เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว หญิงสาวผู้ถูกยกให้เป็นรางวัลในชัยชนะห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ เธอนั่งร้องไห้คุดคู้อยู่มุมห้องสี่เหลี่ยม ซึ่งมันก็คือห้องทำงานของหนุ่มลูกครึ่งตัวโตที่นั่งเฝ้าเธออยู่ตอนนี้ ยิ่งทำให้ยิ้มร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะเธอไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหนดี? เขาจะฆ่าเธอ จะข่มขืนเธอเหมือนในหนังหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่เเล้ว... "เอาอันนี้ไปประคบไว้นะ ตาเธอบวมมากเลย" "อึก!" นี่เธอคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? ทำไมน้ำเสียงตอนนี้ถึงไม่ได้เยือกเย็นชวนขนลุกขนพองเหมือนอย่างตอนเเรกที่เจอ กลับอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความห่วงใยแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากนักหรอก เพราะเมื่อเธอเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ก็ต้องตกใจผวา! ทั้งรอยสัก ทั้งใบหน้าเหี้ยมเกรียมนั่น เธอแทบจะวิ่งหนี! "กลัวเหรอ?" คนที่ยื่นเเผ่นเจลประคบเย็นให้เธอ เอียงคอถาม "..." เธอไม่ตอบกลับ เอาแต่นั่งตัวสั่นกอดเข่าแน่นขึ้น "ยิ้มจำเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ?" "..." อะไร? เขาเป็นใคร? เธอไม่รู้จักสักนิด เท่าที่จำได้เธอไม่เคยมีเพื่อน หรือญาติที่หน้าตาน่ากลัวแบบนี้สักคน บ้านจริง ๆ ของเธออยู่ที่จังหวัดหนึ่ง เข้ามาเรียนในกรุงเทพก็ไม่รู้จักใครไหนเลย นอกจากกันต์และเพื่อนในคณะ แล้วนี่เขาเป็นใคร? เธอจะไปรู้ได้อย่างไรกัน? "อืม ๆ" ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ เหมือนเข้าใจบางอย่าง "เราชื่อไบร์ทนะ ไม่ต้องกลัวหรอก เราไม่ทำอะไรเธอ" "เรากำลังช่วยเธออยู่นะ อยากกลับไปอยู่กับไอ้หน้าตัวเมียนั่นจริง ๆ เหรอ?" "ฮึก~ช่วยทำไม" เธอทำใจดีสู้เสือ ถามกลับเขาทันที "แล้วเธอช่วยมันทำไม" "..." ยิ้มเองถึงกับพูดไม่ออก เธอช่วยกันต์เพราะเขาเป็นแฟนที่เธอรักและเป็นห่วงที่สุด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอย่างเขากัน "กะ ก็ รัก" "เหตุผลง่ายดี เข้าใจได้ แต่อยากเตือนนิดหน่อย อย่าไปรักคนแบบนั้นเลย รักตัวเองให้เยอะ ๆ" ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเชิงบวก ดูอบอุ่น จะหลุดออกมาจากปากผู้ชายที่สภาพไม่ต่างจากพวกตัวร้ายในหนัง เธอนิ่งไปสักพัก เหมือนคำพูดของเขาจะเเล่นจุกอกเธอจนหายใจไม่ออก จู่ ๆ น้ำตาก็หยุดไหล เธอลดมือที่กอดเข่าวางลงกับพื้น ก่อนจะเเหงนหน้าขึ้นมองเขาชัด ๆ หล่อมาก...แต่น่ากลัวมากกว่า... "เดี๋ยวทำแผลให้นะ" "มะ ไม่" เธอปฏิเสธทันที "ทำไม กลัวเราขนาดนั้น กลัวรอยสัก? หรือว่านี่" เขาชี้นิ้วไปที่บริเวณหน้าของตนเองใกล้ๆ กับจมูกที่มีจิวเจาะ เสริมความเกรี้ยวกราดพร้อมกับทำหน้านิ่ง ๆ มีเพียงหัวคิ้วเท่านั้นที่ขยับเข้าหากันเล็กน้อย คล้ายกับสงสัยว่าหน้าตัวเขาเองหรอกเหรอที่น่ากลัว? เขาควรส่องกระจก... "..." ยิ้มไม่ตอบ แต่กลับหลบตาชายหนุ่ม "โอเค รอแป๊บหนึ่งนะ" ก่อนที่ชายหนุ่มร่างโตจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง และเดินออกไปด้านนอกทิ้งให้เธออยู่คนเดียวตามลำพัง เมื่อได้จังหวะยิ้มก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามมาที่ประตูเพื่อหาทางหนี แต่ปรากฏว่ามันเป็นระบบล็อกที่ต้องใช้รหัสผ่านถึงจะออกไปได้ แล้วเธอจะหนีไปได้อย่างไร? "เอาไงดี ๆ ฮึก!" เธอเดินวนไปมาในห้อง พร้อมกับสังเกตุโดยรอบเพื่อหาทางหนีทีไล่ ในห้องทำงานมีเพียงโต๊ะเก้าอี้ โซฟาตัวยาวหนึ่งตัว และพวกของตกแต่งประเภทชั้นหนังสือ ห้องทั้งหมดล้วนตกแต่งด้วยโทนสีเทาทั้งหมด แต่เธอกลับไม่พบช่องทางในการหลบหนีเลยสักนิด ทางเข้าออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือประตูที่ปิดสนิทอยู่ตอนนี้ แกร๊ก ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก ไบร์ทที่ตอนนี้สวมเสื้อกันหนาวแขนยาวสีเทา ดึงหมวกขึ้นสวมทับ อีกทั้งยังสวมแมสก์ปิดหน้า ช่วงมือที่โผล่พ้นเนื้อผ้าเดิมมีรอยสัก เขาก็เปลี่ยนเป็นใช้พลาสเตอร์ติดเต็มไปหมดจนไม่เห็นอีกแล้ว "แบบนี้พอได้ไหม?" เท้ายาวก้าวมาหยุดตรงหน้าหญิงสาวที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่มุมเดิม เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็ต้องประหลาดใจทันที ใครเป็นคนคิดให้เขาทำแบบนี้? "..." "ไม่ตอบนี่แสดงว่าโอเคนะ" "..." "โอเค ขอทำแผลให้นะ " "โอ้ย! เจ็บ!" หญิงสาวร้องลั่นทันที เมื่อสำลีชุบแอลกอฮอลล์สัมผัสโดนแผลที่มุมปาก เขาไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น ติดจะอ่อนโยนด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่มือที่จับสำลีนั่นใหญ่เท่าๆ กับหน้าเธอ แต่ทุกการกระทำทุกสัมผัสของเขากลับเบาบาง อ่อนโยน จนความกลัวที่มีเริ่มลดลง "ขอโทษๆ เราทำแรงไปเหรอ?" ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่หน้าตาโหดเหี้ยมคนนี้ จะกล่าวขอโทษเธอเสียงอ่อน ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเขาผิดเลยสักอย่าง "มะ ไม่เป็นไร" เธอส่ายหน้าทันที พร้อมกับจ้องมองคนตรงหน้าสลับกับมองพื้น "เอาอันนี้ประคบไว้นะ ตายิ้มบวมมากเลย " "เราเรียกชื่อเธอได้ใช่ไหม?" "อื้อ~" ผู้ชายคนนี้ทำเธอแปลกใจหลายต่อหลายครั้ง จากที่หวาดผวาเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสงสัยและแปลกใจในเวลาต่อมา คำพูดคำจาเขาต่างจากบุคลิกแบบสิ้นเชิง เรียกได้ว่าต่างกันคนละขั้ว หน้ามือกับหลังเท้าเลยแหละ… "ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาดีไหม พื้นมันเย็น" ไบร์ทพยายามเกลี่ยกล่อมสาวเจ้าทุกทาง เพื่อให้เธอคลายความกังวลและหวาดกลัวเขาลงได้บ้างแม้ไม่มากก็น้อย เขารู้ตัวดีว่าภายนอก แวบแรกที่คนเห็นเขาก็ต้องตกใจกลัวกันทั้งนั้น บางทีส่องกระจกเขายังตกใจตัวเองเลย...