|PART 8|
เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน "คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?" เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์ เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล "อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ" "คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่" เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง "สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ" เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น "คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ" เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที่ดูมีอำนาจกลับสนใจหนุ่มน้อยร่างเล็กที่อยู่ข้างกัน ทีแรกคิดว่าตาฝาดเห็นเป็นคนที่ตามหามาตลอดห้าปี ครั้นพอเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองกลับมาราวกับเพิ่งพบกันครั้งแรกก็ทำให้ไม่มั่นใจ จึงทักทายทั้งคู่และแนะนำตัวกลับไปบ้าง "ผมเซียวอวี่ เป็นตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ป ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ" หลังทำความรู้จักกันแล้วเซียวอวี่จึงขอให้ฉินเทียนพาชมศูนย์วิจัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองเฉินเซิน ซึ่งยังไม่นับรวมสาขาย่อยที่กระจายอยู่รอบเมือง นับว่าโครงการที่สกุลเซียวและสกุลหลิวจะร่วมทุนกับที่นี่นั้นมีมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว "น่าเสียดายที่ผมมีธุระ วันนี้คงต้องให้ฉินหลิงเป็นคนพาคุณเซียวเยี่ยมชมศูนย์วิจัยแทนเสียแล้ว" ฉินเทียนพูดขึ้นและบอกกับฉินหลิงให้นำเซียวอวี่เดินชมศูนย์วิจัยแทนตน ทั้งยังกำชับให้ดูแลเซียวอวี่เป็นอย่างดี ฉินหลิงได้เป็นตัวแทนของศูนย์วิจัยแนะนำโครงการต่าง ๆ ที่ศูนย์วิจัยกำลังทำการทดลองอยู่ให้เซียวอวี่ได้รับรู้ สิ่งที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกมากที่สุดก็คือการวิจัยทางชีวภาพ ฉินหลิงอธิบายอย่างตั้งใจในขณะที่เซียวอวี่นั้นไม่ได้สนใจฟังสักนิด เขามัวแต่มองฉินหลิงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนที่ตามหา แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้น ฉินหลิงพาเซียวอวี่ไปดูสถานที่ใช้ดูแลสัตว์ที่ถูกนำมาไว้ที่ศูนย์วิจัย โดยมีการจำแนกตามประเภท จัดสภาพแวดล้อมและปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม เซียวอวี่สำรวจดูแล้วศูนย์วิจัยแห่งนี้ไม่มีสิ่งผิดปกติสักนิด สัตว์ที่ถูกนำมาทดลองล้วนได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายและยังได้รับการดูแลอย่างดี "ทางด้านนี้คือเสือที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ทางศูนย์ของเราเพิ่งนำเข้ามาเมื่อวานเพื่อหาทางขยายพันธุ์ต่อ" ฉินหลิงบอกกับเซียวอวี่และพาเข้าไปดูใกล้ ๆ สัตว์ป่าเมื่อเห็นมนุษย์เข้ามาใกล้ก็รู้สึกถึงอันตราย ด้วยสัญชาตญาณมันจึงคำรามเสียงดังและกระโจนเข้าใส่หมายจะขย้ำให้ตาย ดีที่มีกระจกอย่างหนากั้นระหว่างพวกเขาเอาไว้แต่ก็มิวายทำให้ฉินหลิงตกใจจนโผเข้ากอดเซียวอวี่ไว้แน่น เซียวอวี่รู้สึกคุ้นเคยกับวงแขนที่สวมกอด ทำให้เขาเกิดสับสนขึ้นมาอีกครั้งว่าคนตรงหน้าจะใช่คนที่ตามหาหรือไม่ แต่คนคนนั้นเป็นสัตว์กลายพันธุ์เหมือนกับเขามิใช่มนุษย์เช่นนี้ เซียวอวี่ประสานสายตากับเจ้าเสือร้ายในห้องกระจก มันรู้โดยสัญชาตญาณว่าศัตรูตรงหน้านั้นแข็งแกร่งกว่า เพียงแค่เซียวอวี่ถลึงตาใส่เสือร้ายก็วิ่งไปหลบหลังก้อนหินใหญ่ด้วยความกลัว โทษฐานที่ทำให้ฉินหลินต้องตกใจ "ขะ..ขอโทษครับ" ฉินหลิงถอยห่างจากเซียวอวี่ทันทีเมื่อรู้ตัวว่าได้ทำเรื่องขายหน้าลงไป แม้แต่ท่าทางตอนหวาดกลัวยังเหมือนกันขนาดนี้ เซียวอวี่คิดอยู่ในใจและนึกถึงลูกกระต่ายน้อยที่มักโผเข้ากอดเขาไว้เมื่อเจอสัตว์ร้าย "ไม่เป็นไร" เซียวอวี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนขอให้ฉินหลิงพาไปชมบริเวณอื่นต่อ ขณะอยู่ที่ศูนย์วิจัยเซียวอวี่รู้สึกเหมือนโดนจับตาอยู่ตลอดเวลา ที่นี่ติดตั้งกล้องวงจรปิดขนาดเล็กที่มองไม่เห็นไว้แทบทุกตารางเมตร ฉะนั้นเขาจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เซียวหลางกับจางหลิวซิงได้กำชับเอาไว้ว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย แม้ห้าปีที่ผ่านมาจะไม่ปรากฏคนของศูนย์วิจัยว่ามีการติดตามพวกเขา แต่ทั้งนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ เรือนปิงเจี๋ย สภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นของเรือนปิงเจี๋ยทำให้เหอไป๋เหยียนไม่อยากขยับตัวไปไหน ทั้งวันเอาแต่นอนเกียจคร้านอยู่แต่บนเตียง ไม่หยิบจับหรือทำอะไรเพราะมีหมาป่าหนุ่มคอยทำให้ทุกอย่าง ชีวิตของเหอไป๋เหยียนช่างสุขสบายนัก แม้ตอนอยู่ที่เหว่ยหลางก็ได้หม่าอี้คอยดูแล แต่ไม่รู้สึกผ่อนคลายเท่ากับอยู่ที่นี่ เพราะที่เหว่ยหลางหม่าอี้คอยแต่ตามเฝ้าเขาตลอดเวลา ด้วยความเกรงใจเหอไป๋เหยียนจึงไม่กล้าพูดออกไปว่าอึดอัด กลัวจะทำลายน้ำใจอีกฝ่าย "ไป๋เหยียน นายจะมัวแต่มานอนแบบนี้ไม่ได้นะ ควรลุกขึ้นมาขยับร่างกายบ้างสิ" เซียวเยว่นำอาหารมาให้เหอไป๋เหยียนพูดขึ้น เพราะการกลายพันธุ์ทำให้พวกเขาทานอาหารเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถทานอาหารตามสายพันธุ์เดิมได้ ยกเว้นพวกที่กลายพันธุ์ไม่สมบูรณ์ที่ยังมีความต้องการอาหารตามสายพันธุ์ดั้งเดิมอยู่ "ช่วยไม่ได้ ก็ฉันเป็นงูนี่นา" เหอไป๋เหยียนลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจและนั่งลงบนโต๊ะอาหารจึงถูกเซียวเยว่ไล่ให้ไปล้างหน้าล้างตา เมื่อตอนเป็นเด็กเขาคงต้องดื้อกับไป๋เหยียนมากสินะ ในตอนนี้ถึงได้โดนเอาคืนแบบเดียวกัน หมาป่าหนุ่มคิดในใจ เซียวเยว่ตามเหอไปเหยียนเข้ามาในห้องน้ำและช่วยรวบเส้นผมที่สยายออกไม่ให้หล่นเข้าไปในอ่าง และส่งผ้าซับหน้าให้เมื่อเหอไป๋เหยียนล้างหน้าเสร็จ "นายจะทำอะไรน่ะ" เหอไป๋เหยียนถามเสียงเข้มเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง หมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แนบส่วนกลางลำตัวที่แข็งแกร่งไปกับบั้นท้ายของอสรพิษผู้มีดวงตาสีมรกต เซียวเยว่เกิดอารมณ์เมื่อตอนมองเหอไป๋เหยียนก้มตัวล้างหน้า เหอไป๋เหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยาวคลุมสะโพกเพียงตัวเดียวช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน "เรามาออกกำลังกายก่อนอาหารเช้ากันสักรอบเถอะ" หมาป่าหนุ่มว่าพลางส่ายพวงหางสีเข้มไปมาอย่างคึกคัก ในขณะที่ใบหูตั้งขึ้น "ถอยออกไปเลยนะ เจ้าหมาป่าหื่นกาม!" เหอไป๋เหยียนออกปากไล่เสียงเข้ม ร่างกายของเหอไป๋เหยียนนั้นมีความพิเศษ แม้เป็นตัวผู้ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติเป็นการดิ้นรนเพื่อจะดำรงเผ่าพันธุ์ไว้บนโลกใบนี้ เช่นเดียวกับเผ่าพันธุ์ของหมาป่าเซียวหลาง ที่ราชาหมาป่าต้องผสมพันธุ์กับตัวเมียทั้งฝูงเพื่อให้ออกลูก น่าเสียดายที่มันช่างยากเย็นนักที่ลูกหมาป่าที่เกิดมาจะมีชีวิตรอดสักตัวหนึ่ง "รอบนี้จะเสร็จข้างนอก นายไม่ต้องกลัวว่าจะท้องหรอกนะ" "ฉันต้องกลัวสิ เมื่อคืนนายก็พูดแบบนี้ แต่ก็เสร็จใส่ฉันทุกที" แม้จะเป็นบุรุษแต่เซียวเยว่ก็สามารถทำให้คู่ตั้งครรภ์ได้หากได้รับปริมาณน้ำเชื้อที่มากพอ เหมือนกับที่เซียวหลางพ่อของเขาทำให้จางหลิวซิงตั้งครรภ์มาแล้ว และยีนนี้ก็ถูกถ่ายทอดมายังเขาและเซียวอวี่ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากการกลายพันธุ์โดยฝีมือมนุษย์เป็นผู้กระทำ ด้วยเหตุผลเช่นนี้จึงทำให้เหอไป๋เหยียนมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าตัวผู้ทั่วไป "ถ้านายท้องฉันจะรับผิดชอบเอง ลูกของนายกับฉันคงจะน่ารักน่าดู" เหอไป๋เหยียนต่อต้านหมาป่าวัยเจริญพันธุ์ไม่สำเร็จ เขาถูกล่วงล้ำเข้ามาในช่องทางที่ยังไม่แนบสนิทเพราะเมื่อคืนหมาป่าหื่นกามกระทำเขาจนย่ำรุ่ง และเหตุผลที่เซียวเยว่ไม่สวมถุงยางอนามัยก็เพราะมันไม่ใช่ขนาดของเขา จึงบอกกับเหอไป๋เหยียนว่าจะเอาออกมาเสร็จข้างนอกแต่ก็ไม่ทำตามคำพูด คราวนี้ก็พูดเช่นเดิมแต่เหอไปเหยียนก็ไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแล้ว กิจกรรมร่วมรักของเซียวเยว่กับเหอไปเหยียนดำเนินไปจนใกล้เที่ยง เพราะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ร่างกายทั้งคู่จึงไม่รู้สึกหิวกระหายเท่ากับมนุษย์ แต่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอยู่ดี "เมื่อไหร่ฉันถึงจะออกไปจากที่นี่ได้สักทีนะ" เหอไป๋เหยียนพูดขึ้นขณะนอนพักเอาแรง โดยมีหมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์คลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญ หากอีกฝ่ายไม่ฉกฉวยโอกาสลูบไล้เรือนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าผืนบางปิดบังส่วนสงวนไว้เท่านั้น "เห็นท่านพ่อบอกว่าอีกไม่นานนี้หรอก" ที่ว่าไม่นานของเซียวเยว่นั้นหมายถึงหลังเทศกาลโคมลอยที่เซียวหลางจะอนุญาตให้พวกเขาออกจากเรือนปิงเจี๋ยได้ ซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้ เช่นนั้นแล้วเซียวเยว่จึงชวนเหอไป๋เหยียนให้ไปเดินเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะมีโอกาสได้อยู่ลำพังแบบนี้อีก เหอไป๋เหยียนอยู่ที่เมืองเฉินเซินมาหลายปีแต่ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวงานเทศกาลของมนุษย์สักครั้ง ที่ผ่านมาเขาต้องรักษาตัวอยู่แต่ภายในเหว่ยหลาง ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับสังคมมนุษย์ได้แล้วสามารถออกไปเที่ยวได้ เมื่อกลับมาพวกเขาได้เล่าให้คนที่อยู่ภายในเหว่ยหลางฟังว่างานเทศกาลโคมลอยของมนุษย์นั้นช่างสนุกสนานและสวยงามเสียเหลือเกิน เหอไป๋เหยียนได้ฟังแล้วก็อยากสัมผัสด้วยตาตัวเองบ้าง ดังนั้นเขาจึงรับปากว่าจะไปกับเซียวเยว่ ชื่อของเมืองเฉินเซินนั้นมีความหมายว่าเมืองแห่งดวงดาว เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของเมืองก็สามารถมองเห็นทะเลดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน และช่วงปลายปีที่ท้องฟ้าจะมืดกว่าปกติ ชาวเมืองจะทำโคมเพื่อปล่อยให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีความเชื่อว่าหากเขียนสิ่งที่ปรารถนาไว้บนตัวโคมและอธิษฐาน สิ่งนั้นก็จะเป็นจริง สถานที่จัดงานโคมลอยนั้นอยู่ห่างจากเรือนปิงเจี๋ยมาเกือบยี่สิบกิโลเมตร เซียวอวี่ขับรถพาเหอไปเหยียนมาตามถนนที่สองข้างทางมืดสนิทและเป็นป่าทึบ มนุษย์ธรรมดาหากไม่มีไฟที่สว่างพอจะไม่สามารถมองเห็นทางได้ ในความมืดเช่นนี้มีเพียงสายตาของสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งเป็นสัตว์กลายพันธุ์อย่างเซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนแล้วละก็บริเวณนี้ก็แทบไม่ต่างจากตอนกลางวันทีเดียว เซียวเยว่ขับรถด้วยความเร็ว เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานกว้างซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน รถของสกุลหลิวได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หลังส่งกุญแจให้กับคนรับรถแล้วเซียวเยว่จึงได้พาเหอไป๋เหยียนเข้าไปภายในงาน "สิ่งนี้คืออะไรเหรอ แล้วมันเอาไว้ทำอะไรล่ะ" อสรพิษหนุ่มอายุร่วมร้อยปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปิดตายมานาน ครั้นพอได้เจอสีสันบนโลกมนุษย์เข้าไปก็ตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย ตรงข้ามกับหมาป่าหนุ่มวัยใกล้ยี่สิบปี ความทรงจำของเหอไป๋เหยียนสิ้นสุดแค่บนเทือกเขาที่มีหิมะหนาวเหน็บปกคลุมตลอดทั้งปี สถานที่แห่งนั้นไร้ซึ่งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ทนทานต่อสภาพอากาศไม่ได้ ที่แห่งนั้นจึงเปรียบเสมือนดินแดนลึกลับที่แยกจากโลกมนุษย์โดยสิ้นเชิง วันหนึ่งเหอไป๋เหยียนได้ลอบออกจากการจำศีลเพื่อออกมาดูโลกภายนอก ตอนนั้นเองที่เขาถูกมนุษย์จับตัวไว้ได้ งูที่สาบสูญจากโลกร่วมห้าร้อยปีได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สร้างความตื่นเต้นให้กับมนุษย์ไม่น้อย เหอไป๋เหยียนในตอนนั้นช่างเหมาะแก่การนำมาทดลองเสียเหลือเกิน จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ทำลายล้างขึ้น ขณะหลบหนีได้เกิดอุบัติเหตุกลางอากาศทำให้เหอไป๋เหยียนตกจากเครื่องบินอพยพลงมากระแทกพื้นด้านล่างอย่างแรงจนความจำเสื่อม เขาลืมช่วงเวลาที่ถูกจับมาทดลองยังศูนย์วิจัยบนเกาะไปจนหมดสิ้น ลืมจางหลิวซิง ลืมทารกน้อยที่ช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่แรกคลอด สิ่งที่เขาจำได้มีเพียงเซียวหลางราชาหมาป่าต้องคำสาปผู้มีขนสีดำเท่านั้น ขณะเดินชมงานเซียวเยว่ได้บังเอิญพบกับเซียวอวี่ นึกแปลกใจที่เขามางานแบบนี้และที่สำคัญไม่ได้มาคนเดียวแต่มากับหนุ่มน้อยร่างเล็กผิวขาวราวหิมะและมีดวงตาสีเดียวกับน้ำทะเล ที่มองยังไงก็เป็นคนที่เขาเคยรู้จักมาก่อน "หลานจิง" แม้แต่เซียวเยว่ยังคิดว่าฉินหลิงคือหลานจิง ลูกกระต่ายน้อยที่เกิดการกลายพันธุ์ตั้งแต่ในครรภ์มารดา แต่เซียวเยว่กลับไม่ได้กลิ่นสัตว์กลายพันธุ์จากร่างกายของเขา จึงคิดว่าน่าจะเป็นคนหน้าคล้ายกับหลานจิงมากกว่า "นี่คือฉินหลิง" เซียวอวี่แนะนำให้เซียวเยว่ได้รู้จัก "ผมอายุน้อยกว่าพวกคุณ เรียกผมหลิงหลิงก็ได้ครับ" หลิงหลิงเป็นเสียงกระพรวนที่ข้อมือซึ่งพ้องกับชื่อของฉินหลิง ประสาทหูของหมาป่านั้นไวเกินใคร ยามฉินหลิงขยับข้อมือทั้งเซียวเยว่และเซียวอวี่ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งชัดเจน จำได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงเดียวกับเสียงกระพรวนของหลานจิง เพียงแต่รูปลักษณ์ของกระพรวนนั้นแตกต่างกัน พวกเขาคิดว่าคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ท้องฟ้าในยามนี้นอกจากทะเลดวงดาวแล้วยังเต็มไปด้วยโคมลอยที่ถูกปล่อยขึ้นไป เซียวเยว่ ไป๋เหยียน เซียวอวี่และฉินหลิง ทั้งสี่คนได้ช่วยกันเลือกโคมที่ทำจากกระดาษและพากันไปยังลานกว้างริมหน้าผาเพื่อจุดไฟและปล่อยโคมนั้นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า "ทำไมฉันต้องใช้โคมอันเดียวกับนายด้วยนะ" เหอไป๋เหยียนมองค้อนเซียวเยว่ จริตจะกร้านแสนงดงามสมกับเป็นอสรพิษเกล็ดเงิน ยิ่งผ่านการโอบกอดจากบุรุษเพศมาแล้วเสน่ห์ยิ่งเพิ่มขึ้น ถ้าหม่าอี้มาเห็นมิวายคงได้ตกหลุมรักอีกครั้ง คิดเช่นนั้นแล้วหมาป่าหนุ่มก็ไม่อยากให้เหอไป๋เหยียนออกจากเรือนปิงเจี๋ยเลย "ฉันว่าลอยด้วยกันมันก็ดีแล้วนี่นา" ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด และดูเหมือนเหอไป๋เหยียนจะสู้ไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดกลับเป็นเซียวเยว่ที่ยอม ต่างกับคู่ของเซียวอวี่กับฉินหลิงที่ทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมด ตั้งแต่เลือกโคม เซียวอวี่เลือกโคมที่วาดรูปกระต่ายลงบนนั้นและมีตัวอักษรที่มีความหมายว่าสมปรารถนา พวกเขาจุดไฟและอธิษฐานก่อนจะปล่อยโคมนั้นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน เซียวเยว่อธิษฐาน..ขอให้ความทรงจำของไป๋เหยียน กลับมาโดยเร็วด้วยเถิด.. เซียวอวี่อธิษฐาน..ขอให้หลานจิงยังมีชีวิตอยู่ และขอผมได้พบกับเขาด้วยเถอะครับ.. เป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่คนได้ทำตามความเชื่อของมนุษย์และหวังว่าคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง ในขณะที่ฉินหลิงมองตามโคมที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เซียวอวี่ไม่อาจละสายตาจากเขาได้และหวนให้คิดถึงคนที่ตามหามาตลอดห้าปี "ฉันต้องไปส่งฉินหลิง แล้วพวกนายล่ะ จะกลับเลยมั้ย" กรี๊ดดดดดดด เซียวอวี่ถามยังไม่จบประโยคเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นภายในบริเวณจัดงาน พวกและฉินหลิงจึงรีบวิ่งไปยังที่มาเสียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นพอไปถึงก็พบคนกลุ่มใหญ่กำลังล้อมวงดูบางสิ่ง จึงแหวกทางขอเข้าไปด้านใน "โฮกกกก" มนุษย์ผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายสิงโตไม่สิ..ต้องเรียกว่าสิงโตกลายพันธุ์มากกว่า มันกำลังทำร้ายหญิงสาวซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ยังไม่ทันหายตกใจก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกจุดหนึ่ง เซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนจึงพากันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และพบว่ามีสัตว์กลายพันธุ์กำลังไล่ทำร้ายมนุษย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น งานเทศกาลโคมลอยจู่ ๆ ทำไมถึงมีสัตว์กลายพันธุ์ออกมาทำร้ายคนได้ ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ดูแล้วพวกมันไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลาง น่าจะเป็นพวกที่หลบหนีมาจากศูนย์วิจัยบนเกาะ ที่น่ากลัวคือพวกมันสามารถวิวัฒนาการตัวเองไปได้อีกขั้นแล้ว หน้าตาของสัตว์กลายพันธุ์กึ่งมนุษย์สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนที่มาเที่ยวงานไม่น้อย พวกเขาเข้าใจว่าพวกมันเป็นคนที่แต่งกายเลียนแบบสัตว์และออกมาไล่ทำร้ายคน เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจดังไปทั่วทั้งงาน ในขณะที่ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด สัตว์กลายพันธุ์ดุร้ายไม่ได้มีแค่ตัวเดียว พวกมันแฝงตัวมากับนักท่องเที่ยวและหาโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้น ราวกับได้รับคำสั่งจากใครบางคน เห็นท่าไม่ดีเซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนจึงพยายามช่วยเหลือผู้คนไม่ให้ถูกสัตว์กลายพันธุ์ทำร้าย รวมถึงเซียวอวี่ที่คอยปกป้องฉินหลิงไปพร้อมกัน เซียวอวี่และเซียวเยว่กันคนให้ออกไปจากบริเวณจัดงานเพื่อให้สะดวกต่อการจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ก่อนตำรวจจะมาถึง พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถจัดการกับพวกสัตว์กลายพันธุ์ได้เกือบทั้งหมด แต่ก็มีบางส่วนหนีที่หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในป่า ซึ่งเหอไป๋เหยียนได้วิ่งตามพวกมันไป ในสถานที่เช่นนี้เขาไม่สามารถกลายร่างเป็นอสรพิษเกล็ดเงินได้ เพราะหากถูกมนุษย์หรือคนของศูนย์วิจัยพบเข้า เกรงว่าเขาจะอยู่ที่เมืองเฉินเซินไม่ได้อีก เหอไป๋เหยียนอาศัยสัญชาตญาณของงูในการติดตามสัตว์กลายพันธุ์ ทีแรกคิดว่าจะจัดการพวกมันได้ไม่ยากแต่กลับเป็นตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายล้อมไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นกำดัก พวกมันนอกจากได้รับคำสั่งให้ทำร้ายมนุษย์แล้วยังได้รับคำสั่งให้จับสัตว์กลายพันธุ์สายพันธุ์พิเศษกลับไปด้วย ทางด้านเหอไป๋เหยียนนั้นฝีมือการต่อสู้จัดว่าพอตัว จะจับตัวเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกมันอาศัยจำนวนที่มากกว่ากับวิวัฒนาการที่ถูกดัดแปลงโดยมนุษย์ทำให้แข็งแกร่งขึ้น สร้างความลำบากให้กับเหอไป๋เหยียนไม่น้อย แม้จะพ้นช่วงติดสัดมาแล้ว แต่ฮอร์โมนในร่างกายของเหอไป๋เหยียนยังไม่คงที่ สาเหตุเพราะยากระตุ้นของหม่าอี้ส่วนหนึ่งกอปรกับน้ำเชื้อของหมาป่ากลายพันธุ์ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงระบบสืบพันธุ์ของคู่ให้สามารถรองรับการตั้งครรภ์ ทำให้ฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนฟุ้งกระจายออกมาในเวลาที่คับขันเช่นนี้ พวกสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้พอได้กลิ่นตัวเมียก็เกิดความต้องการผสมพันธุ์ขึ้น พวกมันต่างพุ่งเข้าหาเหอไป๋เหยียนอย่างขาดสติ เหอไป๋เหยียนเห็นท่าไม่ดีจึงหาทางหลบหนี พลางนึกโมโหหมาป่าหนุ่มที่ชักช้า ไม่รีบมาช่วยสักที สถานการณ์ของเหอไป๋เหยียนตอนนี้ไม่สู้ดีนักเพราะไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ถูกดักทางไว้ได้หมด พวกมันชำนาญพื้นที่มากกว่า คิดจะคืนร่างเป็นงูและเลื้อยหนีเกรงว่าจะไม่ทัน เพราะสัตว์กลายพันธุ์ที่ล้อมอยู่มีพวกที่เป็นงูแต่คนละสายพันธุ์รวมอยู่ด้วย และตอนนี้สมองของพวกมันได้ไหลมากองรวมกันอยู่ที่พวงสืบพันธุ์กันหมดแล้ว เมื่อหนีไม่ได้เหอไป๋เหยียนจึงตัดสินใจสู้ตายมันเสียเลย "แกหนีไม่รอดหรอก ก่อนถูกจับไปทดลองก็ยอมให้พวกข้าผสมพันธุ์ด้วยซะดี ๆ เป็นตัวผู้แต่กลับมีกลิ่นตัวเมียรุนแรงแบบนี้ ยังไงก็ตั้งท้องได้อยู่แล้ว" เสือดำหนุ่มในร่างมนุษย์พูดขึ้น "คิดจะผสมพันธุ์กับฉันเหรอ ช่างไม่เจียมตัวจริง ๆ" ดวงตาสีมรกตเหยียดมองสัตว์ตัวผู้ที่น่ารังเกียจ แม้จะมีร่างกายเป็นมนุษย์พวกมันก็ยังละทิ้งสันดานเดิมไม่ได้ อวัยวะสืบพันธุ์ของพวกมันชูชัน อยากผสมพันธุ์กับเหอไป๋เหยียนจนทนไม่ไหว ถอดกางเกงออกเหลือเพียงท่อนล่างเปลือยเปล่าเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของพวงสืบพันธุ์ แค่ขนาดยังเทียบหมาเด็กของเขาไม่ได้ ยังคิดจะมาผสมพันธุ์กับเขาอีก มันน่าจับมาตอนทิ้งจริง ๆ เหอไป๋เหยียนคิดเช่นนั้น ในขณะที่พวกตัวผู้คิดแต่จะผสมพันธุ์กับเหอไป๋เหยียน ทำให้พวกตัวเมียก็เกิดอาการไม่พอใจ กอริลลาตัวเมียได้ลอบขึ้นไปอยู่บนที่สูงกว่า ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้ รอจังหวะเหมาะ ๆ เพื่อทุ่มใส่หัวของเหอไป๋เหยียนSPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท
|PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร
|PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย
|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น