ภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของนายกรัฐมนตรี ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัด ทันทีที่ข่าวของปราณปภัสถูกแพร่กระจายออกไป พ่อของเธอเรียกพบโดยด่วนในเช้าวันต่อมา แม้ว่าปราณจะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์จริงเกิดขึ้นความกังวลคือสิ่งที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้เลย
ปราณปภัสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพ่อของเธอ ดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับเจาะทะลุผ่านหัวใจ ปราณพยายามตั้งสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะมีเวลาไตร่ตรองคิดหาถ้อยคำสวยหรูมาบอกแก่อีกฝ่าย
“แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไปปราณ แกทำให้พ่อขายหน้าคนทั้งประเทศนะ รู้ตัวรึเปล่า!”
น้ำเสียงตวาดกร้าวทำให้ปราณสะดุ้งโหยง แต่สองมือของเธอยังคงประสานบนหน้าตัก ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา
“ปราณให้สัมภาษณ์ข่าวไปตามจริงค่ะ” ปราณตอบเรียบ ๆ แต่คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ
“ตามจริงงั้นเหรอ แกคิดว่าการประกาศคบกับผู้หญิงกลางวงสื่อมันคือเรื่องสมควรเหรอ!” เสียงของพ่อดังขึ้นจนปราณรู้สึกสะเทือนหู
“ไม่ว่าพ่อจะมองว่ามันสมควรหรือไม่ มันก็คือความจริงที่พ่อต้องยอมรับให้ได้ ครั้งนี้ปราณจะไม่ยอมให้พ่อมาสั่งห้ามเหมือนคราวที่แล้วอีกแล้ว ครั้งนี้ปราณจะเลือกเส้นทางของปราณด้วยตัวเอง!”
“หึ ความจริงงั้นเหรอ แต่ไอ้ความจริงของแกน่ะ มันทำให้ฉันขายขี้หน้า! ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้ บางคนถึงกับตั้งคำถามว่าแกกำลังเล่นเกมอะไร แกกำลังจะหาผลประโยชน์อะไรให้ตัวเองอีก เค้ามองว่าความรักของแกน่ะมันจอมปลอม!”
ปราณกำมือแน่นจนปลายเล็บเผลอจิกกับเนื้อด้านในฝ่ามือจนเกิดความรู้สึกเจ็บแสบ แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นมันเทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลในใจของเธอที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เธอเช่นเดิม
“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกอ่านคอมเมนต์ของใครต่อใครก็ไม่รู้สักที น่าเบื่อเป็นบ้า”
“ใครต่อใครงั้นเหรอ ใครต่อใครที่แกว่าน่ะมันคือประชาชนของฉัน คือคนที่ฉันต้องแคร์”
“ใช่เหรอคะ? พ่อแคร์พวกเขางั้นเหรอ ถ้าแคร์แล้วทำไมไม่สนใจเวลาที่พวกเขาเรียกร้องเรื่องปากท้อง เรื่องการขับเคลื่อนประเทศให้มันเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่านี้ กับเรื่องของปราณทำไมพ่อต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย ไม่ใช่เพราะพ่อแค่อายคนมากกว่าเหรอ!”
คนตรงหน้าปราณนิ่งงันไปชั่วขณะ เขากำมือแน่นเช่นกัน สายตาดุจน้ำนิ่งยากจะเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ถ้าแกคิดว่าการทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลคือสิ่งที่แกสมควรทำ แกกับฉันก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
คำพูดทิ่มแทงหัวใจยิ่งสร้างความปวดร้าวให้กับปราณปภัส แม้ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพ่อจะไม่ราบรื่นนัก แต่ปราณก็ไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้
“ปราณจะทำให้พ่อเห็นว่าสิ่งที่ปราณเลือก มันไม่ได้ทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ”
ปราณยืนขึ้นต่อหน้าพ่อของเธอก่อนจะเอ่ยบางคำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง
“ปราณรักนล และงานแต่งงานของเราจะเกิดขึ้นแน่นอน”
มือถือของนลสั่นไม่หยุด นับตั้งแต่ที่ข่าวของเธอแพร่ออกไป แน่นอนว่ามีเบอร์เดียวที่มักจะโทรหาเธอบ่อย ๆ ตามใจต้องการ ไม่เคยสนใจว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เธอกำลังปฏิบัติงานอยู่รึเปล่า
หลังจากเครื่องขึ้นและนลทำหน้าที่ของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอมานั่งพักในห้องพักลูกเรือและกดรับสายคนที่โทรเข้ามา
“ค่ะแม่”
นลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า เธอรู้ดีว่าแม่ต้องการคำตอบเรื่องที่เกิดขึ้น
“นล! เกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกถึงไปเกี่ยวข้องกับปราณปภัส ลูกสาวของคุณชาญชัย ไหนจะเรื่องแต่งงานอีก อธิบายแม่มาเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงแม่ดังลอดมาจากอีกฝั่งอย่างร้อนรน
“แม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”
นลพยายามประนีประนอมและตั้งสติให้ได้มากที่สุด เตรียมรับมือกับเรื่องนี้
“เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อย แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังแม่เลย”
“ซับซ้อนยังไง! คบกันมาตั้งปีนึงทำไมแม่ถึงไม่รู้เรื่อง ลูกไม่เคยพูดถึงปราณปภัสเลยสักครั้ง แล้วนี่จะแต่งงานกัน ทำไมแม่เพิ่งมารู้ตอนนักข่าวถาม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนล!”
“แม่...”
นลรู้สึกถึงก้อนสะอื้นติดอยู่ในลำคอ เธอไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายอย่างไร
“แม่ให้หนูบินรอบนี้เสร็จก่อน แล้วหนูจะไปหาแม่ที่บ้าน หนูสัญญาว่าจะอธิบายทุกอย่าง”
เสียงปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนแม่ของเธอจะตอบกลับ
“ได้ แต่ลูกต้องพูดความจริงทั้งหมด เข้าใจไหม”
“ค่ะ แม่”
นลตอบเสียงเบาและวางสายลง เธอถอนหายใจยาว ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดดันจากทุกด้าน
หลังจากเที่ยวบินกว่าสิบสองชั่วโมงเสร็จสิ้นลง นลมีเวลาพักสิบสองชั่วโมงก่อนจะเตรียมตัวบินกลับอีกครั้ง เธอทิ้งตัวลงในห้องพักของโรงแรมใกล้สนามบินที่ทางสายการบินจัดไว้ให้ ระหว่างที่สมองกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายเรียกเข้าจากปราณก็ดังขึ้น
“ไม่ทำงานทำการรึไงเนี่ย”
น้ำเสียงนลฟังดูหงุดหงิดแต่ปราณไม่ได้ถือสานัก
“งานน่ะทำ แต่อยากโทรมาเช็กดูก่อนว่าเธอโอเค”
“หึ แล้วฉันจะไม่โอเคเรื่องอะไร อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยน่า”
“น้ำเสียงเธอมันบอกว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ”
“เหอะ คุณคิดไปเองมากกว่า ฉันสบายใจดีต่างหาก”
“เป็นไปไม่ได้หรอก วันนี้ข่าวของเราแพร่เต็มโซเชียล อย่างน้อย ๆ แม่ของเธอก็คงโทรไปแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะสบายใจอย่างที่บอกแน่ ๆ ถ้าไม่โอเคก็แค่บอกฉัน เราลงเรือลำเดียวกันแล้วเหมือนที่เธอเป็นคนบอกเอง”
นลนิ่งงันไปชั่วขณะ ทุกอย่างที่ปราณปภัสเอ่ยออกมาคือเรื่องจริงทั้งหมด ใช่ เธอกำลังไม่สบายใจ ไม่สบายใจมาก ๆ แม้ว่าจะเตรียมรับมือกับทุกอย่างไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงอะไรหลายอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่ปราณเคยบอกนั่นแหละ
ทั้งคู่กำลังเล่นละครตบตาคนทั้งประเทศ เพียงเพื่อหนีการคลุมถุงชนของนล ทุกอย่างมันเป็นเพราะการอยากหนีปัญหาของนลเพียงคนเดียว หากเธอไม่ใช่คนขี้ขลาดและเลือกที่จะแก้ปัญหาแบบนี้ บางทีเรื่องราววุ่นวายทั้งหลายคงไม่ตามมา
“ละครฉากแรกเริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะไปจบลงตรงไหนเนอะ นี่เราสองคนกำลังทำบ้าอะไรกัน”
นลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ปลายสายที่กำลังตั้งใจฟังเธอได้ยินถ้อยคำของนลอย่างชัดเจน
“มันอาจจะไปจบตรงที่ เราสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็ได้”
นลหลุดหัวเราะออกมาเมื่อปราณปภัสเอ่ยเช่นนั้น
“คุณนี่ชอบฝันกลางวันจริง ๆ เรื่องของเรามันจริงที่ไหนกัน”
“ตอนนี้ไม่ แต่อนาคตมันอาจจะจริงก็ได้”
“อย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย ฉันบอกแล้วไงว่าไม่พิศวาสคนอย่างคุณ”
“เหรอ แต่เค้าว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะ”
“ถ้าเป็นจริงตามนั้นฉันจะขอพูดใหม่ว่า ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก อยากได้คุณมาเป็นคู่ชีวิตมาก ๆ เลย”
“ฮ่า ๆ ยัยบ๊อง เธอนี่ก็ตลกดีนะ”
จากสถานการณ์ตึงเครียด ทั้งคู่กลับเปลี่ยนการสนทนาเป็นการหยอกล้อและคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย เวลาแค่สามนาทีกว่า ๆ ที่สายของปราณปภัสโทรเข้ามากลับทำให้นลลืมเรื่องหนักอึ้งในใจไปได้ชั่วขณะ
“กลับไปพักที่ไทยรอบนี้คุณต้องไปเจอแม่ฉันนะ ฉันบอกที่บ้านไว้แล้ว”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่ ว่างมากรึไง”
“ฉันเพิ่งออกจากห้องประชุมเลยโทรหาเธอ เมื่อเช้าพ่อฉันเรียกไปคุยเรื่องข่าวน่ะ”
“คุณโอเครึเปล่า ถึงว่าเสียงคุณดูเหนื่อย ๆ คราวหลังก็เล่าเรื่องตัวเองบ้างก็ได้ ไม่ใช่ถามแค่เรื่องฉัน ลงเรือลำเดียวกันก็ต้องคุยกันทุกเรื่อง”
“ฉันโอเค นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”
ปราณปภัสตัดสินใจเล่าเรื่องราวบาดหมางระหว่างตัวเองและพ่อให้นลฟังคร่าว ๆ ยิ่งได้รู้ว่าสองพ่อลูกมีเรื่องบาดหมางกันขนาดไหน นลยิ่งรู้สึกผิดที่ลากอีกฝ่ายมาเล่นเกมนี้กับเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วปราณปภัสควรจะปฏิเสธคำขอร้องของเธอด้วยซ้ำ
“หรือเราควรยกเลิกทุกอย่าง คุณจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหามากมายขนาดนี้”
นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ตอนนี้เธอเองก็ไม่ต่างจากขอนไม้กลางทะเลที่ไม่มีแหล่งพักพิง โอนเอนไปตามกระแสเพราะความคิดของตัวเองที่ไม่หนักแน่น
“เธอจะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเหรอนล”
ปลายสายถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่แต่งหรอก แต่ก็อาจจะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขนัก”
“งั้นถ้าการแต่งงานจอมปลอมนี่เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เราสองคนหลบหลีกเรื่องราวบั่นทอนจิตใจได้บ้าง เราก็ควรจะทำนะ ฉันสัญญาว่าการลงเรือลำเดียวกันของเราเธอจะไม่เจอกับเรื่องที่ต้องเสียใจแน่นอน”
“แหม พูดซะดูดี จำมาจากไหน”
“ระดับนี้แล้ว ไม่ต้องจำจากใครเค้ามาพูดหรอกน่า”
“ฟังแล้วคลื่นไส้ชะมัด ไม่อยากฟังแล้ว ไปทำงานเถอะ”
“เธอก็พักเยอะ ๆ เจอกันที่ไทยนะ”
นลกดวางสาย แต่ใบหน้ากลับพราวไปด้วยรอยยิ้ม เป็นอีกครั้งที่เธอเผลอมองหน้าจอมือถืออยู่นานแม้ว่าปลายสายจะกดวางไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและปราณปภัสเริ่มถลำลึกมากขึ้น ใกล้ชิดมากขึ้น และดูเหมือนอีกฝ่ายก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของนลมากขึ้น
ทุกครั้งที่เห็นชื่อนั้นบนหน้าจอมือถือ ทุกครั้งที่ได้รับดอกไม้ ทุกครั้งที่เห็นข้อความสั้น ๆ ที่อีกฝ่ายคอยรายงานตลอดว่าอยู่ไหนกำลังอะไร ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่นลไม่เคยได้รับจากแฟนคนไหนมาก่อน คล้ายจะเป็นการตั้งใจรักก็ว่าได้
แน่นอนว่ามันทำให้นลรู้สึกดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามหักห้ามใจ และย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแค่การจัดฉากเท่านั้น
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