วันนี้แยมจงใจสาย จะได้ไม่ต้องติดรถของเขาไป เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะให้เธอติดรถเขาอีก เธออยากจะสนิทกับเขาอยู่หรอก แต่ดูอีกฝ่ายเหมือนเห็นเธอเป็นมดปลวก แถมยังชอบมองด้วยห่างตา
แยมสะพายกระเป๋าผ้าเดินลงมา ตอนเช้าเธอไม่ได้ลงมาทานข้าว แม้จะมีแม่บ้านขึ้นมาเคาะประตูเรียก แต่เธอกลับเงียบไม่ตอบอะไรราวกับคนหลับลึก แม่เห็นเธอลงมาจากห้องจึงถามว่าจะทานข้าวไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยไปหากินที่มหาลัยแล้วกัน คนตัวเล็กเดินทอดน่องออกมา ผมยาวสีดำปล่อยลงสยายอยู่กลางหลัง เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดไปกับรูป สวมกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ตัดเย็บด้วยผ้าที่ทิ้งตัวพอดี ทำให้ชายกระโปรงพลิ้วเบาเวลาเดิน เน้นสัดส่วนช่วงเอวให้คอดชัด กระโปรงบานออกเล็กน้อยตรงปลาย ขับให้เรียวขาดูเด่นขึ้น โดยเฉพาะต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างชัดเจน “ใส่สั้นขนาดนี้ ไปเรียนหรือไปหาผัวกันแน่” น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากโรงรถ ร่างสูงชุดสูทสีดำยืนพิงอยู่กับกระโปรงรถ สองมือกอดอกพลางมองพิจารณาสาวน้อยตรงหน้า แยมชะงักฝีเท้าลง เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอ เธออุตส่าห์รอให้เขาออกไปก่อน ทำไมถึงยังยืนอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวทำเป็นมองไม่เห็น และไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ใครๆเขาก็แต่งแบบนี้กันทั้งนั้น เธอจะใส่แบบไหนก็ได้นี้มันเอวของเธอ “รีบมาขึ้นรถ” “ไม่เป็นไรค่ะ แยมไปเองได้”เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันหลังใส่เขา “ถ้าเธอไม่ขึ้น ฉันจะบอกพ่อว่าเธอปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งเขา ไม่อยากสนิทกับฉัน” “นี่คุณ”แยมหันกลับมาในทันที ผู้ชายคนนี้กลับจะใส่ไฟให้เธอกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีซะงั้น ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่อยากจะให้พวกเราสนิทกัน แต่เป็นเขาต่างหากที่รังเกียจเธอ “ขึ้นรถ” ศรัณย์พูดอีกครั้งราวกับเป็นคำสั่งคำสุดท้ายที่เขาจะพูด สาวน้อยแบะปากก่อนจะเดินไปขึ้นนั่งเบาะหลังเช่นเดิม ภายในรถยังคงเงียบ ไร้บทสนทนาใดๆระหว่างพวกเขา บูกันติสีดำแล่นออกไปด้วยเร็ว แยมแอบปรายตามองเขาอยู่หลายครั้งผ่านกระจกรถ ใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองกระจกหน้ารถ ทำให้สองสายตามาบรรจบกันอย่างไม่ทันระวัง แยมรีบลุบสายตาลงต่ำ แล้วมองออกไปนอกกระจกรถ รถจอดลง ทว่ามันไม่ใช่หน้ามหาลัยเธออีกแล้ว มันเลยมาตั้งหลายร้อยเมตร หญิงสาวคิ้วขมวดก่อนจะเปิดประตูลงไปด้วยความไม่พอใจ แกล้งกันอีกแล้ว พรุ่งนี้เธอจะต้องมาด้วยตัวเองให้ได้ เธอไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมจากเขา แยมเดินลากขาไปตามทางเท้าถึงมหาวิทยาลัย ระยะทางแปดร้อยเมตรที่เธอเดินซ้ำมาสองวันกลายเป็นเหมือนบทลงโทษส่วนตัว เหงื่อซึมขมับ เส้นผมแนบแก้ม และสีหน้าบึ้งตึงจนใครเห็นก็คงไม่กล้าเข้าใกล้ “เป็นอะไร ทำหน้ายังกะไปฆ่าใครมา” พีชเพื่อนสนิทเอ่ยทัก พลางก้าวมาขนาบข้าง “เดินมาไง”แยมถอนหายใจแรง ตอบด้วยเสียงหงุดหงิดแฝงความเหนื่อยชัดเจน ยังไม่ทันที่พีชจะพูดอะไร เลโอที่เพิ่งเดินมาสมทบก็ยิ้มกว้าง “เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม หนังเข้าโรงใหม่พอดี” แยมเงียบไปครู่หนึ่ง ในหัวคำนวณเวลาทันที ตอนเย็นศรัณย์คงไม่โผล่มารับเหมือนเคย เธอจึงพยักหน้าตกลง แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนเจอทางออกจากความน่าเบื่อของวันนี้ ตอนเที่ยงพวกเขานั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารด้วยกัน เมื่อวานพีชกับเลโอชวนเธอไปดูการแข่งขันฟุตบอลของคณะ ทว่าเธอกลับยื่นโง่รอคนโกหกที่บอกว่าจะมารับ “สรุปเมื่อวานกลับบ้านกี่โมง”เลโอถาม พลางตักผักในจานของเขาให้พีช “ฟ้าเกือบมืดแล้ว” “บอกแล้วไงว่าไปดูบอลก่อนค่อยกลับ”พีชเอ่ยขึ้นอีก เธอตักผักในจานขึ้นมากินราวกับเป็นของโปรด “วันนี้ไปดูหนังก่อนค่อยกลับ” เพราะว่าเธอไม่เชื่อว่าเขาจะมา ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนโง่ แค่ครั้งเดียวก็ถือว่าพอแล้ว “เมื่อวานคณะเรายังแพ้ไม่พอน่ะ แถมยังตกรอบด้วย โดนล้อไปถึงปีหน้าแน่นอน” หลังเลิกเรียน พวกเธอเดินออกมาจากตึกคณะ ตกลงกันแล้วว่าจะไปดูหนังกัน จากนั้นก็ไปกินโอมากาแสะก่อนกลับ นักศึกษาหลายคนทะยอยกันออกมา ทว่าหลายคนกำลังหยุดดูอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหน้า ทำให้พีชอดสงสัยไม่ได้จึงอาสาไปสอดแนม “หนุ่มหล่อบ้านรวย บอกว่ามารับน้องสาว”พีชกลับมาพร้อมกับภาพถ่ายในมือ เลโอจึงคว้ามาดูเป็นคนแรก “ขับรถแพงกว่ากูอีก” แยมดอสงสัยไม่ได้ จึงขยับเข้ามาใกล้เลโอเพื่อจะดูคนในภาพว่าหล่ออย่างที่ว่าหรือเปล่า ชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวเนี้ยบจนไร้ที่ติ ท่าทางที่ยืนพิงอยู่กับรถในมือถือบุหรี่หนึ่งม้วน ท่าทางคุ้นเคยนี้ทำให้แยมสะดุ้ง ทำไมวันนี้ถึงมารับล่ะ “พี่ชายฉันเอง” “ห๊ะ”เลโอกับพีชร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน “แกมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่”พีชยังไม่หายส่งสัย ถึงถามออกไป ถ้าจำไม่ผิดแยมเป็นลูกคนเดียว “ลูกชายสามีใหม่แม่น่ะ”แยมอธิบายสั้นๆ ราวกับไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ “พี่ชายต่างสายเลือดหรอ”เลโอเอ่ยเสริม “วันนี้คงไปดูหนังด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ไว้คราวหน้าน่ะ”แยมเอ่ยบอกเพื่อนอีกสองคนที่นัดกันซะดิบดี แต่เธอต้องกลับบ้านก่อน หญิงสาวเดินแทรกผ่านกลุ่มคนที่กำลังจับตามองชายตรงหน้า แยมเข้าไปเปิดประตูหลังพร้อมกับเข้าไปนั่งลงในรถ “ชักช้า”ร่างสูงบ่นพึมพำก่อนจะดับบุหรี่ในมือ ศรัณย์ก้าวขึ้นรถและขับออกไปในทันที บรรยากาศภายในรถอึดอัดมาก เธอต้องอดทนนั้งไปจนกว่าจะถึงบ้าน 06:02 วันนี้แยมออกมาตั้งแต่เช้า เธอจะไม่ยอมติดรถเขาไปเด็ดขาด หากเขามารอรับเธอก็จะปล่อยให้เขารอไป เหมือนอย่างที่เธอยืนรอหลายชั่วโมง เช้าวันเดียวกัน ศรัณย์จัดเสื้อสูทเข้าที่ ขณะกำลังจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน เขาสวนทางกับรสรินที่ได้ชื่อว่าแม่ใหม่เดินผ่านห้องรับแขก “ไม่ต้องรอแล้วนะ หนูแยมออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” น้ำเสียงของเธอฟังเหมือนจะเอ่ยบอกเฉยๆ แต่ประโยคนั้นกลับทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ มือที่จับลูกบิดประตูหยุดนิ่ง ราวกับคำพูดนั้นเพิ่งกระแทกเข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว แววตาคมของเขาฉายแววไม่พอใจปนหงุดหงิด ก่อนจะสูดลมหายใจลึกและก้าวออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ แล้วทิ้งความรู้สึกขุ่นมัวไว้ข้างหลัง หลังเลิกเรียน แยมเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัยพร้อมเลโอและพีช เสียงจอแจของผู้คนรอบข้างถูกกลืนไปกับเสียงหัวเราะคุยเล่นของเพื่อน “วันนี้กลับดึกหน่อยนะ” แยมบอกพลางก้มเช็กโทรศัพท์ เลโอหันมายิ้ม “ก็ดี จะได้ดูรอบค่ำ คนน้อย” พีชพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนทั้งสามจะเดินลัดเลาะไปตามฟุตบาทออกไปเรียกแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีโรงหนังอยู่ชั้นบนสุด บรรยากาศเย็นสบายเหมือนเร่งเร้าให้ค่ำคืนนี้ช้าลง แยมกลับบ้านมาในเวลาห้าทุ่ม เธอแอบย่องเข้ามาเงียบๆ ในโถงขนาดใหญ่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวจากภายนอกตกสะท้อนเข้ามา หญิงสาวกลับเข้าห้องของตัวเอง เธอจัดการกับตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวจะเข้านอน แยมหันมองเหยือกน้ำที่ว่างเปล่า เธอจึงนำลงไปใส่น้ำก่อนจะขึ้นมานอน ดึกๆจะได้ไม่ต้องลงมาอีก ชายหนุ่มเดินกลับมาด้วยสภาพเมามาย ทว่าเขายังรู้สึกตัวดี ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาในห้องโถง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงมาจึงปรายตามอง ทว่าคนที่ลงมากลับมองไม่เห็นว่ามีเขานอนอยู่ในห้องโถง แยมเดินวนไปวนมาอยู่หน้าตู้เย็น ก่อนเปิดออกหยิบน้ำเย็นขึ้นมาดื่ม เธอเห็นลูกองุ่นโผล่ออกมาจึงแอบหยิบใส่ปากไปหนึ่งลูก “คอแห้งมากเลย”เสียงแหบพร่าดังอยู่เหนือศรีษะ มีกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงร่างสูงที่แอบอิงอยู่ด้านแผ่นหลัง ทันใดนั้นฝ่ามือแกร่งก็คลำลงบนเอวคอด แยมสะดุ้งโหยง ขณะที่กำลังจะเบี่ยงตัวหลบ ใบหน้าคมคายก็ฝั่งลงมาบนต้นคอ หญิงสาวกำลังจะส่งเสียงร้อง แต่มือใหญ่อีกข้างกลับปิดปากเธอไว้แน่น ร่างของเธอถูกลากมาบนโต๊ะ แยมเห็นใบหน้าคุ้นเคยที่เธอรู้จักได้เป็นอย่างดี เธอเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมกับดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา ปลายลิ้นค่อยๆลากไล้ผ่านลำคอลงมาตรงหน้าอก สายเดี่ยวตัวบางปกปิดสองเต้าเต้งตึงไว้ ฟันคมกัดลงบนยอดถันผ่านเสื้อ คนตัวเล็กส่งเสียงร้องไม่ได้ศัพท์ออกมา ริมฝีปากของคนข้างบนโลมเลียราวกับสัตว์ป่าหื่นกระหาย เขากดร่างเธอไว้แน่น แยมใช้เท้าถีบไปที่หน้าของเขาจนอีกฝ่ายเผลอปล่อยมือ เธอตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง เพียะ! หญิงสาวยกมือปกปิดหน้าอกของตัวเอง เธอหอบหายใจอย่างหวาดกลัว ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ศรัณย์แสะยิ้มร้ายกาจ เมื่อเห็นสาวน้อยวิ่งหายไป เธอตัวเล็กนิดเดียวแต่ไม่คิดว่าจะซ่อนรูปไว้มิดชิด แค่เห็นสายตาหวาดกลัวสั่นระริก เขากลับชื่นชอบจนอยากจะฉีกเธอทิ้งมากขึ้น“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก
ตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป 14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว
วันนี้แยมจงใจสาย จะได้ไม่ต้องติดรถของเขาไป เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะให้เธอติดรถเขาอีก เธออยากจะสนิทกับเขาอยู่หรอก แต่ดูอีกฝ่ายเหมือนเห็นเธอเป็นมดปลวก แถมยังชอบมองด้วยห่างตา แยมสะพายกระเป๋าผ้าเดินลงมา ตอนเช้าเธอไม่ได้ลงมาทานข้าว แม้จะมีแม่บ้านขึ้นมาเคาะประตูเรียก แต่เธอกลับเงียบไม่ตอบอะไรราวกับคนหลับลึก แม่เห็นเธอลงมาจากห้องจึงถามว่าจะทานข้าวไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยไปหากินที่มหาลัยแล้วกัน คนตัวเล็กเดินทอดน่องออกมา ผมยาวสีดำปล่อยลงสยายอยู่กลางหลัง เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดไปกับรูป สวมกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ตัดเย็บด้วยผ้าที่ทิ้งตัวพอดี ทำให้ชายกระโปรงพลิ้วเบาเวลาเดิน เน้นสัดส่วนช่วงเอวให้คอดชัด กระโปรงบานออกเล็กน้อยตรงปลาย ขับให้เรียวขาดูเด่นขึ้น โดยเฉพาะต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างชัดเจน “ใส่สั้นขนาดนี้ ไปเรียนหรือไปหาผัวกันแน่” น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากโรงรถ ร่างสูงชุดสูทสีดำยืนพิงอยู่กับกระโปรงรถ สองมือกอดอกพลางมองพิจารณาสาวน้อยตรงหน้า แยมชะงักฝีเท้าลง เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอ เธออุตส่าห์รอให้เขาออกไปก่อน ทำไมถึงยังยืนอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวทำเป็
พวกเขาทั้งสองอยู่ในความเงียบ สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนถนน ส่วนเธอก็เอาแต่มองบรรยากาศนอกกระจกรถที่เคลื่อนผ่านไปพร้อมกับความเร็วรถ เธอตื่นตระหนก จึงกอดประเป๋าผ้าไว้แน่น ทว่ารถกำลังวิ่งผ่านมหาลัยเธอไป เขาลืมไปแล้วเหรอว่าต้องแวะส่งเธอ “พี่ขับผ่านไปแล้วค่ะ”แยมร้องบอกด้วยความรู้สึกเกรงใจ เพราะมันเลยออกมาแปดร้อยเมตร เขาเหยียบเบรคกะทันหัน จนหน้าผากมนกระทบเก้าเก้าอี้เบาะหน้าจนเกิดเสียง เธอดึงตัวกลับมาด้วยความอาย ยกมือปิดรอยแดงตรงหน้าผาก “ลงไป” แยมงุนงง จะให้เธอลงตรงนี้เลยเหรอ อย่างน้อยก็ควรจะกลับรถไปส่ง ดวงตาคมกริบปรายตามองเธอผ่านกระจก “ตอนเย็นจะมารับ อย่าลืมรอด้วยล่ะ”เขาพูดอย่างไม่ใส่นัก คนตัวเล็กได้แต่ปิดปากเงียบ แล้วลงยอมลงจากรถแต่โดยดี ทันทีที่ลง รถก็แล่นออกไปทันที ทำให้เธอต้องเดินกลับไปอีกแปดร้อยเมตร แยมเดินเข้ามาในอาคารเรียนด้วยอาการเหนื่อยหอบ ถึงจะไม่ไกลมากแต่มันก็เหนื่อยเอาเรื่อง “ทำไมทำหน้าแบบนั้น”เลโอเห็นเธอเดินคอตกเข้ามาจึงถามด้วยความสงสัย “เหนื่อย”แยมบ่นพึมพำก่อนจะนั่งลง “ทำไมเหรอ”พีชเห็นเลโอพูดคุยอยู่กับแยมจึงหันมาสนใจบทสนทนาของพวกเขา “เดินมาน่ะส
สายฝนเม็ดเล็กโปรยลงมาจากฟ้า ร่างสูงตระหง่านถือร่มคันสีดำไว้ในมือ ช่อดอกทิวลิปสีม่วงขนาดไม่ใหญ่มากวางไว้หน้าหลุมศพ นัยน์ตาคู่คมแดงก่ำ ทว่ากลับเก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ป้ายหลุมศพตรงหน้าเป็นแม่ของเขา เธอชอบดอกทิวลิปเป็นพิเศษ แผ่นหลังกว้างเย็นยะเยือกขณะมองหลุมศพ เขาแสดงความรู้ได้เพียงเท่านี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าดอกไม้ช่อนี้ควรจะมอบให้แม่เร็วกว่านี้ เขาควรจะกลับมาก่อนที่ทั้งคู่จะหย่ากัน เรื่องราวทั้งหลั่งไหล่เข้ามาในความคิดของเขา ได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง เมื่อเขากลับมาแม่ก็จากไปแล้ว แถมพ่อยังแต่งงานใหม่อีก เรื่องราวตาลปัตรจนทำสมองของเขาแทบจะระเบิดออกมา ระหว่างที่ศรัณย์ไปฝึกงานที่อเมริกา ไม่มีใครปริปากบอกเขาสักคำเรื่องครอบครัว การกระทำเหล่านี้ทำเขาคับแค้นใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลุกแม่ขึ้นมาตอบคำถามที่ค้างคาทั้งหมด น้ำฝนสาดลงบนแผ่นหินที่สลักชื่อของป้ายหลุมศพ เสียงน้ำสาดลงบนร่มอีกคัน จนทำให้ศรัณย์ต้องหันกลับไปมอง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามากับช่อดอกไม้สีม่วงเช่นกัน รองเท้าหนังเปื้อนไปด้วยโคล้นจากฝน ใบหน้าของทั้งสองมีส่วนคล้ายกันอยู่บางสวน ศรัณย์ไม่ได้ถอยออกจากหน้า