สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการ
ภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์
ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกที
ในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง
“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่
“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา
“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก
“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ
“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้านหลัง ช้อนตามองเขาหวานเยิ้ม
“ผมอยากให้คุณจองร้านอาหารในโรงแรมแถวชิดลมให้หน่อย”
“ได้ค่ะ”
“คุณไปกับผมนะ”
“เอ๊ะ ญ่าต้องไปด้วยเหรอคะ ? แล้ว..คุณเกศล่ะคะ?” ชัญญาแกล้งถามถึงภรรยาของเอกวัฒน์
“ปกติตอนเย็น คุณก็ไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เอกวัฒน์มองชัญญาด้วยสายตาเจ้าชู้
“ได้ค่ะ นาย” ชัญญายิ้มหวาน ก่อนจะขอตัวไปหาร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้
ในห้องทำงานของญาณวดี
ญาณวดีกำลังโกรธจัด และอิจฉาชัญญาที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาของเอกวัฒน์ เพราะเธอก็หวังว่าจะได้ครองตำแหน่งนี้เช่นกัน แต่ชัญญาที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปี กลับคว้าตำแหน่งนี้ไปหน้าตาเฉย
“ชัญญา แกคิดว่าแกจะอยู่สุขสบายไปได้นานแค่ไหน เดี๋ยวฉันจะทำให้แกต้องเสียใจ”
“ก๊อก ก๊อก” ณัฐรินีย์พนักงานฝ่ายออกแบบทำเสียงล้อเลียน
“มีอะไร?” ญาณวดีถามเสียงห้วน เธออารมณ์ไม่ดีจึงพาลใส่เพื่อนร่วมงาน
“หน้าเป็นตูดเลยนะ”
“เรื่องของฉันน่ะ” ญาณวดีสะบัดหน้าพรืด
“ฉันเอาแบบสินค้าตัวใหม่มาให้” ณัฐรินีย์ขี้เกียจยุ่งเลยส่งเอกสารให้ญาณวดี
“วางไว้ตรงนั้นล่ะ เดี๋ยวฉันค่อยดู”
“อ้อ ไอฝากบอกว่า ใบเสร็จค่าใช้จ่ายของเดือนนี้ รีบเคลียร์ด้วยล่ะ เธอช้าตลอด ไอปิดบัญชีไม่ทัน” ณัฐรินีย์แซะแทนเพื่อนสนิท
“รู้แล้วน่ะ”
ญาณวดีค้อนตามหลังณัฐรินีย์ เธอไม่ค่อยชอบหน้าณัฐรินีย์เท่าไหร่ เพราะหญิงสาวมักปากเสีย ด่าคนอื่นตรงๆ แบบไม่เกรงใจใคร ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ณัฐรีนีย์เป็นพวกไม่มีมารยาเล่ห์เหลี่ยม
แต่....ญาณวดีก็ไม่ชอบอยู่ดี
ในร้านอาหารหรู
ชัญญา นั่งทานอาหารกลางวันกับกานต์รวี เพื่อนสนิทของเธอ ชัญญาดูมีสีหน้ามีความสุข เธอเล่าให้กานต์รวีฟังเกี่ยวกับการทำงานในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์
“วันนี้ฉันได้คำชมจากคุณเอกเยอะเลย เขาบอกว่าฉันทำงานเก่ง ฉลาด แก้ไขปัญาได้ดี” ชัญญายิ้มด้วยความภูมิใจ
“เธอแน่ใจนะ ว่าเธอไม่ได้ใช้เสน่ห์ยาแฝดเพื่อมัดใจคุณเอก” กานต์รวีมองชัญญาด้วยความกังวลใจ เธอถามเพราะรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ของเธอดี ว่าเวลาที่ต้องการอะไร เธอต้องได้เสมอ
“บ้า เธอก็คิดมากไป ฉันทำงานเก่งจริงๆ คุณเอกคงเห็นความสามารถของฉัน”
“เอาเถอะ ฉันเข้าใจนะ ก็คุณเอกน่ะ ทั้งหล่อ รวย และมีเสน่ห์มาก” ชัญญาเอามือเท้าคางดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“ระวังตัวหน่อย อย่าลืมว่าคุณเอกมีเมียแล้ว เธอไม่ควรไปยุ่งกับผู้ชายที่มีครอบครัวนะ” กานต์รวีเตือนด้วยความหวังดี
“ฉันไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับคุณเอก ฉันแค่ต้องการทำงานให้ดีที่สุด เธออย่ากังวัลนักเลย”
กานต์รวีมองดูชัญญาด้วยความกังวล เธอรู้ดีว่าชัญญาเป็นผู้หญิงที่ทะเยอทะยาน เธอกลัวว่าชัญญาจะทำอะไรบ้าๆ บอๆ เพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
“ญ่า จำไว้นะ ผู้ชายไม่ได้สำคัญไปกว่าทุกอย่างในชีวิตนะ” กานต์รวีมองหน้าชัญญาสายตาจริงจัง
“เธอยังมีฉัน มีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่านะ” กานต์รวีเอื้อมไปกุมมือชัญญาไว้
“ขอบใจจ้า ฉันสัญญาจะไม่ทำอะไรโง่ๆ น่ะ” ชัญญาขยิบตาให้เพื่อนสาว
“เฮ้อ ฉันหวังว่าเธอจะรักษาคำพูดนะ” กานต์รวีถอนหายใจ ภาพความหลังย้อนเข้ามาในความทรงจำของเธอ
ย้อนกลับไปสมัยเรียนมัธยมปลาย
ชัญญา เด็กสาวหน้าใส เรียนเก่ง แต่แอบมีนิสัยทะเยอทะยาน เธอใฝ่ฝันอยากมีแฟนเป็นรุ่นพี่ที่หล่อที่สุดในโรงเรียน นามว่า "ธันวา"
ธันวา เป็นหนุ่มนักกีฬา หน้าตาดี มีเสน่ห์ เป็นที่รักของสาวๆ ในโรงเรียน ชัญญา พยายามหาทางเข้าหาธันวา แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาส เพราะธันวา มีแฟนแล้ว
วันหนึ่ง กานต์รวีได้ค้นพบตำราโบราณ เกี่ยวกับเสน่ห์ยาแฝด ยาชนิดนี้มีพลังดึงดูดผู้ชายได้อย่างรุนแรง กานต์รวีบอกชัญญาว่า ถ้าเธอใช้ยาชนิดนี้ ธันวา จะต้องหลงรักเธอแน่นอน
ชัญญา ลังเล แต่ความปรารถนาที่จะได้ธันวามาครอบครอง ทำให้เธอตัดสินใจลองใช้ยาเสน่ห์
ในที่สุด ชัญญาก็แอบใส่ยาเสน่ห์ลงในน้ำดื่มของธันวา ทันทีที่ธันวาดื่มน้ำ เขาเริ่มรู้สึกหลงใหลชัญญาอย่างรุนแรง เขาตามหาเธอ และสารภาพรักกับเธอ ชัญญา รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ได้มาเป็นแฟน โดยเธอไม่สนใจแฟนสาวของธันวาที่มาคุกเข่าร้องไห้ขอธันวาคืนเลยสักนิด
ท้ายที่สุด ชัญญาก็เริ่มเบื่อธันวา และทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี โดยมีกานต์รวีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ตลอด
กานต์รวีนั่งเหม่อในห้องทำงานหลังกลับจากทานอาหารกลางวันกับชัญญา เธอเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับชัญญาและเอกวัฒน์ ท่าทางของชัญญาเหมือนกับตอนเรียนมัธยมไม่มีผิด เธอได้แต่หวังว่า สิ่งที่เธอกังวลจะไม่เกิดขึ้นอีก
ในร้านอาหารหรูย่านชิดลม
ชัญญาและเอกวัฒน์นั่งดินเนอร์ด้วยกัน บรรยากาศในร้านอาหารโรแมนติก แสงไฟสลัว เสียงเพลงคลอเบาๆ ชัญญาดูสวยสง่าในชุดเดรสสีดำเปลือยไหล่ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียด เอกวัฒน์จิบไวน์พลางจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
แสงไฟสลัวสาดส่องลงบนโต๊ะอาหารเผยให้เห็นอาหารจานเลิศที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม ชัญญาและเอกวัฒน์นั่งตรงข้ามกัน จิบไวน์แดงชั้นดี กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารคละคลุ้งไปทั่วบรรยากาศ
“วันนี้เธอสวยมาก ชุดเดรสีดำตัวนี้เข้ากับเธอสุดๆ” เอกวัฒน์มองด้วยสายตาเจ้าชู้
“ขอบคุณค่ะ” ชัญญายิ้มเขิน
“ลองชิมเนื้อสเต็กชิ้นนี้สิ เชฟร้านนี้เขาปรุงได้อร่อยมากนะ” เอกวัฒน์ หยิบส้อมจิ้มเนื้อสเต็กยื่นไปตรงหน้าชัญญา
“อื้อ...อร่อยจริงๆ ค่ะ เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้นมากเลย” ชัญญาโน้มตัวงับเนื้อสเต็กตรงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับใช้นิ้วเสยผมข้างแก้มทัดหู เนินอกขาวเนียนโผล่ให้เอกวัฒน์เห็นอยู่ตรงหน้ารำไร
“ดีใจที่เธอชอบ” เอกวัฒน์เก็บอาการ และข่มใจตนเองไม่ให้ดึงตัวเธอเข้ามากอด
“ญ่าต้องขอบคุณนายมากเลยนะคะ ที่ชวนมาดินเนอร์ที่นี่” ชัญญาช้อนตามองหวานเยิ้ม
“จริงสิ อาทิตย์หน้าฉันต้องไปญี่ปุ่น 7 วัน เธอจองตั๋วเครื่องบิน 2 ใบให้ด้วยนะ” เอกวัฒน์พูดพลางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ได้ค่ะ ให้ญ่าจองในชื่อของใครบ้างคะ” ชัญญาถามเสียงหวาน
“ฉันและเธอ”
“เอ๊ะ!”
ชัญญาเกือบทำส้อมในมือร่วง ดวงตาสวยเบิกกว้างมองไปยังเอกวัฒน์ด้วยความตกใจ แต่เขากลับยกไวน์ขึ้นจิบเหมือนไม่ใส่ใจสิ่งที่เธอรู้สึก เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์
คราวนี้ เธอปฏิเสธฉันไม่ได้แล้วล่ะ ชัญญา
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี