบงัน พ่อกับแม่หันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม
“สาเหตุที่นลไม่ยอมแต่งงานกับคนที่แม่หามาให้สักทีก็เพราะแบบนี้เองเหรอ ทำไมไม่บอกกันล่ะลูก”
น้ำเสียงเศร้าที่เอ่ยออกมานั้นนลรู้ดีว่าแม่ของเธอเพียงแต่แปลกใจ แต่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่เธอเลือกนัก
“นลไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะคะ แต่เพราะยังไม่มั่นใจอะไรหลาย ๆ อย่างค่ะแม่”
ปราณที่ยืนอยู่ข้างกันสังเกตเห็นความลำบากใจของนล เธอจึงตัดสินใจพูดขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่คะ ปราณเข้าใจว่าทุกอย่างมันปุบปับ อาจจะทำใจลำบากสักหน่อย แต่ปราณอยากให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าปราณจริงใจกับนล และพร้อมจะดูแลทุกอย่าง เรื่องงานแต่งงานแล้วก็สินสอดทองหมั้นไม่ต้องกังวลเลยนะคะ ปราณจะจัดอย่างเหมาะสมเลยค่ะ”
พ่อของนลมองปราณด้วยสายตาจริงจังก่อนจะเอ่ยบางอย่าง
“คุณปราณครับ การแต่งงานครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่นะ อาจจะมีการพูดถึงกันไปทั่ว คุณรู้ใช่มั้ย”
“รู้ค่ะ แล้วปราณก็พร้อมจะรับมือกับทุกอย่าง”
ปราณตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงในทันที
แม่ของนลถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยมากนัก แต่เมื่อนึกภาพถึงงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ แขกเหรื่อทั้งหลายต่างมีหน้ามีตาและมีชื่อเสียงพากันมางาน ไหนจะสินสอดทองหมั้นที่คงจะเหลือประมาณ เพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลมากพอที่เธอจะยอมให้งานแต่งของลูกสาวตัวเองเกิดขึ้น
“ถ้าลูกทั้งสองมั่นใจกันจริง ๆ แม่ก็ไม่ขัดหรอก แล้วเรื่องแต่งงานวางแผนกันรึยัง”
ปราณยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นว่าแม่ของนลเริ่มผ่อนคลาย
“เรื่องนั้นแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ นลกับคุณปราณจะช่วยกันจัดการทุกอย่างค่ะ นลเองก็มีเพื่อนที่รู้จักออร์แกไนเซอร์ดัง ๆ ไม่ต้องกังวลค่ะ”
พ่อของนลพยักหน้าช้า ๆ เมื่อรู้แบบนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาที่เด็ก ๆ สะดวกเถอะ พ่อกับแม่น่ะไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้หรอก แล้วนี่คุณชาญชัยเขาว่ายังไงบ้างล่ะนล”
เมื่อแม่เอ่ยถามถึงพ่อของปราณ นลก็ได้แต่เงียบ เพราะแม้แต่ตัวตนจริง ๆ เธอยังไม่เคยเจออีกฝ่ายด้วยซ้ำ การได้เจอนายกรัฐมนตรีมันเป็นเรื่องง่ายซะที่ไหนกัน นลถอนหายใจเบา ๆ เธอเคยคิดว่าตัวเองเตรียมพร้อมจะตอบคำถามนี้มาตลอด แต่พอถึงเวลาจริง เธอกลับรู้สึกว่าคำพูดมันติดอยู่ในลำคอ
“เขายังไม่ว่ายังไงค่ะ”
นลตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาแม่
"ยังไม่ได้บอกเหรอนล หรือยุ่งมากจนไม่มีเวลาคุยกัน?"
