Share

รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)
รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)
Author: เฟยเทียน / เงาจันทราสีหมึก / กัญญ์ญาภัค

จุดเริ่มต้นของสองเรา

17 มีนาคม 2551

(ความรักก็เหมือนช็อกโกแลต... บางครั้งขม บางครั้งหวาน แต่สุดท้ายก็ละลายในใจเรา)

ฉันไม่เคยคิดจะจดบันทึกเรื่องของตัวเองมาก่อน แต่วันนี้ อยู่ดี ๆ ก็อยากกลับไปนึกถึงวันแรกที่เจอกับเขา ตอนนั้นฉันอายุ 15 ส่วนเฮียครามอายุ 17 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่เราทั้งคู่ไม่ได้รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเราจะดำเนินไปในทิศทางไหน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทว่าฉันก็ยังจำเรื่องของเราได้ดี...

15 กุมภาพันธ์ 2538 หลังวันวาเลน์ไทน์มาหนึ่งวันท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย         ศรีปฐม เสียงพลิกหน้ากระดาษดังเป็นจังหวะ

ฉันก้มหน้าก้มตาอ่านโจทย์เลขตรงหน้าอย่างตั้งใจ หรืออย่างน้อยฉันก็บอกตัวเองแบบนั้น แม้ว่าตัวเลขพวกนี้จะเริ่มเบลอไปหมดแล้วก็ตาม

“แก ฉันบอกให้เฮียมารับแหละ”

เสียงของครีมดังขึ้นขัดจังหวะ ฉันละสายตาจากสมุดคณิตศาสตร์แล้วเงยหน้ามอง

“เฮีย?”

“เฮียครามพี่ชายของฉันไง”

“หา?” ฉันกะพริบตา

ก่อนเสียงของม่านเมฆ น้องชายฝาแฝดของฉันจะดังขึ้นจากอีกฝั่งของโต๊ะ

“ทำไมผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยล่ะ เจ้ฟ้าก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง” สีหน้าของม่านเมฆไม่ได้ต่างไปจากฉันหลังได้ยินคำพูดของครีม

“ฉันก็ไม่เคยเจอเขาเหมือนกัน” ฉันรีบแก้ตัว

ครีมกลอกตา “ก็แน่สิ เฮียของฉันอยู่กับอาม่าที่ภาคเหนือมาตลอดเพิ่งกลับมาอยู่บ้านไม่กี่เดือนนี่เอง เอาไว้หลังจบม.3 พวกเราไปสอบเข้าโรงเรียนเดียวกันกับเฮียนะ”

ฉันกับม่านเมฆมองหน้ากันโดยไม่ได้ตอบเรื่องเรียนต่อก่อนที่น้องชายของฉันจะหันไปถามครีมด้วยความสงสัยถึงเรื่องบุคคลที่สามต่อ

“แล้วเฮียของเจ้เป็นคนยังไงเหรอ?”

ครีมถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบลูกอมรสมะนาวจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนมาแกะใส่ปาก

“พูดตรงแบบโคตรตรง ตรงจนบางทีฉันยังอยากเอาหมอนอัดหน้า”

“ขนาดนั้นเลย?” ฉันหัวเราะอย่างขบขันให้คำพูดของเพื่อน

“ขนาดนั้นแหละ! แกลองคิดดูนะ เขาอยู่กับอาม่ามาตลอด เป็นคนเงียบ ๆ จริงจังพูดน้อย แต่ถ้าได้พูดก็มีแต่คำที่แทงใจดำคนฟังสุด ๆ” ครีมทำหน้าตาเวทนาตัวเองก่อนจะพูดต่อ

“ยกตัวอย่างแค่ฉันทำอะไรเปิ่น ๆ หน่อยก็โดนด่าเป็นชุด”

ม่านเมฆยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “งั้นเฮียของเจ้คงไม่ถูกชะตากับเจ้ฟ้า...แน่เลย”

“เอ้า! ทำไมล่ะ?” ฉันหันขวับไปหาแฝดตัวเอง

ม่านเมฆหัวเราะก่อนจะเฉลยความ “ก็เจ้น่ะชอบช่วยคนอื่นไปทั่ว ใจดีจนบางคนเข้าใจผิดไปหมด เจอคนที่พูดตรงขนาดนั้นเข้าไป ผมรับรองว่าเจ้อาจจะไม่รอด”

“นายคิดว่าเฮียฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” ครีมขำ “ถึงเฮียจะพูดตรงแต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นนะ แค่ถ้าคนไหนนิสัยไม่ดีหรือไม่จริงใจกับเขา เขาจะตัดจบเลย...และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในนิสัยของคนเกิดวันอังคาร”

“เจ้ครีมหมายความว่ายังไง คนเกิดวันอังคารทำไมเหรอ” ม่านเมฆหูผึ่งถามออกมาอย่างกังขา

“นายเป็นผู้ชายแบบไหนขี้เมาท์จัง” ฟ้าใสกระเซ้าน้องชายที่เกิดคนละวันเพียงห้านาที

“ผมไม่ได้ขี้เมาท์ซะหน่อย แค่สงสัยเฉย ๆ” ม่านเมฆยักไหล่ ก่อนจะหันไปมองครีมที่อมลูกอมรสมะนาวในปากพลางทำหน้าครุ่นคิด

“คนเกิดวันอังคารก็เป็นพวกหัวดื้อ ใจร้อน มีโลกส่วนตัวสูง แต่ถ้าได้เป็นพี่ชายก็คือพี่ชายที่ดีสุด ๆ เลยนะ” ครีมอธิบายเสียงอู้อี้เพราะยังอมลูกอมอยู่

“ดื้อ ใจร้อน?” ฉันพึมพำ “แสดงว่าพี่ชายเธอเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

“อืม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เฮียครามไม่ค่อยพูดมากกับใครหรอก นอกจากครอบครัวและคนที่เขาสนิทใจด้วยเท่านั้น” ครีมยักไหล่ก่อนจะพูดต่ออย่างไม่คิดอะไร

“แต่ถ้าลองได้รู้จักนิสัยของเขา เขานับได้ว่าเป็นคนใจดีคนหนึ่งเลยนะ”

ฉันทำหน้าแบบเออออห่อหมกไปตามเพื่อน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่เราจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหม? ไม่ไปเลือกหนังสืออ่านกันสักหน่อยเหรอ? ใกล้สอบแล้วนะ”

“จริงด้วย!” ครีมลุกพรวดขึ้นแล้วลากฉันไปที่ชั้นหนังสือ โดยมีม่านเมฆเดินตามมาไม่ห่าง

บรรยากาศห้องสมุดของมหาวิทยาลัยศรีปฐมในปี พ.ศ 2538 เงียบสงบ มีนักศึกษาบางคนมานั่งอ่านหนังสือกันหลายคน พวกเขาค่อนข้างมีสีหน้าเงียบขรึม

เข้ากับพื้นห้องที่ปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาล โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบ ตู้หนังสือสูงท่วมหัวเรียงรายเต็มห้อง ฉันเดินผ่านแผนกหนังสือภาษาอังกฤษแล้วหยิบเล่มหนึ่งออกมา

“เจ้ฟ้าจะอ่านภาษาอังกฤษ?” ม่านเมฆขมวดคิ้ว

“ก็ต้องฝึกไว้ไง อีกไม่กี่ปีเราก็จะเข้าม.ปลายและก็ต่อด้วยมหาวิทยาลัยใช่ไหมล่ะ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ

“โห เจ้อยากเรียนที่ไหนล่ะ”

“ก็...” ฉันอึกอัก เพราะจริง ๆ แล้วฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงจังเลยเพราะตอนนี้พวกเรายังไม่จบม.3

ครีมที่กำลังเลือกหนังสืออยู่อีกด้านยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดู

“ถ้าแกยังไม่คิดว่าจะเรียนที่ไหน งั้นก็เรียนที่เดียวกับฉันไง”

ฉันหันไปมองเธออย่างสงสัย “หมายถึงโรงเรียนศรีปฐมนะเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ครีมพยักหน้าหงึกหงัก “พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม ถ้าไปเรียนที่เดียวกันต่อก็ดีออก จะได้ไม่ต้องปรับตัวใหม่ไง”

“แต่ศรีปฐมเป็นโรงเรียนใหญ่เลยนะ” ฟ้าใสพูดยังไม่ทันจบ เสียงของม่านเมฆก็แทรกขึ้นอย่างกังวล

“การแข่งขันสูงมาก ได้ยินว่าปีที่แล้วคนสอบเข้าเยอะ          สุด ๆ”

“แล้วไง?” ครีมยักไหล่ “ยากแค่ไหนก็ต้องลองป่ะ พวกเราเรียนมาขนาดนี้ ถ้าตั้งใจอ่านหนังสือก็น่าจะสอบติดแหละ”

ฉันพยักหน้าอย่างใช้ความคิด จริงอยู่ที่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะเรียนที่ไหน แต่โรงเรียนศรีปฐมก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกเพราะเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัด อีกทั้งปีนี้ยังเพิ่งจะเปิดรับสมัครนักเรียนหญิงเป็นปีแรก

แต่สำหรับม่านเมฆนั้นดูแตกต่างออกไปเขาสนใจโรงเรียนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ที่ต้องมาเรียนที่เดียวกันก็เพราะพวกเรามักจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเขาจึงทำใจแยกไปเรียนโรงเรียนชายล้วนไม่ได้

ม่านเมฆถอนหายใจพลางเอามือลูบท้ายทอยอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาเจ้าตัวอยากให้ฉันเห็นด้วยกับเขา ทว่าเจ้าตัวกลับไม่พูดออกมาถึงความต้องการของตัวเองโดยตรง

“ถ้าเจ้อยากไป ผมก็คงต้องไปด้วยละมั้ง”

ฉันหันไปมองน้องชายฝาแฝดของตัวเอง “จริงเหรอ?”

“อืม” ม่านเมฆพยักหน้า “บอกตามตรงผมเองก็สนใจโรงเรียนนี้มาตั้งแต่ม.1 แล้วละ แต่ตอนนั้นไม่กล้าแยกกับเจ้น่ะ”

“แหม! ทำตัวเป็นเด็กติดพี่ว่างั้น” ครีมแซวด้วยรอยยิ้มพลางสะบัดผมที่กำลังละใบหน้า

“ก็ต้องติดสิ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด” ม่านเมฆตอบหน้าตายก่อนจะหันมามองฉัน

ฉันคิดว่าหากฉันไม่ตอบตกลง น้องชายก็คงจะเสียใจดังนั้นในเมื่อเขาเคยทำเพื่อฉันมาแล้วดังนั้นครั้งนี้ฉันจะทำเพื่อเขาบ้างก็แล้วกัน

“ตกลง ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปสอบเข้าโรงเรียนมัธยมศรีปฐมกัน”

“เจ้พูดจริงเหรอ” ม่านเมฆถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู

“จริงสิ อีกอย่างหากสอบติดพวกเราจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนหญิงรุ่นแรกของโรงเรียนเลยนะแบบนี้ไม่ดีหรือยังไงฟังดูเท่ไม่หยอก” หลังฉันพูดจบครีมก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ครีมหัวเราะจนตัวงอก่อนจะโบกมือไปมา “แกนี่มันจริง ๆ เลยฟ้าใส หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเก่งชะมัด”

“เอ้า! ก็มันจริงไหมล่ะ” ฉันยักไหล่ก่อนจะหัวเราะตาม

ม่านเมฆมองฉันด้วยรอยยิ้มราวกับกำลังซึมซับสิ่งที่ฉันพูด “งั้นก็ตกลง เราสอบเข้าโรงเรียนศรีปฐมด้วยกัน”

“เยี่ยม!” ครีมยกมือขึ้นดีดนิ้วก่อนจะเอื้อมมาคล้องแขนฉัน

“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเราต้องอ่านหนังสือกันหนักขึ้นแล้วนะ ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด”

“รู้แล้วน่า” ฉันหัวเราะ

พวกเราใช้เวลาที่เหลือในห้องสมุดอ่านหนังสือและจดโน้ตกันอย่างเคร่งเครียด พจนานุกรมเล่มหนา หนังสือเรียนเล่มโต สมุดฉีกที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนของสูตรคำนวณและเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ถูกกางออกเต็มโต๊ะ

ม่านเมฆมีเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์เครื่องหนึ่งที่เขาหวงนักหนาเพราะเป็นของที่ป๊าซื้อให้ตอนต้นปี เขามักใช้มันคำนวณโจทย์เลขอย่างจริงจัง

ขณะที่ครีมง่วนอยู่กับการอ่านเนื้อหาในหนังสือสังคมศึกษา และฉันก็กำลังพยายามท่องศัพท์ภาษาอังกฤษที่อาจออกสอบ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บรรยากาศของห้องสมุดยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระซิบคุยกันแผ่วเบาของกลุ่มนักศึกษาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น จนกระทั่งใกล้เวลาห้องสมุดปิดพวกเราจึงตัดสินใจเก็บของและเดินออกจากอาคาร ครีมรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วร้องเสียงหลง

“ตายแล้ว! เฮียครามมารับฉันยังเนี่ย!” ใบหน้าของเธอเหลอหลา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ตอนพิเศษ พยานรักตัวน้อย ๆ

    หลายปีผ่านไป... หลังจากครามเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในฐานะวิศวกรหนุ่มอนาคตไกล เขาทุ่มเทให้กับงานในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งแต่หัวใจของเขาก็ไม่เคยห่างจากจังหวัดบ้านเกิด และที่สำคัญที่สุดคือผู้หญิงที่เขามอบเกียร์และหัวใจให้ไปนานแล้วทางด้านฟ้าใสเธอก็ก้าวเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของการเรียนในคณะศิลปกรรมฯ ชีวิตที่เคยพลิกผันเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บัดนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ป๊าของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้สำเร็จแม้การเดินจะยังไม่กลับมาเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมแต่ด้วยกำลังใจที่ดีและการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอท่านก็สามารถกลับมาเดินเหินได้คล่องแคล่วขึ้นมาก อีกทั้งยังเข้ามาช่วยดูแลร้านสุกี้ในส่วนที่ไม่ต้องออกแรงมากได้ด้วย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เคยจางหายไปนานกลับมาสู่ครอบครัวของเธออีกครั้งกิจการร้านขนมและร้านสุกี้ก็ดำเนินต่อไปได้ด้วยดีโดยมีฟ้าใสและคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่ และแน่นอนว่ามีครามคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังเสมอในยามที่เธอต้องการ ระยะทางและตารางเวลาที่แตกต่างไม่ได้ทำให้ความรักของครามและฟ้าใสลดน

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   รักของเราคือรสช็อกโกแลต

    หลายเดือนผ่านไป... วันเวลาหมุนเวียนจากเทอมแรกเข้าสู่เทอมที่สองของปีการศึกษา กลิ่นอายของวันวาเลนไทน์เริ่มอบอวลไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย สติ๊กเกอร์รูปหัวใจและดอกกุหลาบมีให้เห็นตามมุมต่าง ๆชีวิตของฟ้าใสเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แม้จะยังคงวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยเป็นสองเท่าของนักศึกษาทั่วไป เธอกลับไปเรียนตามปกติพยายามตามงานที่ขาดไปในช่วงแรกอย่างสุดกำลังพ่อของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้แล้วแต่อาการบาดเจ็บที่ขายังคงต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาระการดูแลร้านทั้งสองแห่งยังคงตกอยู่ที่เธอกับแม่เป็นหลัก แต่เธอก็เริ่มปรับตัวและจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้คล่องแคล่วขึ้นรวมถึงความสัมพันธ์กับครามก็ยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม... เขาคือพี่ชายตรงข้ามบ้านที่แสนดี สารถีคนสำคัญ และผู้ช่วยจำเป็นในทุกสถานการณ์ ความช่วยเหลือของเขาทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้บ่ายของวันวาเลนไทน์หลังเลิกคลาส ฟ้าใสตั้งใจจะเอาขนมเค้กช็อกโกแลตที่เธอหัดทำเมื่อคืนไปให้ครามลองชิม และถือโอกาสขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาช่วยม

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (2)

    "ลูกอยู่นี่เอง แม่ก็รอว่าจะมาพร้อมลูกแต่ก็ดีแล้วละที่ลูกอยู่ตรงนี้" กิมลั้งพูดกับลูกชายหลังเห็นว่าเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนฟ้าใสกับแม่พลางทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลลิตาที่ยังคงมีดวงตาแดงก่ำ"ลิตา เฮียหลงเป็นยังไงบ้าง" เธอหันไปถามเพื่อนบ้านด้วยความเป็นห่วงโดยจับมือลลิตาไว้แน่นลลิตาสูดหายใจลึก พยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง "เพิ่งจะย้ายเข้าไอซียูเมื่อกี๊นี้เองลั้ง... หมอบอกว่ากระดูกหักหลายที่ เสียเลือดมาก... ยังต้องรอดูอาการใกล้ชิด..." เสียงเธอสั่นเครือในตอนท้าย"โถ... ไม่เป็นไรนะลิตา ไม่เป็นไร" กิมลั้งบีบมือเพื่อนแน่นขึ้น "ปลอดภัยแล้ว ถือว่าพ้นขีดอันตรายระดับนึงแล้วนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ต้องเชื่อมั่นในตัวหมอ แล้วก็บุญกุศลที่อาหลงเขาทำมาเยอะแยะนะเพื่อนนะ" เธอกล่าวปลอบใจอย่างจริงใจ"มีอะไรให้ฉันสองคนช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน""ขอบใจมากนะลั้ง..." ลลิตาพยักหน้ารับทั้งน้ำตาครามมองภาพผู้ใหญ่ให้กำลังใจกัน ก่อนจะหันไปพูดเรื่องที่จำเป็น "ป๊า ม๊า เดี๋ยวผมว่าจะพาฟ้าใสไปดูร้านที่ตลาดโต้รุ่งก่อน แล้วก็อาจจะแวะไปดูร้านสุกี้ด้ว

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (1)

    ทุกวินาทีที่ผ่านไปหน้าห้องผ่าตัดคล้ายเป็นการทรมานสำหรับคนรอคอย ฟ้าใสยังคงกอดแม่ไว้แน่นมีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาเป็นระยะขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบลูกสาว ดวงตาจับจ้องบานประตูห้องผ่าตัดด้วยใจที่ร้อนรน ครามยังคงยืนอยู่ไม่ห่าง คอยเป็นหลักให้สองแม่ลูกอย่างเงียบงันตามเดิมบรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและคำภาวนาในใจทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าเฉพาะตัวของเครื่องพีซีทีในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของครามก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงันแสนหนักอึ้งนั้นลง ครามขมวดคิ้วและเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเจ้าตัวก็รู้แล้วว่าทางนั้นคงจะร้อนใจไม่ต่างกัน"เฮีย! ป๊าของฟ้าใสเป็นยังไงบ้าง" เสียงครีมน้องสาวของเขาดังลอดออกมาทันทีที่เขากดรับสาย น้ำเสียงสั่นเครือและเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด"แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าคุณอาโดนรถชน! ท่านเป็นอะไรมากไหมเฮีย? ครีมเป็นห่วงมากเลย!" ความสนิทสนมระหว่างครอบครัวทำให้ครีมรู้สึกผูกพันและตกใจกับข่าวร้ายไม่น้อย"ใจเย็น ๆ ก่อนครีม" ครามตอบกลับพยายามใช้เสียงที่สงบและมั่นคงที่สุดเพื่อไม่ให้น้องสาวที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงต้องตื่นตระหนกไปมากกว่า

