|PART 7|
อาการของหลิวอิง ใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่ง ที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่ แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิก ในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไป ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมากจึงไล่พนักงานคนนั้นออกและแจ้งความฐานหมิ่นประมาท ทำให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าพูดถึงจางหลิวซิงในทางไม่ดีอีก จนเมื่อเวลาผ่านไปก็มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จางหลิวซิงไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนจึงเลือกที่จะเงียบและไม่บอกให้หลิวอิงได้รับรู้ จางหลิวซิงยืนฟังเสียงซุบซิบแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สักพักประตูกระจกอัตโนมัติบานใหญ่ได้เปิดออก ร่างสูงก้าวเข้ามาด้านใน เขาจึงออกไปต้อนรับ "ยินดีต้อนรับครับ พี่หลิวอิงกำลังรออยู่ด้านบน เชิญตามผมมาได้เลยครับ" จางหลิวซิงบอกกับแขกผู้มาเยือนและเดินนำไปยังลิฟต์ผู้บริหาร โดยมีร่างสูงเดินตามหลังมาติด ๆ ที่บริษัท ตำแหน่งของจางหลิวซิงไม่ได้ใหญ่โต เขาเป็นเพียงพนักงานธุรการทั่วไป ส่วนใหญ่จะคอยทำงานตามคำสั่งของหลิวอิงเพราะคนอื่นไม่กล้าใช้งานเขา หลิวอิงเคยจะมอบตำแหน่งที่สมฐานะให้แต่ถูกปฏิเสธ เพราะจางหลิวซิงไม่อยากให้ใครมาครหาว่าสกุลหลิวนั้นเลือกปฏิบัติ "วันนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ แล้วเซียวหลางล่ะ" จางหลิวซิงถามถึงประธานเซียวที่นัดกับพี่หลิวอิงของเขาเอาไว้ ครั้นพอถึงเวลากลับเป็นหวังอี้หรงที่มาแทน "วันนี้ประธานเซียวติดธุระ เมื่อเช้าหลังคุยกับคุณอวี่หลางก็สั่งให้ผมรีบมาที่นี่ทันที" ดวงตาเป็นประกายสีเทาภายใต้กรอบแว่นสีเข้มประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของจางหลิวซิง ภายในดวงตานั้นแฝงความต้องการที่ลึกซึ้งเอาไว้ "ไม่เจอกันตั้งนาน คุณไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ?" หวังอี้หรงเอื้อมมือไปกดปุ่มคอนโทรลลิฟต์เพื่อให้มันหยุดเคลื่อนที่ก่อนขยับกายเข้าไปจนแนบชิดกับจางหลิวซิง เขายกยิ้มเล็กน้อย ระหว่างรอคำตอบที่ตรงใจจากจางหลิวซิง "คิดถึงสิ ผมคิดถึงคุณมากกว่าประธานเซียวบ้าอำนาจคนนั้นเสียอีก" จางหลิวซิงตอบออกไป แทนที่จะดีใจกับคำตอบหวังอี้หรงกลับทำใบหน้าบึ้งตึงใส่ พร้อมกับส่งแขนออกไปกักขังจางหลิวซิงเอาไว้ "เป็นอะไรไปหรือครับ?" จางหลิวซิงมองท่อนแขนแกร่งพลางถามขึ้น และเพราะส่วนสูงที่ต่างกันทำให้จางหลิวซิงต้องเงยหน้าพูดกับหวังอี้หรง เขาจึงถูกหวังอี้หรงช้อนอุ้มขึ้นเพื่อจะพูดคุยกันได้ถนัด "ไม่มีอะไรครับ" น้ำเสียงของหวังอี้หรงมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย ครั้นพอเห็นแววตาซุกซนตรงหน้าแล้วก็ลืมมันไปจนหมดสิ้น ยิ่งถูกกอดด้วยท่อนแขนเรียวเล็กก็ใจอ่อนยวบลงทันทึ "อ๊ะ..ตอนนี้ไม่นะครับคุณอี้หรง พี่หลิวอิงกำลังรอคุณอยู่" จางหลิวซิงทาบปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของหวังอี้หรงเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะจูบ และบอกให้กดปุ่มเพื่อให้ลิฟต์เคลื่อนที่ เอาไว้เสร็จธุระกับหลิวอิงแล้วค่อยว่ากัน หวังอี้หรงนั้นสุภาพกว่าเซียวหลางนัก แต่บทเอาแต่ใจขึ้นมากลับร้ายกาจไม่ต่างกัน นอกจากไม่กดปุ่มที่ลิฟต์แล้วเขายังจูบจางหลิวซิงอย่างเร่าร้อนอีกต่างหาก จนร่างเล็กในอ้อมกอดถึงกับหมดแรง "ถ้าคิดถึง ก็อย่าขัดใจผมสิครับ" หวังอี้หรงบอกกับจางหลิวซิงพร้อมปลดเข็มขัดและถอดกางเกงของจางหลิวซิงออก จับให้ยืนกางขาเพื่อจะร่วมรักได้ถนัด ส่วนตัวเขาดึงกางเกงลงมาไว้ใต้กล้ามเนื้อแน่นและใช้มือจับพวงแห่งบุรุษที่ทั้งใหญ่โตและแข็งแกร่งถูไถไปกับช่องทางที่เปียกเยิ้มของจางหลิวซิงก่อนกดดันเข้าไปจนสุด "อ๊ะ! อ๊า!" ร่างของจางหลิวสั่นไหวเมื่อถูกแท่งร้อนผ่าวแทงเข้ามาภายในอย่างดุดัน มือเล็กเกาะผนังลิฟต์ไว้แน่น ช่วงนี้ใกล้ถึงรอบติดสัดของเขาพอดี เมื่อเกิดอารมณ์จึงได้ปลดปล่อยฟีโรโมนหอมฟุ้งอบอวลไปทั้งลิฟต์ "สะ..ใส่ถุงก่อน.." จางหลิวซิงพูดเสียงครางกระเส่า พลางเหลือบมองหวังอี้หรงที่สวนกายเข้าออกด้วยใบหน้าที่ซ่านเสียว เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถตอบรับแท่งร้อนที่แข็งแกร่งของหวังอี้หรงได้ทั้งหมดและบีบรัดแน่นทุกครั้งเมื่อถูกสอดใส่จนสุดลำ "ไร้สาระ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถุงยางอนามัยไม่มีขนาดของผม" หวังอี้หรงกระตุกยิ้มกับความไร้เดียงสาของจางหลิวซิง และอีกอย่าง หากถ้าเขาตั้งใจให้จางหลิวซิงตั้งครรภ์ต่อให้มีถุงยางอนามัยก็ห้ามเขาไม่ได้ ขณะร่วมรักอยู่ภายในลิฟต์ กลิ่นของจางหลิวซิงได้เล็ดรอดออกมาภายนอก สำหรับมนุษย์นั้นไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นนั้นได้ ยกเว้นสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้ที่มีความต้องการสืบพันธุ์สูง พวกมันได้มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าลิฟต์ในร่างของมนุษย์ หวังอี้หรงได้กลิ่นของสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้ เขาจึงเร่งกระแทกกายเพื่อให้จางหลิวซิงได้เสร็จสมกับกามกิจ จากนั้นจึงได้จัดแจงใส่เสื้อผ้าและกดปุ่มให้ลิฟต์เคลื่อนที่ โดยสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้เหล่านั้นยังคงติดตามพวกเขาขึ้นไปด้วย "มีอะไรเหรอ?" จางหลิวซิงถามขึ้นเมื่อหวังอี้หรงเปลี่ยนไปกดปุ่มเพื่อให้ลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปบนดาดฟ้าแทนที่จะเป็นห้องของหลิวอิง หวังอี้หรงจึงบอกกับจางหลิวซิงว่ามีสัตว์กลายพันธุ์อยู่ในตึกนี้และพวกมันได้ติดตามเขาขึ้นมา เกรงว่าหากเกิดการต่อสู้ มนุษย์ที่อยู่ด้านล่างจะได้รับอันตรายไปด้วย พอรู้ว่ามีสัตว์กลายพันธุ์แฝงเข้ามาปะปนกับมนุษย์จางหลิวซิงก็มีสีหน้าไม่สู้ดี และหวังอี้หรงยังบอกอีกว่าพวกมันไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์จากเหว่ยหลาง น่าจะเป็นพวกที่หลบหนีมาจากเกาะ "ผมล่อให้พวกมันขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อจะได้จัดการได้ถนัด" หวังอี้หรงพูดขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มมีความเห็นใจมนุษย์มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่เกลียดชังมนุษย์จนถึงขั้นเห็นไม่ได้ ต้องฆ่าทิ้งทั้งหมด ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นดาดฟ้า