LOGINเมื่อโชคชะตา (และหนี้สิน) ถีบให้ ‘พุฒิตา ซูเชฟสาวสายมูเลี้ยงแมว’ ต้องกลายมาเป็น แม่บ้านจำเป็น ของ ‘ราเชนทร์ นักกฎหมายสุดเนี้ยบสายซึน’ งานนี้ไม่ใช่แค่บ้านต้องสะอาด อาหารต้องเลิศรส แต่หัวใจก็ดันสั่นสะเทือนจนเก็บอาการไม่อยู่! จากแม่บ้านมือใหม่ผู้ชอบดูดวงเปิดไพ่อยู่เป็นนิจ ดวงตกต้องมาปะทะกับนายจ้างที่ขยันบ่นใส่เธอยับ แต่ไหงไป ๆ มา ๆ เขากลับคอยเฝ้าหน้าจอนั่งดูแม่บ้านตัวเองทั้งวันซะงั้น!? จากศัตรูที่ไม่มีวันลงรอย สู่คู่กัดที่ต้องใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกัน เรื่องราวชุลมุนวุ่นวายจึงเริ่มต้นขึ้น ทั้งฮา ทั้งหวาน และทั้งเขิน เพราะบ้านหลังนี้…ไม่ได้สะอาดแค่พื้น แต่สะเทือนมาถึงหัวใจ!
View MorePrologue
Card of the Day: Seven of Swords – การแอบซ่อน ไม่เปิดเผย ถูกหลอกลวง ถูกทรยศ ของหายไม่รู้ตัว...
คิ้วคมขมวดมุ่นจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเกลี้ยงเกลา รูปร่างสมส่วน นึกฉงนกับความหมายของไพ่ประจำวันใบนี้ ลูกจ้างธรรมดาประจำห้องอาหารของโรงแรมอย่างเธอจะตกเป็นเป้าให้ใครมาหลอกลวงทรยศกัน จากนั้นก็เอียงคอนึกถึงสิ่งของที่มีโอกาสหายมากที่สุด... คงเป็นมือถือมั้ง แต่สำหรับมนุษย์ที่ติดมือถือจ๋าอย่างเธอคงจะยาก...
แต่ยังไงไพ่ใบนี้ก็ไม่ดีเลยแฮะ...ไหนขอลองอีกทีแล้วกัน คิดแล้วพุฒิตาก็กดปุ่มสุ่มใหม่อีกครั้ง
‘คิดว่ากดใหม่แล้วจะออกใบอื่นเหรอจ๊ะ’ ระบบแจ้งเตือนขึ้นที่หน้าข้อความสนทนา
งกชะมัด อีกใบก็ไม่ได้...
มีคนบอกว่า ถ้าไพ่ดีคือแม่น ถ้าไม่ดีคือไม่แม่น ทั้งที่ในโซเชียลเคลมกันหนาหูว่าไพ่ประจำวันจากไลน์ของแม่หมอจกนั้นแม่นนักแม่นหนา แต่คนที่มาลองสุ่มครั้งแรกอย่างเธอดันได้ไพ่ออกมาไม่ดีซะงั้น เสียเวลาชีวิตจริง ๆ
พุฒิตาหย่อนโทรศัพท์มือถือลงในช่องด้านในกระเป๋าสะพาย ก่อนยัดด้วยชุดประจำตำแหน่ง ‘ซูเชฟ’ ตามลงไปแล้วรูดซิปปิด เตรียมพร้อมออกเดินทางไปทำงาน ใช่แล้ว ออกไปลุยกับงานหนักที่ถาโถมเข้ามาเป็นพิเศษนับตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดทุเลาลง หญิงสาวตบแก้มเรียกกำลังใจสองสามครั้ง มีงาน! มีเงิน! ไปทำ!
“ตุ๋นตุ๋น มี้ไปทำงานก่อนนะ วันนี้สัญญาว่าจะกลับไม่ดึก” เธอไม่ลืมที่จะหันมาลาเจ้าหมูตุ๋น แมวพันธุ์ขนเกรียนสุดที่รักก่อนไป
“แง้ว!” เจ้าแมวน้อยร้องตอบ พุฒิตาทึกทักเอาว่าเจ้าแมวแสนรักคงกำลังร้องบอกให้เธอไปดีมาดี จึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี โดยหารู้ไม่ว่าความจริงมันบอกว่า คิดว่าแมวเชื่อหรือไง!ต่างหาก
เริ่มจากเดินเท้าเริงร่า ท้าทายแดดประเทศไทย มโนจังหวะเพลงคัฟเวอร์แดนซ์ไปตามทางจนถึงสถานีรถไฟฟ้า หญิงสาวเปลี่ยนมายืนโหนรถไฟเพื่อไปทำงานอย่างสบายอารมณ์ จนกระทั่งได้ยินคนกระซิบกระซาบคุยกัน...
“แกเห็นข่าวมือเทรดทองคนดังเชิดเงินหนียัง”
“อ๋อ พิธีกรคนนั้นน่ะเหรอ เห็นแล้ว ยังคิดอยู่ว่าจะโป๊ะตอนไหน ตกลงเผ่นแล้วเหรอ”
พุฒิตาพลันใจหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม ได้ยินคีย์เวิร์ดคำว่า เทรดทอง...เชิดเงิน...หนี!...พิธีกร!...เหล่านี้ เธอก็ลนลานเปิดกระเป๋าล้วงมือถือออกมาไถหารายละเอียดทันที
สถานี...ประตูรถจะเปิดทางด้านขวา
บ้าจริง ดันถึงที่ทำงานพอดี หญิงสาวได้แต่เร่งฝีเท้าก้าวออกจากขบวนรถก่อนเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางคนอื่น เธอแทบวิ่งลงบันไดรวดเดียวถึงพื้นราบ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาไถอีกครั้งเมื่อเข้าสู่โรงแรมใหญ่ชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านมหานครซึ่งเป็นที่ทางอันคุ้นเคย
พุฒิตาสาวเท้าเดินเร็ว ๆ เท่าที่ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบกว่าจะเอื้ออำนวย พร้อมกันนั้นก็ก้มหน้าก้มตาดูฟีดโซเชียลซึ่งเต็มไปด้วยข่าวลือว่า เจ้ามือเทรดทองคำชื่อดังหอบเงินหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังหารายละเอียดที่ชัดเจนไม่พบ หญิงสาวมัวแต่จ้องมือถือโดยไม่ได้มองทางอย่างเป็นกังวล จนชนโครมเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ว้าย! ขอ...” โทรศัพท์หลุดจากมือเธอร่วงลงกระแทกพื้นอย่างจัง หน้าจอดับสนิททันที เห็นมือถือตัวเองดับวูบไม่รู้สู่ขิตหรือยังคาตา พุฒิตาพลันกลืนคำขอโทษกลับลงคอ
“โอ๊ย! เดินประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ!” เมื่อชนเข้ากับร่างแข็งปานหินผาจนมึนตึ้บ บวกกับกำลังร้อนรุ่มกลุ้มใจ เธอจึงหันไปแว้ดพาลใส่หมดไม่สนลูกใคร หญิงสาวกุมหน้าผากที่กระแทกพลางเหลือกมองหน้าวัตถุ...อะแฮ่ม ผู้ชายที่ชนใส่ แต่สิ่งที่สวนกลับมาคือสายตาดุดันอันบ่งบอกชัดว่า ‘เธอนั่นแหละเป็นฝ่ายผิด’ ตามด้วยท่าทางปัดเนื้อปัดตัวรังเกียจฝุ่นที่เกาะบนเสื้อผ้าราคาแพงของตน...
เหลือจะเชื่อ! พุฒิตาอ้าปากค้าง หล่อซะเปล่าแต่ดูทำท่าเข้าสิ!
“ฮือ หน้าจอแตกหมดเลย” พุฒิตาเก็บมือถือขึ้นมาแล้วแทบอยากร้องไห้ หน้าจอแตกร้าวส่วนหนึ่ง แต่นับว่ายังโชคดีที่เครื่องยังเปิดติด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียเงินซ่อมหรือไม่ก็ซื้อโทรศัพท์ใหม่แน่
“ความผิดผมรึไง” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยพร้อมเลิกคิ้วถาม
ใบหน้าหล่อเหลา แต่งกายดูดี ใส่สูทมีราคา แถมด้วยโทนเสียงชวนเคลิ้มทำเอาพุฒิตาเหม่อไปชั่วแวบ ก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อสมองประมวลคำพูดของอีกฝ่ายจบ ไหนจะท่าทางน่าหมั่นไส้ ไหนจะปากเสีย ๆ หล่อเสียของเป็นบ้า!