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   เคียงข้าง

    ครามวิ่งมาถึงบริเวณที่จัดกิจกรรมของคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายบนขมับและข้างแก้ม ดวงตาคมกวาดมองหากลุ่มเพื่อนของฟ้าใสที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างท่ามกลางความวุ่นวายจนกระทั่งไปสะดุดตากับกลุ่มนักศึกษาปีสองในชุดคณะที่กำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฟ้าใสเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเธอเขารีบก้าวเท้าเข้าไปหาทันที ลมหายใจหอบเล็กน้อย "น้องครับ....พี่มาหาฟ้าใส" เขาถามออกไปน้ำเสียงเคร่งเครียดและแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด"เห็นฟ้าใสไหมครับ?"เพื่อน ๆ ของฟ้าใสกลุ่มนั้นหันมามองรุ่นพี่ต่างคณะอย่างแปลกใจระคนสงสัย ปกติไม่ค่อยเห็นเฮียครามคนดังของวิศวะฯ มาทำหน้าตาตื่นแถวนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่เพื่อนคนที่สนิทกับฟ้าใสที่สุดจะรีบตอบ"พี่คราม..." เธอทำหน้างง ๆ เล็กน้อยเรียกชื่อของเขาออกมา "เมื่อกี้ฟ้าใสมันบอกว่าเพจเจอร์เข้า ขอตัวไปโทรศัพท์ค่ะ เห็นวิ่งหน้าตาตื่นไปทางตู้โทรศัพท์ตรงโถงทางเดินนู้นแน่ะค่ะ" หญิงสาวชี้นิ้วไปยังทางเดินด้านในตัวอาคารที่ค่อนข้างเงียบกว่าบริเวณลานกิจกรรม"ไปได้สักพักแล้ว..ยังไม่เห็

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ห่วง

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากปีหนึ่งเทอมแรกกิจกรรมรับน้อง การเรียน การสอบ วนเวียนจนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปหนึ่งปีการศึกษาเต็ม ๆความสัมพันธ์ระหว่างครามและฟ้าใสยังคงดำเนินไปในรูปแบบของเพื่อนบ้านและพี่ชายที่แสนดีอย่างที่หลายคนเห็นครามยังคงวนเวียนเข้ามาช่วยเหลือฟ้าใสอยู่เสมอ ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างการช่วยถือของ ซื้อขนมมาฝากหรือแม้แต่ช่วยดูเรื่องความปลอดภัยตอนเธอกลับบ้านดึก ๆและบางครั้งก็รวมถึงเรื่องที่มหาวิทยาลัย ทำให้เธอกับเขายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยปริยายตามประสาคนที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันส่วนขุนเขา...เขาก็ยังคงเป็นขุนเขาคนเดิม ไม่เคยถอดใจจากเป้าหมาย แม้จะไม่ได้ทุ่มเทเข้าหาฟ้าใสอย่างหนักหน่วงเหมือนช่วงแรกที่เจอกัน แต่ก็ยังคงหาโอกาสเข้ามาทักทาย ชวนคุยหรือทำตัวเป็นเพื่อนจอมกวนให้เธอได้เห็นหน้าอยู่เสมอส่งผลให้ฟ้าใสถูกเพื่อนสนิทในกลุ่มศิลปกรรมฯ แซวจนหูชาทั้งเรื่องพี่ชายข้างบ้านสุดอบอุ่นและเด็กวิศวะฯ จอมตื๊อหน้ามึนลึก ๆ แล้วฟ้าใสเองก็อดรู้สึกแปลก ๆ ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status