“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ “ไว้วันอื่นนะ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยสะดวก” เธอตอบอย่างเสียดาย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกอย่างมั่นใจ “แต่สัญญาเลย วันอื่นฉันจะไปด้วยแน่นอน” พีชกับเลโอหันมามองหน้ากัน แล้วยักไหล่ “โอเค งั้นเราจะจองโต๊ะวีไอพีไว้ให้แกเลย” พีชพูดพลางหัวเราะ แยมยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อน แต่ในใจยังแอบเสียดายอยู่ไม่น้อย 17:44 เสียงเครื่องยนต์ต่ำทุ้มทรงพลังดังขึ้นจากระยะไกล จนสายตาหลายคู่ต้องหันไปมอง รถบูกัตติสีดำเงาวับเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างนุ่มนวล ประตูฝั่งคนขับลดกระจกลง เผยให้เห็นจมูกโด่งของศรัณย์ เขาสวมเพียงเสื้อยืดแขนยาวสีดำธรรมดาและกางเกงขายาวเรียบ ๆ แต่กลับมีออร่าหล่อเหลาสง่างามที่ไม่ต้องพยายาม ผิวขาวเนียนตัดกับสีผมเข้มที่เซ็ตอย่างไม่ตั้งใจนัก แต่ทุกเส้นเหมือนถูกจัดไว้พอดี ดวงตาคมเงียบขรึม ทำให้คนที่มองรู้สึกได้ถึงความเย็นชาและถือตัวของเขา แยมเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านหลังขึ้นไปโดยไม่เอ่ยสักคำ แววตาคมกริบเพียงกวาดมองเธอชั่ววินาทีราวกับประเมิน ก่อนจะปิดกระจกรถกลับเหมือนเดิม บรรยากาศแฝงแรงกดดันที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่รู้เหตุผล ระหว่างนั่งรถแยมไม่ได้สนสิ่งรอบข้าง เธอหยิบมือถือขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา ทว่าครั้งนี้กลับนั่งรถนานกว่าปกติ เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่ม รถหรูจึงจอดลงหน้าร้านแห่งหนึ่ง มีผู้คนไม่มาก เพราะพวกเขากำลังทยอยกันมา ศรัณย์ลงจากรถ ทว่าแยมยังสับสน ทำไมเขาไม่ส่งเธอกลับบ้าน หรือจะพามาเลี้ยงอาหารอีกแล้ว “นั่งอีกนานไหม ลงมาได้แล้ว” ร่างบางจึงเปิดประตูลงไป เมื่อคนตัวสูงเห็นเธอลงมา เขาจึงเดินนำเข้าไปในร้าน แยมชำเลืองมองป้ายหน้าร้านจึงพบว่ามันไม่ใช่ร้านอาหาร แต่เป็นผับ สาวน้อยไม่เคยมาที่นี่ ทว่าได้นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะมาด้วยกันคราวหลัง ภายในร้านไม่มีลูกค้ามากมายนัก มีเพียงพนักงานเสริฟที่กำลังเตรียมของเพื่อต้อนรับลูกค้า ศรัณย์ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ก้าว ร่างสูงประมาณร้อยเก้าสิบเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สาวๆปรายตามองเขาเป็นตาเดียว แยมตามเขาขึ้นไปชั้นบน เหมือนว่าจะเป็นห้องวีไอพี มีโถงทางเดินทอดยาวออกไปและห้องมากมายเรียงรายกัน สาวน้อยได้แต่บ่นพึมพำในใจ เขากล้าพาเธอมาสถานที่แบบนี้ได้ยังไง ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าประตูห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เธอพบว่าด้านในยังมีเพื่อนๆของเขาอีกสองคน ข้างกายมีหญิงสาวนั่งนัวเนียอยู่ “พาใครมาน่ะ”ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามทันทีที่เธอโผล่เข้าไป “ลูกคนใช้”ศรัณย์ตอบราวกับไม่ได้สนใจความรู้สึกคนฟัง เขานั่งลงบนโซฟาตัวยาวโดยไม่ต้องแคร์สีหน้าท่าทางของใคร สาวน้อยที่ได้ยินประโยคนั้นชัดเจนถึงกับตัวแข็งทื่อ เขากำลังพูดจาดูถูกเธออีกแล้ว คำพูดของเเป็นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มอยู่ในอกเธอ แม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำได้แค่ยืนฟังเงียบๆ ทว่าเสียงหัวเราะบางเบาจากปากพวกเขายิ่งตอกย้ำให้เธอเข้าใจ เขาตั้งใจเหยียดเธอจริงๆ “ทำไมไม่นั่งล่ะ หรือจะอยากจะนั่งบนพรมเช็ดเท้า”อาทิตย์พูดหยอกล้อ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยเอาแต่ยื่นแน่นิ่งอยู่ตรงประตู เธอดูตัวเล็กมาก แขนขาก็เล็กเหมือนเด็กน้อย แต่ยิ่งพูดเธอเหมือนยิ่งแข็งทื่อขึ้นไปอีก “ไม่เอาน่า คนสวยมานั่งนี่เถอะ”เจมส์ลุกขึ้นมาลากแขนคนตัวเล็กไปนั่งบนโซฟาหนัง แยมเม้มปากเข้ากันแน่น ก่อนจะยอมนั่งลงบนโซฟาเธอมองไปรอบข้างด้วยสายตาเป็นกังวล “ดื่มสิ”อาทิตย์เปิดขวดเบียร์ให้หญิงสาวตรงหน้า ทว่าเธอกลับไม่สนใจ “ฉันให้ดื่มละพัน” ศรัณย์หยิบบัตรเครดิตออกมาวางลงบนโต๊ะ เมื่อพูดถึงเงินก็ไม่ใครจะปฏิเสธ ร่างสูงนั่งไขว้ห้างพลางหยิบบุหรี่ออกมาสูบหนึ่งม้วน สายตาคมเข้มมองเธออย่างดูแคลน เจมส์ผลักหญิงสาวข้างกายออก เขาขยับตัวเข้ามานั่งใกล้แยม จนสาวน้อยต้องขยับชิดกับโซฟา เขาวางนิ้วมือลงบนต้นขาขาวเนียน สาวน้อยรีบปัดมือของเขาออกทันที ดวงหน้างามคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่พอใจแต่ยังคงเก็บอาการไว้ “อย่าเล่นตัวเลยน่า”อาทิตย์หัวเราะพลางอย่างไม่แยแส “อยากได้เงินเท่าไรก็บอก” แยมที่ปิดปากเงียบมานานเริ่มจะทนฟังคำพูดเหยียดหยามของพวกเขาไม่ไหว จึงตอกกลับไปเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ขายตัว เลิกดูถูกกันสักที” คำพูดยังไม่ทันจาง ศรัณย์ที่นั่งเงียบอยู่ไม่ไกลจึงคว้ากระป๋องเบียร์ขึ้นมา จากนั้นก็ราดลงบนศรีษะของเธอ หยาดน้ำสีอ่อนไหลผ่านเส้นผมลงสู่ใบหน้า “ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนี่” กลิ่นของมันลอยอบอวลขณะที่คนรอบข้างเอาแต่นั่งขำราวกับเจอเรื่องตลก แยมกัดฟันกรอด มือกำกระโปรงแน่น กลิ่นเบียร์ที่ชโลมไปทั่วศรีษะ ราวกับถูกเหยียบย่ำศักด์ศรีต่อหน้าคนอื่น“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก
ตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป 14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว
วันนี้แยมจงใจสาย จะได้ไม่ต้องติดรถของเขาไป เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะให้เธอติดรถเขาอีก เธออยากจะสนิทกับเขาอยู่หรอก แต่ดูอีกฝ่ายเหมือนเห็นเธอเป็นมดปลวก แถมยังชอบมองด้วยห่างตา แยมสะพายกระเป๋าผ้าเดินลงมา ตอนเช้าเธอไม่ได้ลงมาทานข้าว แม้จะมีแม่บ้านขึ้นมาเคาะประตูเรียก แต่เธอกลับเงียบไม่ตอบอะไรราวกับคนหลับลึก แม่เห็นเธอลงมาจากห้องจึงถามว่าจะทานข้าวไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยไปหากินที่มหาลัยแล้วกัน คนตัวเล็กเดินทอดน่องออกมา ผมยาวสีดำปล่อยลงสยายอยู่กลางหลัง เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดไปกับรูป สวมกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ตัดเย็บด้วยผ้าที่ทิ้งตัวพอดี ทำให้ชายกระโปรงพลิ้วเบาเวลาเดิน เน้นสัดส่วนช่วงเอวให้คอดชัด กระโปรงบานออกเล็กน้อยตรงปลาย ขับให้เรียวขาดูเด่นขึ้น โดยเฉพาะต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างชัดเจน “ใส่สั้นขนาดนี้ ไปเรียนหรือไปหาผัวกันแน่” น้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากโรงรถ ร่างสูงชุดสูทสีดำยืนพิงอยู่กับกระโปรงรถ สองมือกอดอกพลางมองพิจารณาสาวน้อยตรงหน้า แยมชะงักฝีเท้าลง เขายังไม่ไปทำงานอีกเหรอ เธออุตส่าห์รอให้เขาออกไปก่อน ทำไมถึงยังยืนอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวทำเป็
พวกเขาทั้งสองอยู่ในความเงียบ สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนถนน ส่วนเธอก็เอาแต่มองบรรยากาศนอกกระจกรถที่เคลื่อนผ่านไปพร้อมกับความเร็วรถ เธอตื่นตระหนก จึงกอดประเป๋าผ้าไว้แน่น ทว่ารถกำลังวิ่งผ่านมหาลัยเธอไป เขาลืมไปแล้วเหรอว่าต้องแวะส่งเธอ “พี่ขับผ่านไปแล้วค่ะ”แยมร้องบอกด้วยความรู้สึกเกรงใจ เพราะมันเลยออกมาแปดร้อยเมตร เขาเหยียบเบรคกะทันหัน จนหน้าผากมนกระทบเก้าเก้าอี้เบาะหน้าจนเกิดเสียง เธอดึงตัวกลับมาด้วยความอาย ยกมือปิดรอยแดงตรงหน้าผาก “ลงไป” แยมงุนงง จะให้เธอลงตรงนี้เลยเหรอ อย่างน้อยก็ควรจะกลับรถไปส่ง ดวงตาคมกริบปรายตามองเธอผ่านกระจก “ตอนเย็นจะมารับ อย่าลืมรอด้วยล่ะ”เขาพูดอย่างไม่ใส่นัก คนตัวเล็กได้แต่ปิดปากเงียบ แล้วลงยอมลงจากรถแต่โดยดี ทันทีที่ลง รถก็แล่นออกไปทันที ทำให้เธอต้องเดินกลับไปอีกแปดร้อยเมตร แยมเดินเข้ามาในอาคารเรียนด้วยอาการเหนื่อยหอบ ถึงจะไม่ไกลมากแต่มันก็เหนื่อยเอาเรื่อง “ทำไมทำหน้าแบบนั้น”เลโอเห็นเธอเดินคอตกเข้ามาจึงถามด้วยความสงสัย “เหนื่อย”แยมบ่นพึมพำก่อนจะนั่งลง “ทำไมเหรอ”พีชเห็นเลโอพูดคุยอยู่กับแยมจึงหันมาสนใจบทสนทนาของพวกเขา “เดินมาน่ะส
สายฝนเม็ดเล็กโปรยลงมาจากฟ้า ร่างสูงตระหง่านถือร่มคันสีดำไว้ในมือ ช่อดอกทิวลิปสีม่วงขนาดไม่ใหญ่มากวางไว้หน้าหลุมศพ นัยน์ตาคู่คมแดงก่ำ ทว่ากลับเก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ป้ายหลุมศพตรงหน้าเป็นแม่ของเขา เธอชอบดอกทิวลิปเป็นพิเศษ แผ่นหลังกว้างเย็นยะเยือกขณะมองหลุมศพ เขาแสดงความรู้ได้เพียงเท่านี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าดอกไม้ช่อนี้ควรจะมอบให้แม่เร็วกว่านี้ เขาควรจะกลับมาก่อนที่ทั้งคู่จะหย่ากัน เรื่องราวทั้งหลั่งไหล่เข้ามาในความคิดของเขา ได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง เมื่อเขากลับมาแม่ก็จากไปแล้ว แถมพ่อยังแต่งงานใหม่อีก เรื่องราวตาลปัตรจนทำสมองของเขาแทบจะระเบิดออกมา ระหว่างที่ศรัณย์ไปฝึกงานที่อเมริกา ไม่มีใครปริปากบอกเขาสักคำเรื่องครอบครัว การกระทำเหล่านี้ทำเขาคับแค้นใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลุกแม่ขึ้นมาตอบคำถามที่ค้างคาทั้งหมด น้ำฝนสาดลงบนแผ่นหินที่สลักชื่อของป้ายหลุมศพ เสียงน้ำสาดลงบนร่มอีกคัน จนทำให้ศรัณย์ต้องหันกลับไปมอง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามากับช่อดอกไม้สีม่วงเช่นกัน รองเท้าหนังเปื้อนไปด้วยโคล้นจากฝน ใบหน้าของทั้งสองมีส่วนคล้ายกันอยู่บางสวน ศรัณย์ไม่ได้ถอยออกจากหน้า