รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 6
"โรคจิตหรือไงอีตานี่..." ดวงตากลมสวยจ้องมองร่องรอยสีแดงช้ำที่ถูกประทับตามร่างกายผ่านกระจกบานใหญ่พลางบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย เพราะเธอต้องรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อคอเต่ามาใส่ปกปิดจากสายตาผู้คน
โชคดีที่เจอว่ามีเสื้อคอเต่าบางๆ อยู่ เพราะถ้าใส่แบบหนาในประเทศที่เป็นมิตรกับพระอาทิตย์แบบนี้ผู้คนคงจะมองเธอบ้าแน่นอน
เช้าวันทำงานเมื่อนิชาแต่งตัวเสร็จก็เก็บของแล้วลงไปทานข้าวเช้ากับแม่และหลานๆ พูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา เมื่อถึงเวลาสมควรก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่
การทำงานเป็นเลขาที่เปรียบเสมือนแขนขาของผู้เป็นนายนั้นทำให้นิชาต้องมาทำงานแต่เช้าเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ
ร่างบางนั่งเคลียร์งานค้างเล็กน้อยจนเสร็จ ก่อนไล่ดูตารางงานที่ต้องทำในสัปดาห์นี้ที่จดไว้ในไอแพด เธอต้องบันทึกและจดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ แม้ยามไม่มีไอแพดในมือก็ต้องจำให้ได้ ทั้งกำหนดการประชุม นัดลูกค้า รวมถึงวันสำคัญและงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งส่วนของบริษัทและส่วนตัวของเจ้านาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็กน้อยจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าแม้เงินเดือนจะสูงลิ่วแต่ก็ถูกใช้งานคุ้มเงินเดือนอย่างแท้จริง
นิชานั่งทำงานอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครที่สามารถเข้าห้องประธานได้โดยไม่ต้องรอใครอนุญาต ร่างบางใจเต้นตึกตัก จู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอทำเป็นไม่สนใจเขา ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
อัคคีหยุดมองร่างบางอย่างสำรวจ เมื่อเห็นการแต่งกายของเธอก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองกองเอกสารที่ต้องเซ็นอย่างไม่รีบร้อน เพราะในห้องนี้มีสิ่งที่น่ามองมากกว่า...
นิชารับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมาอยู่ตลอดเวลาก็ค่อนข้างอึดอัดและเธอต้องใช้สมาธิอย่างมากที่จะจดจ่ออยู่กับงานให้ได้ แม้ยังไม่อยากยุ่งอะไรกับเขาในเวลานี้ แต่หน้าที่ก็ยังคงต้องทำ
แก้วกาแฟหอมกรุ่นกับคุกกี้ดาร์กช็อกโกแลตถูกเสิร์ฟให้เจ้านายทุกวันเหมือนที่เคยเป็นมา แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่นิชายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้กลับโต๊ะตัวเองแต่อย่างใด
"ตอนเที่ยงฉัน...นิมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยนะคะ" เธอบอกเขา สรรพนามถูกปรับเปลี่ยนอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคนฟังเงยหน้าขึ้นมองสบตา
"คุยตอนนี้ก็ได้" เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่คิดอะไร ในห้องนี้มีแค่เขาและเธอสองคน เจ้านายก็คือเขา แค่คุยกันไม่กี่คำจะทำให้งานล่าช้าสักแค่ไหนกัน
"เรื่องส่วนตัวค่ะ ในเวลางานไม่เหมาะ" นิชาปฏิเสธ
"ผมบอกว่าได้ ก็ต้องได้" อัคคีบอกเสียงเรียบ ถ้อยคำทั้งถือดีและเอาแต่ใจ
"นิแค่อยากตกลงกับคุณให้ชัดเจนเรื่อง...สถานะของเราในตอนนี้" ร่างบางยืนนิ่งทำใจเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพูดออกมา
"นิอยากรู้ว่าจะต้องชดใช้หนี้สิบล้านไปถึงเมื่อไร กี่เดือนกี่ปี อยากให้คุณกำหนดเวลาและทำสัญญาให้ชัดๆ เพราะเราไม่สามารถทำแบบนี้ไปตลอดได้ อีกอย่างคุณก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว สักวันหนึ่งก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว นิไม่อยากทำผิดไปมากกว่านี้" เธอบอกเหตุผล แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะอยากเอาชนะเธอจนไม่ยอมทำสัญญา ไม่สนถูกผิดต่อคู่หมั้นของตัวเอง
อัคคีนิ่งฟังแต่เขาไม่ได้คิดตามเลยสักนิด ดวงตาคมกริบมองใบหน้าสวยของเลขาเล็กน้อย ก่อนเลื่อนมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่กำลังเจรจา เรื่อยลงมาถึงลำคอระหงที่ถูกคอเสื้อปกปิด หน้าอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า... ยิ่งมองทุกอย่างในคืนวานก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ และมีผลกับอวัยวะด้านล่างให้เริ่มตื่นตัว
"คุณอัค??" เสียงหวานเรียกเมื่อเห็นคนฟังไม่ยอมพูดอะไรสักที เขาถึงได้สติดึงสายตากลับมามองหน้าเธออีกครั้ง
"เงินสิบล้านไม่ใช่น้อยๆ คุณคงไม่ได้คาดหวังว่าจะหมดหนี้ภายในเดือนสองเดือนนี้หรอกใช่ไหม" ร่างสูงย้อนถามพลางกดยิ้มลึก
"นิรู้ค่ะ แต่ยังไงก็อยากให้ตกลงกันให้ชัดเจน คุณจะหักเงินเดือนนิเพิ่มด้วยก็ได้" นิชาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องการรู้วันสิ้นสุดการกระทำบ้าๆ นี่อยู่ดี สักวันเราสองคนก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง จะอยู่ในสถานะคู่นอนแบบนี้ตลอดไปไม่ได้
"ผมไม่ต้องการเงิน" ร่างสูงยิ้มบาง คำพูดสื่อความหมายว่าต้องการอย่างอื่นชัดเจน
"ค่ะ งั้นก็กำหนดมาเลยว่านิต้องทำแบบนี้ไปอีกกี่ปีคุณถึงจะพอใจ" นิชาข่มใจต่อรอง แอบประชดประชันนิดหน่อยในตอนท้าย
"ถ้าผมพอใจที่สิบปี...ยี่สิบปี คุณก็ทำได้งั้นเหรอ" อัคคียิ้มยั่ว เฝ้ารอปฏิกิริยาตอบกลับของร่างบางอย่างนึกสนุก
"ก็ยังดีกว่าไม่มีวันสิ้นสุดนี่คะ คุณบีบให้นิไม่มีทางเลือกแล้วก็ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่านิจะยอมหรือไม่ยอม.." เสียงหวานเอ่ยประชดประชัน เริ่มฉุนเมื่อเห็นท่าทีสนุกสนานที่ได้กวนอารมณ์เธอของเขา
"ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า เห็นแก่คุณเลขาที่ทำงานดีมาตลอด สองปีก็พอ...แต่ไม่แน่ผมก็อาจจะเบื่อก่อนก็ได้" ร่างสูงยิ้มยียวนอย่างไม่สะทกสะท้าน เขายอมตอบรับคำขอของเธอง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
"ค่ะ งั้นนิจะพิมพ์สัญญามาให้เซ็นทีหลัง" แม้จะหวาดระแวงว่าเขาอาจมีแผนการในใจ แต่นิชาก็รีบตอบรับไปก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมให้ทำสัญญา นึกว่าจะคุยยากมากกว่านี้เสียอีก ซ้ำยังแค่สองปี ไม่ได้เป็นสิบปีอย่างที่คิดไว้ แต่ถ้าเขาเบื่อก็อาจจะได้อิสระมาเร็วขึ้น
"เดี๋ยว.."
เมื่อหมดเรื่องจะคุยแล้วร่างบางก็เตรียมจะหมุนตัวกลับโต๊ะ แต่ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ จึงหันกลับมารอฟังว่าเขาจะพูดอะไร
"มานี่" มือแกร่งตบลงบนตัก มองเธอด้วยแววตาวาววับเหมือนเสือจ้องจะตะครุบเหยื่ออันโอชะ
"นะ นี่มันเวลางานนะคะ!" นิชาขึ้นเสียงดัง เพราะไม่คิดว่าในเวลางานแบบนี้เขาก็ยังไม่เว้น
"ผมไม่ชอบพูดซ้ำ" อัคคีไม่สนใจว่าจะอยู่ในเวลาไหน สถานที่ใด ถ้าพอใจเขาก็จะทำ
นิชาจ้องเขาตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ แต่ก็รู้ดีว่าทำอะไรไม่ได้ เธอเหลือบมองไปที่ประตูอย่างหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้ แม้ประตูจะไม่ได้ล็อกไว้ก็ตาม
คิดได้แบบนั้นนิชาก็ข่มใจเดินไปนั่งลงบนตักเขาอย่างเกร็งๆ ก่อนจะถูกวงแขนแกร่งกอดรั้งเข้าหาจนร่างกายเบียดชิดแล้วใช้มือรั้งท้ายทอยเธอขึ้นไปรับจูบ
"อื้ออ" นิชาขัดขืนอย่างไม่ยินยอมเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งใช้กำลังบังคับและคนที่เจ็บตัวก็คือเธอเอง
"แฮ่ก อึก.." ตักตวงความหวานจนพอใจ อัคคีก็ถอนจูบออกไป ปล่อยให้คนที่กำลังจะขาดใจได้โอกาสกอบโกยอากาศอย่างเอาเป็นเอาตาย
"มันตื่นซะแล้ว...สงสัยคิดถึงปากนุ่มๆ" ไม่พูดเปล่าเขายังขยับเอวเนิบๆ ทำให้คนบนตักสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของอวัยวะตรงส่วนนั้นได้มากยิ่งขึ้น
ยังไม่ได้ตั้งสติร่างบางก็ถูกอุ้มลงไปนั่งแหมะอยู่ตรงหว่างขาแกร่ง
"ปลอบมันหน่อยสิ" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งอย่างหน้าไม่อาย ไม่สนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาทำงานของใคร แคร์ทำไมในเมื่อเขามีอำนาจสูงสุดในที่แห่งนี้
แน่นอนว่านิชาไม่พอใจมาก แต่รู้ดีว่าถ้าปฏิเสธเรื่องคงไม่จบง่ายๆ สุดท้ายเธอก็เลยต้องจำใจทำ คิดเสียว่าชาติที่แล้วคงทำเวรทำกรรมกับอีกฝ่ายไว้เยอะ ชาตินี้เขาถึงได้มาเอาคืน
มือบางปลดเข็มขัดและกางเกงของร่างสูงออกเล็กน้อย ก่อนล้วงเอาสิ่งที่มันพองตัวใหญ่จนน่าอึดอัดออกมาเป็นอิสระ แม้จะได้เห็นเป็นครั้งที่สองแล้วแต่นิชาก็ยังคงเขินอายและกระอักกระอ่วนกับขนาดของมัน แถมยังแข็งและร้อนจัดทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนอะไรจะหื่นได้ทุกเวลาขนาดนี้
"อืม..." อัคคีครางอย่างพึงพอใจเมื่อลูกชายสุดที่รักได้สัมผัสโพรงปากนุ่มอีกครั้ง เรื่องสัญญาสองปีอะไรนั่นเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด แค่ตอบตกลงให้นิชาตายใจเพราะไม่อยากบีบเธอให้จนตรอกจนเกินไปก็เท่านั้น
"อ่าาา" ใช้ทั้งปากและทั้งมือจนเหนื่อยความอ่อนประสบการณ์ของร่างบางก็ยังไม่สามารถทำให้เขาเสร็จได้สักที อัคคีเองก็เหมือนจะทนไม่ไหว จึงใช้มือกดศีรษะเล็กไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับเอวเสียเอง
"อ่อก อะ แค่กๆ" ประสบการณ์หนึ่งครั้งถ้วนทำให้นิชารู้ว่าต้องเกร็งคอไว้เพื่อไม่ให้สำลักแต่แม้จะเกร็งไว้แค่ไหน ตอนจะเสร็จเขากลับไม่บอกกันก่อน สุดท้ายเธอก็สำลักอยู่ดี
