LOGIN“ตอแหล” กิ่งกาญจน์หลุดปาก เพราะรู้ความจริงอยู่แก่ใจ พอยัยเด็กนี่เล่าออกมาเลยเผลอโพล่งขึ้นตัดบท เธอนึกไม่ถึงว่าคนที่ดูเงียบ ๆ ไม่หือไม่อืออะไรมาตลอดจะเริ่มมีปากเสียงขึ้นมาได้แบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ กิ่งกาญจน์พยายามนิ่งไว้เพราะไม่ว่าจะเถียงให้ตายยังไงยัยหัวอ่อนนี่ไม่มีปัญญาดิ้นหลุดหรอก
“เชฟจงใจใส่ร้ายหนูค่ะ” เสียงของพุฒิตาสั่นเครือเพราะในใจเริ่มมีความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ทั้งคำถามที่คิดไม่ตกว่าทำไมเชฟกิ่งถึงทำแบบนี้ เธอไปทำอะไรให้เจ็บแค้นกันตอนไหน แล้วเธอควรทำยังไงให้ทุกคนเชื่อดี
“ฉันจะไปใส่ร้ายเธอได้ยังไงเตย ในเมื่อเธอเป็นคนเซ็นชื่อลงไปเอง ฉันไม่ได้จับมือเธอเซ็นนะอย่าลืมสิ” กิ่งกาญจน์เฉไฉ และสิ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผล
พุฒิตาได้แต่จ้องกิ่งกาญจน์เขม็งพลางอ้าปากค้าง คนอะไรโกหกหน้าด้าน ๆ!
“แล้วดูการแต่งตัวกับกระเป๋าเข้าสิ ลำพังเงินเดือนซูเชฟจะมีปัญญาซื้อมาใช้เหรอ คงไม่ใช่ว่าหัวสูงอยากใช้ของแพงเกินตัวจนต้องหาช่องทางโกงเอาเงินมาใช้แบบนี้หรอกนะ” กิ่งกาญจน์ถากถาง เธอเล็งสำรวจเสื้อผ้าการแต่งกายของหญิงสาวตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว ตอนนี้สบโอกาสเล่นงานจึงพุ่งเป้าไปที่เครื่องแต่งกายของหญิงสาว ชี้ให้ทุกคนสังเกตแล้วตัวเองจะได้พ้นข้อสงสัย
น้ำหน้าอย่างเธอคิดจะมาลองดีกับฉันมันเร็วไปย่ะนังเตย กิ่งกาญจน์กระหยิ่มในใจ แววตาเจ้าเล่ห์นั้นส่งให้ใบหน้าดูอัปลักษณ์ขึ้นไปอีก
พุฒิตากำลังจะอ้าปากโต้กลับทว่าถูกเสียงตวาดของใครบางคนดังขัดเสียก่อน
“เงียบ! นี่มันห้องประชุม ถ้าจะมาเถียงกัน โน่นข้างนอก” เป็นรองประธานเมฆินทร์นั่นเอง เดิมทีเขาอารมณ์คุกรุ่นได้ที่อยู่แล้ว เมื่อต้องเจอกับการเถียงกันไปมาแบบไม่มีใครยอมใคร ก็ทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงจนตวาดออกไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดออก ทุกสิ่งชะงักนิ่งลงชั่วคราว
ผู้มาใหม่นั้นหาใช่ใครอื่น แต่เป็นราเชนทร์ โจทก์หมายเลขหนึ่งของพุฒิตา ชายหนุ่มปรากฏกายในมาดน่าเกรงขาม ผมเสยเรียบ สวมแว่นตาราคาแพง และสูทดำสนิททั้งตัว เมื่อก้าวเข้ามาก็เพิ่มบรรยากาศกดดันภายในห้องขึ้นอีกเท่าตัว
วันนี้เป็นวันรวมญาติของเจ้ากรรมนายเวรของเธอหรืออย่างไร จะมีอีกไหม ถ้ามีก็มาเลย มัดรวมมาให้หมดทีเดียวเลย จัดมาให้มันจบ ๆ