“ผมยืนของผมอยู่ดี ๆ คุณต่างหากที่เดินไม่ดูทางมาชนผมเอง ทำหล่นเอง แล้วก็ทำแตกเอง” ราเชนทร์จ้องหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มชวนมองตรงหน้า ก่อนผุดคำตำหนิขึ้นในใจ
ซุ่มซ่าม ตัวก็เล็กนิดเดียว เดินไม่ระวังแล้วยังมาโวยวายอีก
“นั่งไม่สบายเหรอคะ ให้อ้อปลดเข็มขัดนิรภัยให้ก่อนไหม” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำตามที่บอกก็ถูกขัดขวางเสียก่อน“อ้อครับ ผมขับรถอยู่” อันที่จริงเขาอยากให้เธอทำต่อ แต่อยู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกปั่นป่วนพะอืดพะอม เกรงว่าเมื่อหญิงสาวเดินหน้าลงมือปรนเปรอเขาจนถึงที่สุด แทนที่จะเสร็จสมอารมณ์หมายอาจกลายเป็นอย่างอื่นเล็ดออกมาแทนใช่ เขาปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำมาก!“ให้อ้อทำให้นะคะ” เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะครอบครองความเป็นชายตรงหน้า ทว่าชายหนุ่มกลับดึงตัวเธอขึ้น แน่นอนว่าการกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย“ไว้ค่อยต่อนะ” เขาบอกก่อนพยายามทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการขับรถ โดยไม่ใส่ใจหญิงสาวที่ร่วมเดินทางมาด้วยอีกเลยพอถึงที่หมาย อาการที่เขาพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ก็เหมือนจะเริ่มหายไป หวังเพียงแต่ว่าจะสามารถทนได้จนกระทั่งถึงบ้านด้วยนิสัยรักสะอาดและกลัวเชื้อโรค ราเชนทร์ไม่ชอบใช้ห้องน้ำสาธารณะ เมื่ออาการหายไปเขาจึงรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกชั่วคราวลิฟต์โรงแรมพาทั้งคู่มาส่งยังชั้นห้องอาหารสุดหรู มองเห็นทิวทัศน์เมืองหลวงแทบจะเรียกได้ว่าสามร้อยหกสิบองศาบริกรเดินเข้ามาต้อนรับพร้อมสอบถามชื่อ ก่อนนำทั้งคู่ไปยังโซน
Card for him: Knight of Swords – เสียสมดุล ไร้การควบคุม พุ่งแรงไปข้างหน้า...หลังจากกินมื้อกลางวันกับเพื่อนเสร็จ ราเชนทร์เดินทางกลับคอนโดมิเนียมที่ต่อไปนี้อาจไม่ค่อยได้แวะมาอีกตามประสาคนมีอันจะกิน เขาร่วมลงทุนทำโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูใจกลางเมืองกับกลุ่มเพื่อนสนิท โครงการนี้แบ่งออกเป็นสองโซน สำหรับโซนลักชัวรีด้านหน้ามีไว้ให้คนจับจองเป็นเจ้าของ ส่วนเขาที่มีความต้องการพิเศษกว่าชาวบ้าน ไหนจะอยากได้พื้นที่กว้าง สังคมอันเป็นส่วนตัว เลยเป็นที่มาของโซนไพรเวต สำหรับตนเองและเพื่อนอีกจำนวนสิบหลังเมื่อนึกถึงบ้านหลังใหม่ เขายกหูโทรศัพท์ต่อสายหาคุณแม่สุดที่รัก[ฮัลโหล ไม่คิดไม่ฝันว่าลูกจะโทรหาแม่] ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงกระแนะกระแหนก็ลอดสายมากระทบโสตประสาทของชายหนุ่ม“มีเรื่องจะรบกวนแม่น่ะครับ ผมถึงได้โทรหา” ว่าเข้าให้ ประโยคต่อมาแม่ต้องงอนแน่ ๆ[ใช่สิ แม่มันไม่มีค่า ไม่มีใครคิดถึง] นั่นปะไร ทั้งที่รู้ว่าแม่จะงอน เขาก็ยั้งปากไม่ทันอยู่ดี“คิดถึงสิครับ มีแม่คนเดียวที่จะช่วยผมได้” ดูทรงแม่เริ่มจะโวยวาย คงต้องพอเท่านี้ก่อน[มีอะไรก็ว่ามา ตอนนี้แม่กำลังจะออกไปกับลูกสาวสุดที่รัก] แม่ยังคงเหน็บแนมเข
“ฉ่ำมากเลยครับ” ราเชนทร์ตอบกลับ แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่บนรูปหน้าเรียวสวย ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยลิปกลอสเบาบางช่างดูฉ่ำวาวราวกับหอยที่เขาเพิ่งจะซดเข้าปากไปฉ่ำเรอะ...ใกล้เน่าสิไม่ว่า พุฒิตาคิดในใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของรองประธานหนุ่มอย่างเมฆินทร์ ซึ่งหันมาจ้องเหมือนกำลังจับผิด เล่นเอาเธอถึงกับสะดุ้งแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง เริ่มแสดงการทำเมนูของหวานปิดท้ายแทน“ขออนุญาตแทนตัวเองว่าเตยนะคะ เมนูของหวานปิดท้ายสำหรับมื้อนี้จะเป็นโกลเด้นสวีทมัทฉะ ซิกเนเจอร์ของห้องอาหารเราค่ะ ผงชามัทฉะนี้สั่งนำเข้าจากเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งชาเขียว ขนมนี้จึงเป็นเมนูที่หาทานได้ยากทีเดียวค่ะ” เธอท่องตามสคริปต์ที่จำมาพรีเซนต์ลูกค้าทุกครั้งที่มีออเดอร์เมนูนี้ระหว่างอธิบาย พุฒิตาจัดแจงวางแม่พิมพ์ลงบนถาด ตักไอศกรีมมัทฉะมาปั้นแต่งขึ้นเป็นรูปหัวใจ จากนั้นจึงนำมันม่วงใส่ลงอุปกรณ์บดมือ ทำการปั่นมันม่วงออกมาเป็นเส้นสายโรยครอบไอศกรีมทรงหัวใจอีกชั้นหนึ่ง แต่งด้วยน้ำตาลไอซิงและแผ่นทองคำเปลวด้านบนเล็กน้อยให้สมกับชื่อโกลเด้นสวีทมัทฉะ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย“เชิญรับประทา
สามเดือนต่อมา...Card of the Day: The Moon – ความสับสนลังเล ความกังวล ลางสังหรณ์บรรยากาศช่วงเที่ยงภายในห้องอาหารนานาชาติของโรงแรมชื่อดังย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล เมื่อลูกค้าต่างตบเท้ามาใช้บริการพร้อมกัน บ้างต้องการอาหารไทย บ้างต้องการอาหารอิตาเลียน อย่างเช่นลูกค้ารายล่าสุด เห็นว่าเป็นคนสำคัญมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของโรงแรมแห่งนี้ และมีความต้องการพิเศษกว่าคนอื่น“เชฟกิ่งคะ มีออเดอร์เชฟ ซีเล็กเต็ด เอ็กซ์พีเรียนซ์ ไดนิ่ง0F [1] สำหรับสองที่จากบอสค่ะ” เสียงกระหืดกระหอบของเฟยเฟยเด็กเสิร์ฟประจำโซนวีไอพี วิ่งเข้ามาพร้อมประโยคที่ทำให้ทุกคนต้องชะงักเมนูเชฟ ซีเล็กเต็ด เอ็กซ์พีเรียนซ์ ไดนิ่ง คือเมนูพิเศษที่จะเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สและไม่ได้มีทุกวัน เนื่องด้วยวัตถุดิบที่ใช้สำหรับประกอบเมนูนั้นมีจำกัด ดังนั้นทางห้องอาหารแห่งนี้จึงจัดเพียงสามวันต่อสัปดาห์ และต้องจองเข้ามาเท่านั้น“แต่วันนี้เราไม่ได้เปิดเมนูนี้นะ” กิ่งกาญจน์เชฟประจำห้องอาหารกล่าวเสียงติดหงุดหงิดอยู่ในที“หนูพยายามบอกแล้ว แต่บอสยังยืนยันว่าจะเอาเซตนี้ค่ะ” เฟยเฟยพยายามชี้แจง ได้ยินดังนั้น กิ่งกาญจน์จึงหันไปหยิบกระด





