แชร์

|PART 10| ตั้งครรภ์

ผู้เขียน: Badberry
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-30 10:24:07

|PART 10|

ตั้งครรภ์

เรือนปิงเจี๋ย

หลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป

"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"

เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด

เซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่

"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"

เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม

ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแล้วแต่ความทรงจำยังไม่กลับมา มาคราวนี้ร่างกายได้รับความบอบช้ำอีกครั้งยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปหมด

"คุณอาไป๋เหยียนเป็นยังไงบ้างครับ!!"

เซียวอวี่เร่งเดินทางมายังเรือนปิงเจี๋ยพร้อมกับฉินหลิง พอเห็นสีหน้าทุกคนภายในห้องก็พอเดาได้ว่าคงไม่สู้ดี เห็นดังนั้นฉินหลิงจึงขอเข้าไปตรวจอาการของเหอไป๋เหยียนอีกครั้ง

ฉินหลิงใช้เวลาตรวจเหอไป๋เหยียนนานกว่าเซียวหลางและมีสีหน้าเป็นกังวลยิ่งกว่า ก่อนจะบอกกับทุกคนว่าเหอไป๋เหยียนเป็นอะไร

"อาการบาดเจ็บของคุณไป๋เหยียนไม่ได้รุนแรงมาก"

"แล้วอาการปวดหัวล่ะ ไป๋เหยียนเขาปวดหัวมากเลยนะ!" เซียวเยว่ถามด้วยความกังวลใจ

"อาการปวดหัวน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างกะทันหัน"

คำตอบของฉินหลิงไปในทางเดียวกับเซียวหลาง และฉินหลิงยังขยายความต่อไปอีกว่า การเต้นของหัวใจเหอไป๋เหยียนนั้นมีลักษณะคล้ายกับผู้หญิงอย่างมาก

"ถ้าผมตรวจไม่ผิด คุณไป๋เหยียนน่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ครับ"

สิ้นเสียงของฉินหลิงภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เห็นแบบนั้นเซียวหลางจึงบอกให้เซียวอวี่พาฉินหลิงกลับไปก่อนเพราะเรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวไม่ควรให้คนนอกรับรู้ และฉินหลิงเองก็เป็นมนุษย์ หากอยู่ที่นี่นานเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา

แม้ฉินหลิงจะเคยเห็นสัตว์กลายพันธุ์ในคืนที่มีการจัดงานโคมลอยมาแล้ว แต่ทางการได้ออกมาประกาศว่าทั้งหมดเป็นเพียงกลุ่มคนที่แต่งกายเลียนแบบสัตว์ออกมาก่อความวุ่นวายเท่านั้น ฉะนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่าได้มีสัตว์กลายพันธุ์ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อาศัยปะปนกันอยู่กับพวกเขา

"แล้วผมจะรีบกลับมาครับ" เซียวอวี่บอกกับทุกคนและขอตัวพาฉินหลิงไปส่งบ้าน

หลังเซียวอวี่พาฉินหลิงออกไปแล้วภายในห้องก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้น ทุกคนต่างยินดีที่เหอไป๋เหยียนตั้งครรภ์ แต่ภายใต้ร่างกายที่อ่อนแอนั้นก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเหอไป๋เหยียนและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในนั้น

"แล้วจะทำยังไงดีครับ" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความกังวลใจ

เซียวหลางนิ่งไปเพื่อใช้ความคิดก่อนเล่าให้ทุกคนฟังว่าเดิมทีตัวเขาและเหอไป๋เหยียนนั้นเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกมนุษย์ แต่ความจริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในดินแดนเร้นลับที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีแห่งหนึ่ง

สถานที่ที่เซียวหลางพูดถึงนั้นเรียกได้ว่าไม่ต่างจากดินแดนแห่งความตาย มันเป็นที่ที่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มิอาจทนต่อความหนาวเหน็บจะอาศัยอยู่ได้ หากดึงดันจะย่างกรายเข้ามา ไม่ถึงสิบก้าว ต่างก็ถึงแก่ความตายกันทุกคน

ถึงอย่างนั้นดินแดนแห่งนี้จะว่าไร้สิ่งมีชีวิตก็ไม่เชิงทีเดียว เพราะยังมีสัตว์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและอาศัยอยู่ได้ถึงสี่เผ่าพันธุ์นั่นก็คือหมีน้ำแข็ง หมาป่าหิมะ พยัคฆ์ขาว และอสรพิษเกล็ดเงิน ที่ทนต่อสภาวะอากาศที่หนาวเหน็บถึงขั้นกัดกินไปจนถึงขั้วหัวใจนี้ได้

โดยเผ่าพันธุ์ของอสรพิษเกล็ดเงินและพยัคฆ์ขาวจะใช้ชีวิตไปกับการจำศีลเพื่อรอเวลากำเนิดใหม่เป็นสัตว์เทพ ต่างกับเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งทะนงของหมาป่าหิมะ พวกมันแม้จะมีอายุยืนยาวแต่ก็ไม่ต้องการไปเป็นสัตว์รับใช้ของใครแม้แต่เทพเซียน

"ฉันได้ยินมาว่าที่เผ่าของไป๋เหยียนมีเกล็ดชนิดหนึ่งที่สืบทอดกันมานับพันปี ว่ากันว่าเกล็ดนั้นไม่ต่างกับยาวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดและยังสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนมาได้"

เซียวหลางบอกกับทุกคนและยังบอกต่อไปอีกว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนในตอนนี้นั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับภาระการตั้งครรภ์ครั้งนี้ได้

เผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนนั้นมีสองเพศ และตัวของไป๋เหยียนได้ถูกมนุษย์จับมาทดลองอยู่หลายปีจนเกิดการกลายพันธุ์ มาตอนนี้ได้มีการผสมพันธุ์กับหมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ที่มียีนเปลี่ยนแปลงระบบสืบพันธุ์ของคู่ให้รองรับการตั้งครรภ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการปฏิสนธิทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเหอไป๋เหยียนแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมไปสู่วิวัฒนาการอีกขั้น แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคือฮอร์โมนนั้นได้ไปกระตุ้นอาการบาดเจ็บที่ผ่านมาให้กำเริบขึ้นอีก

"หากไป๋เหยียนอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ ร่างกายคงรับภาระไม่ไหวแน่"

เซียวหลางว่าพลางเข้าไปพูดบางอย่างที่ข้างหูของเหอไป๋เหยียน จากนั้นร่างอรชรก็ได้กลายเป็นงูขาวที่มีเกล็ดแพรวพราวนอนขดตัวอยู่บนเตียง

"เพื่อความปลอดภัยของไอ้งูบ้าและเด็กในท้อง ควรให้เขาอยู่ในร่างนี้ไปสักพัก"

และระหว่างนี้เซียวหลางขอให้เหอไป๋เหยียนพักอยู่ที่ปิงเจี๋ยต่อไปอีก เพราะสภาพอากาศของที่นี่เหมาะแก่การรักษาตัว แม้ไม่ช่วยให้หายขาดแต่จะประคับประคองไม่ให้อาการทรุดหนักลง โดยให้เซียวเยว่พักอยู่ที่นี่ด้วยกันเพื่อคอยดูแลเหอไป๋เหยียน

ทางฝั่งของเซียวอวี่ เขาได้มาส่งฉินหลิงยังบ้านพักที่ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจของเมืองเฉินเซิน ระหว่างขับรถเซียวอวี่คอยแต่มองหน้าฉินหลิงอยู่เรื่อย ๆ จนเกือบจะฝ่าไฟแดงอยู่หลายครั้ง เขาไม่ใช่แค่คุ้นหน้าฉินหลิงแต่ยังคุ้นหน้าฉินเทียนผู้เป็นพ่อ เพราะนอกจากพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนแล้วจะมีสักกี่คนที่มีรูปโฉมงดงาม โดยเฉพาะน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และบุคลิกที่สง่างามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเช่นนี้ แต่เสวี่ยเทียนนั้นได้เสียชีวิตไปพร้อมกับหลานจิงจากอุบัติเหตุบนเกาะกลางมหาสมุทรแล้วจะมาปรากฏตัวอยู่ที่เฉินเซินอีกได้อย่างไร

ครั้นพอมาคิดว่าขนาดเหอไป๋เหยียนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วกลับยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมหลานจิงถึงจะเป็นไม่ได้เล่า แบบนี้แล้วเซียวอวี่จึงเกิดความหวังว่าหลานจิงอาจรอดชีวิตจากเหตุเลวร้ายครั้งนั้นเช่นกัน แม้ว่าบนร่างกายของฉินเทียนและฉินหลิงนั้นจะไม่ปรากฏกลิ่นอายของสัตว์กลายพันธุ์ก็ตาม

"ไม่เข้าไปดื่มชาก่อนหรือครับ" ฉินหลิงเอ่ยปากชวนแต่ถูกเซียวอวี่ปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพ เพราะต้องกลับเรือนปิงเจี๋ยไปช่วยเซียวเยว่ดูแลเหอไป๋เหยียน

"คืนนี้ผมต้องค้างกับเยว่หลางที่ปิงเจี๋ย คงไม่ได้โทรหานะครับ" เซียวอวี่บอกกับฉินหลิง

"ไม่เป็นไรครับ อาการของคุณไป๋เหยียนไม่ค่อยดี ผมพอรู้จักหมอเก่ง ๆ เอาไว้จะแนะนำให้นะครับ"

"ขอบใจนะ"

ทั้งเซียวอวี่และฉินหลิงดูไม่ค่อยอยากแยกจากกัน ขณะส่งฉินหลิงลงจากรถและเดินเข้าบ้าน เซียวอวี่ยังคอยมองตามจนมั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับฉินหลิง จากนั้นจึงได้ขับรถออกไป

"ดูเธอสนิทสนมกับคนสกุลเซียวจังเลยนะ"

ชายหนุ่มรูปร่างสูง บุคลิกงามสง่าในชุดเสื้อคอจีนสีขาวตัวยาวปักลวดลายพยัคฆ์สีทองและสวมกางเกงขายาวสีเดียวกันเอ่ยขึ้นขณะเดินลงมาจากบันไดและตรงมาทางฉินหลิง

"คุณพ่อก็รู้ไม่ใช่หรือครับว่าเขาเป็นใคร" ฉินหลิงถามกลับไป

"รู้สิ เด็กคนนั้นเป็นคนสำคัญของเธอไม่ใช่หรือไง"

ร่างสูงตอบพลางเดินไปนั่งบนโซฟาและเปิดทีวีจอใหญ่บนผนังด้วยการสัมผัสลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้า

ฉินเทียนหรือแท้จริงก็คือพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียน และเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ชื่อฉินหลิงนั้นก็คือหลานจิง กระต่ายกลายพันธุ์ที่เซียวอวี่เฝ้าตามหามาตลอดห้าปีนั่นเอง

ตอนนั้นหลานจิงถูกเสวี่ยเทียนคว้าตัวไว้ได้ก่อนจะพุ่งชนกระจกจนแตกละเอียดและตกจากเครื่องบินอพยพลงมาด้วยกัน จากความสูงแล้วพวกเขาทั้งคู่ไม่น่าจะรอด แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อใกล้ตกถึงพื้นจู่ ๆ พยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนได้คืนร่างเดิมและโอบอุ้มร่างของหลานจิงเอาไว้

สภาพเสวี่ยเทียนหลังตกกระแทกพื้นมองยังไงก็ไม่น่ารอดชีวิต แต่โชคดีว่าคนที่เขาคว้าตัวลงมาด้วยนั้นคือทายาทหมอเทวดาที่ได้รับพลาสม่าจากอัจฉริยะทางการแพทย์หลายคนตั้งแต่ฝังตัวอยู่ในครรภ์มารดาที่เป็นกระต่ายกลายพันธุ์

หลานจิงพาร่างกายที่แหลกเหลวของเสวี่ยเทียนกลับมายังบ้านโพรงกระต่ายและทำการรักษาเสวี่ยเทียนที่นั่น ดูแลจนหายดี จากนั้นพวกเขาจึงได้กลับไปยังศูนย์วิจัยที่ถูกทำลายไปแล้วอีกครั้งเพื่อหาทางออกจากเกาะแห่งนี้

เสวี่ยเทียนรู้ว่ายังมีเครื่องบินที่ใช้อพยพหลงเหลืออยู่ เขาหามันจนเจอและพาหลานจิงบินมายังเมืองเฉินเซิน เสวี่ยเทียนได้ทำการติดต่อกับศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินและมีการเจรจาบางอย่างกัน จากนั้นเสวี่ยเทียนได้ทำการเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อปิดบังตัวตนและใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ โดยเสวี่ยเทียนได้รับปากกับหลานจิงไว้ว่าจะไม่ทำร้ายเพื่อนของเขาเด็ดขาด

หลานจิงได้เล่าอาการป่วยของเหอไป๋เหยียนให้เสวี่ยเทียนฟังเพื่อให้เสวี่ยเทียนหาทางช่วย เพราะเสวี่ยเทียนเคยเล่าให้หลานจิงฟังว่าตัวเขา เซียวหลาง และเหอไป๋เหยียนนั้นรู้จักกันมาร่วมหลายร้อยปีแล้ว

"คุณพ่อพอจะมีวิธีช่วยคุณอาไป๋เหยียนมั้ยครับ"

เหอไป๋เหยียนเดิมทีก็เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ทั้งยังเกิดการกลายพันธุ์เพราะฝีมือของมนุษย์ ตอนนี้ยังมาตั้งครรภ์จากสัตว์กลายพันธุ์สายพันธุ์พิเศษอีก จึงไม่ง่ายเลยที่จะรักษาอาการของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี

"บรรพบุรุษของอสรพิษเกล็ดเงินต่างบำเพ็ญเพื่อไปเป็นมังกร และเมื่อบรรลุเป้าหมายพวกเขาจะทิ้งเกล็ดสีเงินเอาไว้ให้ลูกหลาน ว่ากันว่านั่นเป็นยาวิเศษ ที่รักษาได้ทุกอย่าง"

คำตอบของเสวี่ยเทียนทำให้หลานจิงมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่พอรู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาต้องไปนั้นไม่ปรากฏทางเข้ามานานมากก็หน้าเจื่อนลง แบบนี้แล้วเขาจะช่วยเหอไป๋เหยียนได้อย่างไรกัน

เรือนปิงเจี๋ย

เตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง เหอไป๋เหยียนในร่างอรชรนอนหลับใหลอยู่บนนั้น

เซียวเยว่ตั้งแต่รู้ว่าเหอไป๋เหยียนกำลังตั้งครรภ์ลูกของตนก็ดีใจนอนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เอาแต่จด ๆ จ้อง ๆ หน้าท้องแบนราบและคอยลูบคลำไม่วางมือ

"ทำอะไรของนาย ฮะ?" เหอไป๋เหยียนดันร่างของหมาป่าหนุ่มและขยับตัวออกห่าง อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาแนบชิดตามเดิม

"อย่าขยับตัวมากสิ นายกำลังท้องอยู่นะไป๋เหยียน"

เหอไป๋เหยียนถอนใจกับความขี้เห่อของหมาป่าหนุ่มที่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงลูกของพวกเขาที่ตอนนี้ยังไม่เป็นรูปร่างขึ้นมาเลย เหอไป๋เหยียนไม่ได้มีอาการตกใจที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์เพราะได้ตกใจไปก่อนหน้าแล้ว

หลังกลายร่างเป็นงูขาวตัวอวบอ้วนร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมานิดหน่อย พอได้สติจึงคืนร่างเป็นมนุษย์และพบเซียวหลางกับทุกคนอยู่ในห้องด้วยกัน

จากนั้นเซียวหลางได้บอกกับเขาว่า ตัวของเขานั้นกำลังตั้งท้องลูกของเซียวเยว่ ตอนนั้นเหอไป๋เหยียนตกใจจนกลายร่างกลับเป็นงูขาวอีกครั้ง พอตั้งสติได้จึงคืนร่างเป็นคนและฟังเรื่องราวจากเซียวหลางต่อจนจบ

เผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนแม้จะมีสองเพศ แต่การจะกลายเป็นตัวเมียได้นั้นต้องมีการผสมพันธุ์กับงูในระดับเดียวกันที่มียีนเพศผู้สูงกว่า และตัวที่มียีนเพศผู้ด้อยกว่าร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้เป็นตัวเมียเพื่อรองรับการปฏิสนธิและตั้งครรภ์ ทั้งหมดก็เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ที่เหลือเพียงน้อยนิดไม่ให้สูญหายไป

เหอไป๋เหยียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมาป่าหนุ่มจะมีน้ำเชื้อที่สามารถทำให้คู่ตั้งครรภ์ได้ มิเช่นนั้นเขาคงบังคับให้อีกฝ่ายสวมถุงยางตอนมีอะไรกัน แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จำต้องรับสภาพไป

ห้องลับภายในศูนย์วิจัย

"ว่าไงนะ เหอไป๋เหยียนตั้งท้องลูกของหมาป่าอย่างนั้นเหรอ!"

น้ำเสียงประหลาดใจของผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องลับของศูนย์วิจัยดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

เรื่องที่จางหลิวซิงตั้งครรภ์กับหมาป่ากลายพันธุ์นั้นเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของศูนย์วิจัย ห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาต้องการตัวลูกหมาป่าเพื่อนำมาทดลองแต่ไม่ง่ายจึงได้แค่ส่งคนคอยเฝ้าติดตามเก็บข้อมูลเท่านั้น และนี่งูขาวที่สูญพันธุ์ไปแล้วยังมาตั้งครรภ์กับลูกหมาป่าอีก ไม่รู้จริง ๆ ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะวิวัฒนาการไปได้ไกลแค่ไหน คิดแล้วช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน

"ฉันต้องการตัวเหอไป๋เหยียน จะวิธีไหนก็ได้ พาตัวเขามาให้ฉัน!"

"ครับ!"

ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดของศูนย์วิจัยออกคำสั่งเสียงกร้าวกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้อง ทุกคนก้มศีรษะรับทราบก่อนพากันออกจากห้องไป

ที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ นอกจากนักวิทยาศาสตร์ที่มากความสามารถแล้วยังมีแพทย์แขนงต่าง ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานราชการที่ร่วมงานกัน

ร่างสูงในชุดสีขาวผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเซียน กลับมีสีหน้าหยิ่งทะนงเหยียดสายตามองมนุษย์ที่มีแต่ความใคร่รู้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ก็ยังร่วมมือกับพวกเขาในการทดลองสัตว์กลายพันธุ์ ไม่สิ ต้องเรียกว่ามนุษย์กลายพันธุ์ถึงจะถูก

"หมดธุระแล้ว ผมขอตัว"

เสวี่ยเทียนหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง จังหวะนั้นหยางลู่เฉิงได้เดินสวนเข้ามาภายใน เสวี่ยเทียนเหยียดมองด้วยหางตา นึกสงสัยว่าหยางลู่เฉิงที่โดนไล่ออกไปแล้วกลับมาที่นี่อีกทำไม

ทางด้านของหลิวอิง หลังได้ร่วมหลับนอนกับหวงหนิงหลงก็อาการดีขึ้น ยามเช้าขณะแต่งตัวได้เผลอคิดถึงบทรักของหวงหนิงหลงขึ้นมา ไม่คิดมาก่อนว่าคนสุภาพอย่างหวงหนิงหลงบทจะเร่าร้อนนั้นช่างรุนแรง บางครั้งก็อ่อนโยนและแสนอบอุ่น

"นะ..หนิงหลง นะ..นายชอบฉันหรือเปล่า"

หลิวอิงถามขึ้นขณะถูกแท่งร้อนสอดใส่เข้าออกภายในช่องทาง ความยาวใหญ่และแข็งกร้าวของสิ่งนั้นทำเอาเสียวซ่านไปทั้งร่าง

หวงหนิงหลงไม่ได้ตอบในทันที เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบหลิวอิง

"คุณเป็นเจ้านาย ผมก็ต้องชอบคุณสิครับ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผม ทุกคนต่างก็ชอบคุณกันทั้งนั้น"

หลิวอิงในตอนนั้นรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของหวงหนิงหลง ครั้นพอคิดว่าหากหวงหนิงหลงพูดสั้น ๆ ว่าผมก็ชอบคุณ เขาจะรู้สึกอย่างไรนะ

"แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ วันนี้มีนัดตรวจร่างกายกับคุณหมอซุนที่โรงพยาบาลตอนสิบโมงนะ"

หวงหนิงหลงเข้ามาตาม เมื่อเห็นว่าหลิวอิงยังผูกเนกไทไม่เรียบร้อยจึงเข้าไปช่วย วันนี้หลิวอิงมีภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำและเขาก็ต้องตามประกบเหมือนทุกวัน

หลิวอิงและหวงหนิงหลงลงมาที่ห้องอาหารและพบเซียวหลางกับจางหลิวซิงนั่งรอทานมื้อเช้าอยู่ จึงเข้าไปทักทาย

"วันนี้คุณน้องเขยไม่ไปทำงานหรือครับ" หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเซียวหลางแต่งตัวต่างจากทุกวัน

เซียวหลางบอกกับหลิวอิงว่าวันนี้เขามีธุระต้องไปจัดการและขอพาตัวจางหลิวซิงไปด้วย หวังว่าหลิวอิงจะอนุญาต

"คนกันเองทั้งนั้นคุณน้องเขยไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ"

มื้อเช้าของบ้านสกุลหลิวดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จากนั้นหลิวอิงจึงขอตัวไปทำงานพร้อมกับหวงหนิงหลง ส่วนเซียวหลางแวะไปดูการซ่อมแซมเหว่ยหลางก่อนไปยังเรือนปิงเจี๋ยเพื่อดูอาการเหอไป๋เหยียนว่าเป็นอย่างไร

ที่เหว่ยหลาง เมื่อเห็นหน้าเซียวหลางอาชาหนุ่มผิวเข้มหม่าอี้จึงได้ปรี่เข้าไปถามถึงอาการของเหอไป๋เหยียนด้วยความเป็นห่วง ตอนเหอไป๋เหยียนกระอักเลือดออกมาเขาตกใจจนมือไม้สั่นกลัวอีกฝ่ายจะเป็นอันตราย

"อาการของไป๋เหยียนปลอดภัยแล้ว" เซียวหลางพูดน้ำเสียงราบเรียบ

"ผมขอไปเยี่ยมเขาได้มั้ยครับ"

"ไม่ได้!"

เซียวหลางห้ามไม่ให้หม่าอี้ไปเยี่ยมเหอไป๋เหยียนเพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายหากมีการปะทะกับเซียวเยว่ขึ้นอีก

หม่าอี้มีสีหน้าผิดหวังแต่ก็ไม่รั้น ยอมเชื่อฟังเซียวหลางแต่โดยดี จางหลิวซิงเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเห็นใจหม่าอี้ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ หากเหอไป๋เหยียนรักหม่าอี้เขาก็ไม่ขัดขวาง แต่จากสายตาของเขาเหอไป๋เหยียนนั้นดูจะมีใจให้เซียวเยว่มากกว่า ที่สำคัญ หากหม่าอี้รู้ว่าเหอไป๋เหยียนตั้งครรภ์คงจะทำใจยอมรับได้ยาก เพราะหม่าอี้นั้นหลงรักเหอไป๋เหยียนมาแสนนาน

เซียวหลางใช้เวลาที่เหว่ยหลางไม่นาน เขายังสังเกตเห็นว่าบรรยากาศของที่นี่เปลี่ยนไปหลังอนุญาตให้สัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่สามารถควบคุมสัญชาตญาณดิบออกไปใช้ชีวิตนอกเหว่ยหลางได้ ทุกคนแลดูมีความสุข เช่นนี้แล้วอีกไม่นานสวีเพ่ยคงยินยอมให้สัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่บนเกาะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตามที่เคยตกลงกันไว้

หลังออกจากเหว่ยหลาง เซียวหลางได้ขับรถพาจางหลิวซิงไปยังเรือนปิงเจี๋ย รถยนต์หรูขับออกนอกเมืองไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงถนนสายเปลี่ยวที่ข้างทางฝั่งหนึ่งเป็นป่าทึบและอีกฝั่งเป็นหน้าผาสูง และไม่มีรถยนต์ขับสวนมาสักคัน

"นั่นใครมาเดินอยู่แถวนี้นะ?"

จางหลิวซิงสังเกตเห็นเด็กหนุ่มเดินอยู่ข้างทางจึงเรียกให้เซียวหลางดู ราชาหมาป่ากลายพันธุ์ไม่อยากสนใจจึงขับรถเลยไปแต่จางหลิวซิงออกคำสั่งให้ถอยรถกลับไปดู

"ฉันบอกให้กลับไปดู นายไม่เข้าใจหรือไง!"

"โอ๊ย! เข้าใจแล้ว เธออย่าดึงหูฉันสิซิงซิง มันเจ็บนะ"

แม้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเป็นคำสั่งของภรรยาใครเล่าจะกล้าขัด แม้แต่ปิศาจหมาป่า พอโดนดึงหูเท่านั้นหางก็ลู่ลงทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   SPECIAL PART คืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

    SPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 26| สิ้นสุดการเดินทาง

    |PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 25| อดีตที่ถูกเปิดเผย

    |PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 24| ข้อแลกเปลี่ยน

    |PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 23| หนอนบ่อนไส้

    |PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั

  • รักกลายพันธุ์ ภาคตามหาความทรงจำ   |PART 22| ถ้ำอสรพิษ

    |PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status