รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 7
โล่งใจได้ไม่นานความรู้สึกหนักอึ้งก็กดทับนิชาอีกครั้ง เพราะในช่วงบ่ายของวันธรรมดาวันหนึ่ง เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องของอัคคีตามปกติ ส่วนเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงลุกไปเปิดโดยไม่คิดอะไร คิดเพียงว่าคงเป็นพนักงานสักคนในบริษัทที่เอาเอกสารสำคัญมาให้เขาเซ็น
แต่พอเห็นหน้าคนเคาะชัดๆ นิชาก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ จนอีกฝ่ายเอ่ยเรียกถึงได้สติรีบเชิญหล่อนเข้ามานั่งรอเจ้าของห้องข้างใน
"คุณอัคคีเข้าห้องน้ำอยู่ รอสักครู่นะคะ" นิชาบอกหญิงสาวผู้เป็น 'คู่หมั้น' ของเจ้านาย ก่อนจะออกไปจัดของว่างมาเสิร์ฟให้แล้วกลับไปนั่งทำงานที่เดิม ไม่นานอัคคีก็ออกมาจากห้องน้ำ
"อ้าว ไอริณ มาตั้งแต่เมื่อไรครับ รอนานมั้ย" น้ำเสียงที่ใช้คุยกับอีกฝ่ายนั้นทั้งสุภาพและนุ่มทุ้มจนนิชาต้องกรอกตามองบน
"ไม่นานเลยค่ะ ริณเพิ่งมาถึงเอง" ไอริณตอบรับยิ้มแย้มสดใส
"งั้นไปกันเลยมั้ยครับ"
"ค่ะ"
"วันนี้ผมไม่กลับเข้าบริษัทแล้วนะ มีอะไรก็วางไว้บนโต๊ะได้เลย" อัคคีหันมาบอกผู้เป็นเลขาเพียงเท่านั้นก็พาคู่หมั้นออกจากห้องไป
ตลอดมานิชาเป็นคนจัดการตารางทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้เขาแทบทุกอย่าง เธอรู้เรื่องของเขาทั้งหมด แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีนัดกับคู่หมั้น เขาไม่บอกเธอ ตอนเช้าเพียงถามถึงตารางงานในช่วงบ่ายว่าว่างหรือไม่เท่านั้น
สองไหล่ที่เคยเหยียดตรงต่อหน้าคนอื่น ห่อลงเล็กน้อยเมื่อบานประตูปิดลง นิชาเอาแต่ครุ่นคิดว่าอะไรทำให้ไอริณมาที่นี่ทั้งที่ผ่านมาหล่อนแทบจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่เลย
ไม่แน่ว่าอัคคีอาจจะใกล้ตกลงปลงใจแต่งงานกับอีกฝ่ายแล้วก็ได้ เพราะเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว หน้าที่การงานฐานะก็พรั่งพร้อมทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเพราะเธอจะได้หลุดจากสถานะบ้า ๆ นี่เสียที
สัญญาที่นิชาพิมพ์ให้ร่างสูงเซ็นนอกจากระยะเวลาสองปีที่เขาบอกแล้วเธอยังเพิ่มข้อตกลงเข้าไปอีกหลายข้อ หนึ่งในนั้นคือถ้าเขาแต่งงานก่อนที่จะครบสองปีสถานะนี้จะต้องหยุดลง...
.
.
"แม่คะ วันนี้นิกลับดึกหน่อยนะ อยู่ทำโอที ไม่ต้องรอนะคะ"
นิชาโทรบอกแม่ แจ้งเจ้าหน้าที่ รปภ. ว่าจะอยู่ทำงานดึก และสั่งข้าวเย็นมานั่งกินขณะที่ยังคงทำงานต่อไปแม้จะเลยเวลาเลิกงานมาสองชั่วโมงแล้วก็ตาม เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยได้ทำโอทีเท่าไรเพราะต้องติดตามอัคคีไปทุกที่ เธอมีเวลาทำงานเต็มเวลาเพราะไม่มีอะไรมาเบียดเบียน แต่ทุกวันนี้เวลาทำงานของเธอไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว
พอตกอยู่ในสถานะคู่นอน นอกจากตอนกลางคืนแล้ววันดีคืนดีตอนทำงาน อยู่ๆ อัคคีก็นึกอยากจะทำก็ทำโดยที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะทำจนสุดทางหรือทำแค่ภายนอก แต่มันมีผลกับการทำงานของเธอมากๆ ไม่ใช่แค่ตอนทำแต่หลังจากทำแล้วหลายครั้งเธอก็ไม่สามารถดึงสมาธิกลับมานั่งทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ นั่นทำให้เธอทำงานได้ช้าและไม่เต็มที่เท่าที่ควร ก็เลยต้องอยู่ทำโอทีทุกครั้งที่มีโอกาส แต่จะเรียกว่าโอทีก็ไม่ได้เสียทีเดียวเพราะเธอไม่เคยบอกเขาและไม่ได้จะรับค่าแรงเพิ่มแต่อย่างใด
แกรก!
"ทำไมยังทำงานอยู่อีก" อัคคีมองผู้เป็นเลขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาเพียงแวะเข้ามาเอาของที่ลืมไว้แต่กลับพบว่านิชายังคงนั่งทำงานอยู่ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาจนดึกดื่นเกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
"ก็ถ้าตอนกลางวันคุณปล่อยให้นิได้ทำงานเต็มเวลา นิก็คงไม่ต้องอยู่ทำจนถึงตอนนี้หรอกค่ะ" แม้จะตกใจที่เห็นเขาโผล่มา แต่ก็อดประชดประชันใส่ไม่ได้ ให้รู้ตัวไว้ก็ดีว่าที่เธอต้องทำงานล่วงเวลามันเป็นเพราะใคร!
"หึ..." อัคคีไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด ยิ่งได้ยินแบบนั้นเขากลับยิ้มอย่างชอบใจ ชอบนักเวลาที่นิชาประชดประชันเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่มีทางที่จะได้เห็นมุมนี้แน่นอน
"แต่นี่ไม่ใช่เวลางาน เป็นเวลาที่คุณต้องทำหน้าที่...บนเตียง" ร่างสูงเดินไปนั่งไขว้ห้างที่โซฟารับรองไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของเธอ ก่อนพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย
"งั้นคุณก็อย่าเอาเวลางานไปทำเรื่องบนเตียงสิคะ" ดวงตาคู่สวยจ้องมองหน้าคนฟังนิ่ง
"แน่ใจเหรอว่าคุณมีสิทธิ์ต่อรอง?" อัคคีจ้องตากลับด้วยรอยยิ้มยียวน ไม่สนใจท่าทีไม่พอใจของเธอเลยแม้แต่น้อย
"..." นิชาได้แต่ข่มอารมณ์ ไม่ต่อปากต่อคำเพราะรู้ว่าต่อให้พูดจนน้ำลายแห้ง คนหน้าหนาอย่างเขาก็ไม่มีทางจนมุมได้ง่ายๆ มีแต่เธอจะโมโหเองเสียมากกว่า
"มานี่" มือแกร่งตบลงบนตักของตัวเอง
"คุณน่าจะอิ่มแล้วมั้งคะ" ร่างบางเหยียดยิ้ม ออกไปกับคู่หมั้นตั้งนานสองนาน ชุดที่ใส่ก็ยังอยู่ในชุดทำงาน คงเพิ่งจะแยกจากกันสิท่า
"ผมไม่เคยอิ่ม" อัคคียิ้มยั่วเพราะรู้ว่านิชาหมายถึงอะไร ทว่าธอก็ยังคงนิ่ง ไม่อยากทำ ยิ่งเห็นคู่หมั้นเขามาวันนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
"วันนี้คุณเพิ่งไปกับคู่หมั้น คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะที่ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธอ"
"ไม่นะ ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงาน ผมก็ยังโสด จะไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้ทั้งนั้น" คำตอบที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวของอัคคีทำนิชาพูดไม่ออก ทั้งสงสารไอริณและผิดหวังที่ตัวเธอเองก็มาหลงรักคนเลวๆ แบบนี้
"อย่างน้อยก็ควรมีจิตสำนึก มีศีลธรรมบ้าง"
"หึ กล้าพูดถึงศีลธรรม ทั้งๆ ที่เราสองคนไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด น่าขำ"
"คุณรู้ดีแก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร คุณบีบบังคับให้นิต้องยอมทำแบบนี้เอง นิไม่ได้เต็มใจ!" นิชาจุกในอกและโมโหจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วยังไง สุดท้ายคุณก็เป็นเมียผมแล้ว จะให้ผมคืนความบริสุทธิ์คงเป็นไปไม่ได้" อัคคียังคงลอยหน้าลอยตา พูดคำว่า 'เมีย' ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนเป็นคำที่ไม่มีค่าคำหนึ่ง ก็อย่างว่าแหละถ้ากล้าเรียกเธอว่าเมียผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาก็เป็นเมียเขาหมด ค่อนประเทศเห็นจะได้!
"โชคดีนะคะ...ที่ครั้งแรกของนิไม่ใช่ของคุณ ไม่งั้นคงฝันร้ายไปอีกนาน เพราะครั้งแรกของนิกับแฟนคนแรก ดีกว่านี้เยอะ!" ร่างบางยิ้มเยาะอย่างจงใจ ผู้ชายที่มันมั่นใจในตัวเองมากๆ มักจะไม่ชอบโดนสบประมาท อัคคีก็เป็นหนึ่งในนั้น
"หึ ดีนี่...ปากดีให้ได้ตลอดแล้วกัน!" ร่างสูงก้าวพรวดทีเดียวก็มาถึงตัวเลขา ไม่ทันได้หนีเธอก็ถูกจับเหวี่ยงลงไปที่โต๊ะทำงานอย่างแรง ไม่สนว่าตัวเธอจะกระทบกับอะไรหรือของบนโต๊ะจะมีอะไรอยู่บ้าง เพราะเธอทำเขาโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
"นะ นี่คุณ! ปล่อย โอ้ย!? อื้อออ" แรงเหวี่ยงทำให้นิชาไม่ทันได้ตั้งหลัก มือพลาดท่ารับแรงกระทบของน้ำหนักตัวเองกับโต๊ะทำงานผิดท่าจนได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ ความเจ็บแปลบที่ได้รับทำเอาเบ้หน้าน้ำตาคลอ เธอพยายามจะทักท้วงแต่อัคคีกลายเป็นหมาบ้าไปแล้ว เขาไม่สนใจและยังคงใช้กำลังปลุกปล้ำยัดเยียดความต้องการให้เธอด้วยอารมณ์โกรธจัด
ร่างบางทำได้แค่กลืนก้อนสะอื้นและความขมขื่นลงคอไปอย่างยากลำบาก ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งไร้ประโยชน์ ยิ่งดิ้นแรงก็ยิ่งเจ็บตัวเพิ่ม
สุดท้ายเธอก็ยอมให้เขาย่ำยีจนพอใจ บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อเขาพอใจเธอรีบเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายขึ้นมาใส่ด้วยมือและขาที่สั่นเทา ข้อมือบวมแดงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำ ปวดและชาแต่ก็ต้องฝืนแต่งตัวจนเสร็จ แล้วคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนข้างหลัง
"อ้าว คุณนิชา กลับแล้วเหรอครับ กลับดึกเชียว แล้วท่านประธานล่ะครับ" เจ้าหน้าที่ รปภ. เห็นร่างบางเดินมาขึ้นรถจึงทักขึ้นเพราะรู้ว่านิชาอยู่ทำโอที และก่อนหน้าไม่นานท่านประธานก็แวะมาเอาของ เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ลงมาพร้อมกัน
"อยู่ข้างบนค่ะ อีกสักพักน่าจะกลับ งั้นนิกลับก่อนนะคะ" ร่างบางตอบและพยายามฝืนยิ้มแม้สภาพจะดูอ่อนเพลียแปลกๆ แต่พี่ รปภ. ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะพนักงานบริษัทกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นเวลาทำงานโอทีดึกดื่นก็สภาพนี้กันทุกคน
ขึ้นรถได้นิชาก็ฝืนขับรถออกไป ไม่รั้งรอให้ได้เจอกับเขาอีก เธอขับไปจอดที่ปั๊มน้ำมันก่อนฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยปล่อยน้ำตาไหลไร้เสียงสะอื้น ความรู้สึกมากมายตีรวนไปหมด ทั้งโกรธ น้อยใจ สมเพชตัวเอง และก็รู้สึกผิดเพราะขณะที่มีอะไรกันเธอยังได้กลิ่นน้ำหอมของไอริณจากตัวเขาอยู่เลย...
..
..
..
..
รักกันกี่โมง?
แล้วอิพี่มันเคยบอกนะว่าไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำน้องร้องไห้
คนอื่นไม่ทำอยู่แล้วค่ะ บอกตัวเองเถอะ!
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง