เข้าสู่ระบบตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป
14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นรถ 18:37 ศรัณย์ขับรถเลี้ยวเข้ามาในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง เขาลงจากรถไป แต่แยมไม่ได้ลงไป เพราะมันไม่ใช่ธุระของเธอ ชายหนุ่มเคาะกระจกรถแล้วสั่งให้เธอลงมา แยมจึงต้องลงไปด้วย เธอสังเกตว่าบริเวณสันกรามของเขามีรอยแดงจางๆอยู่ คงไม่ใช่รอยตบของเธอหรอกน่ะ เขาเดินเข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับเข้ามาทักทายแล้วนำเขาไปยังโต๊ะอาหาร แยมตามเขาไปอย่างงงๆ พนักงานนำเมนูของร้านมาวางไว้ให้พวกเขา เหมือนว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศษ หญิงสาวที่เปิดดูถึงกับตาร้อน ราคาแต่ละจานเธอสามารถนำเงินนั้นไปกินมื้ออื่นได้อีกหลายวัน คาราแพงขนาดนี้ ต่อให้เธอกินลงไปก็ไม่มีความสุข แต่อาจจะน้ำตาไหลเพราะเงินหมดกระเป๋า ศรัณย์นั่งตรงข้ามเธอ เขาไม่ได้ถามว่าอยากกินอะไร เพียงเอ่ยปากสั่งพนักงาน แล้วเอ่ยสั่งเมนูให้เธอราวกับตัดสินใจแทนทั้งหมด แยมแทบไม่ได้แตะเมนูในมือ แต่ก็จำต้องนั่งฟังเขาสั่งจานแพงราวกับเป็นเรื่องปกติ ศรัณย์นั่งตรงข้ามด้วยท่วงท่าเรียบง่ายแต่ดูสง่า เธอจึงจัดแจงตัวเองให้นั่งตรงๆเหมือนเขาบ้าง เสียงกริ่งเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับพนักงานในชุดสูทดำก้าวเข้ามา เขาเข็นรถเสิร์ฟเงินมันวาวเข้ามาใกล้โต๊ะ ก่อนจะวางจานแรกลงตรงหน้า หอยนางรมฝรั่งเศสเรียงบนถาดเงินเย็นเฉียบ มีเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมรอบ ๆ เลมอนคาเวียร์เม็ดเล็กใสวาวตัดกับเปลือกหอยสีขาวนวล แยมมองจานอาหารนิ่ง ราวกับไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน ขณะที่ศรัณย์เพียงเอื้อมไปบีบเลมอนลงแล้วตักเข้าปากอย่างชำนาญ “คงเคยชินกับการกินข้าวแกงริมถนนมากสินะ ถึงได้ทำหน้าซื่อบื้อเวลาเจออาหารหรูหรา” จานถัดมา เป็นตับห่านชิ้นหนาสีทองนวล ราดซอสพอร์ตไวน์สีแดงเข้ม กลิ่นหอมละมุนลอยอวล พนักงานวางคู่กับขนมปังบรีโอชที่เพิ่งอบเสร็จจนยังอุ่นอยู่ ศรัณย์เหลือบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะตัดชิ้นตับห่านให้วางลงบนจานของเธอโดยไม่ถาม จากนั้นเป็นซุปสีส้มทองในถ้วยกระเบื้องขาว ควันร้อนลอยขึ้นพร้อมกลิ่นทะเลที่ผสมกับความนุ่มลึกของครีมสด ด้านบนมีชิ้นเนื้อล็อบสเตอร์แดงสดวางอย่างประณีต ยังมีเนื้อสเต็กลายหินอ่อนสวยจนแทบละลายตา ย่างให้ด้านนอกกรอบนิด ๆ ด้านในยังฉ่ำด้วยสีชมพูอ่อน ราดด้วยซอสทรัฟเฟิลดำ กลิ่นฟุ้งจนแยมเผลอกลืนน้ำลาย ศรัณย์ทานไปอย่างใจเย็น ใช้ส้อมและมีดอย่างมีจังหวะ ขณะที่แยมแม้จะไม่คุ้นกับอาหารหรู แต่ก็พยายามวางมือให้ถูกวิธี “แค่ซ้อมกับมีดยังจับไม่เป็น ฉันแทบอยากสั่งให้พนักงานเอาชามสุนัขมาเสิร์ฟให้เธอ คงเหมาะกว่าอาหารฝรั่งเศสหลายเท่า" เธอไม่อยากให้เขามีข้ออ้างดูถูก แม้รู้ว่าความต่างระหว่างเขากับเธอนั้น เห็นชัดยิ่งกว่าเนื้อวากิวบนจานเสียอีก ประโยคแต่ละประโยคราวกับสาดน้ำโคลนใส่หน้าเธอก็ว่าได้ เป็นคำพูดที่เจ็บปวดมากตั้งแต่เคยได้ยินมา เธอไม่เคยถูกด้อยค่าขนาดนี้มาก่อน สาวน้อยทานไปเงียบ ๆ จนจบมื้อ ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรออกมา วางลงบนโต๊ะอย่างไม่ลังเล แม้รู้ว่ามันไม่มากพอจ่าย แต่ก็พอให้เขาเห็นว่าเธอไม่คิดจะเกาะใครกิน ศรัณย์เลิกคิ้วเล็กน้อย เหยียดยิ้มเย็นก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “เก็บเศษเงินของเธอไปซะ” น้ำเสียงนั้นทั้งดูแคลนและเฉียบคม ราวกับเงินที่เธอวางไว้ไม่มีค่านอกจากจะทำให้เขารู้สึกว่าถูกดูหมิ่นเสียเอง แยมเม้มปากแน่น สาเหตุที่หยิบเงินออกมาไม่ใช่เพราะอยากโชว์ฐานะ แต่เพราะไม่อยากให้เขามีโอกาสดูถูก ทว่ากลับกลายเป็นว่า เธอก็ยังถูกดูถูกอยู่ดี “เก็บเศษเงินไปซื้อกระโปรงตัวใหม่ ไว้นุ่งเถอะ” เขามักจะทำให้เธอเกลียดอยู่เสมอ เพราะแบบนี้เธอถึงไม่อยากจะสนิทด้วย เมื่อกลับถึงบ้าน แยมลงจากรถตรงไปขึ้นห้องทันที โดยไม่ปริปากคุยกับเขาสักครึ่งคำ แม้แต่คำว่าขอบคุณเธอก็ไม่อยากจะเอ่ย 08 : 12 เช้าถัดมาคนตัวเล็กเตรียมตัวไปมหาลัย ทว่ากลับเห็นเขานั่งทานอาหารอยู่ในห้องโถงตั้งแต่เช้า ในมือถือนิตยสารกำลังเปิดไปทีละหน้าอย่างใจเย็น แยมเดินผ่านไปราวกับไม่เห็นคนนั่งอยู่ “ไม่กินข้าวหรือไง”ศรัณย์เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเดินผ่านไปราวกับว่าเขาเป็นอากาศ “ไม่ล่ะค่ะ”เธอปฏิเสธสั้นๆ “เดี๋ยวก็หาว่าฉันดูแลไม่ดีอีก” “ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีกว่าค่ะ”หญิงสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจิกกัด ศรัณย์วางนิตยสารลงก่อนจะลุกตามสาวน้อยออกไป ร่างอรชรสูงไม่มาก ประมาณร้อยหกสิบห้า สวมกระโปรงสีดำรัดไปกับเอว โชว์ต้นขาเรียวยาว เขายื่นมือออกไปดึงคอเสื้อเธอเบาๆ จนหญิงสาวสะดุ้งถอยหนีไปไกลแยมรีบสลัดตัวเขาออก จนเขาเซถอยไปไม่มากนัก สาวน้อยตั้งท่าจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่เขากลับขว้างเอาไว้ พร้อมกับกระตุกยิ้มจนตาหยี ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับชวนให้เธอขนลุก แขนแกร่งกระชากลำคอไว้ ก่อนจะโยนถลาขึ้นไปบนเตียง จนตัวเธอต้องปวดระบม “อย่าลืมสิ ว่าเธอต้องชดใช้ให้ฉัน” คำพูดนั้นของเขาโยงไปเรื่องของพวกผู้ใหญ่อีกแล้ว อย่างกับโยนคงามผิดทั้งหมดมาให้เธอแบกรับ ในสิ่งที่เธอไม่รู้ “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี้สักที” ศรัณย์ก้าวขึ้นมาบนเตียงและคร่อมตัวเธออย่างรวดเร็ว แยมใช้มือกระหน่ำผลักไสเขา ทว่าเขาไม่ได้ปัดมันออกหรือกดมันไว้เหนือศีรษะ ชายหนุ่มโน้มตัวหยิบบางอย่างจากใต้หมอน และนำมันมาสวมมือเธอไว้ แยมรีบซุกมือหนี เมื่อเห็นว่าเป็นกุญแจมือ เธอตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ “ปล่อยน่ะ” ศรัณย์นิ่งเงียบ ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเธอ เขาลุกขึ้นชันเขา ถอดเข็มขัดหนังออกมาสวมลำคอขาวของคนบนเตียง “บ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนี้ไม่ได้น่ะ” แยมหัวใจกระตุกวูบ กับการกระทำที่แปลกประหลาด และดิบเถือนของอีกฝ่าย เธอไม่ชอบอะไรแบบน
“ผมไปส่ง”มิณทร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่หมายตาอยากจะกลับแล้ว“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับพร้อมพีช”แยมส่ายหน้าพลางปฏิเสธ พอเริ่มเมานิดหน่อยก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว“แกให้เขาไปส่งก็ได้น่ะ ฉันจะกลับพร้อมเลโอ”พีชโพล่งขึ้นมา ทำเอาสาวน้อยเสียแผนไปหมด ให้เขาไปส่งไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนของเพื่อนก็ตามสุดท้ายก็ตามกลับมาจนได้ เขาอาสาจะถือกระเป๋าให้เธอ ทว่าแยมกลับปฏิเสธทุกอย่าง ร่างสูงตั้งท่าจะประคองตัวไปส่งถึงหน้าห้อง“ไม่เป็นไรคะ ไม่ได้เมาขนาดนั้น”อีกอย่างที่สัมผัสได้คือ เขาเป็นคนมือปลาหมึก อย่างกับมีแผ่นการอยู่ในใจ สุดท้ายเขาก็ตื้อจนได้มาส่ง แยมลงจากรถของเขาอย่างระมัดระวัง รถของเขาเป็นสปอร์ตไบก์คันสีดำ จึงต้องส่วมหมวกกันน็อคร่างสูงเดินเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว ทำเอาสาวน้อยสะดุ้ง ทว่าอีกฝ่ายยื่นมือออกมาช่วยถอดหมวกกันน็อคให้เธอ ปลายนิ้วเรียวยาวจรดอยู่ปลายคาง กำลังถอดหมวกออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณ” แยมตอบยิ้มๆเพราะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ สายตาคมเข้มจ้องมองไปยังนัยน์ตาคู่กลมที่วูบไหว ก่อนสาวน้อยจะหลบสายตาไปอีกด้าน ผิวของเธอเนียนนุ่มเหมือน
คงจะเป็นเลโอที่ตั้งใจจะชวนเขามาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเขาอยู่พัทยาหรอกเหรอ หรือเขาอยากจะชวนพวกเธอสามคนไปด้วยกันอยู่แล้วหลังเลิกเรียนแยมกลับมาเปลี่ยนชุดพร้อมกับพีช ก่อนจะออกไปเที่ยวด้วยกันในช่วงสองทุ่ม แยมกำลังม้วนผมให้เป็นลอนสวยอยู่หน้ากระจก พอดีกับช่วงที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น“แกไปดูดิ ฉันม้วนผมอยู่”เธอเร่งเร้าให้เพื่อนอีกคนไปเปิดประตู ดูว่าใครมาหา“แกนั่นล่ะ ฉันถอดชุดออกแล้วเนี่ย”พีชเอ่ยสั่งแยมกลับทันควัน เพราะเธอถอดชุดออกเตรียมตัวไปอาบน้ำแล้ว ขืนเปิดประตูในสภาพนี้คงไม่เหมาะ แยมจึงวางไดร์ม้วนผมลงและเป็นฝ่ายไปเปิดประตูสาวน้อยอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อกล่องข้าวที่แม่ห่อไว้ให้เธอเมื่อวานถูกยื่นมาตรงหน้า แยมรับไว้ด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย ทว่าผิดกับชายหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอลืมไว้ที่ห้องฉันน่ะ”น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นธรรมชาติ แต่สายตานี่สิ“ขอบคุณ”แยมตอบห้วนๆ และรีบปิดประตู“ใครเหรอ”“อ่อ ลืมกล่องข้าวไว้ คนหวังดีจึงเอามาคืนน่ะ”“คนหวังดี”“อืม”แยมขานรับ และกลับมานั่งม้วนผมอีกครั้งสองสาวออกมาเป็นเวลาส
“นี้…”แยมร้องเสียงหลง เพราะเขาลากเธอเข้าไปในห้องของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ศรัณย์รีบล็อคประตูอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันมากระตุกยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าราวกับมีแผนการบางอย่าง “เป็นบ้าหรือไง”“ใช่…ฉันเป็นบ้าเพราะไม่เจอหน้าน้องสาวมาหลายวัน” ชายหนุ่มพูดพลางกระตุกยิ้มมุมปาก “อย่ามาเรียกฉันว่าน้องสาวน่ะ” แยมรีบเอ่ยค้านทันควัน พร้อมใบหน้าบูดบึ้ง“แล้วจะให้เรียกว่าอะไร คู่ขาเหรอ”“พี่น้องเขาพูดกันแบบนี้เหรอ”“ทำไมตอนนี้ มานับเป็นพี่น้องอีกแล้วล่ะ เมื่อกี้บอกว่าไม่ใช่นิ”ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งมีโทสะกับคำพูดกวนประสาท จนไม่อยากจะคุยกับเขาอีกแล้ว ทั้งที่เธอพยายามหลีกหนี หลบหน้า ทว่าเขากลับปรากฏตัวตรงหน้าซะงั้น แยมขยับตัวไปทางประตู แต่เขาก็เบี่ยงตัวเข้ามาขวางไว้ ร่างสูงกำยำแผ่นหลังกว้าง แค่เขายืนขวางก็บดบังประตูได้ทั้งบานสาวน้อยเบี่ยงตัวไปทางขวาที่มีช่องว่างเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ขยับขวางอีกครั้ง ศรัณย์เลิกคิ้วมองเธอด้วยสายตาอย่างผู้ชนะ ราวกับว่าเธออยู่ในกำมือของเขาฝ่ามือใหญ่วางลงบนลำคอระหง ทำเอาสาวน้อยสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ปลายนิ้วเย็นเยียบลูบไล
สองเดือนก่อนเธอใช้ชีวิตปกติและเรียบง่ายมาก แต่หลังจากสองเดือน เธอดันได้พบกับคนที่ไม่อยากพบ แถมยังมาอยู่หน้าห้องเพื่อนเธออีก“มาแล้วเหรอ”รสรินรีบกรู่เข้ามาหาลูกสาวที่หายไปนาน คิดว่าลูกโกรธจนไม่ยอมมาพบหน้าเสียอีก เธอรีบรับผลไม้ส่งให้แม่บ้านนำไปเก็บไว้ในครัว“มะ…แม่ขอโทษ”เธอพูดตะกุกตะกัก อย่างขวยเขินที่ต้องพูดต่อหน้าลูก แม้ก่อนหน้านี้จะพูดไปแล้วก็ตาม“ไม่เป็นไรค่ะ”คำตอบของแยมยังคงเป็นเช่นเดิม “ไปทานข้าวกันเถอะ”แม่จูงมือเธอมาที่โต๊ะ อาหารบนโต๊ะมีแต่ของชอบของเธอทั้งนั้น รสรินตักอาหารที่ลูกชอบใส่จานให้หลายอย่าง จบลูกสาวต้องรีบเอ่ยปากบอกว่าพอแล้ว ช่วงนี้ที่บ้านเงียบมาก นอกจากลูกสาวของเธอจะย้ายออกไปอยู่กับเพื่อนข้างนอกแล้ว เหมือนว่าศรัณย์ก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เพราะได้ยินสามีถามเขา ว่าหายไปไหนหลายวัน เจ้าตัวกลับบอกว่าซื้อคอนโดไว้หนึ่งหลัง ใกล้กับที่ทำงาน จากที่อยากให้บรรยากาศในบ้านไม่ตึงเครียดกลับดํอึดอัดมาก เพราะเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่ถูกกันศรัณย์เป็นคนปากหนัก เธอรู้อยู่แล้ว เมื่อแยมบอกว่าเขาตำหนิหรือพูดจาไม่ดีใส่ รสรินจึงบอกแค่อย่าไปใส่ใจ เข
หลังจากวางสายแม่สาวน้อยจึงเก็บมือถือเข้ากระเป๋า เธอตั้งท่าเดินเข้ามาในตึกคอนโด ทว่ารปภหน้าตึกเรียกไว้ซะก่อนแยมเดินไปยังเจ้าหน้าที่ และเขาก็ยื่นกล่องพัสดุให้ เธอรับมาอย่างงงๆ เพราะจำได้ว่าไม่ได้สั่งของไว้ แถมยังไม่มีชื่อผู้ส่งอีก แต่ผู้รับเขียนชื่อเล่นเธอไว้ชัดเจนน้อยมากที่จะมีคนรู้ว่าชื่อเล่นเต็มๆของเธอคือ แยมโรล อาจจะเป็นพัสดุจากคุณแม่ก็ได้ เมื่อครู่เธอโทรมา อาจจะอยากให้ของขวัญเป็นการขอโทษแยมขึ้นลิฟต์กลับขึ้นห้องไป วันนี้มีแค่เธอกลับมาจากมหาลัยแค่คนเดียว เพราะพีชมีนัดออกไปตั้งแต่หลังเลิกเรียน เธอวางกล่องพัสดุที่แสนจะเบาไว้บนโต๊ะ แยมถอดชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ คิดไว้ว่าหลังจากอาบน้ำแล้วเธอจะเปิดดูมัน เวลาใกล้ค่ำขึ้นทุกที แยมเดินมายังโต๊ะที่วางของไว้ บนศีรษะเล็กมีผ้าคนหนูผืนเล็กคลุมไว้บนหัว เธอมองกล่องพัสดุอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะหาคัตเตอร์มาเปิดออกกล่องที่เธอได้รับมามีน้ำหนักเบามาก จึงอยากรู้เป็นพิเศษว่าข้างในมีอะไร ทว่ากลับต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น มันคือจีสตริงสีแดงสด แยมหยิบขึ้นมามองให้ละเอียดอีกครั้ง ก่อน