หวังอี้หรงและจางหลิวซิงก็พบกับพนักงานชายที่ทำงานให้สกุลหลิวนับสิบคนยืนรออยู่บนนั้น พวกเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่แฝงตัวเข้ามา เพราะลำพังร่างกายของมนุษย์ทั่วไปนั้นไม่สามารถวิ่งขึ้นตึกสูงได้รวดเร็วแบบนี้ ชายหนุ่มที่ยืนรอจางหลิวซิงอยู่บนดาดฟ้ามีอาการคิดสัดทุกคน พวกเขาต้องการผสมพันธุ์กับจางหลิวซิงให้ได้ จางหลิวซิงมองภาพนั้นแล้วสั่นไปทั้งร่าง เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของหวังอี้หรงไว้แน่น เหลือบมองส่วนกลางร่างกายที่ตื่นตัวของสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นด้วยความหวาดกลัวก่อนเบือนใบหน้าหลบไปอีกทาง เมื่อภาพความทรงจำที่เลวร้ายบนเกาะกลางมหาสมุทรย้อนกลับมาอีกครั้ง "ไม่ต้องกลัว" หวังอี้หรงปลอบจางหลิวซิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมก้าวมายืนด้านหน้าและกลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ดวงตาสีทองแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง หวังอี้หรงคืออีกร่างหนึ่งของเซียวหลางเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามาในเมืองเฉินเซินเพื่อสร้างอิทธิพลจนเป็นที่รู้จัก ทั้งยังทำให้เจ้าสกุลทั้งห้าต้องการสานสัมพันธ์ด้วย ตัวเขาได้เลือกสกุลหลิวเป็นพันธมิตรเพราะจางหลิวซิงอยู่ที่นั่น แรงกดดันของหวังอี้หรงในร่างของหมาป่าขนดำทำให้เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์เกิดความหวาดกลัว แต่เพื่อตัวเมียที่ต้องการพวกมันจึงรวบรวมความกล้าเข้าต่อสู้เพื่อแย่งชิง และต้องขาดใจตายด้วยกรงเล็บที่แหลมคมของหมาป่า พวกที่เหลืออยู่รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะราชาหมาป่ากลายพันธุ์ได้ พวกมันจึงกลายร่างกลับเป็นสัตว์ตามเดิม เพราะร่างเดิมนั้นมีพละกำลังมากกว่าตอนอยู่ในร่างมนุษย์หลายเท่า และพากันรุมเข้าทำร้ายหวังอี้หรงในร่างหมาป่า แม้จะมีจำนวนที่มากกว่าแต่พวกมันก็เป็นเพียงสัตว์กลายพันธุ์ปลายแถวเท่านั้นจึงไม่สามารถเอาชนะราชาหมาป่าได้ เพียงพริบตาเดียวพวกมันก็ถูกกรงเล็บหมาป่ากะซวกจนเลือดสาดและขาดใจตายในทันที หลังจัดการสัตว์กลายพันธุ์แล้วหมาป่าขนดำจึงคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งและลงไปพบหลิวอิงพร้อมกับจางหลิวซิงที่ด้านล่าง "ขอโทษที่มาช้านะครับ" เซียวหลางในร่างของหวังอี้หรงพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาพบหลิวอิงและหวงหนิงหลงกำลังรออยู่ ครั้นพอเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปแวบหนึ่งของหลิวอิง จากนั้นเจ้าตัวก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรและต้อนรับเขาเป็นอย่างดี การเจรจาของพวกเขาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเรื่องการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่เฉินเซิน โดยจะมีการร่วมทุนกับศูนย์วิจัยแห่งเก่าที่มีอยู่แล้ว มาถึงตรงนี้จางหลิวซิงก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น จางหลิวซิงเคยทำงานที่ศูนย์วิจัยมาก่อน ตอนนั้นเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหยางลู่เฉิงที่เป็นคนรักเก่า ส่วนหยางลู่เฉิงที่มีอำนาจคับศูนย์วิจัยนั้นยังต้องคอยรับคำสั่งจากคนที่มีอำนาจมากกว่าอีกระดับชั้นหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นยังไม่ใช่ผู้มีอำนาจสูงสุด ส่วนผู้ที่มีอำนาจสูงสุดกลับไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นสักครั้ง ดังนั้นจางหลิวซิงจึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งที่แท้จริง ทั้งข้อมูลตรงนี้ยังถูกเก็บเป็นความสูงสุดอีกด้วย "มีอะไรหรือเปล่า?" หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของจางหลิวซิง "มะ..ไม่มีอะไรครับ" จางหลิวซิงตอบพร้อมกับหลบสายตาของหลิวอิง "เรื่องสำคัญแบบนี้ผมว่าให้คุณหลิวอิงหารือกับคุณเซียวโดยตรงจะดีกว่านะครับ" หวังอี้หรงพูดขึ้นและขอตัวกลับเพราะยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง ก่อนไปเขาได้ขอพาจางหลิวซิงไปด้วย บอกว่าประธานเซียวมีธุระต้องหารือกับจางหลิวซิง ซึ่งหลิวอิงก็อนุญาต ความสัมพันธ์ของเซียวหลางกับหลิวอิงค่อนข้างดี ยิ่งพักอยู่ที่สกุลหลิวด้วยกันก็ยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้น เขาอนุญาตให้หวังอี้หรงพาจางหลิวซิงไปได้และฝากบอกเซียวหลางว่าให้กลับมาทานมื้อเย็นด้วยกัน "นะ..หนิงหลง นายช่วยเปิดระบายอากาศให้ฉันที" หลิวอิงบอกกับหวงหนิงหลงหลังหวังอี้หรงและจางหลิวซิงออกจากห้องไปแล้ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำและมีเหงื่อผุดออกมา "เป็นยังไงบ้างครับ" หวงหนิงหลงเข้ามาดูอาการของหลิวอิง "นายไม่ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ บ้างเหรอ?" "ไม่นี่ คุณได้กลิ่นอะไรหรือครับ" หลิวอิงเล่าให้หวงหนิงหลงฟังว่าจู่ ๆ เขาเกิดมีอารมณ์หลังได้กลิ่นหอมหวานที่โชยมาจากร่างของจางหลิวซิงเมื่อตอนเข้ามาในห้อง กลิ่นนั้นทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงขึ้นและหัวใจก็เต้นแรง ยิ่งพอมองหน้าก็เกิดต้องการอยากมีอะไรกับจางหลิวซิง "ไม่รู้ทำไม เมื่อครู่ฉันเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่หลายครั้ง" หลิวอิงหายใจถี่และบอกกับหวงหนิงหลง หลังเปิดระบบระบายอากาศภายในห้องอาการของหลิวอิงกลับดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าร่างกายได้รับผลกระทบจากฟีโรโมนของจางหลิวซิงจึงทำให้เกิดอาการเช่นนี้ หลิวอิงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหายเป็นปกติจึงขอให้หวงหนิงหลงช่วย "ผมขอไปล็อกประตูก่อนนะครับ" หวงหนิงหลงลุกไปล็อกประตูและกลับมาหาหลิวอิงอีกครั้ง จากนั้นก็ดันร่างของหลิวอิงให้นอนราบลงบนโซฟาก่อนถอดกางเกงของหลิวอิงออก เขารู้ว่าหลิวอิงกำลังเกิดอารมณ์จึงตั้งใจช่วยปลดปล่อยเพื่อจะได้สบายตัวขึ้น หวงหนิงหลงมองเอกลักษณ์แห่งบุรุษเพศที่แข็งตัวและชูชันขึ้น เพียงสัมผัสเบา ๆ หลิวอิงก็ถึงกับส่งเสียงครางและเร่งเร้าให้รีบทำต่อโดยเร็ว "ซี้ดด..ช่วยฉันที หนิงหลง เร็วเข้า!" หวงหนิงหลงรูดรั้งลำท่อนแข็งกร้าวในอุ้งมือสองสามครั้งก่อนส่งสิ่งนั้นเข้าไปในปากและดูดกลืนด้วยความช่ำชอง ลิ้นของหวงหนิงหลงตวัดเลียอยู่ภายในสร้างความเสียวซ่านให้กับหลิวอิงไม่น้อย ช่วงล่างของหลิวอิงบิดเร้าพลางแอ่นกายเพื่อส่งแท่งร้อนให้หวงหนิงหลงดูดกลืนได้ถนัด "อื้มม!!" มือของหลิวอิงจิกลงบนบ่าของหวงหนิงหลงอย่างแรงเมื่อคลื่นอารมณ์ใกล้กระแทกฝั่งฝัน ส่วนหวงหนิงหลงก็ขยับศีรษะเข้าออกถี่ขึ้นเมื่อเห็นอาการของหลิวอิง จากนั้นไม่นานธารน้ำรักสีขาวก็ถูกปล่อยเข้าสู่ลำคอของหวงหนิงหลง "เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" หวงหนิงหลงถามขึ้นหลังกลืนกินน้ำรักของหลิวอิงลงคอไปแล้ว "ฉันรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอ" หลิวอิงลุกขึ้นมานั่งและบอกกับหวงหนิงหลง ในขณะที่ท่อนล่างของเขายังเปลือยเปล่าและแท่งเนื้อร้อนนั้นยังตั้งชูชัน "จะให้ผมเรียกผู้หญิงมามั้ยครับ" หวงหนิงหลงรู้ว่าต้องทำอย่างไรผู้เป็นนายจึงจะดีขึ้น แต่หลิวอิงกลับปฏิเสธและบอกว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเป็นหวงหนิงหลงเท่านั้น "คุณต้องการเสียบเข้ามาในตัวผมหรือครับ" หวงหนิงหลงถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเพราะยังไม่ได้เตรียมใจและไม่เคยคิดที่จะรับมาก่อน "ฉันไม่มีแรงทำแบบนั้นหรอก นายรีบถอดกางเกงและเอาไอ้นั่นของนายมาให้ฉันยืมเดี๋ยวนี้เลย" อารมณ์ของหลิวอิงยังไม่ปกติและเขาก็ไม่อยากฝืนใจหวงหนิงหลงจึงยอมลดศักดิ์ศรีลงมาเอง หวงหนิงหลงปลดเข็มขัดและถอดกางเกงออกตามคำสั่งของหลิวอิงด้วยความเต็มใจ จากนั้นจึงให้หลิวอิงขึ้นมานั่งคร่อมบนตักและให้ยืมใช้แท่งร้อนของตนที่ตอนนี้แข็งกร้าวยิ่งกว่าหลิวอิงเสียอีก เพราะเป็นครั้งแรกของหลิวอิงทุกอย่างจึงดูเงอะงะไปหมด หวงหนิงหลงกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้นอกจากหลิวอิงจะไม่เสร็จสมแล้วยังจะบาดเจ็บเอาได้ จึงเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง "นี่ก็เป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเหมือนกัน คุณอยู่เฉย ๆ ก็พอ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง" พูดจบหวงหนิงหลงก็ดันร่างหลิวอิงล้มไปบนโซฟา จากนั้นจึงใช้มือกับช่องทางของหลิวอิง เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงสอดแทรกกายดันสิ่งที่ใหญ่โตและแข็งกร้าวเข้าไปในร่างของหลิวอิง คราแรกยังติดขัดอยู่เล็กน้อย พอผ่านเข้าไปได้ทั้งหมดหลิวอิงถึงกับเสร็จออกมาทันที "นะ..หนิงหลง ตรงนั้นของนายมันจะใหญ่เกินไปแล้วนะ" หลิวอิงไม่คิดเลยว่ามังกรยักษ์ของหวงหนิงหลงเมื่อตื่นขึ้นจะมีขนาดใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก็เหมาะสมกับร่างกายของหวงหนิงหลง สงสารก็แต่หญิงสาวผู้โชคดี หากถูกมันมุดเข้าไปในถ้ำแห่งบุปผาแล้วละก็ มีหวังถ้ำนั้นอาจระเบิดได้ทีเดียว "ยังจะมีอารมณ์มาพูดเล่นอีกนะครับ" หวงหนิงหลงขยับกายเข้าออกในร่างของหลิวอิงอย่างค่อยเป็นค่อยไป สายตาเฉียบคมมองสำรวจร่างกายขาวนวลที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ภาพหลิวอิงที่เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงน่าอายไม่ให้หลุดรอดออกมาช่างดูน่าเอ็นดูในสายตาของหวงหนิงหลง และอดที่จะกลั่นแกล้งไม่ได้ "อ๊ะ..นะ..หนิงหลง นายทำบ้าอะไรน่ะ จู่ ๆ ก็กระแทกเข้ามา อุ๊บ!" หลิวอิงโวยขึ้นจึงถูกหวงหนิงหลงจูบปิดปาก คราแรกหลิวอิงก็ตกใจ ครั้นเห็นว่าเป็นหวงหนิงหลงก็โอนอ่อนไปกับเขา หวงหนิงหลงปฏิบัติต่อหลิวอิงอย่างอ่อนโยนและสุภาพ เขาทำให้หลิวอิงเสร็จสมเป็นครั้งที่สองอีกฝ่ายก็รู้สึกดีขึ้น พักสักครู่จึงชำระร่างกายและช่วยแต่งตัวให้กับหลิวอิง "เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" หวงหนิงหลงถามพลางเสิร์ฟน้ำชาให้กับหลิวอิง หลิวอิงพยักหน้าและชมหวงหนิงหลงว่าลีลาดี ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดี กลับถูกตำหนิกว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น เขาเป็นห่วงกลัวว่าหากหลิวอิงเกิดอาการเช่นนี้ขึ้นมาอีกจะแย่เอา หากตอนนั้นไม่มีเขาอยู่ข้างกาย "ฉันได้กลิ่นหอมหวานจากหลิวซิง จากนั้นก็เป็นอย่างที่นายเห็น" หวงหนิงหลงมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นและบอกว่าหลิวอิงคงจะพักผ่อนน้อยเกินไป เช่นนั้นเขาจึงยกเลิกตารางงานวันนี้ทั้งหมดรวมถึงการไปดูงานที่ศูนย์วิจัยและขอให้หลิวอิงกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์สกุลหลิวก่อน ส่วนตัวเขามีธุระต้องไปจัดการจะตามกลับไปภายหลัง ภายในห้องแห่งหนึ่ง "วันนี้หลิวอิงมีอาการติดสัด ไหนคุณบอกว่าฟีโรโมนของตัวเมียไม่มีผลกับเขาไงครับ!" เสียงพูดด้วยความไม่พอใจของหวงหนิงหลงดังอยู่ภายในห้องห้องหนึ่ง เบื้องหน้าของเขาเป็นชายท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่บ่งบอกถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา ข้างกายยังมีหญิงสาวใบหน้าอ่อนกว่าวัยสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนล้วงกระเป๋าอยู่ "ฉันเองก็ไม่คิดว่าฟีโรโมนของจางหลิวซิงจะมีผลต่อเขาเหมือนกัน แต่ก็นับว่าหลิวอิงยังมีความอดทนสูงกว่าสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ที่สามารถสะกดกลั้นความต้องการผสมพันธุ์นั้นได้" น้ำเสียงเรียบเฉยบอกกับหวงหนิงหลง ในแววตาคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งขณะจ้องมองหวงหนิงหลง "แล้วนายจัดการกับอาการของหลิวอิงยังไงล่ะ?" "คะ..คือ.." คำถามของหญิงสาวที่อยู่ภายในห้องทำหวงหนิงหลงอึกอักและเบือนสายตาไปอีกทาง เห็นท่าทีของหวงหนิงหลงในตอนนี้เธอถึงกับยกยิ้ม เหมือนว่าเธอจะรู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว "เอาล่ะ ๆ ไว้ฉันจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้เอง ระหว่างนี้หากว่าหลิวอิงเกิดอาการติดสัดขึ้นมาอีกนายก็หาผู้หญิงหรือตัวเมียสักคนสองคนให้เขาระบายไปก่อน เอาไว้ฉันหาวิธีแก้ไขได้แล้วจะบอกอีกทีหนึ่ง หน้าที่ของนายคือจับตาดูหลิวอิงให้ดีหากเขามีอาการอะไรขึ้นมาอีกให้รีบมารายงานฉันทันที" ชายผู้มีอำนาจพูดขึ้น "คะ..ครับ" หวงหนิงหลงกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะก้มศีรษะรับคำสั่ง จากนั้นจึงได้ออกจากห้องมาด้วยความคับข้องใจ หวงหนิงหลงตั้งใจจะกลับคฤหาสน์สกุลหลิวเพราะเป็นห่วงหลิวอิงกลัวว่าจะเกิดอาการแปลก ๆ ขึ้นมาอีกตอนเขาไม่อยู่ ขณะเดินออกจากลิฟต์ก็สวนกับเสียวอวี่ที่ชั้นล่างเข้าพอดีและถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ "คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?" เซียวอวี่ถามขึ้นSPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท
|PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร
|PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย
|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น