นลเงียบอีกครั้ง เธอไม่กล้าพูดความจริงออกไป ไม่ใช่แค่ไม่ได้บอก ไม่เคยคุย แต่เธอยังไม่เคยพบเขาเลยด้วยซ้ำไป เธอเคยเห็นเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ในบทบาทนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศก็เท่านั้น
“ช่วงนี้พ่อเค้ายุ่งมากเลยค่ะ ปราณเลยยังไม่ได้พานลไปที่บ้าน แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงลูกสาวของคุณพ่อคุณแม่ได้ไปเจอพ่อของปราณแน่นอนค่ะ”
ปราณที่เงียบอยู่นานเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทน เธอรู้ดีว่านลคงจะอึดอัดใจที่จะตอบ
“คุณชาญชัยเขายุ่งมากค่ะแม่ นลเลยอยากพาปราณมาบ้านเราก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยไปเรียนเรื่องนี้กับท่าน แต่ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ เพราะข่าวที่ออกไปคุณชาญชัยก็เห็นแล้ว”
“พ่อไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหมคะคุณปราณ เพราะแม่เคยเห็นข่าวว่าเขาไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ข่าวนั่นมันก็นานหลายปีแล้ว”
แม่ของนลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเรื่องนี้ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ไม่ว่าอะไรเลยค่ะ คุณพ่อเข้าใจถึงสังคมที่เปิดกว้าง แล้วคุณพ่อเค้าก็เห็นด้วยมาก ๆ”
ปราณตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พยายามซ่อนความรู้สึกอื่น ๆ ไว้ลึกที่สุด ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายดายมากที่สุด
“งั้นก็ดีจ้ะ”
แม่ของนลลอบถอนหายใจก่อนจะเอ่ยตอบมาสั้น ๆ ทั้งคู่จึงโล่งใจไปตามกัน
หลังจากการพูดคุยกับครอบครัวของนลผ่านพ้นไป ทั้งคู่ก็ขอตัวกลับ นลกลับไปพักที่คอนโดของปราณเพราะไม่อยากจะถูกซักไซ้คำถามใด ๆ อีก
“ขอบคุณนะคุณ”
นลเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังทิ้งตัวอยู่บนเตียงนอน ปราณหันหน้ามามองคนข้างกายเห็นนลกำลังหลับตาพริ้มจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“วันนี้มันผ่านไปแล้วนะ ไม่ต้องคิดมากอีก”
“พูดอย่างกับอ่านใจฉันได้เลยนะ”
นลตอบกลับทั้งที่ยังหลับตา
“เธอขมวดคิ้วแทบตลอดเวลาตั้งแต่ออกมาจากบ้านแม่ ไม่ต้องอ่านใจได้ก็ดูออกว่าเธอยังมีเรื่องไม่สบายใจ”
นลได้ยินปราณปภัสเอ่ยแบบนั้นจึงลืมตาขึ้น
“ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันหรอก ห่วงตัวเองเถอะ จะเอาไงต่อ ถ้างานแต่งงานของเราไม่มีพ่อคุณมาร่วมด้วยมันไม่ตลกเลยนะ”
“อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย ยังไงพ่อก็ต้องมา เขากลัวเสียหน้าจะตายไป”
“มันแย่มากเลยเหรอ เรื่องคุณกับพ่อน่ะ เล่าให้ฉันฟังได้นะ”
ทั้งแววตาและน้ำเสียงของนลที่ปนด้วยความห่วงใยทำให้หัวใจของปราณปภัสวูบไหวขึ้นมาซะดื้อ ๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาสนใจเรื่องของความรู้สึกเธอนักหรอก จะสุขหรือทุกข์เธอก็ต้องผ่านมันมาด้วยตัวเองตลอด
“แย่มากไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันผ่านมันมาได้ทุกครั้ง เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
“ได้ไงกัน ทีคุณยังแกล้งเป็นห่วงฉันเลย แถมยังถามเรื่องฉันละเอียดยิบ”
“ใครบอกว่าฉันแกล้งเป็นห่วง ฉันเป็นห่วงเธอจริง ๆ ต่างหาก ฉันเข้าใจดีว่าการต้องผ่านเรื่องแย่ ๆ ไปคนเดียวมันเป็นยังไง ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น อย่างน้อยเธอก็ยังมีฉันนะ ให้จำไว้ว่ายังมีฉันอยู่ข้างเธอหนึ่งคน”
คำพูดของปราณทำให้หัวใจของนลวูบไหวไม่ต่างกัน ที่ผ่านมาเธอก็ต้องผ่านเรื่องราวแย่ ๆ มาด้วยตัวคนเดียว การที่หันมาเจอปราณนอนสบตาเธออยู่ข้าง ๆ อย่างในตอนนี้มันทำให้หัวใจรู้สึกดีไม่น้อย
ไม่รู้เหมือนกันว่าความวูบไหวในใจที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ มันคือเรื่องจริง หรือเป็นเพราะความใกล้ชิดที่ขยับช่องว่างระหว่างกันลดน้อยลงเรื่อย ๆ
“นี่เรากำลังทำบ้าอะไรกันอยู่นะคุณ”
นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้งานแต่งกำลังจะเกิดขึ้นจริง ๆ
“นล”
“หื้ม?”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกอย่างจริงจัง เจ้าของชื่อจริงเงยหน้าสบสายตาคนเรียก พลางขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เราลองมาคบกันจริงจังดูไหม”
“บ้า เพ้อเจ้ออะไรของคุณ”
นลส่ายหน้าเล็กน้อยกับคำพูดนั้น คบกันจริงจังงั้นเหรอ เมื่อกี้นี้เธอคงจะหูฝาดไป
“ฉันคิดว่าบางที ฉันก็ควรจะมีคนข้างกายจริงจังได้สักที”
นลยังคงนิ่งเงียบ ทุกอย่างรอบตัวดูเบลอไปหมด นี่เธอกำลังถูกปลัดกระทรวงการต่างประเทศขอคบอย่างจริงจังงั้นเหรอ
“เธอเคยบอกฉันว่า ถ้าฉันยอมช่วยเธอเรื่องการแต่งงาน เธอจะยอมอยู่ภายใต้เงื่อนไขของฉันทุกอย่าง แล้วถ้าเงื่อนไขของฉันคือการคบหากันอย่างจริงจังของเราล่ะ เธอจะว่ายังไง”
ครั้งนี้ปราณปภัสย้ำชัด นลได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจนไม่ต้องเอ่ยถามอะไรอีก
“คุณมันขี้โกง และไม่มีทางที่ฉันจะคบคุณเป็นแฟนจริงจังแน่นอน”
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