มือบางรีบดึงทิชชูบนโต๊ะมารองของเหลวที่ผสมปนเปทั้งของเธอและเขาเพื่อไม่ให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเพราะยังต้องทำงานต่อ รสชาติเฝื่อนๆ ในปากทำใบหน้าสวยเหยเก พยายามคายออกมาให้ได้มากที่สุดแม้จะถูกเจ้าของมันมองอยู่ก็ตาม
"อ๊ะ คุณอัค!?" นิชาที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางและจะลุกกลับโต๊ะ ถูกอัคคีดึงไปนั่งแทนที่บนเก้าอี้ตัวใหญ่แบบไม่บอกกล่าว
"คุณจะทำอะไร ไม่นะ นี่มันเวลางานนะคะ!" ร่างบางดิ้นขัดขืน เมื่อมือใหญ่ล้วงเข้ามาใต้กระโปรงดึงกางเกงซับและชั้นในของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
เรียวขายาวสวยถูกบังคับให้อ้าออกกว้าง ก่อนที่ร่างสูงจะซุกหน้าเข้าหาความสาว ใช้นิ้วแหวกและปาดลิ้นเลียกลีบดอกไม้งามอย่างหื่นกระหาย แปรเปลี่ยนเสียงร้องห้ามกลายเป็นเสียงร้องครางแทนอย่างง่ายดาย
เรียวลิ้นร้ายกาจกระทำอุกอาจ ทั้งปาดเลียทั้งแหย่ลึกขึ้นมาภายใน ย่ำยีราวกับผกาดอกนั้นเป็นของอร่อยที่ต้องการกลืนกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นิชาที่ถูกความเสียวครอบงำจนสมองพร่าเบลอ พยายามประคองสติอันน้อยนิดใช้มือปิดปากกลั้นเสียงน่าอายไว้อย่างสุดกำลัง เธอไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวจะมีใครผ่านมาได้ยิน โดยที่หลงลืมไปว่านี่คือชั้นของผู้บริหาร ไม่มีใครกล้าขึ้นมาถ้าไม่ได้รับอนุญาต
"อะ อื้อออ คะ คุณ" ความเสียวและความตื่นเต้นตีกันยุ่งเหยิงไม่นานร่างบางของผู้เป็นเลขาก็กระตุกเกร็งสุขสมคาปาก เรียวขาที่พาดอยู่บนไหล่แกร่งทิ้งน้ำหนักลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
กระทั่งชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองสบตาพลางแลบลิ้นเลียปากด้วยรอยยิ้ม สติที่กระจัดกระเจิงก็ถูกดึงกลับมา นิชารีบผลักเขาออกก่อนจะรีบลุกขึ้นแต่งตัว พาขาสั่นๆ ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงหนีไปตั้งสติในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
อัคคีมองตามผู้เป็นเลขาพ่วงตำแหน่งคู่นอนหมาดๆ ไปอย่างพึงพอใจ ความหวานล้ำในปากยังคงไม่จางหาย จนต้องเลียปากซ้ำๆ อย่างคนเสพติด
เมื่อพอใจแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี หูก็เงี่ยฟังความเคลื่อนไหวของร่างบางตลอดเวลา
หายไปสักพักนิชาก็กลับเข้ามาด้วยสภาพที่ดูดีขึ้นกว่าตอนออกไป เห็นแบบนั้นอัคคีก็ลอบยิ้มก่อนแสร้งผิวปากเสียงดังกวนประสาทเธออย่างอารมณ์ดี
นิชาลอบกำหมัด พยายามสะกดอารมณ์อยากตะบันหน้าคนไว้ในใจ ทว่าจิตใจอย่างหนึ่งร่างกายก็กลับเป็นอีกอย่าง แม้ปากจะพร่ำเตือนสติตัวเองว่าให้เกลียดเขา เกลียดสิ่งทุเรศๆ ที่เขาทำ แต่ร่างกายกลับคล้อยตามสัมผัสเขาจนหลงลืมทุกความเกลียดชังไปจนหมดสิ้น
มันดีก็จริงแต่ให้มาทำเรื่องแบบนั้นในห้องทำงานที่ต้องทำงานอยู่ทุกวัน แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย...เพราะการมองเก้าอี้ทำงานของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
..
..
..
..
ว้ายยยย แรงมากกกกก5555
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง