รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 8
"มือเป็นอะไร" คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเล็กกน้อยขณะมองมือเล็กที่ถูกพันไว้ด้วยผ้ารัดพยุงข้อมือ เพราะเท่าที่จำได้เมื่อวานยังไม่มี
"ก็แค่หมากัด ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ" นิชาเหยียดยิ้มสมเพช ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวก็ไม่ต้องรู้เหมือนเดิมนั่นแหละ จะได้หลอกด่าได้ง่ายๆ
"อ๊ะ!?"
อัคคีมองหน้าเธอด้วยความสงสัย ก่อนจะคว้าแขนข้างที่เจ็บของเธอไปแบบไม่บอกกล่าว
"นิ่งๆ" เสียงดุดังขึ้นเมื่อนิชาขัดขืน เขาจับแขนเธอไปเพื่อเปิดผ้าก็อตออกดู จนเห็นข้อมือที่บวมช้ำของเธอ
"ไหนว่าหมากัด"
"หึ ไม่ใช่หมาก็เหมือนหมานั่นแหละค่ะ หมาบ้าด้วย" ร่างบางบอกอย่างไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกดวงตาคมคาดคั้นอยู่
"ผมทำ? เมื่อคืน?" คำก็หมาสองคำก็หมาบ้า บวกกับสายตาที่นิชามองมา สัญชาตญาณคนฉลาดอย่างอัคคีนั้นเดาออกได้ไม่ยากเลยสักนิด เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเผลอทำเธอเจ็บตัวตอนไหนก็เท่านั้น จำได้แค่ว่าความโกรธมันบังตา ใครใช้ให้เธอยั่วยุว่าเซ็กส์ของเขามันห่วยแตกกันล่ะ ยอมได้ที่ไหนกัน!
"...." นิชาไม่ตอบแต่ความเงียบนั่นแหละคือคำตอบ
"หมอว่ายังไงบ้าง" เขาถามพลางพยายามพันผ้ากลับคืน แต่เงอะงะเกินจะทนดูได้ นิชาจึงแย่งกลับมาทำเอง
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็หาย" เธอตอบแบบปัดๆ ทั้งที่จริงแล้วหมอห้ามเธอใช้งานมือข้างนี้จนกว่าจะหาย แต่ใครจะไปทำได้ งานก็ยังต้องทำอีกเยอะแยะ
"อืม อย่ายกของหนัก"
"หึ...ค่ะ!" เสียงหวานตอบประชด ก่อนกลับไปเตรียมเอกสารต่อเพราะตอนสายมีประชุม
"เก้าโมงมีประชุมกับฝ่ายผลิตและขนส่ง เรื่องอะไหล่ล็อตล่าสุดที่นำเข้ามาล่าช้า ทำให้กระทบกับการผลิตและส่งออก นี่คือรายงานทั้งหมดค่ะ" เมื่อเตรียมเอกสารและตรวจสอบจนเรียบร้อย นิชาก็นำไปให้อัคคีอ่านก่อนเข้าประชุมในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า
จนถึงเวลาทั้งคู่ก็เข้าประชุม และหน้าที่ของเลขาก็คือจดทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อนำมาสรุปผลการประชุมให้เจ้านายอีกที และแน่นอนว่าข้อมือที่หมอบอกให้งดใช้นั้นได้ใช้งานอย่างเต็มที่และเริ่มเจ็บมากขึ้นทุกที มีแววว่าจะต้องตบยาแก้ปวดช่วยหลังจบการประชุม
"สรุปผลการประชุมวันนี้ค่ะ ส่วนข้าวเที่ยงวางอยู่ที่โต๊ะ นิมีนัดกับเพื่อน ไม่ได้ทานด้วย เจอกันตอนบ่ายค่ะ" นิชาบอกทุกอย่างเสร็จสรรพ และไม่รอให้อัคคีได้พูดอะไร เธอก็คว้ากระเป๋าสะพายเดินตัวปลิวออกจากห้องไปเลย
ความจริงแล้วนิชาไม่ได้นัดใคร แค่ไม่อยากกินข้าวกับเขาเพราะยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่ เธอนั่งรถไฟฟ้าไปหาข้าวกินไกลจากบริษัทพอประมาณ เพื่อหลีกหนีคนรู้จักด้วย เพราะตอนนี้ไม่อยากปั้นหน้าคุยกับใครทั้งนั้น
"นิ? นิชา!?" แต่ก็ยังมีคนเข้ามาทักจนได้...
"...วีเหรอ?" นิชาเพ่งมองผู้ชายร่างสูงตรงหน้าที่หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยอยู่ในความทรงจำ จนกระทั่งนึกออก แต่ก็ยังคงทำหน้าไม่แน่ใจเพราะอีกฝ่ายหล่อเหลาขึ้นมากจริงๆ
"ใช่ เราเอง โห ไม่เจอตั้งนาน สวยขึ้นตั้งเยอะ" ร่างสูงของ 'วี' เพื่อนชายสมัยเรียนมัธยมหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยความตื่นเต้น
"นายก็เหมือนกัน หล่อเชียว"
"เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย มาคนเดียวเหรอ"
"สบายดี มาคนเดียว พักเที่ยงน่ะ วีล่ะ"
"แวะมาคุยงานแถวนี้น่ะ เลยมาหาข้าวกิน ดีนะเนี่ยที่ตัดสินใจทัก ตอนแรกกลัวทักคนผิดซะแล้ว แล้วนี่ทำงานแถวนี้เหรอ"
"อืม นายล่ะ ไม่เจอตั้งหลายปี"
"เราเพิ่งกลับไทยไม่นานนี้เอง มาช่วยงานที่บ้าน แล้วนี่...มือเป็นไรอะ"
"เคล็ดนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว"
ทั้งคู่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาเพื่อน พร้อมกับทานข้าวเที่ยงไปด้วย เพลิดเพลินจนถึงเวลาเข้างาน เลยแลกไลน์แลกเบอร์กันไว้เผื่อนัดกันเที่ยวยามว่าง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
นิชากลับมาทำงานด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นแม้ข้อมือจะยังปวดอยู่แต่หลังจากได้เจอเพื่อนเก่าได้พูดคุยรำลึกความหลังกันสมัยเด็กๆ ก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
อัคคีนั่งทำงานอยู่ เขาไม่ได้ถามอะไรเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงค้นหายาแก้ปวดขึ้นมากินและเริ่มทำงานต่อ กระทั่งฝืนจนทำต่อไม่ไหว จึงแกะผ้าพันข้อมือออก ควานหายานวดในถุงยาแต่กลับไม่เจอ คาดว่าน่าจะลืมไว้ที่ไหนสักที่ในห้องนอน
"อ๊ะ!?" นิชาผงะเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอยู่ๆ อัคคีก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับข้อมือเธอที่ถูกคว้าไปอย่างถือวิสาสะ
"นิ่งๆ" ยาแก้ฟกช้ำที่ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหน ถูกบีบและนวดเบาๆ ตามรอยช้ำที่ข้อมือ
"นิทำเองค่ะ" ร่างบางพยายามดึงกลับมาทำเอง แต่ไม่สำเร็จ
"อย่าดื้อ"
ท่านประธานลงทุนนวดข้อมือให้ผู้เป็นเลขาอย่างตั้งใจ แต่เธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าไม่นึกถึงต้นเหตุที่ทำให้ได้รอยช้ำนี้มา เข้าข่ายตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ
นิชามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มลงทายาให้พลันคิดไปถึงเมื่อก่อน ตอนที่เรื่องบ้าๆ นี้ยังไม่เกิดขึ้น...
ในตอนนั้นแม้อัคคีจะเจ้าชู้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่เขาก็ปฏิบัติกับเธออย่างเจ้านายที่ดีคนหนึ่ง ไม่ได้แบ่งเส้นเจ้านายลูกจ้างแต่เป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่ทำงานร่วมกันมากกว่า เวลาเจ็บป่วยก็ดูแลกันเวลางานรุมต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ถึงไหนถึงกัน ไม่มีหรอกที่จะมาต่อปากต่อคำใช้กำลังบังคับกันอย่างในตอนนี้ ถ้าเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกเชื่อเถอะว่าเธอไม่มีทางตกหลุมรักเขาแน่นอน
"นิ"
"..."
"นิ!"
"ฮะ...คะ?"
"เหม่ออะไร ถ้าทำงานไม่ไหวก็กลับไปพัก"
"ไม่เป็นไรค่ะ จะทำเท่าที่พอทำได้"
"ดื้อนัก" อัคคีดุ แต่ก็ไม่ได้บังคับอะไร เขาวางหลอดยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ แล้วกลับไปนั่งทำงานต่อ และไม่ได้ก่อกวนอะไรเธออีกเลยจนเลิกงาน
"ขึ้นรถ เดี๋ยวผมไปส่ง" เสียงทุ้มสั่ง เมื่อเดินมาจนถึงลานจอดรถ
"..." นิชามองหน้าเขาอย่างสังเกต ดูทรงแล้วคงจะปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยต้องเก็บกุญแจรถของตัวเองกลับเข้ากระเป๋าและเดินไปขึ้นรถหรูของอีกฝ่าย คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานด้วยรถโดยสารเอาก็ได้
นางพิมพาที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านเห็นรถหรูคุ้นตาที่จำได้ว่าเป็นรถของเจ้านายลูกเพราะเคยแวะเวียนมาหลายครั้ง รีบเดินมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ได้รับเงินช่วยเหลือเรื่องผ่าตัดในวันนั้นก็ยังไม่ได้ขอบคุณเขาอย่างจริงๆ จังๆ เสียที
"คุณน้าสวัสดีครับ" ชายหนุ่มสวัสดีคนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อมเป็นกันเอง ไม่ได้ถือตนว่าเป็นนายจ้างแต่อย่างใด
"สวัสดีค่ะคุณบอส ทำไมมาส่งเจ้านิได้ล่ะคะ รถไปไหน" นางพิมพาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
"พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ นิข้อมือเจ็บขับรถไม่ไหว ผมเลยมาส่ง"
"ตายแล้ว เป็นอะไรมากมั้ยลูก"
"เคล็ดนิดหน่อยค่ะแม่ เดี๋ยวก็หาย" นิชาเดินเข้าไปประคองแม่และยิ้มให้เพื่อคลายความวิตกกังวล
"ดีแล้ว เอ่อ คุณบอสจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ยคะ ไม่ทราบว่ามีธุระต่อหรือเปล่า พอดีน้าอยากจะขอบคุณน่ะค่ะที่ช่วยเหลือครอบครัวเรามาโดยตลอด" เมื่อมองๆ ดูแล้วลูกสาวไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิด นางพิมพาก็หันมาเชิญชวนร่างสูง
"ผมว่างครับ งั้นคงต้องฝากท้องที่นี่สักมื้อแล้วล่ะครับ" อัคคีตอบรับอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด ยิ่งเห็นร่างบางยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ มารดาเขาก็ยิ่งอยากอยู่ต่อ
"ยินดีค่ะ เชิญเลยค่ะ" เพราะทำกับข้าวเสร็จก่อนที่ทั้งคู่จะมาได้สักพักแล้วแขกเลยไม่ต้องรอนาน สามารถเชิญไปที่โต๊ะทานอาหารได้ทันที
"เดี๋ยวแม่ไปเรียกเด็กๆ ก่อนนะ" ผู้เป็นแม่ขอตัวออกไปเรียกหลานๆ ที่ทำการบ้านอยู่บนห้องลงมาทานข้าวพร้อมกัน
"ทำหน้าเหมือนไม่เต็มใจรับแขก" อัคคียกยิ้ม พูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทีของผู้เป็นเลขา
"ประมาณนั้นแหละค่ะ" นิชากรอกตาประชดอย่างไม่เก็บอาการ เพราะรู้ว่าต่อให้เธอเสียมารยาทมากกว่านี้เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี
อัคคียังคงยิ้มอย่างชอบใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเจ้าของบ้านพาหลานๆ ลงมาพอดี
"น้องปุณณ์น้องปัญญ์สวัสดีคุณบอสก่อนลูก"
"สวัสดีครับ/ค่ะคุณบอส" เด็กๆ ยกมือไหว้ร่างสูงอย่างคุ้นเคย ทุกคนต่างรู้จักเจ้านายของนิชาที่เคยแวะเวียนมาบ่อยครั้งเป็นอย่างดี
"สวัสดีครับ โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย"
"ไม่รู้ว่าคุณบอสจะมา กับข้าวเลยมีแต่พื้นๆ หวังว่าจะไม่ถือสานะคะ" นางพิมพาบอกอย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรครับ ผมทานได้ทุกอย่างอยู่แล้ว" เขายิ้มให้อย่างไม่ถือสา เขาไม่เคยเลือกกินอยู่แล้วเพราะอาหารเที่ยงที่นิชาสั่งมาทุกวันก็เป็นเมนูทั่วๆ ไป
"ค่ะ เชิญเลยนะคะ"
ทุกคนนั่งทานข้าวพร้อมกัน มีพูดคุยบ้างแต่ก็ไม่มากมายเพราะทุกคนยังคงเกรงใจเขาที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายของร่างบาง ใช้เวลาไม่นานก็อิ่ม จึงเชิญเขาไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ส่วนเด็กๆ ก็กลับห้องไปทำการบ้านต่อ
"น้าอยากจะขอขอบคุณคุณบอสอีกครั้งนะคะ เรื่องเงินผ่าตัด เจ้านิบอกว่าคุณบอสให้ยืมมา ถ้าไม่ได้คุณบอสเมตตา น้าคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้" ผู้เป็นแม่ที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาขอบคุณเจ้านายลูกเสียยกใหญ่ ทำราวกับว่าเขาเป็นเทวดามาโปรดก็ไม่ปาน
นิชาที่บังเอิญได้สบตากับอัคคีชั่ววินาทีได้แน่หันหน้าหนีอย่างอึดอัดใจ จริงๆ แล้วเธอก็นึกขอบคุณเขาอยู่ลึกๆ นั่นแหละแม้จะต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่ยังไงชีวิตแม่ก็สำคัญที่สุด ถ้าไม่ได้เงินจากเขาเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้วเหมือนกัน
"ผมยินดีครับ นิเธอทำงานกับผมมาหลายปี ทำงานดี ขยันและรู้ใจผมที่สุดแล้ว มีอะไรก็บอกผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมเต็มใจช่วย" อัคคีตามน้ำไปอย่างแนบเนียนแถมพูดจาดีเสียจนนิชาอดหันกลับมาเบ้ปากกรอกตาใส่เขาไม่ได้ พูดเอาดีเข้าตัวเชียวนะ หน้าหนาจริงๆ
"ขอบคุณมากเลยนะคะ น้าน่ะเป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที นี่ก็คงยืดเวลาได้อีกหน่อย ห่วงก็แต่เจ้านินี่แหละ แฟนก็ยังไม่มี ไหนจะต้องแบกภาระในบ้านคนเดียว หลานทั้งสองอีก ถ้าเกิดวันหนึ่งน้าไม่อยู่แล้ว น้าขอฝากคุณบอสช่วยเอ็นดูเจ้านิด้วยนะคะ"
"แม่! อย่าพูดแบบนั้นสิ อีกอย่างนิก็ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณอัคเขาหรอกค่ะ" นิชารีบเบรกมารดาอย่างว่องไว มีอย่างที่ไหนไปพูดฝากฝังเธอกับผู้ชายแบบนั้น ทั้งที่เธอยังคงดูแลทุกคนได้ดี ไม่ได้อ่อนแอจนต้องให้ใครมาดูแลเสียหน่อย
"คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลนิเอง" อัคคีรับคำอย่างลอยหน้าลอยตาแม้จะโดนร่างบางถลึงตาใส่
"ขอบคุณมากนะคะ"
"ดึกแล้ว คุณอัคกลับบ้านเถอะค่ะ ขับรถมืดค่ำอันตราย" นิชาออกปากไล่ขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว ขืนปล่อยให้คุยกันมากไปกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเลยเถิดไปอีกแค่ไหน
"หึ..งั้นกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับ" อัคคียอมลากลับอย่างว่าง่ายไม่วายยิ้มเยาะใส่เธออย่างคนกำชัยชนะเหนือกว่า
"สวัสดีค่ะ"
นิชาลุกเดินไปส่งอีกฝ่ายขึ้นรถตามมารยาท เธอไม่พูดอะไรมีเพียงสายตาที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจอยู่ตลอดเวลาจนมาถึงประตูรั้วบ้านเขาก็หันมาคุยด้วย
"แม่คุณเข้าใจพูดดีนะ เหมือนแม่เจ้าสาวฝากฝังลูกสาวไว้กับลูกเขยในวันแต่งงานเลย" เขายิ้มล้อเธออย่างชอบใจ
"นี่คุณ! แม่นิก็พูดไปเรื่อยตามประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ อย่าไปถือสาเลย นิดูแลตัวเองได้"
"มีผมดูแลไม่ดีตรงไหน ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น" ไม่ว่าเปล่าอัคคียังยืนเต๊ะท่าภูมิอกภูมิใจตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้
"ใครอยากได้ก็เชิญไปหาคนนั้นค่ะ ส่วนคนที่ไม่อยากได้ กรุณา...อย่า...ยัด...เยียด! อื้อออ!?" นิชากัดฟันพูดประชด ทว่ายังไม่ทันจบประโยคดีตัวเธอก็ลอยวืดเข้าไปปะทะอกกว้างก่อนที่ร่างสูงนั้นจะก้มลงมาปิดปากช่างจ้อของเธออย่างรุนแรง นิชาทั้งทุบทั้งจิกแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะมือใช้การได้ดีแค่ข้างเดียว นานทีเดียวกว่าจะถูกปล่อยเป็นอิสระ
"หึ...ทีหลังอย่าปากเก่ง เพราะมันทำให้ผมอยากปิดปากแจ๋วๆ ของคุณ" อัคคีกระตุกยิ้ม พลางแลบลิ้นเลียขอบปากอย่างพึงพอใจ ยิ่งเห็นนิชาหันรีหันขวางมองไปรอบๆ เพราะกลัวคนจะมาเห็นรอยยิ้มของเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นทุกที
"...หน้าไม่อาย!" นิชารีบดันเขาออกนอกประตูรั้ว ก่อนล็อกและจ้ำอ้าวเข้าบ้านด้วยความโมโห
อัคคียืนยิ้มมองตามหลังเธอไปจนลับตา ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป
..
..
..
..
รักกันยัง 5555555
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง