ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหรา
ภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอ
กานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอ
กานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้
หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Enterprise บริษัทเดียวกันกับที่กานต์วรีเป็นเซลล์อยู่ กานต์รวียังจำวันที่เธอพบกับชัญญาอีกครั้งได้อย่างชัดเจน
ชะตากรรมนำพาให้กานต์รวีและชัญญาพบกันอีกครั้ง
กานต์รวีกำลังรีบเร่งเดินเข้าลิฟต์ของตึกบริษัท Vivid เนื่องจากเช้านี้เธอมีงานสำคัญที่ต้องนำเสนอ ทันใดนั้นประตูลิฟต์เปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่ง กานต์วรีจำได้ในทันที คนที่เธอรักและเฝ้าฝันถึง
“ญ่า!” กานต์รวี อุทานด้วยความตกใจ
“รวี?” ชัญญาตกใจไม่แพ้กัน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” กานต์รวีพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้
“ใช่ ตั้งแต่เรียนจบเนอะ” ชัญญายิ้มให้สดใส เธอดีใจที่ได้พบเพื่อนเก่าอีกครั้ง
“กลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
“ฉันเพิ่งกลับมาได้ไม่นานเอง ยังติดต่อใครไม่ได้เลยเนี่ย” ชัญญาทำหน้าเศร้า
“ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก”
“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน”
ทั้งสองคนรำลึกความหลังและคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง ลิฟต์เดินทางขึ้นไปยังชั้น 15 ทั้งคู่ออกจากลิฟต์พร้อมกัน
“เธอทำงานที่นี่เหรอ?” กานต์รวีถาม
“ใช่ ฉันทำงานฝ่ายการตลาดน่ะ”
“ฉันก็ทำงานเป็นเซลล์มา 2 ปีแล้ว ดีใจจังที่รู้ว่าเธอทำงานที่เดียวกัน”
“เอาไว้เราค่อยนัดทานข้าวนะ” ชัญญาโบกมือ ยิ้มให้อย่างร่าเริงและสดใส
กานต์รวีนอนหลับตาถอนหายใจ ชัญญายังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ภาพความทรงจำเกี่ยวกับชัญญาปรากฏขึ้นในหัวของเธอ ภาพยิ้มหวาน ภาพดวงตาที่เปล่งประกาย ภาพเรือนร่างที่อ่อนหวาน
กานต์รวี จินตนาการถึงภาพชัญญายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของชัญญาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย้ายวน
กานต์รวี รู้สึกถึงความร้อนรนในร่างกาย หัวใจของเธอเต้นแรง
เธอจินตนาการว่าตัวเองกำลังสัมผัสกับชัญญา
เธอสัมผัสเรือนร่างที่อ่อนนุ่มของชัญญา รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ
เธอรู้สึกถึงริมฝีปากของชัญญาที่แนบชิดกับริมฝีปากของเธอ รู้สึกถึงความร้อนแรงจากการจูบ
เธอรู้สึกถึงมือของชัญญาที่ลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอ
กานต์รวี ครางเบาๆ ด้วยความสุข เธอจินตนาการว่าตัวเองกำลังร่วมรักกับชัญญาอย่างเร่าร้อน
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้น กานต์รวีสะดุ้งลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอพบว่า สามีกำลังยืนมองเธออยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา สายตาของเขาดูเจ้าเล่ห์ เธอเห็นรอยยิ้มเจ้าชู้บนใบหน้าของเขา
“หืม....คุณคิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอ..” สายตาของเขาโลมเลียไปทั่วร่างกายของเธอ
“อ๊ะ..” กานต์รวีรู้สึกอาย เธอรีบชักมือออกจาก....
“ไม่เอาน่า...หยุดทำไมเล่า...”
“อื๊อ...”
สามีของเดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว เขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อน กานต์รวีรู้สึกถึงแรงปรารถนาของเขา
“อาบน้ำก่อนมั้ยคะ...”
“ผมจะทำให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเรา” เสียงของเขาแหบพร่าด้วยอารมณ์
เขาโน้มตัวลงมาจูบเธออย่างเร่าร้อน ริมฝีปากของเขาหวานหอมเหมือนน้ำผึ้ง กานต์รวีตอบสนองเขาอย่างกระตือรือร้น เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนของเธอ เขาสูดกลิ่นหอมจากร่างกายของเธออย่างหลงใหล เขาเริ่มสัมผัสเธออย่างอ่อนโยน มือของเขาเคลื่อนที่ไปทั่วร่างกายของเธอ
กานต์รวีรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ทวีขึ้น ธีรเทพค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา กานต์รวีรู้สึกถึงความร้อนแรงที่ลามเลียไปทั่วร่างกาย เขาจูบเธออย่างเร่าร้อน ก่อนจะค่อยๆ ครอบครองเธออย่างช้าๆ กานต์รวีรู้สึกเหมือนเธอจะละลายไปพร้อมแรงปรารถนานั้น กานต์รวีดันตัวสามีออกจากเธอ
“ชัญ...คุณธีร...รอฉันก่อน..” กานต์รวีกัดริมฝีปาก และกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ภายในสมองของเธอเห็นแต่หน้าของชัญญา
ธีรเทพไม่ทันฟัง เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“รอไม่ได้แล้ว...ฉันต้องการเธอ....”
ธีรเทพเริ่มบทรักอันเร่าร้อน กานต์รวีรู้สึกถึงความร้อนแรงจากตัวเขา
กานต์รวีรู้สึกถึงความหนักหน่วงของเขา
กานต์รวีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยขึ้นบนฟ้า
กานต์รวีครางด้วยความพึงพอใจ เสียงครางของเธอดังก้องไปทั่วห้อง
เขาพาเธอไปสู่จุดสุดยอดของความสุข กานต์รวีรู้สึกถึงความรุนแรงของเขา
“ฉันรักเธอ...” เขากระซิบเบาๆ และกอดเธอไว้ด้วยความรักและอ่อนโยน
“ฉันก็รักเธอ... (ชัญญา) ” กานต์รวีตอบ ก่อนจะพึมพำชื่อของคนที่เธอรักมากที่สุดเบาๆ
ในบ้านเช่าขนาดเล็กแถบชานเมือง
ญาณวดี มองดูรูปถ่ายของก้องเกียรติในโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มของเขาทำให้เธอใจเต้นรัว ความรู้สึกปรารถนาที่เธอพยายามกดทับไว้ กลับโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
“ทำไมฉันถึงรักเขาขนาดนี้?” ญาณวดีถามตัวเอง
“ทำไมฉันต้องยอมทนทุกข์ขนาดนี้?”
เธอถือภาพของก้องเกียรติและภรรยาของเขาขึ้นมาดู เป็นภาพที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบที่สุด
“มันไม่ยุติธรรม!!” ญาณวดีตะโกนออกมา ก่อนจะฉีกภาพถ่ายนั้นทิ้ง
“ฉันคือคนที่เขาควรอยู่ด้วย!”
“ฉันรักเขา และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเขาไปจากฉัน” ญาณวดีตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
ก้องเกียรติคือชายคนเดียวที่เธอรัก แต่เขามีภรรยาแล้ว
ญาณวดีรู้ว่ารักของเธอไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เธอไม่สามารถควบคุมหัวใจของเธอได้
เธอแอบหลงรักก้องเกียรติมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เขาเลือกคบกับผู้หญิงคนอื่น หลังเรียนจบ ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ญาณวดีคิดว่าเธอคงลืมเขาได้
แต่แล้วเธอก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง
เขาแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจเธอเหมือนเดิม ญาณวดีรู้สึกทรมานกับความรู้สึกของตัวเอง
เธอรู้ว่ามันผิด แต่.....เธอไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
เพราะฉะนั้น เธอจะทำทุกวิถีทางที่จะแย่งเขามาจากภรรยาให้ได้
ก้องเกียรติ ผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เขากำลังเดินทางไปหาญาณวดี
แม้ว่าก้องเกียรติจะมีภรรยาอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้
เขาแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับญาณวดีมานานแล้ว
เขาชอบความตื่นเต้นและเร้าใจจากการแอบมีชู้
เขาชอบความรู้สึกที่ได้ถูกผู้หญิงสองคนรัก
แต่ที่สำคัญที่สุด เขาชอบเงินของญาณวดี
ญาณวดีเป็นเซลล์ที่มีความสามารถ ยอดขายแต่ละเดือนของเธอทะลุเป้าตลอด ทำให้มีรายได้เดือนละแสน
ก้องเกียรติรู้ว่า เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ต้องทำงาน ถ้าเขาสามารถโน้มน้าวให้ญาณวดีเลี้ยงเขา
เขาจึงพยายามเอาอกเอาใจเธอ
เขาทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหลงรักเขา
เขาโกหกว่า เขารักเธอ
เขาบอกเธอว่า เขาจะหย่ากับภรรยา
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำโกหก
เขาไม่มีความคิดที่จะหย่ากับภรรยาเลย เขาแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากญาณวดีเท่านั้น
หลังจากใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ก้องเกียรติก็มาถึงบ้านเช่าส่วนตัวของญาณวดี วันนี้เขาได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษสำหรับเซอร์ไพรส์เธอ
เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าบ้าน
“ก้อง มาแล้วหรอ” ญาณวดีเปิดประตูต้อนรับ พร้อมกับยิ้มหวาน
“ให้คุณครับ” ก้องเกียรติยื่นดอกไม้ให้เธอช่อใหญ่
“สวยมากเลย เข้ามาสิ” ญาณวดีรับดอกไม้ไว้ด้วยความดีใจ
เมื่อก้องเกียรติก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้านของญาณวดี กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยออกมาต้อนรับ
“อาหารเย็นพร้อมแล้วค่ะ” ญาณวดีพาเขาไปที่โต๊ะอาหาร
“คุณแต่งบ้านได้สวยมากเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ญาณวดียิ้มเขิน
พวกเขานั่งลง และเริ่มทานอาหาร ซึ่งมีแต่ของโปรดก้องเกียรติทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปูผัดผงกระหรี่ กุ้งอบวุ้นเส้น ต้มยำกุ้ง รวมไปถึงผัดคะน้าฮ่องกง ญาณวดีตั้งใจซื้อมาเตรียมให้กับชายคนรัก
“วันนี้คุณทำงานเหนื่อยไหมครับ?”
“ไม่มากค่ะ พอมีเวลานั่งพักบ้าง” ญาณวดียิ้ม
“ดีจัง ผมอยากให้คุณพักผ่อนเยอะๆ คุณชอบทำงานเกินเวลาตลอดเลย”
“ฉันจะพยายามค่ะ” ญาณวดีเขินอาย รู้สึกปลื้มใจที่เขาเป็นห่วง
มื้อค่ำดำเนินต่อไปเรื่อยๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโรแมนติก
หลังจากจากมื้อค่ำสุดโรแมนติก ญาณวดีกับก้องเกียรติ นั่งผ่อนคลายบนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ญาณวดีอิงแอบกับอกของก้องเกียรติด้วยความคิดถึง
“จริงสิ ผมมีของขวัญให้คุณ” ก้องเกียรติหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกจากกระเป๋ายื่นให้ญาณวดี
“เปิดดูสิครับ”
ญาณวดีเปิดกล่องอย่างตื่นเต้น ภายในกล่องมีสร้อยคอเพชรระยิบระยับ เธออ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“สวยมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ผมใส่ให้นะ” ก้องเกียรติสวมสร้อยคอให้เธอ
“ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณค่ะ” ญาณวดีน้ำตาคลอเบ้า ด้วยความดีใจ
“ผมคิดถึงคุณมาก” ก้องเกียรติดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ” ญาณวดีโอบกอดเขาไว้แน่น
ก้องเกียรติ ลูบไล้เรือนร่างของเธออย่างอ่อนโยน เขาสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอ
“คุณหอมมาก” เขาพึมพำ
“ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไป” ญาณวดี จูบเขาอย่างเร่าร้อน
“ผมก็เหมือนกัน”
ก้องเกียรติดึงเธอเข้ามาจูบอย่างลุ่มหลง ทั้งคู่จมดิ่งไปกับความรักและความปรารถนาที่ร้อนแรง โซฟาในห้องนั่งเล่น กลายเป็นเวทีแห่งรักอันเร่าร้อน ร่างกายของพวกเขาโอบกระหวัดกันอย่างแนบแน่น
เสียงหอบหายใจดังระงม
เสียงครางประสานกับเสียงเพลงที่เปิดคลอ
พวกเขาปลดปล่อยความต้องการของกันและกันอย่างรุนแรง
ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่ถูกต้อง แต่พวกเขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้
เบื้องหลังคำพูดหวานๆ ของก้องเกียรติ เต็มไปด้วยความลวง
เขารู้ว่าเธอรักเขา แต่เขาไม่แน่ใจว่า เขาจะรักเธอได้จริงหรือไม่
เขาคิดถึงภรรยาของเขา เขาจึงลังเลที่จะหย่ากับภรรยา
เขายังมีความโลภและต้องการเงินของญาณวดี
เขารู้ว่า ญาณวดีมีทุกอย่างที่เขาต้องการ
แต่ญาณวดีมองไม่เห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า
เธอหลงใหลก้องเกียรติจนหัวปั่น
เธอไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังเดินเข้าสู่กับดักที่แสนชั่วร้ายของ ก้องเกียรติ
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี