กู้อี้ชวนเป็นคนที่มีคารมคมคายดีมาก เขาอธิบายเรื่องการลงทุนให้เซ่าสวินได้อย่างสมเหตุสมผล จนเซ่าเยว่ยอมรับแล้วแต่มองข้ามเงื่อนไขข้อหนึ่งไป เขาเป็นเพื่อนของเจียงเฉินหาน และเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากด้วยก็เหมือนกับเธอกับเฉิงเหยียนโย่ว ถึงแม้ความคิดของคนเราจะแตกต่างกัน แต่เธอไม่มีทางทำเรื่องขัดขวางเฉิงเหยียนโย่วเด็ดขาดกู้อี้ชวนมีฝีปากดีมาก ตอนนี้กลับเงียบไปแล้ว เซ่าเยว่ไม่รีบร้อน ดื่มกาแฟอย่างเอ้อระเหยเท่านั้นกู้อี้ชวนไม่อยากพูด เธอก็ไม่ถามแล้วไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่ส่งผลต่อการที่เธอปฏิเสธการลงทุนของเขาอยู่ดีเพียงแต่เซ่าเยว่รู้สึกได้เลือนรางว่ามีตรงไหนสักแห่งไม่ค่อยถูกต้องนักกู้อี้ชวนทอดสายตามองไปยังนอกหน้าต่างเขาเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อชอบแล้วก็จะเป็นฝ่ายรุก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ไม่อาจพูดออกมาได้เซ่าเยว่ขีดเส้นแบ่งกับเจียงเฉินหานอย่างชัดเจน ท่าทีดูเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายเจียงเฉินหาน ถ้าสารภาพรักไปตอนนี้ คาดว่าเซ่าเยว่คงไม่มีทางสนใจเขาไปตลอดชีวิตยิ่งไปกว่านั้น เขาถึงขนาดไม่มีความสำคัญเท่าเจียงเฉินหานในใจของเซ่าเยว่เลยด้วยซ้ำ เป็นเพียงคนที่ไม่สำคัญ มีหร
“นายแน่ใจเหรอว่าไม่รู้ว่าทำไมเซ่าสวินถึงไม่ชอบนาย?” กู้อี้ชวนส่ายหัว “เธอต้องไปถามเขาเอง” คนฉลาดอย่างกู้อี้ชวน แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันจะไม่รู้ได้ยังไงเด็กเวรอย่างเซ่าสวินระวังเขาเหมือนระวังหมาป่า ก็เพราะไม่อยากให้เขาเฝ้าคิดถึงพี่สาวของตัวเองกู้อี้ชวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เซ่าสวินสังเกตเห็นความคิดในใจของตัวเองแน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับหรอก ถึงอย่างไรเซ่าเยว่ก็เป็น ‘ภรรยา’ ของเจียงเฉินหาน ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนสนิทของเจียงเฉินหาน การไปชอบภรรยาของเพื่อน เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ยอมรับก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเป็นเพราะเซ่าสวินไม่ชอบเขา กู้อี้ชวนถึงได้ตั้งใจลงทุนเพื่อ ‘เอาใจ’ เขา หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือซื้อใจว่าที่น้องเขย แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายของกู้อี้ชวนก็คือ นิสัยของเซ่าสวินเหมือนกับวัวตัวหนึ่งความยากยิ่งเพิ่มมากขึ้นเซ่าเยว่ “ฉันต้องถามเรื่องนี้ให้แน่ชัดอยู่แล้ว แต่เรื่องที่นายจะลงทุนไม่จำเป็นแล้วละ”กู้อี้ชวนหรี่ตาลง ตั้งใจมองเซ่าเยว่อย่างพิจารณา เทียบกับที่เจอหน้าครั้งก่อน เธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแล้วตอนที่เซ่าเยว่อยู่กับเจีย
ในฐานะที่เซ่าเยว่เป็นเลขาประธานของเอสกรุป ย่อมมีความเข้าใจแวดวงการเงินของเมืองไห่ในระดับหนึ่งเกมของเซ่าสวินมีอนาคตสดใสมาก แต่การที่กู้อี้ชวนมาด้วยตัวเองนั้นกลับไม่มีความจำเป็นเลยในเมื่อกู้อี้ชวนมาแล้ว มีแต่จะยืนยันว่านี่ไม่ใช่โปรเจกต์ที่ผู้อำนวยการโปรเจกต์ทั่วเจี้ยค้นพบ แต่เป็นเพราะกู้อี้ชวนส่งสัญญาณ ประธานหลินถึงได้ทำการสอบทานธุรกิจเซ่าเยว่ขีดเส้นแบ่งกับเจียงเฉินหานอย่างชัดเจนย่อมรวมถึงกู้อี้ชวนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาด้วยเซ่าเยว่ตั้งใจจะให้เซ่าสวินกับจี้หยางปฏิเสธความร่วมมือ แล้วเธอค่อยมาลงทุนเองผลปรากฏว่าเซ่าสวินกลับชิงเอ่ยปากพูดก่อนว่า “ประธานหลิน พวกเราไม่ร่วมมือแล้วครับ!” จี้หยางตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “...ไม่เหรอ เซ่าสวิน?” “เก็บของแล้วไปกันเถอะ” เซ่าสวินมีท่าทีที่เด็ดขาดและแข็งกร้าวอย่างยิ่ง ไม่มีช่องว่างให้เจรจาหารือเลยจี้หยางโกรธจนหน้าซีดขาวไปหมดแล้ว ก่อนที่กู้อี้ชวนจะมา ไม่คิดว่าเซ่าเยว่จะอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อได้ยินประธานหลินเอ่ยถึงเธอ เขาก็ตัดสินใจตามมาด้วยดีกว่า“อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ ถึงไม่ร่วมมือกันแล้ว ก็ยังดื่มชาได้อยู่นะ” กู้อี้ชวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เ
พอเซ่าสวินคิดได้แบบนี้ ก็มีท่าทีที่ดีมากยิ่งขึ้นเซ่าเยว่กลับตกตะลึง ทั่วเจี้ยแคปิทัลไม่ใช่บริษัทร่วมทุนที่อยู่ภายใต้กู้ซื่อกรุปเหรอ?อาชีพเดิมของกู้อี้ชวนบังเอิญขนาดนี้เลย?เซ่าเยว่ไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็จับมือของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ทั้งสี่คนนั่งลงพูดคุยกันประธานหลินแสดงออกถึงความตั้งใจจะลงทุนอย่างยิ่ง “เกมที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมมีเยอะมาก แต่จากที่ผมดูภาพคอนเซ็ปต์และวิดีโอของพวกคุณแล้ว เกมที่ทำออกมาประณีตและสวยงามเหมือนพวกคุณมีน้อยมาก”จี้หยางกับเซ่าสวินมองหน้ากันแวบหนึ่ง ในแววตาก็มีความตื่นเต้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนหน้านี้นักลงทุนเหล่านั้นดูถูก และลดคุณค่าพวกเขาจนไม่เหลือค่าอะไรเลยยากที่จะได้รับการยอมรับ แต่สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะยังไง ต่างก็ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเมื่อพูดถึงเรื่องเกม เห็นได้ชัดว่าเซ่าสวินจะพูดเยอะเป็นพิเศษพูดแต่ละหัวข้อล้วนมีเหตุผลและฟังดูดีเซ่าเยว่สังเกตเซ่าสวินอยู่ตลอด เห็นอีกด้านที่เป็นผู้ใหญ่ของเขา ต่างไปจากเดิมมาก ๆ ผู้ชายที่ตั้งใจทำงานถึงจะมีเสน่ห์จริง ๆ ด้วย เวลาพูดปกติ เขาไม่ได้พูดเพราะขนาดนี้เลยนะ!เซ่าเยว่ก็
จี้หยางกลอกตาไปทีหนึ่ง “นายก็เอาแต่ดื้อรั้นไม่ยอมรับไปเถอะ!”เซ่าสวิน “เหอะ เซ่าเยว่เป็นฝ่ายโทรมาว่าจะเลี้ยงข้าวฉัน ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อหาเธอก่อนสักหน่อย ในเมื่อบังเอิญว่าฉันต้องไปงานสังสรรค์ จะได้ไปด้วยกันเลย แบบนี้ก็สมเหตุสมผลดี”จี้หยางขี้เกียจจะทะเลาะกับเซ่าสวินก่อนหน้านี้เวลาบริษัทเจอปัญหาอะไร เซ่าสวินจะไม่ปรึกษาเซ่าเยว่เลย แต่จะชวนไปงานสังสรรค์ด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเขาก็แค่กำลังพยายามเข้าหาเซ่าเยว่ต่างหากนอกจากนี้ วันนั้นที่เขาไปหาเรื่องเซี่ยหมิง เซ่าเยว่ห้ามไว้ เซ่าสวินปากก็บอกว่าจะชนเธอให้กระเด็น แต่สุดท้ายแม้แต่เสื้อผ้าของเซ่าเยว่เขายังไม่แตะเลยเขาก็แค่พูด แต่ไม่ทำ!จี้หยางยังจำได้อีกว่าเซี่ยหมิงหยิบขวดไวน์จะตีศีรษะของเซ่าเยว่ เซ่าสวินไม่พูดอะไรก็ดึงเซ่าเยว่ออก แล้วใช้แขนของตัวเองบังไว้ช่วงนี้เวลาเขาเผลอไปชนเข้ากับท่อนแขนเล็กของเซ่าเยว่ เขาก็จะขมวดคิ้วอยู่หน่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยเขาไม่ใช่แค่ดื้อรั้น แต่ปากยังแข็งอีกด้วย เงียบและไม่เคยพูดเกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียวอย่าว่าแต่ครั้งนี้เซ่าเยว่สร้างคุณประโยชน์ให้บริษัท เธอไม่เอาเงินด้วยซ้ำ แต่เซ่า
พี่เซ่าเยว่ ฉันนับถือพี่!นั่นคือเจียงเฉินหานเชียวนะ!สวีชูหรานเคยเจอเจียงเฉินหานอยู่หลายครั้ง เขากับซางจื้อเหนียนเป็นคนประเภทเดียวกัน ทั้งคู่มีออราที่ทรงพลัง อีกทั้งยังเย็นชา เหมือนกับศาสตราจารย์หนุ่มผู้ทรงคุณวุฒิที่น่าเกรงขามในรั้วมหาวิทยาลัย เข้าถึงได้ยาก และไม่ยอมให้ใครมาล่วงเกินง่าย ๆ ลองมองในมุมของนักศึกษาดู เมื่อเผชิญหน้ากับศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่มีความน่าเกรงขามและสถานะที่ไม่เท่าเทียม ใครจะกล้าตบหน้าเขากัน คิด ๆ ดูก็น่ากลัวมากแล้วจริงไหมเซ่าเยว่กลับกล้าตบหน้าเขา นี่มันสุดยอดเกินไปแล้วเจียงอวี่เสียนก็อดอุทานออกมาไม่ได้เหมือนกัน แม้เจียงเฉินหานจะเอ็นดูเธอ แต่ความน่าเกรงขามของพี่ชาย แถมยังเป็นประธานของเจียงซื่อกรุปอีก เธอก็ไม่กล้าตบหน้าเขาตามอำเภอใจหรอกยิ่งไปกว่านั้น เซ่าเยว่อายุมากกว่าเธอสามปี ถือว่าอายุยังน้อย ปกติเธอมักจะเชื่อฟังเจียงเฉินหานไปเสียทุกอย่าง จะกล้าลงมือทำร้ายคนได้ยังไง!“ชูหราน จะทำยังไงดี เซ่าเยว่ไม่กลัวแม้แต่พี่ชายฉัน แล้วเธอยังจะกลัวฉันอีกเหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ยังมีซางจื้อเหนียนคอยหนุนหลังเธอเลย!”สวีชูหราน “...เอ่อ ก็จริง เซ่าเยว่คงเป็นบ้า