มันเศร้านะว่าไหม "เดี๋ยวอีกสักพัก เราจะพายิ้มกลับคอนโดนะ ขอเคลียร์งานแป๊บหนึ่ง" ตุบ! หญิงสาวที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ถึงกับต้องเข่าอ่อนฟุบลงกับพื้นอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคถัดมา นี่เธอต้องไปอยู่กับเขาจริง ๆ งั้นเหรอ? "ฮึก! ปล่อยเราไปเถอะนะ ขอร้องละ เราไม่ได้ทำอะไรเลย ฮือ ๆ ๆ" จู่ ๆ เธอก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างคนหมดเเรง และพยายามขอร้องเขาให้ปล่อยเธอเป็นอิสระ "เฮ้ย! ใจเย็น ๆ เราไม่ได้จะทำอะไรเธอยิ้ม " คนตัวโตถึงกับยืนเกาหัวแกรก "คืองี้นะ เราแค่ให้เธออยู่กับเรา 3 เดือน เรามีที่ให้เธออยู่ คิดซะว่าลองห่างกับไอ้เลวนั่นสามเดือน ลองดูไหม?" "เราจะไม่ทำอะไรเธอ แต่กำลังช่วยเธออยู่ " "มันยกเธอให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้ ทำร้ายร่างกายเธออีกต่างหาก ไม่อยากหลุดพ้นจากมันจริง ๆ เหรอ?""ยิ้มต้องมั่นใจในตัวเองนะ ยิ้มอย่าเอาแต่มองว่าตัวเองแย่ ไม่ดี ต่ำต้อย ไม่ควรค่าที่จะได้รับสิ่งดี ๆ"เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแฝงไปด้วยพลังบวกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน จู่ ๆ ไบร์ทก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม"ยิ้มออกจะน่ารัก ทำกับข้าวเก่ง ทำงานบ้านเก่ง เรียนก็เก่ง นิสัยดีอีกต่างหาก" เขาเอ่ยร่ายยาวพร้อมกับเปิดกระป๋องเบียร์ และยื่นมันมาให้เธอ"ให้ทำไม?" เธอทำหน้าสงสัยเล็กน้อย"มันช่วยให้หลับสบาย ลองดู""เราไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์" เธอไม่เคยดื่มจริง ๆ และไม่รู้เลยว่าถ้าเธอเกิดกระดกมันเข้าไปแล้วสภาพหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร"ลองดูสักครั้งเถอะ ไม่เสียหายหรอก เราอยากให้ยิ้มหัดลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง""งั้นก็ได้" ทำไมเธอถึงตกลงง่ายขนาดนั้นน่ะเหรอ สั้น ๆ เลยคือ...อยากลอง"อึก อึก อึก" เธอกระดกเครื่องดื่มในกระป๋องลงคออย่างฝืดเคือง และนั่งกระพริบตารอดูสิ่งที่จะตามมา พอผ่านไปได้เพียงสามนาที...ฟุบ! เอาเป็นว่าสาวเจ้าของกายของไบร์ท หลับคอพับในท่านั่งท่าเดิมจนเขาขำปอดโยก เบียร์แค่สามอึกทำเอาเธอน็อคกลางอากาศได้ขนาดนี้เลยเหรอ? น่าทึ่งเกินไปแล
"โถ่เว้ย!""เป็นห่าอะไรอีกล่ะเนี่ย"นิกที่ถูกบังคับให้มาอยู่เป็นเพื่อนคอยรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของคนที่กำลังโวยวาย และตะโกนเสียงดัง บ้างก็โยนข้าวของเกลื่อนห้องราวกับคนบ้าหลุดออกจากโรงพยาบาล จนอีกคนต้องกุมขมับ"หงุดหงิดเว้ย!"กันต์ตะโกนก้องอย่างคนหัวเสียขั้นสุด ยิ่งนึกถึงตอนที่เห็นสองคนนั่นไปไหนมาไหนด้วยกันเขายิ่งโกรธจนต้องหาที่ระบายแบบนี้"มึงนี่เนอะ ยิ้มทนอยู่กับคนแบบมึงได้ยังไงวะ""มึงพูดอะไรไอ้นิก คนแบบกูมันทำไม"คนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เจ้าอารมณ์ ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่น และจิตใจโลเลอย่างไรเล่า... นิกอยากจะบอกถึงข้อเสียทั้งหมดของผู้เป็นเพื่อนแต่ก็รู้ดีว่าไร้ประโยชน์ คนแบบนี้ต่อให้พูดจนปากฉีกถึงรู้หูก็ไม่สำนึก หากไม่เจอกับความผิดหวังและคิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น"ช่างเหอะ ๆ กูขี้เกียจพูดแล้ว กูกลับห้องไปอาบน้ำก่อนนะ""คืนนี้กูจะไปกินเหล้า มึงต้องไปกับกู""โอเค ๆ เดี๋ยวเจอกัน" นิกตอบปัด ๆ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา ถ้าลองไม่ไปดูสิคนแบบมันจะยอมรามือง่าย ๆเมื่อเพื่อนออกจากห้องไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น มองไปรอบกายก็ล้วนแต่เจอสิ่งของเครื่องใช้ที่ทำให้นึกถึงเธอคนนั้นขึ้นมา ยิ
เมื่อร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อ โดยทุกการก้าวเดินของเขามักจะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยสนใจใครต่อใครที่มองมา ปกติก็ไม่สนโลกอยู่แล้ว ไม่แม้จะออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้เลยสักครั้ง เขาเป็นประเภทโลกส่วนตัวสูง ยิ่งการมาต่อแถวซื้อของยิ่งแล้วใหญ่แต่เพียงเพราะว่า ครั้งนี้เขามากับใครบางคนที่พิเศษจนเขาอยากเอาใจเธอมากกว่าผู้ใด จึงเลือกทำสิ่งที่ตัวเองไม่คิดจะทำเลยสักครั้งในชีวิตแปลกที่ไม่รู้สึกฝืนใจ กลับเต็มใจมากต่างหาก...แต่ว่า...พรึ่บ / พรึ่บ/ พรึ่บ/ พรึ่บ/ พรึ่บ"..."ผู้คนที่ก่อนหน้ายืนต่อคิวกันอยู่ ทว่าเพียงแค่หันมาพบกับชายหนุ่มยืนทำหน้าทมึนเป็นกิจวัตร พอเจอเข้าก็รีบถอยกรูกันทั้งแถว หนำซ้ำลูกน้องสองคนที่เอาของไปเก็บเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ดันมายืนขึงขังอยู่ด้านหลังเขาอีก เอาเป็นว่าใครเห็นถ้าไม่วิ่งกระเจิงก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว"อะ เอ่อ... ระ รับ รับกี่แก้วดีคะ"พนักงานถึงกับเอ่ยติด ๆ ขัด ๆ คงนึกว่าพวกเขาเป็นโจร หรือไม่ก็อัธพาลสินะ... เฮ้อ~หล่อขนาดนี้จะกลัวอะไรกันนักกันหนา..."20 แก้ว" เจ้าของใบหน้านิ่งตอบกลับเสียงเรียบ ถึงแม้เขาจะบอกให้คนที่ถอยกรูกันออกไปนั้นเป็นฝ่
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไบร์ทก็พาเธอมายังห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ กับคอนโด โดยวันนี้ทั้งเขาและเธอตกลงกันว่าจะมาซื้อพวกของกิน ของใช้ และอาหารสดไว้สำหรับเวลาที่เธออยากทำอาหารอีกทั้งพวกของใช้เสื้อผ้าต่าง ๆ เธอก็ไม่อยากกลับไปเอาที่ห้อง เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอเขาคนนั้น ขอให้จิตใจแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยที่ไบร์ทไม่ต้องยืนประกบหลัง หรือยืนพยุงอยู่ข้าง ๆ ก็เพียงพอที่จะเจอกัน"เอาอันนี้ด้วยไหม""มันคืออะไรเหรอ?" เธอดูไม่ค่อยออกเท่าไรนัก ว่ากล่องที่ไบร์ทถือมาให้เธอนั้น คืออะไร?"ซิลิโคนแปะจุก เวลาใส่เสื้อสายเดี่ยว หรือชุดโชว์หลังอะไรแบบนี้มันจะได้สวย""..."ไม่เพียงแค่เธอที่เงียบ ลูกค้าและพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็เงียบกริบ และหันมามองทั้งสองคนเป็นตาเดียว"ทำไมเหรอ?"เขาถามแบบนั้นเพราะเห็นเธอนิ่งอึ้งไป แก้มขาวตอนนี้เริ่มเเดงระเรื่อ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน นอกจากเขาจะเดินเลือกเสื้อผ้าให้เธออยู่เนือง ๆ ตัวนั้นก็สวยตัวนี้ก็เหมาะแล้วพวกของใช้บางอย่างที่เธอไม่เคยนึกถึงเขายังหามาจนได้ซะขนาดนี้"เปล่า ๆ เอาไปก็ได้ "เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบเออออไปกับเขา พอ
เช้าวันถัดมา...ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องที่อยู่ข้างกัน ยิ้มตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำความสะอาดห้อง แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดไม่มีเรียนก็ตาม แต่เพราะเธอคุ้นชินกับการตื่นขึ้นมาทำงานบ้านแต่เช้า ตั้งแต่เด็กตอนอยู่กับยายที่ต่างจังหวัดยายก็จะพาตื่นตั้งแต่เช้ามืด เธอจึงติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่เคยหายสักทีหลังจากที่เธอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว แต่ห้องนอนข้าง ๆ ยังไม่เปิดประตูออกมาสักที เธอจึงเกิดความสงสัย และเคาะประตูเรียกเขาอยู่นานกว่าเจ้าของห้องจะเปิด"ไบร์ท ตื่นหรือยัง?""ไบร์ท ฮัลโหล"แกร๊ก ประตูห้องถูกเปิดออกตามด้วยร่างของคนตัวโตซึ่งสวมเพียงกางเกงนอนตัวจิ๋วเพียงแค่ตัวเดียว ด้านบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นหุ่นล่ำสันที่เต็มไปด้วยรอยสักสุดเท่ ซึ่งตอนเเรกเธอมองว่ามันน่ากลัว แต่ไป ๆ มา ๆ กลับมองว่ามันคือศิลปะบนร่างกาย ดูมีสไตล์ไปอีกแบบและอีกอย่างที่เธอได้เรียนรู้นั่นก็คือ ‘รอยสัก’ ไม่ได้วัดคุณค่าและนิสัยของคน..."มีอะไรเหรอ?"ท่าทางงัวเงียบวกกับผมเผ้ากระเซอะกระเซิงนั่น ไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงเลยสักนิด ขนาดหน้าสดตอนตื่นนอนยังกร้าวใจขนาดนี้ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!"เปล่า เราแค่เห็นไบร์ทไม่ออกมาสัก
"ไปอยู่กับมันไม่กี่วัน โดนมันล้างสมองขนาดนี้เลยเหรอวะ?"กันต์เอ่ยด้วยท่าทีแปลกใจระคนตัดพ้อ เขาแอบดูตั้งแต่ที่เห็นยิ้มเดินเข้ามา เขานั่งดื่มอยู่นานเเล้ว กะว่าวันนี้จะดื่มให้หายเครียดสักหน่อย เมื่อตอนกลางวันเชอรี่ได้เข้ามาเล่าเรื่องราว บอกว่ายิ้มตกลงคบกับไอ้ลูกครึ่งหน้าโหดนั่น แถมมันยังเป็นคนเอ่ยปากพูดว่าเป็นผัวคนใหม่ของยิ้มตอนนั้นเขาโมโหมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งนึกถึงตอนที่สองนั้นคงจะ...คงจะทำเรื่องอย่างว่ากัน จนกล้าเรียกว่าผัวเมียเขายิ่งไม่พอใจ"ไปกับมันกี่ชั่วโมงล่ะ ถึงเอากัน" คำพูดสิ้นคิดหลุดออกมาจากปากเขาอีกแล้วยิ้มกัดฟันกรอด มือเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างข่มกลั้น เธอทนอยู่กับคนแบบนี้มาได้ยังไงตั้งสี่ปีนะ คนที่เอาแต่พูดจาดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ยอมออกไปจากชีวิตเธอสักที!"จะกี่ชั่วโมงมันก็ไม่เกี่ยวกับคนนอก"เธอตั้งใจเน้นเสียงในประโยคนั้น ให้เขาได้ยินชัด ๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปคว้าแขนแกร่งของชายหนุ่มที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอมากอดไว้เพื่อก่อกวนคนตรงหน้า เอาสิ! เธอก็เหนื่อยที่จะเป็นยิ้มที่เเสนดีคนนั้นแล้วเหมือนกัน ลองเป็นยิ้มในเวอร์ชั่นร้าย ๆ แบบที่ไบร์ทสอนหน่อยเป็นไง?"