สายตาของชายหนุ่มที่จับจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เธอเริ่มวิงเวียน พะอืดพะอม…
พุฒิตาหายใจติดขัด แผ่นหลังเปียกชื้นทั้งที่แอร์เย็นเจี๊ยบ เกิดมาเพิ่งเข้าใจว่า ‘เหงื่อเย็น’ เป็นอย่างไรก็คราวนี้นี่เอง
ราเชนทร์ตรงเข้ามานั่งข้างพุฒิตา แล้วแบมือรับเอกสารจากคิมหันต์ เลขาฯ หนุ่มคู่กายที่อยู่ด้านหลัง โดยที่สายตายังจับจ้องหญิงสาวตลอดเวลา
หน้าตาก็ดี รสนิยมการแต่งตัวก็เข้าท่า เสียดาย ไม่น่าเป็นยัยตัวแสบ ราเชนทร์คิดก่อนกวาดตาอ่านรายงานคร่าว ๆ
เขาพลิกเอกสารอย่างไม่สบอารมณ์ถึงหน้าสุดท้ายก่อนโยนลงโต๊ะ แล้วจึงหันไปกล่าวกับหญิงสาวที่นั่งหน้าเจื่อนอยู่
“ผมราเชนทร์ เป็นที่ปรึกษากฎหมายของโรงแรมและบริษัทในเครือ และเป็นผู้เสียหายจากการทำงานของคุณ”
“ค่ะ” พุฒิตาสะดุ้งตอบได้เพียงเท่านั้น
“คุณพุฒิตา มารยาทงามสินะ” ราเชนทร์ย้ำ
ใช่ เธอรู้น่า ว่าเธอชื่อพุฒิตา นามสกุลมารยาทงาม แล้วยังไง มีอะไรก็พูดมาเลย ไม่ต้องทวนชื่อเธอก็ได้จะบอกว่าเธอทำให้บริษัทเสียหาย ทำให้โรงแรมเสียชื่อเสียง หรืออะไรก็แล้วแต่ พูดออกมาเลย!
ใจอยากตะโกนออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอตอบได้แค่คำว่า...
“ค่ะ” ก่อนจะงุดคางลงไปอีก
“งามจริง ๆ งามหน้ามาก เป็นถึงเชฟห้องอาหารดังกลับทำแบบนี้” ราเชนทร์ถูกใจหน้าตาเธอตั้งแต่แรกเห็น เมื่อนึกถึงคำว่างามในนามสกุลจึงเผลอหลุดคำนี้ออกไป ก่อนนึกได้ว่าตัวเองต้องมีสภาพอนาถขนาดไหนเพราะการกระทำของเธอ เขารีบกลับลำกลบเกลื่อนคำชมเป็นคำตำหนิกลางอากาศอย่างแนบเนียน
“คะ?” เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมต้องย้ำคำว่างามในนามสกุลเธอนักหนา นี่มันบุลลี่กันชัด ๆ
“คุณไม่รู้หรือไงว่าความสะอาดและคุณภาพอาหารเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ในสำนึกของคนทำอาหาร” ราเชนทร์จี้จุด
“ทราบค่ะ” เธอรู้ดีอยู่แล้วน่า แต่เรื่องวัตถุดิบโทษเธอได้ที่ไหน
“ทราบ? แล้วเห็นหลักฐานพวกนั้นไหม”
“เห็นค่ะ แต่หนูไม่ได้ทำนะคะ” พุฒิตาพยายามแย้ง
“ถ้าไม่ได้ทำแล้วนี่ลายเซ็นใคร” ราเชนทร์เริ่มหงุดหงิดกับแม่สาวมารยาทงามที่ท่าทางจะไม่ยอมรับสิ่งที่ตนก่อ
“ลายเซ็นหนูเอง แต่หนูไม่รู้เนื้อหาในเอกสาร ตอนนั้นเชฟกิ่งบอกให้เซ็นรับของเฉย ๆ หนูก็เลยเซ็นค่ะ” พุฒิตาพูดความจริงทั้งหมดแล้ว ได้โปรดเชื่อสักทีเถอะ
“นี่แกหาว่าฉันหลอกแกเหรอนังเตย” กิ่งกาญจน์เดือดขึ้นอีกครั้งจนไม่อาจทนนั่งนิ่ง ๆ ได้
“คุณกิ่งกาญจน์ ผมเชิญคุณมานั่งร่วมรับฟังในฐานะหัวหน้าแผนกครัว ถ้ายังจะแทรกขึ้นมาอีกก็ขอเชิญคุณออกไปก่อน” เมฆินทร์เอ่ยขัด
เมื่อถูกตำหนิ กิ่งกาญจน์จึงได้แต่พยายามสงบปากสงบคำ แต่ไม่วายจ้องพุฒิตาอย่างเคืองแค้น
ฝ่ายพุฒิตาที่เงยหน้ามาเจอสายตานั้นก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่ยอมเช่นกัน
พฤติกรรมของสองคนนี้อยู่ในสายตาของเมฆินทร์ทั้งหมด อันที่จริงเขาก็ไม่อยากเชื่อว่าเด็กคนนี้จะคดโกง เพราะจากประวัติและข้อมูลที่ให้คนไปสืบมา วันหนึ่ง ๆ เธอแทบไม่ได้ติดต่อกับใครเลย นอกจากทำงานในห้องอาหารและรับงานถ่ายแบบ ก็มีแค่ถ่ายคลิปสอนทำอาหารง่าย ๆ และเต้นคัฟเวอร์ลงแอปฯ ออนไลน์
เธอมีเพื่อนสนิทเพียงสี่ถึงห้าคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขารู้จักดี ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ด้วย ด้วยอุปนิสัยพื้นฐานแล้ว พุฒิตาไม่น่าจะโกงเพื่อนตัวเองลง อีกทั้งท่าทางตอนนี้เจ้าตัวก็ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ แต่ใครจะบอกได้ว่าโกหกหรือเปล่า
“ถ้าไม่ได้ทำ แล้วไหนพยานหรือหลักฐานล่ะ” ราเชนทร์กล่าวต่อ
“คือ...” พุฒิตาอ้ำอึ้ง ก่อนขบเม้มริมฝีปาก เธอไม่รู้จะไปหาหลักฐานจากไหนจริง ๆ
“หึ! ไม่มี” ราเชนทร์ยิ้มหยัน เขาเห็นมานักต่อนักแล้ว พวกทำความผิดแล้วทำท่าน่าสงสาร อ้างไม่รู้ ไม่ได้ทำ พอขอหลักฐานก็ไปต่อไม่เป็น คิดจะหลอกใครกันหา
“จะยังไงก็แล้วแต่นะคุณพุฒิตา ต่อให้คุณจะถูกหลอกเซ็นรับเอกสาร ไม่ได้อ่านเอกสาร หรือเอาหอยเน่ามาทำอาหารให้ผมกับคุณราเชนทร์กินเพราะถูกบังคับก็ตาม ประเด็นสำคัญคือคุณทำหน้าที่ได้อย่างบกพร่องร้ายแรงอยู่ดี” เมฆินทร์กล่าวต่อ
“ใช่” ราเชนทร์เสริม
“เพราะคุณได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบวัตถุดิบที่มาส่งทุกครั้ง แต่คุณกลับละเลยหน้าที่ ทำให้ไม่รู้ว่ามีการตบตาเพิ่มน้ำหนักสอดไส้บรรจุภัณฑ์ ทั้งยังมีของใกล้เน่าและของไร้คุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานปะปนมา” เมฆินทร์แจกแจงความผิดในการละเลยหน้าที่ของพุฒิตา ปิดท้ายด้วยประโยคชวนสันหลังวาบ
“ด้วยความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ทางเราจึงพิจารณาให้คุณพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของที่นี่ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป”
กิ่งกาญจน์ลิงโลดขึ้นทันที เธอส่งยิ้มเยาะให้พุฒิตาอย่างสะใจ...สมน้ำหน้า
ต่างกับพุฒิตาที่หูอื้อราวกับเพิ่งได้ยินเสียงฟ้าผ่า เธอรวบรวมสติแล้วพยายามยืนกรานอีกครั้ง แม้รู้ดีว่าไร้ประโยชน์
“แต่หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ นะคะ!” ก็ยัยป้ากิ่งไม่ให้เธอตรวจสอบวัตถุดิบ แจ้งเจอของใกล้เน่าทีไรก็ไม่ยอมฟัง จะให้ทำยังไงอีกเล่า! พุฒิตาอยากพูดออกไปใจจะขาด สมองตื้อไปหมดจนปากไม่ยอมขยับตามคำสั่ง
“คุณพุฒิตา มารยาทงามครับ มติที่ประชุมออกมาแล้ว ถ้าคุณคิดว่ามีหลักฐานแก้ต่างก็เอาออกมาสิครับ อย่ามัวแต่พูดแค่ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ตั้งใจ มันไม่มีประโยชน์ครับ แล้วจะบอกให้เอาบุญนะ พวกผมไม่แจ้งจับคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว” กล่าวเสร็จ ราเชนทร์ก็ยื่นรายการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้กับพุฒิตา
“และในฐานะผู้เสียหายโดยตรงจากความชุ่ยของคุณ ผมขอเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยค่าห้องอาหารที่ผมจองไว้สำหรับดินเนอร์ ค่าที่พักโรงแรมจำนวนหนึ่งคืนในวันเกิดเหตุ ค่าทำขวัญ รวมทั้งหมดห้าแสนบาท ตามรายการนี้ครับ”
ห้าแสน! จะบ้าเหรอ!! ฟังแล้วจะวูบ...
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะล้มพับลงไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลก็เดินเข้ามาวางเอกสารปึกหนึ่งลงตรงหน้าเธอ
“ทางซัปพลายเออร์เจ้าก่อนติดต่อมาร้องเรียนว่ามีการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด จะให้ทางเราชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งล้านบาท ส่วนใบนี้คือรายการค่าเสียหายของทางบริษัทเราครับ คุณเป็นผู้ร่วมโครงการที่บริษัทเราลงทุนไปมากเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถ เราจึงคาดหวังกับคุณไว้มาก แต่ผลลัพธ์ที่เราได้กลับมา คือการทำงานสะเพร่า ไร้ความรอบคอบ อาจถึงขั้นมีการฉ้อโกงด้วย ดังนั้น คุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้าน...”
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกำลังร่ายยาวถึงความผิด และค่าสินไหมทดแทนที่เธอต้องชดใช้อยู่นั้น พุฒิตาก็หูดับไปเป็นที่เรียบร้อย เธอไม่รับรู้อะไรอีกทั้งสิ้น ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว จนกระทั่งมืดสนิท...
“ถ้าอย่างนั้นเตยขอลากลับก่อนจะได้ไหมคะ กลัวจะจัดของไม่ทันค่ะ” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เธอก็ต้องรีบลากลับบ้านเสียแล้ว“เอาเถอะ ไว้พรุ่งนี้หรือวันหลังแม่แวะไปหาที่บ้านเจ้าเชนแล้วกันนะ” คุณนายสุพรรณีรู้สึกเสียดาย ยังไม่ทันได้ศึกษาอุปนิสัยของว่าที่ลูกสะใภ้เลย ก็ต้องส่งเธอให้กับเจ้าลูกชายสุดแสบเสียแล้ว ความรู้สึกนี้มันช่างเหมือนตอนที่กำลังจะส่งชิฌาเข้าเรือนหอเลยไม่ผิดเพี้ยนร่ำลากันเสร็จ พุฒิตารีบเดินทางกลับห้องพักพร้อมเจ้าหมูตุ๋น และห้องน้ำแมวอันใหม่ที่เพิ่งจะได้มา ทำการเก็บข้าวของลงกล่องและกระเป๋าเดินทางในแบบฉบับที่คิดว่าหยิบอะไรได้ก็ยัด ๆ ไปก่อนเมื่อแพ็กของตัวเองเรียบร้อย เธอจึงหันไปจัดแจงเก็บของใช้ของเจ้าหมูตุ๋น ไม่ว่าจะเป็นกระบะทราย ที่นอนแมว และของเล่นสารพัดอย่างที่กระจัดกระจายอยู่ทุกมุมห้องทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้น เหลือบไปดูเวลาก็พบว่าขณะนี้ล่วงเลยไปจนห้าทุ่มแล้วนี่เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า! ว่าแล้วก็คุ้ยหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กดน้ำร้อนใส่รอประมาณสามนาทีแล้วก็นั่งซดไปพลางเปิดแชตพิมพ์หากลุ่มเพื่อน ๆ ไปพลางToei: นอนแล้วยังสาว~Wann: ยางงงงงToei: ทำไรอะหวาน ดึกมว้ากWa
ชิฌาขับตามทางเข้าไปจอดภายในโรงจอดรถ จากนั้นหันมาแซวหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังนิดหน่อย“เป็นยังไง เห็นบ้านแล้วลมแทบจับเลยไหม”ใช่…ลมแทบจับ หวังว่าบ้านของคุณเชนอะไรนั่นจะไม่ใหญ่เท่านี้หรอกนะตอนที่ขับผ่านเพียงหน้าบ้านก็เล่นเอาเธอคิดสะระตะว่า ถ้าต้องทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียว มีหวังเธอคงตายคาที่แน่นอน“เดี๋ยวเราเข้าไปคุยรายละเอียดกันในบ้านดีกว่า” ชิฌาเสนอ เพราะทุกคนต่างนั่งรถเดินทางกันมาเหนื่อยๆ ถึงระยะทางไม่ไกล แต่การจราจรที่ติดขัดเกินไปก็สร้างความเมื่อยล้าให้กับผู้โดยสารได้เช่นกันเมื่อเข้าไปภายใน พุฒิตาวางตะกร้าเจ้าหมูตุ๋นลงข้าง ๆ เพราะระยะทางระหว่างโรงจอดรถกับตัวบ้านก็ใช่ว่าจะใกล้ ๆ แบกมานาน ๆ เล่นเอากล้ามแขนแทบขึ้นเช่นกันจากนั้นเธอก็ก้มลงถอดรองเท้าแล้วนำไปวางบนชั้นที่จัดไว้สำหรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือน“แมวชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” คุณนายสุพรรณีถามขึ้น“หมูตุ๋นค่ะ”“มันไม่อึดอัดเหรออยู่แต่ในกรง ไหนจะต้องกินน้ำ ขับถ่ายอีก” จะว่าไปตัวมันก็ดูเนียนน่าสัมผัสพิกล“ไม่หรอกค่ะ มันชินแล้ว” เมื่อก่อนเธอเคยหิ้วมันไปด้วยทุกที่ แต่นั่นก็ค่อนข้างนานมาแล้วเหมือนกัน“ถ้าน้องไม่ข่วนข้าวของ ไม่เข้าห้อ
Toei: โอ๋ยยย เอาดี ๆ ชมอยู่LadyGecko: บอกแล้ว ฉันแม่น ฉันเก่ง ฉันสวย และรวยมว้ากToei: ไหนบอกมีหนี้เยอะLadyGecko: นังลูกจกตกอับ เคยได้ยินคำนี้ไหม ‘รวยหนี้’ นั่นแหละแม่เลยLadyGecko เพิ่มคุณเป็นเพื่อนToei: ไหนบอกจะเพิ่มเพื่อนต้องเสียเงินไงLadyGecko: ยกให้เป็นกรณีพิเศษ ไว้ลับฝีปาก แต่ถ้าจะดูดวงจ่ายเงินนะบอกก่อนToei: ลับฝีปากอะไรก๊อน ลูกจกออกจะเรียบร้อยดุจผ้ายับที่พับไว้ แต่เดี๋ยวแชร์ให้ค่าLadyGecko: ดีมาก แล้วอย่าลืมไปตามหาญาติด้วยนะ เผื่อมีญาติเหลืออยู่Toei: ตอนนู้นเจ้าหน้าที่เหมือนเคยตาม แล้วบอกว่าประสานงานติดต่อไม่ได้LadyGecko: บางทีเขาอาจจะตกหล่น ถ้าไม่เขาตกหล่น ก็ฉันมั่ว แค่นั้น จะเสียหายอะไรToei: โอเคร ขอบคุณมัก ๆ แม่จก ไว้ลูกจกจะเอาธูปเทียนและพานดอกไม้ไปกราบไหว้LadyGecko: เปลี่ยนจากธูปเทียน พานดอกไม้ เป็นพวงมาลัยเงินทองแล้วกันนะToei: งก!LadyGecko: ยอมรับ ฉันไปก่อน ง่วงจะนอนหลังจากได้แชร์ความสุขกับใครสักคนแล้ว พุฒิตามุ่งตรงกลับไปยังหอพักของตัวเอง และเริ่มลงมือเก็บข้าวของอย่างจริงจังสิ่งหนึ่งที่เธอกังวลมากคือ เจ้าหมูตุ๋นแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะติดที่ เธอเคยอ่านเจอ บ
เดี๋ยวนะ...ผู้ชายฟรี แล้วเชนไหน ไม่ใช่เชนเดียวกันใช่ไหม พุฒิตาหวั่นใจแต่ไม่กล้าถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ เธอปลอบใจตัวเองว่าชื่อนี้คงโหลมากกว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ขอผ่อนเดือนละแปดหมื่นห้าพันบาทค่ะคุณป้า ประมาณสองปีครึ่งน่าจะหมดค่ะ” พุฒิตาคำนวณหนี้สินในหัวอย่างรวดเร็ว ทางออกอยู่ตรงหน้า ต่อให้นอนในรูหนู เธอกับตุ๋นตุ๋นต้องผ่านมันไปให้ได้ อย่างมากก็แค่สามปีเท่านั้น ไม่นับว่านานเลย“โอเค แล้วนี่พร้อมเริ่มงานเมื่อไรดี ป้าจะได้โทรบอกลูกชายของป้า” คุณนายสุพรรณีดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะจับหนูเตยคนนี้ไปส่งให้ถึงมือลูกชายเธอเสียวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ เธอเชื่อว่าลูกชายจอมซนของเธอต้องไม่ปล่อยหนูเตยที่แสนจะน่ารักไปอย่างแน่นอน“จะว่าไปก็เริ่มได้เลยค่ะคุณป้า ว่าแต่ที่ทำงานเลี้ยงแมวได้ไหม เตยมีแมวหนึ่งตัว แต่มันเรียบร้อยมากค่ะ” เรื่องเรียบร้อยหรือไม่ เอาไว้ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกันนังเตย ตอนนี้ขอให้มีงานทำก่อน ตอนนี้ต้องรอด ท่องไว้ต้องรอด!“งั้นดีเลย เดี๋ยวป้าให้คนไปช่วยขนของมาเลยดีไหม เริ่มงานพรุ่งนี้เลยเป็นไง” คุณนายสุพรรณีไม่ตอบเรื่องแมว เพราะเธอรู้ดีว่าหากนำเจ้าแมวเข้าบ้านแล้วจะเกิดอะไรขึ
“เดี๋ยวก่อนสิแม่...อยู่ ๆ จะเดินไปบอกให้เตยมาแต่งงานกับลูกชายของแม่มันจะละครไปหน่อยไหมคะ แล้วอีกอย่างเรายังไม่รู้พื้นเพของเตยดีพอเลยนะคะ” ชิฌารีบหยุดแม่ของตน ใจคอจะไม่ไตร่ตรองศึกษานิสัยใจคอกันดูก่อนสักหน่อยรึยังไงนะ“ใจเย็น ๆ อาณี สองคนนี้เขามีดวงที่เสริมเกื้อหนุนกัน แต่ดูท่าช่วงนี้อาจจะมีปัญหากัน อย่างไรเสียตอนนี้เราก็หาทางให้เขาได้รู้จักคุ้นเคยกันก่อน เรื่องแต่งงานค่อยว่ากันหลังจากนี้ก็ไม่สาย” ซินแสสำทับอีกแรง“แล้วไหนซินแสบอกว่าตาเชนต้องแต่งภายในสองปีนี้ล่ะคะ” เธอรีบท้วง เพราะเกรงว่าลูกชายตนจะเป็นคนไร้คู่ และไม่มีทายาทสืบทอดให้“อั๊วว่าลื้อก็แก่แล้วนะ ทำเป็นใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้”“ใช่ค่ะแม่ ตอนนี้เรามาหาทางช่วยน้องเตยเรื่องเงินก่อนดีไหมคะ” ชิฌาเสนอขึ้น เพราะตอนนี้ปัญหาใหญ่ของนางแบบสาวในสังกัดเธอคือเรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องคู่ครอง“จริงด้วย งั้นแม่ให้เตยเขาไปเลยดีไหม เท่าไรนะ สามล้านหรือเปล่า” เธอหันไปถามบุตรสาวที่นั่งข้าง ๆ“สองล้านแม่...มันก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่หนูว่าเตยเขาคงไม่รับมาฟรี ๆ แน่นอน”“นั่นสิ มันดูจะเป็นนิยายเกินไป อยู่ ๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ตั้งสองสามล้าน เดี๋ยวแม่ขอคิดก่อ
“ช่วงนี้รู้สึกว่าดวงตก มีการใส่ร้าย โยนความผิดด้วยใช่ไหม” ซินแสเมิ่งเปิดประเด็น“ใช่ค่ะ” ทันทีที่ตอบออกไป คุณนายสุพรรณีที่นั่งอยู่อีกข้างกระถดตัวเข้ามาใกล้ และทำคอยื่นยาวเพื่อส่องดูกระดาษที่ซินแสเขียน“ลื้ออยู่เฉย ๆ เลยอาณี หดคอกลับไป ขออั๊วคุยกับหนูเตยก่อน” คอยืดยาวประหนึ่งยีราฟค่อย ๆ หดกลับเข้าที่พร้อมสีหน้าสลดราวกับเด็ก ๆ ทำผิดแล้วถูกจับได้ดีแค่ไหน...ซินแสเพียงปรามด้วยคำพูด ไม่ช่วยดันศีรษะกลับเข้าที่ให้ได้เขินอายไปมากกว่านี้ภาพตรงหน้าทำให้ชิฌาถึงกับส่ายหัว ความชอบกินเผือกเสพดราม่าของอดีตนางเอกเบอร์ต้นระดับประเทศอย่างแม่ของตนช่างไม่มีใครเกินจริง ๆพุฒิตาเองก็ตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนรู้สึกเข้าใจหัวอกคุณแม่เจ้านายเป็นอย่างดี ตอนหมอดูทำนายดวงให้เพื่อน สภาพคอเธอก็เป็นอย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนซินแสเมิ่งเริ่มสนทนาถามไถ่ถึงปัญหาของพุฒิตา เธอจึงเล่าเหตุการณ์นับตั้งแต่วันที่บุพการีเสียชีวิต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการพาพุฒิตาไปอาศัยยังบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อยู่อาศัยที่นั่นพร้อมเรียนหนังสือจนกระทั่งจบมัธยมปลายพอได้วุฒิม.หกในขณะอายุสิบเจ็ดปี เธอก็กลับมาสมัครงานเป็นพนักง







