|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น
|PART 21|หลบหนีคฤหาสน์สกุลหลิว"นายจะไปไหนเหรอหนิงหลง ทำไมถึงเร่งเก็บของแบบนี้ล่ะ?"หลิวอิงถามขึ้นเมื่อหวงหนิงหลงเข้ามาจัดเสื้อผ้าและเตรียมสิ่งของจำเป็นของตนใส่กระเป๋าเดินทาง จากนั้นได้พาไปยังรถที่จอดเตรียมไว้หน้าคฤหาสน์ โดยหวงหนิงหลงบอกกับหลิวอิงว่าได้ลาพักร้อนเอาไว้และต้องออกเดินทางตอนนี้เพื่อให้ทันกำหนดการที่วางไว้ ทุกอย่างมันกะทันหันจนหลิวอิงตั้งตัวไม่ทัน"คุณสองคนจะไปไหนกันแต่เช้าหรือครับ?"เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบว่าการ์ดที่ดูแลบ้านไม่ใช่ชุดเดิม พวกเขาถูกเปลี่ยนตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนโดยที่หวงหนิงหลงไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน การ์ดชุดใหม่มีท่าทีแข็งกระด้างต่อทั้งสองคน แม้รู้ว่าหลิวอิงคือทายาทสกุลหลิวกลับไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เดินวางมาดเข้ามายืนขวางด้านหน้าไว้"พวกฉันจะไปไหนไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องรู้ หลีกไปซะ!!""กรุณากลับเข้าไปข้างในเถอะครับ พวกคุณจะออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นหากท่านผู้นั้นไม่อนุญาต""ว่าไงนะ!!"หวงหนิงหลงกัดฟันกรอดพลางมองสำรวจไปรอบคฤหาสน์ คนพวกนี้เจตนาขัดขวางไม่ให้เขาและหลิวอิงออกไปจากคฤหาสน์สกุลหลิวและท่านผู้นั้นที่พวกมันพูดถึงคงหมายถึงผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของศูนย์วิจัย
|PART 20|อู๋เจียงไป๋ 无疆白เบื้องหน้าของเซียวเยว่และไป๋จื่ออิงในตอนนี้คือป่าที่ต้นไม้ทุกต้นเป็นน้ำแข็งและถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวอีกชั้น ที่นี่ไร้ซึ่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์จึงไม่รู้ว่ายามนี้เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน มีเพียงสีขาวจากหิมะไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่ตาเนื้อสามารถมองเห็นได้ เมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนคล้ายวิญญาณร่ำไห้จากสายลมที่พัดมากระทบโสตประสาท"ที่นี่แหละ อู๋เจียงไป๋" ไป๋จื่ออิงบอกกับเซียวเยว่เซียวเยว่มองถิ่นกำเนิดของผู้เป็นพ่อด้วยหัวใจที่เต้นระทึก แม้จะมีสายเลือดของราชาหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือนยังดินแดนแห่งนี้ เพียงก้าวแรกก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ทั้งยังความเย็นยะเยือกที่ส่งผ่านจากปลายเท้าขึ้นมายังประสาทรับสัมผัสทั้งห้า อู๋เจียงไป๋ช่างเป็นดินแดนที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่มนุษย์เบื้องล่างพูดเอาไว้เสียอีก ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ละความพยายามที่จะตามหามันหลายพันปีที่ผ่านมามนุษย์ได้แสวงหาความเป็นอมตะจากอู๋เจียงไป๋หรือดินแดนแห่งความตายนี้และมีน้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนใ
|PART 19|ศัตรูที่อยู่ข้างกายนอกจากแสงของหลอดไฟพกพาแล้วยังมีแสงจากกองไฟที่ก่อขึ้นเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายส่องสว่างอยู่ภายในถ้ำ แม้ไป๋จื่ออิงจะบอกว่าภายในถ้ำนี้ปลอดภัยแต่เซียวเยว่ก็ยังไม่วางใจจึงผลัดกับเซียวอวี่เพื่ออยู่ยาม โดยเขาอาสาเป็นคนแรก"ไม่รู้ว่าเกล็ดอสรพิษที่ไป๋จื่ออิงบอกจะได้ผลหรือเปล่านะ ถ้าได้ผลก็ดีนายจะได้นึกเรื่องของเราออก ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร สำหรับฉันขอแค่ร่างกายนายกลับมาเป็นปกติก็พอใจแล้วล่ะ"เซียวเยว่บอกกับงูขาวที่นอนหลับอยู่บนตัก พลางลูบไปบนลำตัวของมันอย่างอ่อนโยนตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวก็อยู่ในภาวะจำศีลมาตลอด ภายในร่างกายของเขามีชีวิตน้อย ๆ อยู่ถึงสามชีวิตจึงต้องใช้พลังชีวิตมากกว่าปกติในการปกป้องสิ่งนั้น"อดทนหน่อยนะลูกพ่อ อย่ากวนคุณแม่ให้มากนักล่ะ"เซียวเยว่ก้มลงไปพูดกับเด็ก ๆ ที่อยู่ในท้องของงูขาว อีกสามเดือนพวกเขาก็จะถูกฟักออกมาแล้ว หากเหอไป๋เหยียนตื่นมาได้ยินเขาเรียกว่าคุณแม่คงจะโกรธน่าดูคืนแรกผ่านไปด้วยดีไม่มีสิ่งผิดปกติหรืออะไรเกิดขึ้น ยกเว้นแรงสั่นสะเทือนจากเทือกเขาที่อยู่สูงขึ้นไป แต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นคืนที