เซ่าเยว่ตอบกลับว่า [ได้ค่ะ ประธานซาง]หลังจากตอบเสร็จ เธอตั้งใจจะออกไปต้อนรับซางจื้อเหนียน ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเลขา นี่กลายเป็นเรื่องที่เธอต้องทำโดยจิตใต้สำนึกแล้วปรากฏว่ายังไม่ทันจะขยับ ซางจื้อเหนียนคล้ายกับมองทะลุความคิดของเธอ [ไม่ต้องมาต้อนรับผม]ถึงแม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่เซ่าเยว่ไม่ฟังอยู่ดี ปรากฏว่าผ่านไปหนึ่งวินาที โทรศัพท์ของเซี่ยหงเซินก็ดังขึ้นมา พอเขาเห็นหน้าจอที่ขึ้นมาก็รีบลุกขึ้นทันทีเซี่ยจ้านนั่งอยู่ข้างเซี่ยหงเซิน ตกใจกับท่าทีของพ่อจนสะดุ้งยกใหญ่ หรือว่าพ่อของเขาคิดว่าเขาไม่ยอมดื่มเหล้า เลยจะขอโทษเฉิงเหยียนโย่วแทนเขาเหรอ?เมื่อเซี่ยจ้านคิดถึงความเป็นไปได้นี้ โทสะที่อัดอั้นตันใจอย่างถึงที่สุดก็ลุกโชนขึ้นมาในอก เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าถ้าเฉิงเหยียนโย่วมีเบื้องหลังที่ใหญ่โตถึงขนาดที่เซี่ยซื่อกรุปของพวกเขายังต้องหวาดกลัว เช่นนั้นการที่เฉินเหยียนโยว่ยังอยู่ในระดับแค่นี้ ไม่ควรเป็นเรื่องขบขันหรือไง?ปรากฏว่ายังต้องให้พ่อกับพี่สาวของเขามาต้อนรับด้วยตัวเอง ถึงขนาดยังเกรงใจเซ่าเยว่ที่มาเกาะวงเหล้าขนาดนี้ด้วยเซี่ยจ้านไม่เข้าใจเลยจริง ๆ รู้สึกขัดแย้งมาก โลกนี้มันเป็นอะไรไปกันแน่
เห็นได้ถึงความจริงใจของเซี่ยหงเซินแล้วเพิ่งลงจากรถ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เซี่ยหงเซินก็เข้ามาหาด้วยตัวเอง“ประธานเฉิง คุณเซ่า” เซี่ยหงเซินรีบเอ่ยทักทาย “ในที่สุดพวกคุณก็มา เชิญทางนี้ครับ”มหาเศรษฐีเซี่ยดูกระตือรือร้นมากตอนที่เจอกันในสนามแข่งรถครั้งแรกดูแตกต่างจากท่าทีของเซี่ยหงเซินในตอนนี้โดยสิ้นเชิงเฉิงเหยียนโย่วพยักหน้า เซี่ยหงเซินได้รับสัญญาณแล้ว หลังจากนั้นก็มองเซ่าเยว่ จนกระทั่งเซ่าเยว่พยักหน้า เขาถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างแท้จริงแม้ว่าคืนนี้จะเป็นการขอโทษเฉิงเหยียนโย่ว แต่เซ่าเยว่เป็นเลขาที่ซางจื้อเหนียนพาออกไปข้างนอกตลอด เขายิ่งไม่กล้าละเลยนอกจากนี้ออร่าที่ดูนิ่งสงบและเย็นชาของเซ่าเยว่ยังแฝงไปด้วยความเฉียบคม แม้ว่าเธอจะพูดน้อยแต่ก็ดูเย่อหยิ่งอวดดี ออร่ายังแฝงไปด้วยแรงกดดัน ทำให้คนไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องง่าย ๆทำให้ดูเหมือนว่าในหมู่สองคนนี้ เซ่าเยว่ต่างหากที่เป็นผู้นำเซี่ยหงเซินย่อมไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อยในห้องส่วนตัวมีอาหารอร่อย ๆ วางเต็มโต๊ะแล้ว และยังเปิดไวน์แดงราคามากกว่าหนึ่งล้านอีกหนึ่งขวดในห้องส่วนตัวที่ใหญ่โตเวลานี้มีเซี่ยหลานอยู่คนเดียวเท่านั้น ไม่มี
เฉิงเหยียนโย่วไม่ได้รู้จักซางจื้อเหนียนมากนัก พบปะกันไม่กี่ครั้ง เธอก็พูดคุยกับเขาน้อยมาก เซ่าเยว่ยอดเยี่ยมกว่าเธอมาก ซางจื้อเหนียนจะต้องถูกใจเซ่าเยว่อย่างแน่นอนแต่ว่าการถูกใจ ไม่ใช่ว่าจะเป็นความชอบเสมอไป บางทีอาจเป็นความชื่นชม บางทีอาจให้อภิสิทธิ์และปฏิบัติแตกต่างกับคนอื่นอยู่บ้าง ถึงอย่างไรสายตาที่หยิ่งยโสดูแคลนคู่นั้นของซางจื้อเหนียน สถานะทางสังคมบวกกับนิสัยของเขา คนที่อยากปีนขึ้นไปมาเยอะมากเหลือเกิน แต่คนที่ปีนขึ้นไปถึงได้นั้นก็มีน้อยมากเหลือเกิน เฉินเหยียนโย่วอาศัยบารมีของเขานิดหน่อยก็ทำให้เธอโลดแล่นอยู่ในแวดวงการลงทุนได้ไม่น้อยแล้ว ดังนั้นด้วยความสามารถและระดับที่สุดยอดของเขา คนที่สามารถทำให้ซางจื้อเหนียนถูกใจได้ย่อมมีน้อยมาก ๆแต่อภิสิทธิ์กับความสองมาตรฐานที่ซางจื้อเหนียนให้เซ่าเยว่ไม่ใช่แค่เล็กน้อยแล้ว เขาให้เธอแกล้งเป็นแฟนของเขาเลยนะ! นี่มันเหลือเชื่อมากเลยโอเคไหม!เฉิงเหยียนโย่วยังอยากจะพูดการคาดเดาของเธอนิดหน่อย ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้บอกว่าแกล้งเป็นแฟนกัน แต่ดูยังไงจุดประสงค์ของซางจื้อเหนียนก็ไม่บริสุทธิ์ใจเลย!พูดตามตรง เฉิงเหยียนโย่วรู้สึกมาตลอดว่าซางจื้อเหนียนเป็นคุ
ซางจื้อเหนียนที่รับสายกำลังอยู่ในวงเหล้า เขารับสายแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก พอออกจากห้องส่วนตัวแล้ว เขาก็พูดว่า “แน่นอน ความสัมพันธ์เป็นของปลอม แต่มาตรฐานของแฟนคือเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นตบตาแม่ผมไม่ได้หรอก”แฟนของซางจื้อเหนียนถูกคนอื่นรังแกข้างนอก นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยเพราะมันไม่สมเหตุสมผลต่อให้ไม่ได้ประกาศความสัมพันธ์ว่าเป็นแฟนกันต่อคนภายนอก ซางจื้อเหนียนก็ไม่มีทางให้ใครมารังแกเธอเด็ดขาดอย่างน้อยก็ต้องให้ทุกคนรู้ว่าเซ่าเยว่เป็นคนที่เขาปกป้องส่วนเรื่องความสัมพันธ์อะไร รวมถึงเพราะอะไร ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ปล่อยให้คนอื่นไปคาดเดากันเองตามใจชอบ“โอเคค่ะ”เซ่าเยว่หันหน้าไปมองเฉิงเหยียนโย่วแวบหนึ่งเธอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่า “ทำไมเธอกำลังคุยเรื่องความรักกับซางจื้อเหนียน”“วันนี้ฉันถูกรังแก หวังว่าประธานซางจะช่วยเหลือค่ะ” เซ่าเยว่เล่าเรื่องของเซี่ยจ้านให้ซางจื้อเหนียนฟังซางจื้อเหนียนไม่ได้พูดแทรกเลย รอให้เซ่าเยว่พูดจบ เขาก็ทิ้งท้ายว่า “ผมจะจัดการเอง” แล้วก็วางสายไปเซ่าเยว่ก็วางสายโทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจเช่นกันเฉิงเหยียนโย่วมึนงงเล็กน้อย “เธอกับซางจื้อเห
เซี่ยจ้านมองโทรศัพท์ที่วางสายแล้ว อึ้งเซ่อซ่าไปเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นช่วงนี้เขารับช่วงต่อบริษัทลูกด้านเทคโนโลยีของครอบครัว มักจะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลและทรัพยากรกับเจียงเฉินหานและเซี่ยอวิ๋นซูอยู่เป็นประจำ ทำงานอย่างกระตือรือร้นมาก เรื่องที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือไม่รู้ว่าใครคือผู้พัฒนาที่อยู่เบื้องหลังลูจิ-เอ็กซ์ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานเขายังโดนที่บ้านชมอยู่เลยแม้แต่พี่สาวคนโตก็คิดว่าเขาทำได้ดีมากเขายังจะก่อเรื่องอะไรได้อีก?เซี่ยจ้านอารมณ์เสียสุดขีด เขาคิดทบทวนอยู่รอบหนึ่งแต่ก็ยังนึกสาเหตุไม่ออก หลังจากนั้นก็สงสัยขึ้นมาว่าจะเป็น...เฉิงเหยียนโย่วจริง ๆ หรือเปล่า?นี่คือความคิดที่เขาไม่ยอมรับในตอนแรกสุดพ่อของเขาเป็นคนผลักดันความตั้งใจที่จะร่วมมือกัน แต่เฉิงเหยียนโย่วเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลยนะ? เธอมีหน้ามีตาอะไรถึงทำให้พ่อของเขาเคลื่อนไหวได้? ยิ่งไปกว่านั้นเอสกรุปที่อยู่เบื้องหลังเฉิงเหยียนโย่ว มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแค่ฉากบังหน้า เพราะในวงการธุรกิจ มีหลายคนจงใจยกยอตัวเอง ใช้ข่มขู่ผู้อื่น มีหลายครั้งที่ใช้ได้ผลมากจริง ๆ เฉิงเหยียนโย่วย่อมเป็นแบบนี้เช่นกัน ถ้ามีเอสกร
เขาจ้องมองเลือดในมือ แล้วก็ตกตะลึงเวียนหัวเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ส่ายหัวเมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาก็เย็นชาขึ้นมา “ประธานเฉิง คุณทำแบบนี้ไม่กลัวล่วงเกินผมหรือไง?”เฉิงเหยียนโย่วยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เซ่าเยว่ลุกขึ้นมารั้งเธอไว้ในความทรงจำที่ผ่านมา เซ่าเยว่ไม่อยากออกหน้าเมื่อปะทะกับคนข้างกายเจียงเฉินหาน เธอคิดว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนกันคิดไม่ถึงว่าเซ่าเยว่จะหยิบแก้วอีกใบขึ้นมา แล้วปาใส่ตัวเซี่ยจ้านทันที จนเสื้อผ้าของเขาเปียกไปหมดแล้วเฉิงเหยียนโย่วตกใจแล้วสายตาของเซ่าเยว่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แถมยังทิ่มแทงมากกว่าเธอเสียอีก ปกติเฉิงเหยียนโย่วจะยึดหลักอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขนำพาความร่ำรวยมาให้ แต่เซ่าเยว่ทำอะไรล้วนจริงจังไปหมด ดังนั้นเวลาที่โกรธก็ยิ่งมีพลังและความน่าเกรงขามมากขึ้น เฉิงเหยียนโย่วไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของเซ่าเยว่มานานแล้ว!เซี่ยจ้านมองสภาพอเนจอนาถทั่วทั้งตัว ก่อจะลุกขึ้นมาทันที แล้วถลึงตาใส่เซ่าเยว่อย่างดุดัน “ฉันเห็นแก่หน้าพี่เจียง ฉันถึงได้ไม่ถือสาเธอ ตอนนี้พวกเธอหย่ากันแล้ว เธอกล้ามาหาเรื่องฉันเนี่ยนะ?”“ฉันไม่เพียงแต่จะหาเรื่องนาย ฉันยังต้องการให้นายขอโทษฉันกับป