Share

แรกเจอ

ครีมรีบก้าวเท้าออกจากอาคารห้องสมุดอย่างรวดเร็ว  มือข้างหนึ่งกุมสายสะพายกระเป๋า ส่วนอีกข้างยกขึ้นแตะหน้าผากตัวเองพลางบ่นอุบ

“ฉันลืมไปเลย ถ้าเฮียรอนานเดี๋ยวโดนบ่นอีกแน่!”

ฉันกับม่านเมฆมองหน้ากันก่อนจะรีบเดินตามเธอออกไป พอพวกเราออกมาถึงลานกว้างหน้าห้องสมุด แสงแดดอ่อนของช่วงเย็นทอดเงาบนพื้นถนนคอนกรีต

เสียงรถรารวมถึงจักรยานจำนวนมากเริ่มขวักไขว่เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนของมหาวิทยาลัย นักศึกษาหลายคนเดินกันอย่างเร่งรีบบ้าง เอื่อยเฉื่อยบ้าง และมีบางกลุ่มกำลังคุยกันเรื่องงานที่ต้องส่ง บางคนก็หาที่นั่งเล่นรอเพื่อนที่ยังไม่ออกมา

“เจอเฮียไหม?” ฉันถามครีมพลางช่วยมองไปรอบ ๆ

“น่าจะรอตรงที่จอดรถมอไซค์ ครีมพึมพำก่อนจะเร่งฝีเท้า

พวกเราเดินผ่านผู้คนท่ามกลางบรรยากาศของมหาวิทยาลัยศรีปฐมที่กำลังคึกคักไปด้วยนักศึกษาหนุ่มสาวที่ยังสวมชุดนักศึกษาเรียบร้อยบ้าง ไม่เรียบร้อยบ้าง บางคนสะพายกระเป๋าเดินคุยกันอย่างออกรส

ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วมาจากลำโพงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงอาหารของมหาวิทยาลัย

ถ้าหากครั้งนี้ ไม่มีเธอลวงหลอกไว้

ฉันนี้คงงมงาย เห็นรักดีเกิน ไม่มีวันจะรู้

ฉันเจ็บครั้งนี้ ฉันมีเธอเป็นดั่งครู

สอนฉันให้เข้าใจ รักร้าวเป็นเช่นไร ขอบใจจริง ๆ

ฉันแพ้จนเข้าใจ รักร้าวเป็นเช่นไร ขอบใจจริง ๆ

เสียงร้องฟังนุ่มหูของนักร้องดังในขณะนั้นแว่วเข้ามาในโสตประสาท ฉันจำได้ทันทีว่าเป็นเพลงขอบใจจริง ๆ ของ เบิร์ด ธงไชย ที่กำลังฮิตติดชาร์ตอยู่ตอนนี้ เสียงดนตรีคลอไปกับเสียงพูดคุยของผู้คนรอบข้างทำให้บรรยากาศช่วงเย็นดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา

“เพลงโปรดของเจ้ฟ้านี่” ม่านเมฆแซวขึ้นมาทำให้ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาเล็กน้อย

“ไม่ได้โปรดขนาดนั้น แค่ฟังบ่อย” ฉันแก้ตัว

ไม่นานนักพวกเราก็เดินมาถึงลานจอดรถจักรยานยนต์หน้าอาคารเรียนของคณะวิศวะ สายตาของฉันเหลือบไปเห็นเด็กนักเรียนชายรูปร่างผอมสูงในชุดนักเรียนมัธยมปลายเสื้อสีขาว กางเกงสีกากีรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลเข้มกำลังยืนพิงรถมอเตอร์ไซค์ Honda Steed 400

มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างถือวอล์กแมนสีดำพร้อมสายหูฟังที่พาดจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนขึ้นไปยังหู         ครีมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้พร้อมกับเอื้อมมือสะกิดไหล่ของเขา

“เฮีย! รอนานไหม?”

เด็กหนุ่มดึงหูฟังออกข้างหนึ่งก่อนจะเหลือบมองน้องสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ช้า”

ครีมยิ้มแหยก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “เฮียกำลังฟังอะไรอยู่เหรอ?”

เขาไม่ได้ตอบ แต่กลับพลิกฝ่ามือซ่อนวอล์กแมนไว้ราวกับไม่อยากให้ใครดู

“ยุ่ง” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเหลือบตามามองฉันกับม่านเมฆที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากครีม

ครีมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เธอจึงรีบหันมาแนะนำฉันกับน้องให้พี่ชายรู้จัก

“เฮีย นี่ฟ้าใสกับม่านเมฆ เพื่อนฉันเอง สนิทกันมาตั้งแต่ประถม”

ฉันกับม่านเมฆยกมือไหว้เขา “สวัสดีค่ะ/ครับ” พวกเราทักทายขึ้นพร้อมกัน

เฮียครามพี่ชายของครีมมองพวกเราครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับแบบผ่าน ๆ แล้วหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมโดยมีครีมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง

“กลับดี ๆ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะบิดคันเร่ง เสียงของเครื่องยนต์ครางออกมาเล็กน้อยก่อนที่เด็กหนุ่มจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำมันและเสียงท่อไอเสียที่เริ่มห่างออกไป

ฉันมองตามแผ่นหลังของเพื่อนที่เริ่มไกลออกไปก่อนที่จะรับรู้ถึงแรงสะกิดจากม่านเมฆ

“เจ้ มองอะไรอยู่?”

ฉันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้า “เปล่านี่ พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ”

“อืม” หลังจากนั้นพวกเราสองพี่น้องก็เดินไปยังป้ายรถสองแถวด้านหน้ามหาวิทยาลัย บรรยากาศช่วงเย็นของเมืองศรีปฐมยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายของผู้คน

นักเรียนหลายคนกำลังยืนรอรถเหมือนกัน บางคนใส่หูฟังวอล์กแมนแล้วฮัมเพลงออกมาตามเสียงดนตรีที่ดังจากเทปคาสเซ็ตต์ บางคนถือหนังสือท่องศัพท์เตรียมสอบ

และเมื่อรถสองแถวสีแดงค่อนข้างเก่าเคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าพวกเราสองคนรีบก้าวบันไดขึ้นไปนั่ง สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้ายามรถเคลื่อนตัวทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอยิ้มออกมาพร้อมกับครุ่นคิดในเรื่องที่คุยกับครีมในห้องสมุด

ซึ่งอีกไม่กี่อาทิตย์พวกเราก็จะสอบปลายภาคจบม.3 จากนั้นก็จะต้องถึงเวลาสอบเข้าโรงเรียนใหม่กันแล้ว

เมื่อรถสองแถวจอดหน้าตลาดเราสองพี่น้องก็เดินตรงมายังตึกแถวในตลาดตอนเย็นที่ค่อนข้างเงียบเหงาซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยในตอนนี้

และเมื่อหลังจากกลับถึงบ้าน ฉันกับม่านเมฆก็ตรงไปที่ห้องหนังสือทันที ห้องนี้เป็นห้องไม่กว้างเท่าไหร่นัก มีโต๊ะไม้สองตัวตั้งติดกัน

บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือเรียนปกอ่อนลายการ์ตูน        สมุดฉีกที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียน พจนานุกรมเล่มหนาและปากกาไส้เปลี่ยนสีที่ฉันชอบใช้จดโน้ต

ม่านเมฆวางกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ขึ้นมา

“วันนี้เจ้จะอ่านอะไร?”

“สังคมมั้ง วิชาอื่นเริ่มโอเคแล้ว แต่สังคมยังมีบางเรื่องที่จำไม่ได้” ฉันว่าพลางเปิดสมุดโน้ตที่ขีดเส้นไฮไลต์สีเขียวไว้เต็มหน้า

เสียงเปิดหนังสือดังเป็นจังหวะ ขณะที่ม่านเมฆเริ่มขีดเขียนสูตรคณิตศาสตร์ลงในกระดาษทด ส่วนฉันพยายามจำลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

บรรยากาศของห้องเงียบลงมีเพียงเสียงเข็มของนาฬิกาตั้งโต๊ะที่กำลังส่งเสียงดังเป็นจังหวะกับเสียงคลื่นวิทยุจากเครื่องเล่นเทปที่เปิดคลอ ฉันกับน้องชอบฟังเพลงไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วย ในขณะที่พวกเรากำลังใจจดจ่ออยู่กับหนังสือของตัวเองพลันเสียงของดีเจก็ดังขึ้น

“เพลงต่อไป ขอฝากให้เพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านหนังสือสอบทุกคน เป็นกำลังใจให้นะครับ” หลังเสียงของดีเจจบลงก็มี        เสียงของทำนองดนตรีขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องของ                                ติ๊นา - คริส ติน่า อากีล่าร์

ม่านเมฆเงยหน้าขึ้นมาพลางเอ่ยถามฉันอย่างกังวล         “เจ้อยากให้ผมเปิดวอล์กแมนฟังมั้ย?”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จบแล้ว” ฉันตอบก่อนจะก้มหน้าท่องเนื้อหาในสมุดต่อไป

ขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แม่เดินเข้ามาพร้อมถาดที่มีแก้วน้ำส้มคั้นสองแก้วกับขนมปังปิ้งทาเนยหอมกรุ่นวางอยู่บนถาดไม้ก่อนจะวางลงบนโต๊ะข้างมือของฉัน

“พักกินอะไรก่อนเถอะลูก เดี๋ยวอ่านมากไปจะปวดหัว”

ฉันละสายตาจากหนังสือ ยิ้มให้แม่ก่อนจะหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาจิบ ส่วนม่านเมฆรีบคว้าขนมปังขึ้นมากัดทันที

“อร่อย!” เขาพูดพลางเคี้ยวขนมปังตุ้ย ๆ ฉันหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเขา

“อีกไม่กี่วันก็สอบแล้ว พักบ้างนะลูก” แม่ลูบหัวฉันก่อนจะไปลูบหัวน้องชายตัวแสบ

“ทำให้เต็มที่ก็พอ ไม่ต้องกดดันตัวเอง”

“ค่ะ/ครับ” ฉันกับม่านเมฆรับคำพร้อมกัน

เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าห้องก่อนที่ป๊าจะเดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ เขายืนพิงกรอบประตูมองเราสองคน

“อ่านไปถึงไหนกันแล้ว? มีอะไรไม่เข้าใจหรือเปล่า”

“ก็ดีครับป๊า แต่ผมยังไม่แม่นสูตรบางตัว” ม่านเมฆตอบก่อนจะยื่นสมุดคณิตศาสตร์ให้ป๊าดู

ป๊าเดินเข้ามานั่งด้านข้างพร้อมหยิบปากกาขึ้นมาแล้ว เริ่มติวให้ม่านเมฆ ส่วนฉันเปิดสมุดจดเลคเชอร์ไปพลางท่องเนื้อหาวิชาสังคมไปพลาง

บรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงปากกาขีดเขียนลงกระดาษ เสียงแม่ล้างจานจากห้องครัว และเสียงเพลงเบา ๆ จากวิทยุที่เปิดคลอ

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ฉันเริ่มขยับเปลือกตาพลางกะพริบตาปรับโฟกัสเล็กน้อย เสียงนาฬิกาปลุกแบบเข็มดัง กริ๊ง ๆ อยู่ข้างหัวเตียงเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาตื่นไปโรงเรียน

“ฟ้าใส ตื่นได้แล้วลูก” เสียงแม่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง

ฉันยันกายขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อพละที่พาดไว้ปลายเตียงมาถือไว้ ก่อนจะหันไปมองม่านเมฆที่ยังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม           ฉันผลักไหล่เขาเบา ๆ

“ตื่นได้แล้วนายน้องชาย วันนี้มีเรียนพละนะ”

ม่านเมฆส่งเสียงอืออาในลำคอ แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือ หลังจากเตรียมตัวเสร็จพวกเราก็ออกมานั่งกินข้าวเช้าพร้อมกันที่โต๊ะอาหารโดยมีป๊านั่งอ่านหนังสือพิมพ์พลางจิบกาแฟ ส่วนแม่กำลังตักข้าวต้มร้อน ๆ ใส่ชามให้พวกเรา

“วันนี้มีเรียนอะไรบ้างลูก?” แม่ถามขณะวางชามข้าวต้มลงตรงหน้าของฉัน

“มีพละตอนเช้า คณิต อังกฤษ แล้วก็วิทยาศาสตร์ครับ” ม่านเมฆตอบพลางเป่าไอร้อนจากช้อนข้าวต้ม

“งั้นต้องกินให้อิ่มจะได้มีแรงเรียน” แม่ยิ้ม ส่วนป๊าก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ตั้งใจเรียนให้ดี อีกไม่กี่วันก็สอบแล้วนะ หลังจากสอบเสร็จอาจมีข่าวดี”

"ค่ะ/ครับ" ฉันกับม่านเมฆตอบพร้อมกันแม้ในใจจะรู้สึกสงสัยถึงข่าวดีที่ป๊าพูดก็ตาม

หลังจากกินข้าวเสร็จ เราสองพี่น้องก็เดินออกมาหน้าบ้าน วันนี้อากาศสดชื่นมีลมเย็นพัดผ่าน หน้าตลาดในยามเช้าคึกคักจนดูเหมือนวุ่นวายแต่ฉันกับน้องชินเสียแล้ว

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ตอนพิเศษ พยานรักตัวน้อย ๆ

    หลายปีผ่านไป... หลังจากครามเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในฐานะวิศวกรหนุ่มอนาคตไกล เขาทุ่มเทให้กับงานในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งแต่หัวใจของเขาก็ไม่เคยห่างจากจังหวัดบ้านเกิด และที่สำคัญที่สุดคือผู้หญิงที่เขามอบเกียร์และหัวใจให้ไปนานแล้วทางด้านฟ้าใสเธอก็ก้าวเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของการเรียนในคณะศิลปกรรมฯ ชีวิตที่เคยพลิกผันเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บัดนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ป๊าของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้สำเร็จแม้การเดินจะยังไม่กลับมาเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมแต่ด้วยกำลังใจที่ดีและการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอท่านก็สามารถกลับมาเดินเหินได้คล่องแคล่วขึ้นมาก อีกทั้งยังเข้ามาช่วยดูแลร้านสุกี้ในส่วนที่ไม่ต้องออกแรงมากได้ด้วย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เคยจางหายไปนานกลับมาสู่ครอบครัวของเธออีกครั้งกิจการร้านขนมและร้านสุกี้ก็ดำเนินต่อไปได้ด้วยดีโดยมีฟ้าใสและคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่ และแน่นอนว่ามีครามคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังเสมอในยามที่เธอต้องการ ระยะทางและตารางเวลาที่แตกต่างไม่ได้ทำให้ความรักของครามและฟ้าใสลดน

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   รักของเราคือรสช็อกโกแลต

    หลายเดือนผ่านไป... วันเวลาหมุนเวียนจากเทอมแรกเข้าสู่เทอมที่สองของปีการศึกษา กลิ่นอายของวันวาเลนไทน์เริ่มอบอวลไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย สติ๊กเกอร์รูปหัวใจและดอกกุหลาบมีให้เห็นตามมุมต่าง ๆชีวิตของฟ้าใสเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แม้จะยังคงวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยเป็นสองเท่าของนักศึกษาทั่วไป เธอกลับไปเรียนตามปกติพยายามตามงานที่ขาดไปในช่วงแรกอย่างสุดกำลังพ่อของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้แล้วแต่อาการบาดเจ็บที่ขายังคงต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาระการดูแลร้านทั้งสองแห่งยังคงตกอยู่ที่เธอกับแม่เป็นหลัก แต่เธอก็เริ่มปรับตัวและจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้คล่องแคล่วขึ้นรวมถึงความสัมพันธ์กับครามก็ยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม... เขาคือพี่ชายตรงข้ามบ้านที่แสนดี สารถีคนสำคัญ และผู้ช่วยจำเป็นในทุกสถานการณ์ ความช่วยเหลือของเขาทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้บ่ายของวันวาเลนไทน์หลังเลิกคลาส ฟ้าใสตั้งใจจะเอาขนมเค้กช็อกโกแลตที่เธอหัดทำเมื่อคืนไปให้ครามลองชิม และถือโอกาสขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาช่วยม

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (2)

    "ลูกอยู่นี่เอง แม่ก็รอว่าจะมาพร้อมลูกแต่ก็ดีแล้วละที่ลูกอยู่ตรงนี้" กิมลั้งพูดกับลูกชายหลังเห็นว่าเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนฟ้าใสกับแม่พลางทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลลิตาที่ยังคงมีดวงตาแดงก่ำ"ลิตา เฮียหลงเป็นยังไงบ้าง" เธอหันไปถามเพื่อนบ้านด้วยความเป็นห่วงโดยจับมือลลิตาไว้แน่นลลิตาสูดหายใจลึก พยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง "เพิ่งจะย้ายเข้าไอซียูเมื่อกี๊นี้เองลั้ง... หมอบอกว่ากระดูกหักหลายที่ เสียเลือดมาก... ยังต้องรอดูอาการใกล้ชิด..." เสียงเธอสั่นเครือในตอนท้าย"โถ... ไม่เป็นไรนะลิตา ไม่เป็นไร" กิมลั้งบีบมือเพื่อนแน่นขึ้น "ปลอดภัยแล้ว ถือว่าพ้นขีดอันตรายระดับนึงแล้วนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ต้องเชื่อมั่นในตัวหมอ แล้วก็บุญกุศลที่อาหลงเขาทำมาเยอะแยะนะเพื่อนนะ" เธอกล่าวปลอบใจอย่างจริงใจ"มีอะไรให้ฉันสองคนช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน""ขอบใจมากนะลั้ง..." ลลิตาพยักหน้ารับทั้งน้ำตาครามมองภาพผู้ใหญ่ให้กำลังใจกัน ก่อนจะหันไปพูดเรื่องที่จำเป็น "ป๊า ม๊า เดี๋ยวผมว่าจะพาฟ้าใสไปดูร้านที่ตลาดโต้รุ่งก่อน แล้วก็อาจจะแวะไปดูร้านสุกี้ด้ว

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (1)

    ทุกวินาทีที่ผ่านไปหน้าห้องผ่าตัดคล้ายเป็นการทรมานสำหรับคนรอคอย ฟ้าใสยังคงกอดแม่ไว้แน่นมีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาเป็นระยะขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบลูกสาว ดวงตาจับจ้องบานประตูห้องผ่าตัดด้วยใจที่ร้อนรน ครามยังคงยืนอยู่ไม่ห่าง คอยเป็นหลักให้สองแม่ลูกอย่างเงียบงันตามเดิมบรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและคำภาวนาในใจทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าเฉพาะตัวของเครื่องพีซีทีในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของครามก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงันแสนหนักอึ้งนั้นลง ครามขมวดคิ้วและเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเจ้าตัวก็รู้แล้วว่าทางนั้นคงจะร้อนใจไม่ต่างกัน"เฮีย! ป๊าของฟ้าใสเป็นยังไงบ้าง" เสียงครีมน้องสาวของเขาดังลอดออกมาทันทีที่เขากดรับสาย น้ำเสียงสั่นเครือและเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด"แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าคุณอาโดนรถชน! ท่านเป็นอะไรมากไหมเฮีย? ครีมเป็นห่วงมากเลย!" ความสนิทสนมระหว่างครอบครัวทำให้ครีมรู้สึกผูกพันและตกใจกับข่าวร้ายไม่น้อย"ใจเย็น ๆ ก่อนครีม" ครามตอบกลับพยายามใช้เสียงที่สงบและมั่นคงที่สุดเพื่อไม่ให้น้องสาวที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงต้องตื่นตระหนกไปมากกว่า

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   เคียงข้าง

    ครามวิ่งมาถึงบริเวณที่จัดกิจกรรมของคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายบนขมับและข้างแก้ม ดวงตาคมกวาดมองหากลุ่มเพื่อนของฟ้าใสที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างท่ามกลางความวุ่นวายจนกระทั่งไปสะดุดตากับกลุ่มนักศึกษาปีสองในชุดคณะที่กำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฟ้าใสเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเธอเขารีบก้าวเท้าเข้าไปหาทันที ลมหายใจหอบเล็กน้อย "น้องครับ....พี่มาหาฟ้าใส" เขาถามออกไปน้ำเสียงเคร่งเครียดและแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด"เห็นฟ้าใสไหมครับ?"เพื่อน ๆ ของฟ้าใสกลุ่มนั้นหันมามองรุ่นพี่ต่างคณะอย่างแปลกใจระคนสงสัย ปกติไม่ค่อยเห็นเฮียครามคนดังของวิศวะฯ มาทำหน้าตาตื่นแถวนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่เพื่อนคนที่สนิทกับฟ้าใสที่สุดจะรีบตอบ"พี่คราม..." เธอทำหน้างง ๆ เล็กน้อยเรียกชื่อของเขาออกมา "เมื่อกี้ฟ้าใสมันบอกว่าเพจเจอร์เข้า ขอตัวไปโทรศัพท์ค่ะ เห็นวิ่งหน้าตาตื่นไปทางตู้โทรศัพท์ตรงโถงทางเดินนู้นแน่ะค่ะ" หญิงสาวชี้นิ้วไปยังทางเดินด้านในตัวอาคารที่ค่อนข้างเงียบกว่าบริเวณลานกิจกรรม"ไปได้สักพักแล้ว..ยังไม่เห็

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ห่วง

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากปีหนึ่งเทอมแรกกิจกรรมรับน้อง การเรียน การสอบ วนเวียนจนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปหนึ่งปีการศึกษาเต็ม ๆความสัมพันธ์ระหว่างครามและฟ้าใสยังคงดำเนินไปในรูปแบบของเพื่อนบ้านและพี่ชายที่แสนดีอย่างที่หลายคนเห็นครามยังคงวนเวียนเข้ามาช่วยเหลือฟ้าใสอยู่เสมอ ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างการช่วยถือของ ซื้อขนมมาฝากหรือแม้แต่ช่วยดูเรื่องความปลอดภัยตอนเธอกลับบ้านดึก ๆและบางครั้งก็รวมถึงเรื่องที่มหาวิทยาลัย ทำให้เธอกับเขายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยปริยายตามประสาคนที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันส่วนขุนเขา...เขาก็ยังคงเป็นขุนเขาคนเดิม ไม่เคยถอดใจจากเป้าหมาย แม้จะไม่ได้ทุ่มเทเข้าหาฟ้าใสอย่างหนักหน่วงเหมือนช่วงแรกที่เจอกัน แต่ก็ยังคงหาโอกาสเข้ามาทักทาย ชวนคุยหรือทำตัวเป็นเพื่อนจอมกวนให้เธอได้เห็นหน้าอยู่เสมอส่งผลให้ฟ้าใสถูกเพื่อนสนิทในกลุ่มศิลปกรรมฯ แซวจนหูชาทั้งเรื่องพี่ชายข้างบ้านสุดอบอุ่นและเด็กวิศวะฯ จอมตื๊อหน้ามึนลึก ๆ แล้วฟ้าใสเองก็อดรู้สึกแปลก ๆ ก

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status