"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ
"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วย
มาทำส้นอะไรวะ?
"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟัง
ยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ
'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'
นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่าง
แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะ
แต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว
"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัว
ถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...
'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'
คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ
"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูก
จัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยายแจ๋มเล่นอีกแล้ว
"ใช่เรื่องจะสอนลูกไหม จะพูดอะไรหัดคิดซะบ้าง มันทำให้หลานฉันดูเป็นเด็กไม่น่ารัก" ยายแจ๋มวางถ้วยโจ๊กให้ไอ้หมายิม แล้วรีบเดินเข้ามาจีบปากจีบคอกระซิบกระซาบใส่ฉันอย่างจริงจัง
พรเช้านี้ช่างสดใส อรุณเบิกฟ้าสว่างเจิดจ้า
เรื่องสอนจัสมินแบบผิด ๆ นี่ไม่ได้เลยนะ เพราะแม่ฉันมีหลานคนเดียว ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วง ต่างจากวันที่รู้ว่าฉันท้องจริง ๆ
คิดแล้วก็หมั่นไส้ไอ้หมายิม
มานั่งแสล๋นทำสากกะเบืออะไรตรงนี้ก็ไม่รู้
"แล้วใช่เรื่องที่แม่จะรบกวนคนอื่นมาเป็นพ่อให้จัสไหม" ฉันย้อนยายแจ๋มทันที
คิดได้ยังไงไปพึ่งพาไอ้ห่านี่ ดูหน้ามันก็รู้ว่าแม่ฉันไปขอร้องแม่มัน แม่มันเลยบังคับมันมา
"แล้วแกมีพ่อให้ลูกหรือไง ไม่กลัวลูกอายเพื่อนเหรอ"
"แล้วแม่ไม่บอกแจงล่ะ แจงจะได้ให้เพื่อนแจงไปด้วย" ฉันถกเถียง
"แล้วยิมไม่ใช่เพื่อนแกหรือไง" ยายแจ๋มแย้ง ทำเอาฉันจอดสนิท อย่างที่บอก ครอบครัวฉันและมันไม่มีใครรู้เรื่องเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงในครั้งนั้น
"แต่มันเพิ่งกลับมาไง จัสมินสนิทใจกับพวกไอ้พีคไอ้นายไอ้ภามไอ้เคมากกว่าอีก วานพวกนั้นยังเบาใจกว่า"
"แต่ผู้ปกครองในห้องเรียนเข้าใจว่าพ่อหลานฉันไปเมืองนอกเพิ่งกลับ เพราะฉะนั้นยิมเหมาะสุด"
หัวใจฉันกระตุกกึก กับคำพูดของยายแจ๋ม
"อย่าบอกว่าไปโม้ไว้นะ หลัง ๆ เห็นนั่งจิ้มไลน์แล้วยิ้มแป้นคือไปโม้ใช่ไหม" เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องไอ้หมายิมเป็นพ่อจัสมินไม่มีใครรู้
ฉันจึงนึกออกทันทีว่ายายแจ๋มอาจจะไปโม้ เพื่อไม่ให้หลานสาวอับอาย
ต้องบอกก่อนว่าโรงเรียนจัสมินไกลจากบ้าน และคนที่ตะบี้ตะบันให้จัสมินไปเรียนที่นั่นก็คือยายแจ๋มนั่นแหละ
"ก็ใช่น่ะสิ ก็อีพวกผู้ปกครองทั้งหลายแหล่ก็พากันแห่อวดพ่อของลูก แล้วทำมาเป็นแซะหลานฉัน ฉันก็เลยมือลั่นไปหน่อย แต่จะให้พวกเพื่อนแกไปก็หน้าซ้ำแล้ว เพราะงั้นยิมเหมาะสุด" ดูสิ ดูยายแจ๋มเขาสิ ยิ่งกว่าวัยรุ่นใจร้อนซะอีก
"ต่อไปควรเลิกเล่นไลน์ห้องเรียนหลานนะ ใจร้อนอะไรขนาดนั้น ความจริงก็คือความจริงสิแม่ ใช่ว่าจัสไม่มีพ่อแล้วจัสจะเป็นคนดีไม่ได้"
คือตอนนี้จัสมินไปนั่งจ้องแล้วยิ้มให้ไอ้หมายิมที่นั่งเขมือบโจ๊กอยู่บนโต๊ะแล้วนะ ฉันกับแม่เลยคุยกันได้ แต่ไม่ดังมากนักหรอก
"ฉันรู้ แกอย่ามาสอนฉัน ฉันเป็นแม่แกนะ ฉันก็แค่หมั่นไส้อีพวกผู้ปกครองปากส้นตีนเฉย ๆ ยังไงยิมก็มาแล้ว จัสมินก็โอเคกับยิม แกจะเรื่องมากทำไม เดี๋ยวหลานฉันน้อยหน้าพวกนั้นอีก ฉันไม่ยอมหรอกนะ" แล้วยายแจ๋มก็เตะเข้าประตูตัวเอง
"จ้ะ" ฉันว่าและมองบนใส่ ก่อนจะเดินไปหากาแฟดื่ม
"นี่ ๆ เดี๋ยวแกถึงโรงเรียนแล้วถ่ายรูปส่งมาให้ฉันด้วยนะ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนฉันเพิ่งถ่ายรูปจัสมินกับยิมลงกรุ๊ปไลน์ไปอวด เดี๋ยวพอถึงโรงเรียนก็ถ่ายมาเยอะ ๆ ฉันจะอวดพวกมัน" ยายแจ๋มตะโกนตามหลังฉันมา
"น่าอวดตรงไหนวะ" ฉันได้แต่พึมพำและส่ายหัวอย่างเอือมยายแจ๋มแม่ตัวเอง
“มากันแล้ว มา ๆ ลูกเข้าบ้านเร็ว” แม่ของผมกวักมือเรียกผมและภามเพื่อเข้าบ้านหลังจากที่เมื่อคืนผมโดนจัดชุดใหญ่ เพราะไม่ไว้ใจเก็บเรื่องไร้สาระของภามไปฝันเป็นตุเป็นตะ พอตื่นมาก็งี่เง่าเง้างอนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาบ้านแล้วโดนกระหน่ำแทงเช้ามาภามมันเลยลากผมมาทานข้าวเช้าที่บ้านของผม เนื่องจากเมื่อคืนมันบังคับให้ผมโทรนัดครอบครัวซึ่งตลอดการเดินทางมาที่บ้านแม่ของผมนั้น ผมเกร็งมากครับ เกร็งกลัวไปหมด กลัวครอบครัวจะรับเรื่องของผมกับภามไม่ได้กลัวพวกท่านจะกีดกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่นอน“พ่อแม่สวัสดีครับ” ภามยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ท่านเพิ่งจะเดินไปนั่งที่ข้างกายพ่อ“นั่ง ๆ ภาม แล้วนี่นึกอะไรถึงพากันมาแต่เช้า” พ่อยิ้มรับและชวนให้นั่ง ต้องขยายความก่อนนะครับว่าภามมาที่บ้านของผมบ่อย มาในฐานะเพื่อนในความเข้าใจของครอบครัวผม“มีเรื่องจะพูดคุยกับพ่อแม่ครับ” ภามเป็นคนตอบ ส่วนผมยังยืนเกร็งเพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดในเวลาอีกไม่นานที่จะถึง“ดูท่าจะซีเรียส งั้นกินข้าวกันก่อนค่อยคุยกันนะ นั่งทานลงทานข้าวสิเค” แม่ของผมบอกแล้วยิ้ม ผมจึงนั่ง
“เค เค เคด่วย ไอ้เค!!!” เสียงแว่วมาของไอ้ภามมันเอ่ยเรียกผมพร้อมกับแรงเขย่าแรง ๆ“ไอ้ภาม!!!” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ“เป็นบ้าอะไรของมึง เห็นกูทำไมต้องตกใจ มึงมีความผิดอะไร พูดมา” ไอ้ภามมันเดินมาที่โซฟาที่ผมนอนอยู่และนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นมือมาดึงจับที่ตัวผม“อย่ามาจับกู ไอ้เหี้ย มึงมันเลว ใจร้าย ทำร้ายจิตใจกู ที่ทำทุกอย่างก็แค่สงสารกู มึงไม่เคยรักกูเลย” ผมขยับตัวหนีออกจากมันปัก!ไอ้ภามมันตบที่หัวของผม“ไอ้เค รอบนี้อะไรพูดมา กูงอนเรื่องที่บ้านของมึง มึงถึงขั้นเก็บเอาไปฝันคิดว่ากูนอกใจใช่ไหม มึงถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้”เวรแล้วครับ“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเพราะกูฝันเป็นตุเป็นตะ” ผมมองไอ้ภามแล้วทำหน้าอึ้งรอครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว“เออดิ กูเนี่ยนะจะนอกใจมึง ไอ้เหี้ย เรื่องนี้นี่คิดไม่เลิกสักทีเนอะ แล้วนี่ยังไง”“ยังไงอะไรภาม” เมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคือความฝันที่ผมสรรค์สร้างมันขึ้นมา ผมก็รีบขยับตัวนอนหนุนที่ตักของคนที่ผมเรียกว่าแฟน รีบเตรียมแผนอ้อนมันเลยครับ“มึงให้ลูกค้าในร้านกอดทำไม”แต่เดี๋ยวนะ!!!เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะนอนท่านี้ไม่ได้เหมือนจะไม่ทัน ผมรู้ตัวช
สามวันผ่านไป...สามวันผ่านไปแล้ว ชีวิตของผมก็ยังจมอยู่กับความเมา ผมเช่าห้องพักรายวันแล้วซื้อเหล้าเข้ามากินแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากเรื่องราวที่ผ่านมาของผมกับไอ้ภาม ผมคิดซ้ำ ๆ วกไปวนมา คิดแล้วคิดอีกและเมาหลับไปผมโคตรเสียศูนย์ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับใช้ชีวิตของผมแล้วครับเรื่องร้านที่ทำร่วมกันมา ถ้าหากว่ามันจะเอาคนรักของมันมาทำ ผมก็พร้อมจะเดินออกมาพร้อมเงินทุนและกำไรที่ผมสมควรได้เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกทีให้เข้าใจแต่ที่แน่ ๆ คือผมจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่มันสงสารผมแน่นอนครับสองชั่วโมงต่อมา...ณ ร้านอาหาร“สวัสดีค่ะคุณเค” พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมเหมือนที่เคยทำตลอด แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่ผมไม่ยิ้มครับ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์แบบผมคงไม่มีอารมณ์มาปั้นหน้ายิ้มหรอกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นผมเดินผ่านพนักงานมาที่ห้องทำงานด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดร้านมา จึงไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ เพราะผมก็หายไปสามวันเต็ม ๆผมเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งดูยอดบัญชีการซื้อของเข้า และเมนูอาหารที่ขายออกไป ผมตรวจผมเช็กแบบที่ผมเคยทำ เพื่อ
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ครับ ผมกลับมาบ้านของภาม บ้านที่ภามมันซื้อไว้ก่อนที่เราจะรู้จักกัน เราอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน และนาน ๆ ครั้งเพื่อนจะมาปาร์ตี้ โดยที่มีแจงเป็นสายเมาที่ชอบเต้นจนสุดเหวี่ยง และสุดท้ายก็น็อกกลางอากาศ ตั้งแต่ที่แจงมีลูกคนที่สอง การเที่ยวเตร่เมาแล้วเลื้อยของแจงก็น้อยลง หรือเพราะมีความเป็นแม่ที่มากขึ้นก็ไม่รู้นะครับ แจงถึงได้ดูกลายเป็นคนดีแต่กว่าจะดีได้ กว่าจะลงตัวกับคนที่เป็นผัวอย่างยิมก็ยากเอาเรื่องนะครับ ไหนจะเรื่องของจัสมินที่แจงปกปิดแม้กระทั่งเพื่อนว่าใครคือพ่อ ไหนจะผู้ชายที่ตามจีบ และยังเมียเก่าของยิมที่ยิมเคยรักมาก แต่ละปัญหาของทั้งคู่มันทำให้ผมเหนื่อยและท้อแทนเลยครับ“เฮ้อ” ผมถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อขวดเหล้ามันกระจัดกระจายระเนระนาดไปหมด แล้วก็ต้องเป็นผมที่ต้องเก็บเป็นประจำตอนนี้คนเมาคงอยู่ในห้องนอนแต่เดี๋ยวนะ!!!ทำไมมีแก้วสองใบ ใครมาดื่มกับมันวะสองเท้าของผมรีบเดินมาที่ห้องนอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจแต่ผมแค่อยากพิสูจน์ และไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดแต่แม่ง...ไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เมื่อเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องนอน ตามทางเดินที่ผมกำลังก้าวไป ยิ่งผมเฉียดใกล้
สวัสดีครับ เรียกผมว่า ‘เค’ อย่างที่แจงเรียกก็แล้วกันนะครับผมมีแฟนครับ ชื่อ ‘ภาม’ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงชีพของเราทั้งสอง กิจการร้านอาหารของเราดำเนินไปได้ด้วยดีครับคงจะเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนหล่อกันทั้งคู่ จะว่าผมหลงตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาทานอาหารร้านผมนั้นเป็นสาว ๆ กันซะมากกว่าคงไม่ต้องบอกพวกคุณที่ตามแจงมาก็คงจะรู้ว่าผมกับภามเป็นคู่รักร่วมเพศ เป็นคู่เกย์กันขอสารภาพตามตรงนะครับว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตที่เจอแต่ความผิดหวังก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป อาจจะเพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากการประชดชีวิตที่คบใครก็มีแต่โดนทิ้ง โดนหักหลังมาตลอดผมก็เลยลองมองหาผู้ชายดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอกับความเสียใจ เหมือนตอนที่คบกับผู้หญิงจุดเปลี่ยน จุดแปลกใหม่ในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมต้องมากลายเป็นฝ่ายรับจากผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน ตอนนั้นขอเรียกเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกันนะครับที่เรียกวันไนท์สแตนด์ก็เพราะอยากจะทดลองก่อนที่จะเริ่มมีคนรักที่เรียกว่าเพศเดียวกันและผู้ชายคนแรกที่ไ
“พวกแกจะบ้ากันหรือไง ทำอะไรกันอยู่ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!!!” แม่พูดเสียงสั่นดวงตากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่านกำลังมองฉันและพี่ชาย“แค่เรารักกัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจ”“รักกันฉันเข้าใจ แต่พวกแกจะรักกันแบบนี้ไม่ได้ พี่น้องจะรักกันแบบนี้ไม่ได้”“แม่…”“หยุดเรื่องน่ารังเกียจนี้ซะยัยแพท แกเป็นถึงครู แกไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” แม่หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม“เรารักกันครับแม่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้เหรอครับ แม่ครับ…”“เงียบปากไปเลยพีค นี่พวกแกเป็นบ้ากันหรือไง กำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงใจฉันบ้าง” แม่ของฉันเริ่มหลั่งน้ำตาฉันกับพี่ชายกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าเสียใจ เพราะเราทั้งสองตัดสินใจกลับมาบ้านและบอกเรื่องราวที่เราสองคนได้แอบทำร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อแม่ได้ยินเรื่องที่พี่ชายเป็นคนเอ่ยปากเริ่มเล่า ท่านก็เริ่มหน้าซีด และหลั่งน้ำตาน้ำตาของแม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก และคงต้องยอมรับความจริงซึ่งมันดูเหมือนเราทั้งคู่บีบบังคับให้แม่ยอมรับเรื่องของเราเรื่องระยำที่เราแอบทำ“แม่คะ แพทขอโทษ แต่