เซ่าเยว่เดินเข้าไป แต่ในห้องนั่งเล่นกลับไม่มีใครอยู่เลยหัวใจของเธอพลันตื่นตระหนกขึ้นมา“เฉิงเหยียนโย่ว?”วินาทีถัดมา ไฟที่สวนหลังบ้านนอกหน้าต่างสูงจากพื้นก็สว่างขึ้นเซ่าเยว่เห็นลู่เจี้ยนเฉินและเฉิงเหยียนโย่วเฉิงเหยียนโย่วก็เห็นเธอเช่นกัน จากนั้นก็รีบเดินมาทางนี้อย่างรวดเร็วในระหว่างที่รอ เซ่าเยว่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน และให้ซางจื้อเหนียนเข้าไปในบ้านก่อน จากนั้นเธอก็วิ่งออกไปต้อนรับเพื่อนเฉิงเหยียนโย่วรีบวิ่งมาหาและกอดเธอไว้ทันที ความเป็นห่วงฉายชัดบนใบหน้า เธอมองสำรวจเซ่าเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ตกใจแทบแย่ ไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”พอเฉิงเหยียนโย่วถามจบ ก็สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอ ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “เธอร้องไห้เหรอ? ร้องไห้ได้ยังไง! ไอ้บ้าเอ๊ย เจียงเฉินหานอยู่ที่ไหน ฉันจะไปคิดบัญชีกับมัน!”เซ่าเยว่ได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยของเฉิงเหยียนโย่วก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างมาก การอยู่กับคนที่ใช่จะทำให้คนเราดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าอยู่กับคนที่ไม่ใช่ เราจะค่อยๆ หดหู่ เศร้าหมอง และอารมณ์แปรปรวนโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุข “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่เซ่าเยว่กลับรู้สึกว่า ณ ขณะนี้ หัวใจของเธอกับซางจื้อเหนียนอยู่ใกล้กันมากเหลือเกินเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีต่อเธอ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่มาจากสัญชาตญาณล้วนๆ!เซ่าเยว่พลันพูดออกไปโดยไม่ทันคิด “คุณอยากย้ายมาอยู่บ้านฉันไหม?”ซางจื้อเหนียนมองมาที่เธอเซ่าเยว่จ้องตาเขาตรงๆ “อย่าให้เวลาฉันได้เปลี่ยนใจ”ซางจื้อเหนียนเดาว่าการที่เซ่าเยว่ร้องไห้ขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะเจียงเฉินหานแน่นอน ในใจของเขากำลังก่อตัวเป็นพายุที่น่ากลัว เมื่อได้ยินคำพูดของเซ่าเยว่อย่างกะทันหัน เขาก็ยังตั้งตัวไม่ทัน แต่พอเธอพูดประโยคที่สอง เขาก็เข้าใจความหมายทั้งหมดในทันทีเขาเข้าใจถึงเจตนาของเธอที่ต้องการจะเข้าใกล้เขา เซ่าเยว่ช่างกล้าหาญที่จะทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขาลง ซางจื้อเหนียนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขายกมือขึ้นแตะที่ท้ายทอยของเธอและกดเธอเข้ามาในอ้อมกอดมันเป็นท่าที่ดูแข็งกร้าว ไม่ใช่การโอบกอดธรรมดา แต่เป็นการครอบคลุมเธอไว้ทั้งร่างใบหน้าของเซ่าเยว่แนบกับหน้าอกของเขา ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างมั่นคงและหนักแน่นของเขา เธออิงตัวเขาอย่างสบายใจ รอคอยข่าวขอ
เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความเย็นชาและอันตรายแต่เซ่าเยว่กลับถูกสะกดไว้ได้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ซางจื้อเหนียนกลายเป็นตัวแทนของความรู้สึกปลอดภัยสำหรับเธอ แม้แต่เสียงของเขาก็เช่นกันคำพูดที่เซ่าเยว่พูดกับเจียงเฉินหานนั้น ส่วนใหญ่เป็นความรู้สึกจริงใจ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งที่เธอแสดงออกมาเพราะเจียงเฉินหานยังคงก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้น ก็เพื่อที่จะให้เธอรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่เหรอ?เธอไม่รักแล้วก็คือไม่รักแล้วและคำพูดแบบเดียวกันนี้ เธอก็พูดมาหลายครั้งแล้ว เซ่าเยว่จึงรู้สึกชาชินไปนานแล้วความรู้สึกตื่นเต้นที่มาจากใจจริงเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะเธอเอ่ยถึงเด็กคนนั้นต่างหากส่วนที่เหลือทั้งหมด คือการแสดงเป้าหมายสูงสุดของเธอคือการแย่งโทรศัพท์ของเขามา การตามหาเฉิงเหยียนโย่วต่างหากคือเป้าหมายของเธอทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่แล้วกลับบังเอิญมาเจอซางจื้อเหนียน เมื่อเธอเห็นความห่วงใยในแววตาของเขา และได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความรู้สึกคับแค้นใจในใจของเซ่าเยว่ก็พรั่งพรูออกมา น้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันกำลังตามหาเฉิงเหยียนโย่วค่ะ เธอ...เธออยู่ในโรงแรมข้างๆ นี่เอง”ปลายนิ้วของซางจื้อเหนียนลูบไล้ใบหน
หัวใจเจียงเฉินหานเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ถาโถมเข้ามา ทำให้เขาทนไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงขั้นที่เสียงยังแหบพร่า “เซ่าเยว่ เธออย่าบีบให้ฉัน...”“ฉันเป็นคนบีบนายเหรอ? นายต่างหากที่เป็นคนบีบฉันมาตลอด! คำพูดพวกนี้ฉันพูดกับนายตั้งหลายครั้งแล้ว! แต่นายไม่ฟัง!”เซ่าเยว่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่เจียงเฉินหานแรงเยอะเกินไปเซ่าเยว่กัดฟันแน่น แล้วก็พุ่งเข้าไปล้มทับเขาทันที เจียงเฉินหานล้มลงกระแทกพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัวแม้จะตั้งสติได้เร็ว แต่หัวของเขาก็ยังกระแทกเข้ากับพื้น เขามึนงงไปชั่วขณะ เซ่าเยว่รีบอาศัยโอกาสนี้ลุกขึ้นทันที แต่เจียงเฉินหานไวกว่า คว้าไหล่เธอไว้ได้ทัน มืออีกข้างกดท้ายทอยเธอ เมื่อเขาออกแรง ก็ดึงทั้งสองเข้ามาใกล้ชิดกัน น้ำตาของเซ่าเยว่ร่วงหล่นกระทบใบหน้าเขาเป็นหยด ๆ “เจียงเฉินหาน บอกฉันมา เฉิงเหยียนโย่วอยู่ที่ไหน!”ผิวเขาที่ถูกน้ำตาอันร้อนผ่าวหยดใส่ ราวกับกำลังถูกเผาเจียงเฉินหานกัดฟัน “เธอสัญญากับฉันก่อนว่าเธอจะกลับมา แล้วฉันจะบอกเธอ!”“นายฝันไปเถอะ!” เซ่าเยว่สายตาเย็นเยียบ เธออาศัยจังหวะที่เจียงเฉินหานเผลอ คว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะน้ำชา แล้วก็
เซ่าเยว่ไม่เคยหวังลม ๆ แล้ง ๆ อะไรจากเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด เธอคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เธอจึงโกรธเกินบรรยาย “เจียงเฉินหาน นายไม่ได้รักฉัน แล้วทำไมนายยังตามรังควานฉันมานานขนาดนี้?”ก็เพราะการรังควานของเขา เธอจึงจับมือเป็นพันธมิตรกับซางจื้อเหนียนเพราะฉะนั้นเธอไม่กลัวเจียงเฉินหาน!แต่หัวใจคนเรานั้นควบคุมไม่ได้เซ่าเยว่ไม่ได้กลัวเจียงเฉินหาน แต่ทุกครั้งที่เห็นเขา บาดแผลในอดีตเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซ่าเยว่รู้สึกเสียใจ และเจ็บปวดและทุกครั้งที่ได้พบหน้า เซ่าเยว่ก็จะต้องเผชิญกับเรื่องนี้อีกครั้งว่าเจียงเฉินหานไม่เคยสนใจเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการตอกย้ำบาดแผลให้เจ็บลึกยิ่งกว่าเดิม! เธอทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “ทำไมกัน! นายมันตามรังควานฉันอยู่ได้ เพราะอะไรกันแน่?” คำถามแต่ละคำ กระแทกใส่เยื่อแก้วหู เจียงเฉินหานนั่งอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้น ยืนตรงหน้าเซ่าเยว่ ผู้หญิงที่แทบไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ เขาพูดมันออกมาโดยแทบไม่รู้ตัว “เพราะฉันไม่อยากให
เจียงเฉินหานใส่ใจเซี่ยอวิ๋นซูขนาดนั้น เรื่องนี้จึงผลักไปหาเฉิงเหยียนโย่วไม่ได้ ไม่เช่นนั้นความโกรธจะพุ่งเป้าไปยังเฉิงเหยียนโย่วแทนเซ่าเยว่ต้องรับไว้ ต้องโกหก!แต่นี่ไม่ใช่การโกหกถ้ารักใครสักคน ก็ย่อมไม่สามารถยอมรับได้ที่เขาไปทำดีกับผู้หญิงคนอื่นเกินขอบเขตดังนั้นคำพูดเหล่านี้ จึงมาจากใจจริงของเซ่าเยว่ทั้งสิ้น!นี่เป็นเพราะหย่าแล้ว เธอจึงกล้าระบายออกมา แม้จะไม่มีความหมายอะไรอีกแล้วแต่การที่ได้ระบายออกมา ดีกว่าที่เธอคิดไว้มากเจียงเฉินหานได้รับคำตอบที่ชัดเจน นี่เป็นคำตอบที่เขาอยากได้ยิน เขาจึงสงบลงอย่างแท้จริงขณะที่สงบลง เขากลับรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะความเกลียดชังในดวงตาของเซ่าเยว่เจียงเฉินหานหัวใจบีบแน่น เขากัดฟัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทำไมตอนนั้นเธอไม่บอกฉันล่ะ?”“ฉันบอกนายแล้วมีประโยชน์เหรอ!”“จะไม่มีประโยชน์ได้ยังไง? เธอไม่พูดอะไรเลย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอคิดยังไง? ไม่แน่ว่าฉันอาจจะ...”ลึกลงไปในใจของเซ่าเยว่ มีรอยแผลลึกรอยหนึ่ง ที่เธอไม่เคยอยากพูดถึง แต่การเค้นถามของเจียงเฉินหาน ทำให้เธอไม่อาจเก็บกดความแค้นเคืองในใจเหล่านั้นไว้ได้อีกต่อไป เธอทำร