|PART 10|
ตั้งครรภ์ เรือนปิงเจี๋ย หลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!" เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด เซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ "ชีพจรของเขาสับสนมากเลย" เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแล้วแต่ความทรงจำยังไม่กลับมา มาคราวนี้ร่างกายได้รับความบอบช้ำอีกครั้งยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปหมด "คุณอาไป๋เหยียนเป็นยังไงบ้างครับ!!" เซียวอวี่เร่งเดินทางมายังเรือนปิงเจี๋ยพร้อมกับฉินหลิง พอเห็นสีหน้าทุกคนภายในห้องก็พอเดาได้ว่าคงไม่สู้ดี เห็นดังนั้นฉินหลิงจึงขอเข้าไปตรวจอาการของเหอไป๋เหยียนอีกครั้ง ฉินหลิงใช้เวลาตรวจเหอไป๋เหยียนนานกว่าเซียวหลางและมีสีหน้าเป็นกังวลยิ่งกว่า ก่อนจะบอกกับทุกคนว่าเหอไป๋เหยียนเป็นอะไร "อาการบาดเจ็บของคุณไป๋เหยียนไม่ได้รุนแรงมาก" "แล้วอาการปวดหัวล่ะ ไป๋เหยียนเขาปวดหัวมากเลยนะ!" เซียวเยว่ถามด้วยความกังวลใจ "อาการปวดหัวน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างกะทันหัน" คำตอบของฉินหลิงไปในทางเดียวกับเซียวหลาง และฉินหลิงยังขยายความต่อไปอีกว่า การเต้นของหัวใจเหอไป๋เหยียนนั้นมีลักษณะคล้ายกับผู้หญิงอย่างมาก "ถ้าผมตรวจไม่ผิด คุณไป๋เหยียนน่าจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ครับ" สิ้นเสียงของฉินหลิงภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เห็นแบบนั้นเซียวหลางจึงบอกให้เซียวอวี่พาฉินหลิงกลับไปก่อนเพราะเรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวไม่ควรให้คนนอกรับรู้ และฉินหลิงเองก็เป็นมนุษย์ หากอยู่ที่นี่นานเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา แม้ฉินหลิงจะเคยเห็นสัตว์กลายพันธุ์ในคืนที่มีการจัดงานโคมลอยมาแล้ว แต่ทางการได้ออกมาประกาศว่าทั้งหมดเป็นเพียงกลุ่มคนที่แต่งกายเลียนแบบสัตว์ออกมาก่อความวุ่นวายเท่านั้น ฉะนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่าได้มีสัตว์กลายพันธุ์ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อาศัยปะปนกันอยู่กับพวกเขา "แล้วผมจะรีบกลับมาครับ" เซียวอวี่บอกกับทุกคนและขอตัวพาฉินหลิงไปส่งบ้าน หลังเซียวอวี่พาฉินหลิงออกไปแล้วภายในห้องก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้น ทุกคนต่างยินดีที่เหอไป๋เหยียนตั้งครรภ์ แต่ภายใต้ร่างกายที่อ่อนแอนั้นก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเหอไป๋เหยียนและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในนั้น "แล้วจะทำยังไงดีครับ" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความกังวลใจ เซียวหลางนิ่งไปเพื่อใช้ความคิดก่อนเล่าให้ทุกคนฟังว่าเดิมทีตัวเขาและเหอไป๋เหยียนนั้นเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกมนุษย์ แต่ความจริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในดินแดนเร้นลับที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีแห่งหนึ่ง สถานที่ที่เซียวหลางพูดถึงนั้นเรียกได้ว่าไม่ต่างจากดินแดนแห่งความตาย มันเป็นที่ที่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มิอาจทนต่อความหนาวเหน็บจะอาศัยอยู่ได้ หากดึงดันจะย่างกรายเข้ามา ไม่ถึงสิบก้าว ต่างก็ถึงแก่ความตายกันทุกคน ถึงอย่างนั้นดินแดนแห่งนี้จะว่าไร้สิ่งมีชีวิตก็ไม่เชิงทีเดียว เพราะยังมีสัตว์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและอาศัยอยู่ได้ถึงสี่เผ่าพันธุ์นั่นก็คือหมีน้ำแข็ง หมาป่าหิมะ พยัคฆ์ขาว และอสรพิษเกล็ดเงิน ที่ทนต่อสภาวะอากาศที่หนาวเหน็บถึงขั้นกัดกินไปจนถึงขั้วหัวใจนี้ได้ โดยเผ่าพันธุ์ของอสรพิษเกล็ดเงินและพยัคฆ์ขาวจะใช้ชีวิตไปกับการจำศีลเพื่อรอเวลากำเนิดใหม่เป็นสัตว์เทพ ต่างกับเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งทะนงของหมาป่าหิมะ พวกมันแม้จะมีอายุยืนยาวแต่ก็ไม่ต้องการไปเป็นสัตว์รับใช้ของใครแม้แต่เทพเซียน "ฉันได้ยินมาว่าที่เผ่าของไป๋เหยียนมีเกล็ดชนิดหนึ่งที่สืบทอดกันมานับพันปี ว่ากันว่าเกล็ดนั้นไม่ต่างกับยาวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดและยังสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนมาได้" เซียวหลางบอกกับทุกคนและยังบอกต่อไปอีกว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนในตอนนี้นั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับภาระการตั้งครรภ์ครั้งนี้ได้ เผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนนั้นมีสองเพศ และตัวของไป๋เหยียนได้ถูกมนุษย์จับมาทดลองอยู่หลายปีจนเกิดการกลายพันธุ์ มาตอนนี้ได้มีการผสมพันธุ์กับหมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ที่มียีนเปลี่ยนแปลงระบบสืบพันธุ์ของคู่ให้รองรับการตั้งครรภ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการปฏิสนธิทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเหอไป๋เหยียนแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมไปสู่วิวัฒนาการอีกขั้น แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคือฮอร์โมนนั้นได้ไปกระตุ้นอาการบาดเจ็บที่ผ่านมาให้กำเริบขึ้นอีก "หากไป๋เหยียนอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ ร่างกายคงรับภาระไม่ไหวแน่" เซียวหลางว่าพลางเข้าไปพูดบางอย่างที่ข้างหูของเหอไป๋เหยียน จากนั้นร่างอรชรก็ได้กลายเป็นงูขาวที่มีเกล็ดแพรวพราวนอนขดตัวอยู่บนเตียง "เพื่อความปลอดภัยของไอ้งูบ้าและเด็กในท้อง ควรให้เขาอยู่ในร่างนี้ไปสักพัก" และระหว่างนี้เซียวหลางขอให้เหอไป๋เหยียนพักอยู่ที่ปิงเจี๋ยต่อไปอีก เพราะสภาพอากาศของที่นี่เหมาะแก่การรักษาตัว แม้ไม่ช่วยให้หายขาดแต่จะประคับประคองไม่ให้อาการทรุดหนักลง โดยให้เซียวเยว่พักอยู่ที่นี่ด้วยกันเพื่อคอยดูแลเหอไป๋เหยียน ทางฝั่งของเซียวอวี่ เขาได้มาส่งฉินหลิงยังบ้านพักที่ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจของเมืองเฉินเซิน ระหว่างขับรถเซียวอวี่คอยแต่มองหน้าฉินหลิงอยู่เรื่อย ๆ จนเกือบจะฝ่าไฟแดงอยู่หลายครั้ง เขาไม่ใช่แค่คุ้นหน้าฉินหลิงแต่ยังคุ้นหน้าฉินเทียนผู้เป็นพ่อ เพราะนอกจากพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนแล้วจะมีสักกี่คนที่มีรูปโฉมงดงาม โดยเฉพาะน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และบุคลิกที่สง่างามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเช่นนี้ แต่เสวี่ยเทียนนั้นได้เสียชีวิตไปพร้อมกับหลานจิงจากอุบัติเหตุบนเกาะกลางมหาสมุทรแล้วจะมาปรากฏตัวอยู่ที่เฉินเซินอีกได้อย่างไร ครั้นพอมาคิดว่าขนาดเหอไป๋เหยียนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วกลับยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมหลานจิงถึงจะเป็นไม่ได้เล่า แบบนี้แล้วเซียวอวี่จึงเกิดความหวังว่าหลานจิงอาจรอดชีวิตจากเหตุเลวร้ายครั้งนั้นเช่นกัน แม้ว่าบนร่างกายของฉินเทียนและฉินหลิงนั้นจะไม่ปรากฏกลิ่นอายของสัตว์กลายพันธุ์ก็ตาม "ไม่เข้าไปดื่มชาก่อนหรือครับ" ฉินหลิงเอ่ยปากชวนแต่ถูกเซียวอวี่ปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพ เพราะต้องกลับเรือนปิงเจี๋ยไปช่วยเซียวเยว่ดูแลเหอไป๋เหยียน "คืนนี้ผมต้องค้างกับเยว่หลางที่ปิงเจี๋ย คงไม่ได้โทรหานะครับ" เซียวอวี่บอกกับฉินหลิง "ไม่เป็นไรครับ อาการของคุณไป๋เหยียนไม่ค่อยดี ผมพอรู้จักหมอเก่ง ๆ เอาไว้จะแนะนำให้นะครับ" "ขอบใจนะ" ทั้งเซียวอวี่และฉินหลิงดูไม่ค่อยอยากแยกจากกัน ขณะส่งฉินหลิงลงจากรถและเดินเข้าบ้าน เซียวอวี่ยังคอยมองตามจนมั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับฉินหลิง จากนั้นจึงได้ขับรถออกไป "ดูเธอสนิทสนมกับคนสกุลเซียวจังเลยนะ" ชายหนุ่มรูปร่างสูง บุคลิกงามสง่าในชุดเสื้อคอจีนสีขาวตัวยาวปักลวดลายพยัคฆ์สีทองและสวมกางเกงขายาวสีเดียวกันเอ่ยขึ้นขณะเดินลงมาจากบันไดและตรงมาทางฉินหลิง "คุณพ่อก็รู้ไม่ใช่หรือครับว่าเขาเป็นใคร" ฉินหลิงถามกลับไป "รู้สิ เด็กคนนั้นเป็นคนสำคัญของเธอไม่ใช่หรือไง" ร่างสูงตอบพลางเดินไปนั่งบนโซฟาและเปิดทีวีจอใหญ่บนผนังด้วยการสัมผัสลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้า ฉินเทียนหรือแท้จริงก็คือพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียน และเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ชื่อฉินหลิงนั้นก็คือหลานจิง กระต่ายกลายพันธุ์ที่เซียวอวี่เฝ้าตามหามาตลอดห้าปีนั่นเอง ตอนนั้นหลานจิงถูกเสวี่ยเทียนคว้าตัวไว้ได้ก่อนจะพุ่งชนกระจกจนแตกละเอียดและตกจากเครื่องบินอพยพลงมาด้วยกัน จากความสูงแล้วพวกเขาทั้งคู่ไม่น่าจะรอด แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อใกล้ตกถึงพื้นจู่ ๆ พยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนได้คืนร่างเดิมและโอบอุ้มร่างของหลานจิงเอาไว้ สภาพเสวี่ยเทียนหลังตกกระแทกพื้นมองยังไงก็ไม่น่ารอดชีวิต แต่โชคดีว่าคนที่เขาคว้าตัวลงมาด้วยนั้นคือทายาทหมอเทวดาที่ได้รับพลาสม่าจากอัจฉริยะทางการแพทย์หลายคนตั้งแต่ฝังตัวอยู่ในครรภ์มารดาที่เป็นกระต่ายกลายพันธุ์ หลานจิงพาร่างกายที่แหลกเหลวของเสวี่ยเทียนกลับมายังบ้านโพรงกระต่ายและทำการรักษาเสวี่ยเทียนที่นั่น ดูแลจนหายดี จากนั้นพวกเขาจึงได้กลับไปยังศูนย์วิจัยที่ถูกทำลายไปแล้วอีกครั้งเพื่อหาทางออกจากเกาะแห่งนี้ เสวี่ยเทียนรู้ว่ายังมีเครื่องบินที่ใช้อพยพหลงเหลืออยู่ เขาหามันจนเจอและพาหลานจิงบินมายังเมืองเฉินเซิน เสวี่ยเทียนได้ทำการติดต่อกับศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินและมีการเจรจาบางอย่างกัน จากนั้นเสวี่ยเทียนได้ทำการเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อปิดบังตัวตนและใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ โดยเสวี่ยเทียนได้รับปากกับหลานจิงไว้ว่าจะไม่ทำร้ายเพื่อนของเขาเด็ดขาด หลานจิงได้เล่าอาการป่วยของเหอไป๋เหยียนให้เสวี่ยเทียนฟังเพื่อให้เสวี่ยเทียนหาทางช่วย เพราะเสวี่ยเทียนเคยเล่าให้หลานจิงฟังว่าตัวเขา เซียวหลาง และเหอไป๋เหยียนนั้นรู้จักกันมาร่วมหลายร้อยปีแล้ว "คุณพ่อพอจะมีวิธีช่วยคุณอาไป๋เหยียนมั้ยครับ" เหอไป๋เหยียนเดิมทีก็เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ทั้งยังเกิดการกลายพันธุ์เพราะฝีมือของมนุษย์ ตอนนี้ยังมาตั้งครรภ์จากสัตว์กลายพันธุ์สายพันธุ์พิเศษอีก จึงไม่ง่ายเลยที่จะรักษาอาการของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี "บรรพบุรุษของอสรพิษเกล็ดเงินต่างบำเพ็ญเพื่อไปเป็นมังกร และเมื่อบรรลุเป้าหมายพวกเขาจะทิ้งเกล็ดสีเงินเอาไว้ให้ลูกหลาน ว่ากันว่านั่นเป็นยาวิเศษ ที่รักษาได้ทุกอย่าง" คำตอบของเสวี่ยเทียนทำให้หลานจิงมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่พอรู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาต้องไปนั้นไม่ปรากฏทางเข้ามานานมากก็หน้าเจื่อนลง แบบนี้แล้วเขาจะช่วยเหอไป๋เหยียนได้อย่างไรกัน เรือนปิงเจี๋ย เตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง เหอไป๋เหยียนในร่างอรชรนอนหลับใหลอยู่บนนั้น เซียวเยว่ตั้งแต่รู้ว่าเหอไป๋เหยียนกำลังตั้งครรภ์ลูกของตนก็ดีใจนอนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เอาแต่จด ๆ จ้อง ๆ หน้าท้องแบนราบและคอยลูบคลำไม่วางมือ "ทำอะไรของนาย ฮะ?" เหอไป๋เหยียนดันร่างของหมาป่าหนุ่มและขยับตัวออกห่าง อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาแนบชิดตามเดิม "อย่าขยับตัวมากสิ นายกำลังท้องอยู่นะไป๋เหยียน" เหอไป๋เหยียนถอนใจกับความขี้เห่อของหมาป่าหนุ่มที่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงลูกของพวกเขาที่ตอนนี้ยังไม่เป็นรูปร่างขึ้นมาเลย เหอไป๋เหยียนไม่ได้มีอาการตกใจที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์เพราะได้ตกใจไปก่อนหน้าแล้ว หลังกลายร่างเป็นงูขาวตัวอวบอ้วนร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมานิดหน่อย พอได้สติจึงคืนร่างเป็นมนุษย์และพบเซียวหลางกับทุกคนอยู่ในห้องด้วยกัน จากนั้นเซียวหลางได้บอกกับเขาว่า ตัวของเขานั้นกำลังตั้งท้องลูกของเซียวเยว่ ตอนนั้นเหอไป๋เหยียนตกใจจนกลายร่างกลับเป็นงูขาวอีกครั้ง พอตั้งสติได้จึงคืนร่างเป็นคนและฟังเรื่องราวจากเซียวหลางต่อจนจบ เผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนแม้จะมีสองเพศ แต่การจะกลายเป็นตัวเมียได้นั้นต้องมีการผสมพันธุ์กับงูในระดับเดียวกันที่มียีนเพศผู้สูงกว่า และตัวที่มียีนเพศผู้ด้อยกว่าร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้เป็นตัวเมียเพื่อรองรับการปฏิสนธิและตั้งครรภ์ ทั้งหมดก็เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ที่เหลือเพียงน้อยนิดไม่ให้สูญหายไป เหอไป๋เหยียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมาป่าหนุ่มจะมีน้ำเชื้อที่สามารถทำให้คู่ตั้งครรภ์ได้ มิเช่นนั้นเขาคงบังคับให้อีกฝ่ายสวมถุงยางตอนมีอะไรกัน แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จำต้องรับสภาพไป ห้องลับภายในศูนย์วิจัย "ว่าไงนะ เหอไป๋เหยียนตั้งท้องลูกของหมาป่าอย่างนั้นเหรอ!" น้ำเสียงประหลาดใจของผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องลับของศูนย์วิจัยดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เรื่องที่จางหลิวซิงตั้งครรภ์กับหมาป่ากลายพันธุ์นั้นเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของศูนย์วิจัย ห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาต้องการตัวลูกหมาป่าเพื่อนำมาทดลองแต่ไม่ง่ายจึงได้แค่ส่งคนคอยเฝ้าติดตามเก็บข้อมูลเท่านั้น และนี่งูขาวที่สูญพันธุ์ไปแล้วยังมาตั้งครรภ์กับลูกหมาป่าอีก ไม่รู้จริง ๆ ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะวิวัฒนาการไปได้ไกลแค่ไหน คิดแล้วช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน "ฉันต้องการตัวเหอไป๋เหยียน จะวิธีไหนก็ได้ พาตัวเขามาให้ฉัน!" "ครับ!" ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดของศูนย์วิจัยออกคำสั่งเสียงกร้าวกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้อง ทุกคนก้มศีรษะรับทราบก่อนพากันออกจากห้องไป ที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ นอกจากนักวิทยาศาสตร์ที่มากความสามารถแล้วยังมีแพทย์แขนงต่าง ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานราชการที่ร่วมงานกัน ร่างสูงในชุดสีขาวผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเซียน กลับมีสีหน้าหยิ่งทะนงเหยียดสายตามองมนุษย์ที่มีแต่ความใคร่รู้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ก็ยังร่วมมือกับพวกเขาในการทดลองสัตว์กลายพันธุ์ ไม่สิ ต้องเรียกว่ามนุษย์กลายพันธุ์ถึงจะถูก "หมดธุระแล้ว ผมขอตัว" เสวี่ยเทียนหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง จังหวะนั้นหยางลู่เฉิงได้เดินสวนเข้ามาภายใน เสวี่ยเทียนเหยียดมองด้วยหางตา นึกสงสัยว่าหยางลู่เฉิงที่โดนไล่ออกไปแล้วกลับมาที่นี่อีกทำไม ทางด้านของหลิวอิง หลังได้ร่วมหลับนอนกับหวงหนิงหลงก็อาการดีขึ้น ยามเช้าขณะแต่งตัวได้เผลอคิดถึงบทรักของหวงหนิงหลงขึ้นมา ไม่คิดมาก่อนว่าคนสุภาพอย่างหวงหนิงหลงบทจะเร่าร้อนนั้นช่างรุนแรง บางครั้งก็อ่อนโยนและแสนอบอุ่น "นะ..หนิงหลง นะ..นายชอบฉันหรือเปล่า" หลิวอิงถามขึ้นขณะถูกแท่งร้อนสอดใส่เข้าออกภายในช่องทาง ความยาวใหญ่และแข็งกร้าวของสิ่งนั้นทำเอาเสียวซ่านไปทั้งร่าง หวงหนิงหลงไม่ได้ตอบในทันที เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบหลิวอิง "คุณเป็นเจ้านาย ผมก็ต้องชอบคุณสิครับ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผม ทุกคนต่างก็ชอบคุณกันทั้งนั้น" หลิวอิงในตอนนั้นรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของหวงหนิงหลง ครั้นพอคิดว่าหากหวงหนิงหลงพูดสั้น ๆ ว่าผมก็ชอบคุณ เขาจะรู้สึกอย่างไรนะ "แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ วันนี้มีนัดตรวจร่างกายกับคุณหมอซุนที่โรงพยาบาลตอนสิบโมงนะ" หวงหนิงหลงเข้ามาตาม เมื่อเห็นว่าหลิวอิงยังผูกเนกไทไม่เรียบร้อยจึงเข้าไปช่วย วันนี้หลิวอิงมีภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำและเขาก็ต้องตามประกบเหมือนทุกวัน หลิวอิงและหวงหนิงหลงลงมาที่ห้องอาหารและพบเซียวหลางกับจางหลิวซิงนั่งรอทานมื้อเช้าอยู่ จึงเข้าไปทักทาย "วันนี้คุณน้องเขยไม่ไปทำงานหรือครับ" หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเซียวหลางแต่งตัวต่างจากทุกวัน เซียวหลางบอกกับหลิวอิงว่าวันนี้เขามีธุระต้องไปจัดการและขอพาตัวจางหลิวซิงไปด้วย หวังว่าหลิวอิงจะอนุญาต "คนกันเองทั้งนั้นคุณน้องเขยไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ" มื้อเช้าของบ้านสกุลหลิวดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จากนั้นหลิวอิงจึงขอตัวไปทำงานพร้อมกับหวงหนิงหลง ส่วนเซียวหลางแวะไปดูการซ่อมแซมเหว่ยหลางก่อนไปยังเรือนปิงเจี๋ยเพื่อดูอาการเหอไป๋เหยียนว่าเป็นอย่างไร ที่เหว่ยหลาง เมื่อเห็นหน้าเซียวหลางอาชาหนุ่มผิวเข้มหม่าอี้จึงได้ปรี่เข้าไปถามถึงอาการของเหอไป๋เหยียนด้วยความเป็นห่วง ตอนเหอไป๋เหยียนกระอักเลือดออกมาเขาตกใจจนมือไม้สั่นกลัวอีกฝ่ายจะเป็นอันตราย "อาการของไป๋เหยียนปลอดภัยแล้ว" เซียวหลางพูดน้ำเสียงราบเรียบ "ผมขอไปเยี่ยมเขาได้มั้ยครับ" "ไม่ได้!" เซียวหลางห้ามไม่ให้หม่าอี้ไปเยี่ยมเหอไป๋เหยียนเพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายหากมีการปะทะกับเซียวเยว่ขึ้นอีก หม่าอี้มีสีหน้าผิดหวังแต่ก็ไม่รั้น ยอมเชื่อฟังเซียวหลางแต่โดยดี จางหลิวซิงเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเห็นใจหม่าอี้ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ หากเหอไป๋เหยียนรักหม่าอี้เขาก็ไม่ขัดขวาง แต่จากสายตาของเขาเหอไป๋เหยียนนั้นดูจะมีใจให้เซียวเยว่มากกว่า ที่สำคัญ หากหม่าอี้รู้ว่าเหอไป๋เหยียนตั้งครรภ์คงจะทำใจยอมรับได้ยาก เพราะหม่าอี้นั้นหลงรักเหอไป๋เหยียนมาแสนนาน เซียวหลางใช้เวลาที่เหว่ยหลางไม่นาน เขายังสังเกตเห็นว่าบรรยากาศของที่นี่เปลี่ยนไปหลังอนุญาตให้สัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่สามารถควบคุมสัญชาตญาณดิบออกไปใช้ชีวิตนอกเหว่ยหลางได้ ทุกคนแลดูมีความสุข เช่นนี้แล้วอีกไม่นานสวีเพ่ยคงยินยอมให้สัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่บนเกาะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตามที่เคยตกลงกันไว้ หลังออกจากเหว่ยหลาง เซียวหลางได้ขับรถพาจางหลิวซิงไปยังเรือนปิงเจี๋ย รถยนต์หรูขับออกนอกเมืองไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงถนนสายเปลี่ยวที่ข้างทางฝั่งหนึ่งเป็นป่าทึบและอีกฝั่งเป็นหน้าผาสูง และไม่มีรถยนต์ขับสวนมาสักคัน "นั่นใครมาเดินอยู่แถวนี้นะ?" จางหลิวซิงสังเกตเห็นเด็กหนุ่มเดินอยู่ข้างทางจึงเรียกให้เซียวหลางดู ราชาหมาป่ากลายพันธุ์ไม่อยากสนใจจึงขับรถเลยไปแต่จางหลิวซิงออกคำสั่งให้ถอยรถกลับไปดู "ฉันบอกให้กลับไปดู นายไม่เข้าใจหรือไง!" "โอ๊ย! เข้าใจแล้ว เธออย่าดึงหูฉันสิซิงซิง มันเจ็บนะ" แม้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเป็นคำสั่งของภรรยาใครเล่าจะกล้าขัด แม้แต่ปิศาจหมาป่า พอโดนดึงหูเท่านั้นหางก็ลู่ลงทันที|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา