Mag-log inวันนี้แยมจงใจสาย จะได้ไม่ต้องติดรถของเขาไป เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะให้เธอติดรถเขาอีก เธออยากจะสนิทกับเขาอยู่หรอก แต่ดูอีกฝ่ายเหมือนเห็นเธอเป็นมดปลวก แถมยังชอบมองด้วยห่างตา
แยมสะพายกระเป๋าผ้าเดินลงมา ตอนเช้าเธอไม่ได้ลงมาทานข้าว แม้จะมีแม่บ้านขึ้นมาเคาะประตูเรียก แต่เธอกลับเงียบไม่ตอบอะไรราวกับคนหลับลึก แม่เห็นเธอลงมาจากห้องจึงถามว่าจะทานข้าวไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยไปหากินที่มหาลัยแล้วกัน คนตัวเล็กเดินทอดน่องออกมา ผมยาวสีดำปล่อยลงสยายอยู่กลางหลัง เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดไปกับรูป สวมกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ตัดเย็บด้วยผ้าที่ทิ้งตัวพอดี ทำให้ชายกระโปรงพลิ้วเบาเวลาเดิน เน้นสัดส่วนช่วงเอวให้คอดชัด กระโปรงบานออกเล็กน้อยตรงปลาย ขับให้เรียวขาดูเด่นขึ้น โดยเฉพาะต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างชัดเจน “ใส่สั้นขนาดนี้ ไปเรียนหรือไปหาผัวกันแน่” น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากโรงรถ ร่างสูงชุดสูทสีดำยืนพิงอยู่กับกระโปรงรถ สองมือกอดอกพลางมองพิจารณาสาวน้อยตรงหน้า แยมชะงักฝีเท้าลง เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอ เธออุตส่าห์รอให้เขาออกไปก่อน ทำไมถึงยังยืนอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวทำเป็นมองไม่เห็น และไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ใครๆเขาก็แต่งแบบนี้กันทั้งนั้น เธอจะใส่แบบไหนก็ได้นี้มันเอวของเธอ “รีบมาขึ้นรถ” “ไม่เป็นไรค่ะ แยมไปเองได้”เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันหลังใส่เขา “ถ้าเธอไม่ขึ้น ฉันจะบอกพ่อว่าเธอปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งเขา ไม่อยากสนิทกับฉัน” “นี่คุณ”แยมหันกลับมาในทันที ผู้ชายคนนี้กลับจะใส่ไฟให้เธอกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีซะงั้น ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่อยากจะให้พวกเราสนิทกัน แต่เป็นเขาต่างหากที่รังเกียจเธอ “ขึ้นรถ” ศรัณย์พูดอีกครั้งราวกับเป็นคำสั่งคำสุดท้ายที่เขาจะพูด สาวน้อยแบะปากก่อนจะเดินไปขึ้นนั่งเบาะหลังเช่นเดิม ภายในรถยังคงเงียบ ไร้บทสนทนาใดๆระหว่างพวกเขา บูกันติสีดำแล่นออกไปด้วยเร็ว แยมแอบปรายตามองเขาอยู่หลายครั้งผ่านกระจกรถ ใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองกระจกหน้ารถ ทำให้สองสายตามาบรรจบกันอย่างไม่ทันระวัง แยมรีบลุบสายตาลงต่ำ แล้วมองออกไปนอกกระจกรถ รถจอดลง ทว่ามันไม่ใช่หน้ามหาลัยเธออีกแล้ว มันเลยมาตั้งหลายร้อยเมตร หญิงสาวคิ้วขมวดก่อนจะเปิดประตูลงไปด้วยความไม่พอใจ แกล้งกันอีกแล้ว พรุ่งนี้เธอจะต้องมาด้วยตัวเองให้ได้ เธอไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมจากเขา แยมเดินลากขาไปตามทางเท้าถึงมหาวิทยาลัย ระยะทางแปดร้อยเมตรที่เธอเดินซ้ำมาสองวันกลายเป็นเหมือนบทลงโทษส่วนตัว เหงื่อซึมขมับ เส้นผมแนบแก้ม และสีหน้าบึ้งตึงจนใครเห็นก็คงไม่กล้าเข้าใกล้ “เป็นอะไร ทำหน้ายังกะไปฆ่าใครมา” พีชเพื่อนสนิทเอ่ยทัก พลางก้าวมาขนาบข้าง “เดินมาไง”แยมถอนหายใจแรง ตอบด้วยเสียงหงุดหงิดแฝงความเหนื่อยชัดเจน ยังไม่ทันที่พีชจะพูดอะไร เลโอที่เพิ่งเดินมาสมทบก็ยิ้มกว้าง “เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม หนังเข้าโรงใหม่พอดี” แยมเงียบไปครู่หนึ่ง ในหัวคำนวณเวลาทันที ตอนเย็นศรัณย์คงไม่โผล่มารับเหมือนเคย เธอจึงพยักหน้าตกลง แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนเจอทางออกจากความน่าเบื่อของวันนี้ ตอนเที่ยงพวกเขานั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารด้วยกัน เมื่อวานพีชกับเลโอชวนเธอไปดูการแข่งขันฟุตบอลของคณะ ทว่าเธอกลับยื่นโง่รอคนโกหกที่บอกว่าจะมารับ “สรุปเมื่อวานกลับบ้านกี่โมง”เลโอถาม พลางตักผักในจานของเขาให้พีช “ฟ้าเกือบมืดแล้ว” “บอกแล้วไงว่าไปดูบอลก่อนค่อยกลับ”พีชเอ่ยขึ้นอีก เธอตักผักในจานขึ้นมากินราวกับเป็นของโปรด “วันนี้ไปดูหนังก่อนค่อยกลับ” เพราะว่าเธอไม่เชื่อว่าเขาจะมา ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนโง่ แค่ครั้งเดียวก็ถือว่าพอแล้ว “เมื่อวานคณะเรายังแพ้ไม่พอน่ะ แถมยังตกรอบด้วย โดนล้อไปถึงปีหน้าแน่นอน” หลังเลิกเรียน พวกเธอเดินออกมาจากตึกคณะ ตกลงกันแล้วว่าจะไปดูหนังกัน จากนั้นก็ไปกินโอมากาแสะก่อนกลับ นักศึกษาหลายคนทะยอยกันออกมา ทว่าหลายคนกำลังหยุดดูอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหน้า ทำให้พีชอดสงสัยไม่ได้จึงอาสาไปสอดแนม “หนุ่มหล่อบ้านรวย บอกว่ามารับน้องสาว”พีชกลับมาพร้อมกับภาพถ่ายในมือ เลโอจึงคว้ามาดูเป็นคนแรก “ขับรถแพงกว่ากูอีก” แยมดอสงสัยไม่ได้ จึงขยับเข้ามาใกล้เลโอเพื่อจะดูคนในภาพว่าหล่ออย่างที่ว่าหรือเปล่า ชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวเนี้ยบจนไร้ที่ติ ท่าทางที่ยืนพิงอยู่กับรถในมือถือบุหรี่หนึ่งม้วน ท่าทางคุ้นเคยนี้ทำให้แยมสะดุ้ง ทำไมวันนี้ถึงมารับล่ะ “พี่ชายฉันเอง” “ห๊ะ”เลโอกับพีชร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน “แกมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่”พีชยังไม่หายส่งสัย ถึงถามออกไป ถ้าจำไม่ผิดแยมเป็นลูกคนเดียว “ลูกชายสามีใหม่แม่น่ะ”แยมอธิบายสั้นๆ ราวกับไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ “พี่ชายต่างสายเลือดหรอ”เลโอเอ่ยเสริม “วันนี้คงไปดูหนังด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ไว้คราวหน้าน่ะ”แยมเอ่ยบอกเพื่อนอีกสองคนที่นัดกันซะดิบดี แต่เธอต้องกลับบ้านก่อน หญิงสาวเดินแทรกผ่านกลุ่มคนที่กำลังจับตามองชายตรงหน้า แยมเข้าไปเปิดประตูหลังพร้อมกับเข้าไปนั่งลงในรถ “ชักช้า”ร่างสูงบ่นพึมพำก่อนจะดับบุหรี่ในมือ ศรัณย์ก้าวขึ้นรถและขับออกไปในทันที บรรยากาศภายในรถอึดอัดมาก เธอต้องอดทนนั้งไปจนกว่าจะถึงบ้าน 06:02 วันนี้แยมออกมาตั้งแต่เช้า เธอจะไม่ยอมติดรถเขาไปเด็ดขาด หากเขามารอรับเธอก็จะปล่อยให้เขารอไป เหมือนอย่างที่เธอยืนรอหลายชั่วโมง เช้าวันเดียวกัน ศรัณย์จัดเสื้อสูทเข้าที่ ขณะกำลังจะก้าวออกจากบ้านไปทำงาน เขาสวนทางกับรสรินที่ได้ชื่อว่าแม่ใหม่เดินผ่านห้องรับแขก “ไม่ต้องรอแล้วนะ หนูแยมออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” น้ำเสียงของเธอฟังเหมือนจะเอ่ยบอกเฉยๆ แต่ประโยคนั้นกลับทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ มือที่จับลูกบิดประตูหยุดนิ่ง ราวกับคำพูดนั้นเพิ่งกระแทกเข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว แววตาคมของเขาฉายแววไม่พอใจปนหงุดหงิด ก่อนจะสูดลมหายใจลึกและก้าวออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ แล้วทิ้งความรู้สึกขุ่นมัวไว้ข้างหลัง หลังเลิกเรียน แยมเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัยพร้อมเลโอและพีช เสียงจอแจของผู้คนรอบข้างถูกกลืนไปกับเสียงหัวเราะคุยเล่นของเพื่อน “วันนี้กลับดึกหน่อยนะ” แยมบอกพลางก้มเช็กโทรศัพท์ เลโอหันมายิ้ม “ก็ดี จะได้ดูรอบค่ำ คนน้อย” พีชพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนทั้งสามจะเดินลัดเลาะไปตามฟุตบาทออกไปเรียกแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีโรงหนังอยู่ชั้นบนสุด บรรยากาศเย็นสบายเหมือนเร่งเร้าให้ค่ำคืนนี้ช้าลง แยมกลับบ้านมาในเวลาห้าทุ่ม เธอแอบย่องเข้ามาเงียบๆ ในโถงขนาดใหญ่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวจากภายนอกตกสะท้อนเข้ามา หญิงสาวกลับเข้าห้องของตัวเอง เธอจัดการกับตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวจะเข้านอน แยมหันมองเหยือกน้ำที่ว่างเปล่า เธอจึงนำลงไปใส่น้ำก่อนจะขึ้นมานอน ดึกๆจะได้ไม่ต้องลงมาอีก ชายหนุ่มเดินกลับมาด้วยสภาพเมามาย ทว่าเขายังรู้สึกตัวดี ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาในห้องโถง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงมาจึงปรายตามอง ทว่าคนที่ลงมากลับมองไม่เห็นว่ามีเขานอนอยู่ในห้องโถง แยมเดินวนไปวนมาอยู่หน้าตู้เย็น ก่อนเปิดออกหยิบน้ำเย็นขึ้นมาดื่ม เธอเห็นลูกองุ่นโผล่ออกมาจึงแอบหยิบใส่ปากไปหนึ่งลูก “คอแห้งมากเลย”เสียงแหบพร่าดังอยู่เหนือศรีษะ มีกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงร่างสูงที่แอบอิงอยู่ด้านแผ่นหลัง ทันใดนั้นฝ่ามือแกร่งก็คลำลงบนเอวคอด แยมสะดุ้งโหยง ขณะที่กำลังจะเบี่ยงตัวหลบ ใบหน้าคมคายก็ฝั่งลงมาบนต้นคอ หญิงสาวกำลังจะส่งเสียงร้อง แต่มือใหญ่อีกข้างกลับปิดปากเธอไว้แน่น ร่างของเธอถูกลากมาบนโต๊ะ แยมเห็นใบหน้าคุ้นเคยที่เธอรู้จักได้เป็นอย่างดี เธอเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมกับดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา ปลายลิ้นค่อยๆลากไล้ผ่านลำคอลงมาตรงหน้าอก สายเดี่ยวตัวบางปกปิดสองเต้าเต้งตึงไว้ ฟันคมกัดลงบนยอดถันผ่านเสื้อ คนตัวเล็กส่งเสียงร้องไม่ได้ศัพท์ออกมา ริมฝีปากของคนข้างบนโลมเลียราวกับสัตว์ป่าหื่นกระหาย เขากดร่างเธอไว้แน่น แยมใช้เท้าถีบไปที่หน้าของเขาจนอีกฝ่ายเผลอปล่อยมือ เธอตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง เพียะ! หญิงสาวยกมือปกปิดหน้าอกของตัวเอง เธอหอบหายใจอย่างหวาดกลัว ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ศรัณย์แสะยิ้มร้ายกาจ เมื่อเห็นสาวน้อยวิ่งหายไป เธอตัวเล็กนิดเดียวแต่ไม่คิดว่าจะซ่อนรูปไว้มิดชิด แค่เห็นสายตาหวาดกลัวสั่นระริก เขากลับชื่นชอบจนอยากจะฉีกเธอทิ้งมากขึ้นแยมรีบสลัดตัวเขาออก จนเขาเซถอยไปไม่มากนัก สาวน้อยตั้งท่าจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่เขากลับขว้างเอาไว้ พร้อมกับกระตุกยิ้มจนตาหยี ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับชวนให้เธอขนลุก แขนแกร่งกระชากลำคอไว้ ก่อนจะโยนถลาขึ้นไปบนเตียง จนตัวเธอต้องปวดระบม “อย่าลืมสิ ว่าเธอต้องชดใช้ให้ฉัน” คำพูดนั้นของเขาโยงไปเรื่องของพวกผู้ใหญ่อีกแล้ว อย่างกับโยนคงามผิดทั้งหมดมาให้เธอแบกรับ ในสิ่งที่เธอไม่รู้ “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี้สักที” ศรัณย์ก้าวขึ้นมาบนเตียงและคร่อมตัวเธออย่างรวดเร็ว แยมใช้มือกระหน่ำผลักไสเขา ทว่าเขาไม่ได้ปัดมันออกหรือกดมันไว้เหนือศีรษะ ชายหนุ่มโน้มตัวหยิบบางอย่างจากใต้หมอน และนำมันมาสวมมือเธอไว้ แยมรีบซุกมือหนี เมื่อเห็นว่าเป็นกุญแจมือ เธอตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ “ปล่อยน่ะ” ศรัณย์นิ่งเงียบ ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเธอ เขาลุกขึ้นชันเขา ถอดเข็มขัดหนังออกมาสวมลำคอขาวของคนบนเตียง “บ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนี้ไม่ได้น่ะ” แยมหัวใจกระตุกวูบ กับการกระทำที่แปลกประหลาด และดิบเถือนของอีกฝ่าย เธอไม่ชอบอะไรแบบน
“ผมไปส่ง”มิณทร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่หมายตาอยากจะกลับแล้ว“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับพร้อมพีช”แยมส่ายหน้าพลางปฏิเสธ พอเริ่มเมานิดหน่อยก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว“แกให้เขาไปส่งก็ได้น่ะ ฉันจะกลับพร้อมเลโอ”พีชโพล่งขึ้นมา ทำเอาสาวน้อยเสียแผนไปหมด ให้เขาไปส่งไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนของเพื่อนก็ตามสุดท้ายก็ตามกลับมาจนได้ เขาอาสาจะถือกระเป๋าให้เธอ ทว่าแยมกลับปฏิเสธทุกอย่าง ร่างสูงตั้งท่าจะประคองตัวไปส่งถึงหน้าห้อง“ไม่เป็นไรคะ ไม่ได้เมาขนาดนั้น”อีกอย่างที่สัมผัสได้คือ เขาเป็นคนมือปลาหมึก อย่างกับมีแผ่นการอยู่ในใจ สุดท้ายเขาก็ตื้อจนได้มาส่ง แยมลงจากรถของเขาอย่างระมัดระวัง รถของเขาเป็นสปอร์ตไบก์คันสีดำ จึงต้องส่วมหมวกกันน็อคร่างสูงเดินเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว ทำเอาสาวน้อยสะดุ้ง ทว่าอีกฝ่ายยื่นมือออกมาช่วยถอดหมวกกันน็อคให้เธอ ปลายนิ้วเรียวยาวจรดอยู่ปลายคาง กำลังถอดหมวกออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณ” แยมตอบยิ้มๆเพราะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ สายตาคมเข้มจ้องมองไปยังนัยน์ตาคู่กลมที่วูบไหว ก่อนสาวน้อยจะหลบสายตาไปอีกด้าน ผิวของเธอเนียนนุ่มเหมือน
คงจะเป็นเลโอที่ตั้งใจจะชวนเขามาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเขาอยู่พัทยาหรอกเหรอ หรือเขาอยากจะชวนพวกเธอสามคนไปด้วยกันอยู่แล้วหลังเลิกเรียนแยมกลับมาเปลี่ยนชุดพร้อมกับพีช ก่อนจะออกไปเที่ยวด้วยกันในช่วงสองทุ่ม แยมกำลังม้วนผมให้เป็นลอนสวยอยู่หน้ากระจก พอดีกับช่วงที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น“แกไปดูดิ ฉันม้วนผมอยู่”เธอเร่งเร้าให้เพื่อนอีกคนไปเปิดประตู ดูว่าใครมาหา“แกนั่นล่ะ ฉันถอดชุดออกแล้วเนี่ย”พีชเอ่ยสั่งแยมกลับทันควัน เพราะเธอถอดชุดออกเตรียมตัวไปอาบน้ำแล้ว ขืนเปิดประตูในสภาพนี้คงไม่เหมาะ แยมจึงวางไดร์ม้วนผมลงและเป็นฝ่ายไปเปิดประตูสาวน้อยอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อกล่องข้าวที่แม่ห่อไว้ให้เธอเมื่อวานถูกยื่นมาตรงหน้า แยมรับไว้ด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย ทว่าผิดกับชายหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอลืมไว้ที่ห้องฉันน่ะ”น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นธรรมชาติ แต่สายตานี่สิ“ขอบคุณ”แยมตอบห้วนๆ และรีบปิดประตู“ใครเหรอ”“อ่อ ลืมกล่องข้าวไว้ คนหวังดีจึงเอามาคืนน่ะ”“คนหวังดี”“อืม”แยมขานรับ และกลับมานั่งม้วนผมอีกครั้งสองสาวออกมาเป็นเวลาส
“นี้…”แยมร้องเสียงหลง เพราะเขาลากเธอเข้าไปในห้องของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ศรัณย์รีบล็อคประตูอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันมากระตุกยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าราวกับมีแผนการบางอย่าง “เป็นบ้าหรือไง”“ใช่…ฉันเป็นบ้าเพราะไม่เจอหน้าน้องสาวมาหลายวัน” ชายหนุ่มพูดพลางกระตุกยิ้มมุมปาก “อย่ามาเรียกฉันว่าน้องสาวน่ะ” แยมรีบเอ่ยค้านทันควัน พร้อมใบหน้าบูดบึ้ง“แล้วจะให้เรียกว่าอะไร คู่ขาเหรอ”“พี่น้องเขาพูดกันแบบนี้เหรอ”“ทำไมตอนนี้ มานับเป็นพี่น้องอีกแล้วล่ะ เมื่อกี้บอกว่าไม่ใช่นิ”ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งมีโทสะกับคำพูดกวนประสาท จนไม่อยากจะคุยกับเขาอีกแล้ว ทั้งที่เธอพยายามหลีกหนี หลบหน้า ทว่าเขากลับปรากฏตัวตรงหน้าซะงั้น แยมขยับตัวไปทางประตู แต่เขาก็เบี่ยงตัวเข้ามาขวางไว้ ร่างสูงกำยำแผ่นหลังกว้าง แค่เขายืนขวางก็บดบังประตูได้ทั้งบานสาวน้อยเบี่ยงตัวไปทางขวาที่มีช่องว่างเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ขยับขวางอีกครั้ง ศรัณย์เลิกคิ้วมองเธอด้วยสายตาอย่างผู้ชนะ ราวกับว่าเธออยู่ในกำมือของเขาฝ่ามือใหญ่วางลงบนลำคอระหง ทำเอาสาวน้อยสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ปลายนิ้วเย็นเยียบลูบไล
สองเดือนก่อนเธอใช้ชีวิตปกติและเรียบง่ายมาก แต่หลังจากสองเดือน เธอดันได้พบกับคนที่ไม่อยากพบ แถมยังมาอยู่หน้าห้องเพื่อนเธออีก“มาแล้วเหรอ”รสรินรีบกรู่เข้ามาหาลูกสาวที่หายไปนาน คิดว่าลูกโกรธจนไม่ยอมมาพบหน้าเสียอีก เธอรีบรับผลไม้ส่งให้แม่บ้านนำไปเก็บไว้ในครัว“มะ…แม่ขอโทษ”เธอพูดตะกุกตะกัก อย่างขวยเขินที่ต้องพูดต่อหน้าลูก แม้ก่อนหน้านี้จะพูดไปแล้วก็ตาม“ไม่เป็นไรค่ะ”คำตอบของแยมยังคงเป็นเช่นเดิม “ไปทานข้าวกันเถอะ”แม่จูงมือเธอมาที่โต๊ะ อาหารบนโต๊ะมีแต่ของชอบของเธอทั้งนั้น รสรินตักอาหารที่ลูกชอบใส่จานให้หลายอย่าง จบลูกสาวต้องรีบเอ่ยปากบอกว่าพอแล้ว ช่วงนี้ที่บ้านเงียบมาก นอกจากลูกสาวของเธอจะย้ายออกไปอยู่กับเพื่อนข้างนอกแล้ว เหมือนว่าศรัณย์ก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เพราะได้ยินสามีถามเขา ว่าหายไปไหนหลายวัน เจ้าตัวกลับบอกว่าซื้อคอนโดไว้หนึ่งหลัง ใกล้กับที่ทำงาน จากที่อยากให้บรรยากาศในบ้านไม่ตึงเครียดกลับดํอึดอัดมาก เพราะเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่ถูกกันศรัณย์เป็นคนปากหนัก เธอรู้อยู่แล้ว เมื่อแยมบอกว่าเขาตำหนิหรือพูดจาไม่ดีใส่ รสรินจึงบอกแค่อย่าไปใส่ใจ เข
หลังจากวางสายแม่สาวน้อยจึงเก็บมือถือเข้ากระเป๋า เธอตั้งท่าเดินเข้ามาในตึกคอนโด ทว่ารปภหน้าตึกเรียกไว้ซะก่อนแยมเดินไปยังเจ้าหน้าที่ และเขาก็ยื่นกล่องพัสดุให้ เธอรับมาอย่างงงๆ เพราะจำได้ว่าไม่ได้สั่งของไว้ แถมยังไม่มีชื่อผู้ส่งอีก แต่ผู้รับเขียนชื่อเล่นเธอไว้ชัดเจนน้อยมากที่จะมีคนรู้ว่าชื่อเล่นเต็มๆของเธอคือ แยมโรล อาจจะเป็นพัสดุจากคุณแม่ก็ได้ เมื่อครู่เธอโทรมา อาจจะอยากให้ของขวัญเป็นการขอโทษแยมขึ้นลิฟต์กลับขึ้นห้องไป วันนี้มีแค่เธอกลับมาจากมหาลัยแค่คนเดียว เพราะพีชมีนัดออกไปตั้งแต่หลังเลิกเรียน เธอวางกล่องพัสดุที่แสนจะเบาไว้บนโต๊ะ แยมถอดชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ คิดไว้ว่าหลังจากอาบน้ำแล้วเธอจะเปิดดูมัน เวลาใกล้ค่ำขึ้นทุกที แยมเดินมายังโต๊ะที่วางของไว้ บนศีรษะเล็กมีผ้าคนหนูผืนเล็กคลุมไว้บนหัว เธอมองกล่องพัสดุอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะหาคัตเตอร์มาเปิดออกกล่องที่เธอได้รับมามีน้ำหนักเบามาก จึงอยากรู้เป็นพิเศษว่าข้างในมีอะไร ทว่ากลับต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น มันคือจีสตริงสีแดงสด แยมหยิบขึ้นมามองให้ละเอียดอีกครั้ง ก่อน







