แต่สติของเพลงพิณต้องกระเจิงยิ่งกว่าเก่า เมื่ออยู่ๆ เฟร์เรก็ ขโมยจูบจากริมฝีปากอิ่มของเธอไปครองซึ่งหน้า ดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าฉากจูบที่เธอแอบคิดมโนอยู่คนเดียว จะมีบุคคลที่สามยืนมองตาขวาง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพยานแบบนี้อามาเรียกัดฟันกรอดๆ กับฉากจูบที่เธอเรียกร้องอยากจะเห็นและได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเสียด้วย ส่วนเฟร์เรจากที่จะจูบแค่ผิวเผิน พอได้สัมผัสริมฝีปากอิ่มของเพลงพิณเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนใจ ความนุ่ม ความหอมหวานที่ได้สัมผัส ทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอนจูบออกได้ในตอนนี้เพราะตกใจ ตอนนี้เพลงพิณจึงได้แต่ยืนนิ่งงัน ปล่อยให้เฟร์เรจูบอยู่นานสองนาน และเพราะมีใจให้เขาเป็นทุนเดิม เธอจึงปล่อยใจไปกับจูบที่แสนจะหอมหวานในครั้งนี้ การจูบตอบกลับจากเธอทำให้เฟร์เรยิ้ม แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคืออามาเรีย เธอไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีก จึงกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนจะรีบกลับออกไปทันทีและพอถึงรถก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พาลอารมณ์เสียใส่ลูกศรที่นั่งรออยู่อีกชุดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์&ldq
เช้าวันรุ่งขึ้น เฟร์เรก็อุ้มลัคกี้มาหาเพลงพิณที่บ้าน โดยตั้งใจมาแต่เช้าหน่อย จะได้พบเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะออกไปทำงานแม้ใจจริงอยากอาสาดูแลลัคกี้ไปตลอด นั่นเพราะเขาไม่ได้ทำงานประจำ แต่เพราะได้ตกลงลัดกันเลี้ยงคนละอาทิตย์ ทำให้เฟร์เรไม่อาจเลี้ยงคนเดียวได้หนุ่มมาดเซอร์ที่ยังคงมัดผมไว้กลางศีรษะอย่างทุกวันยืนกดออดอยู่นาน คนในบ้านก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ จะว่าเพลงพิณออกไปทำงานแล้วก็ไม่น่าใช่ นั่นเพราะรถเธอยังคงจอดอยู่ แต่จังหวะที่กำลังยืนชะเง้ออยู่นั้น เพื่อนบ้านสาวที่ตอนนี้เปียกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นแบบอายๆ“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ”“คือท่อน้ำหลังบ้านมันแตกน่ะค่ะ”“แล้วปิดวาล์วน้ำหลักหรือยังครับเนี่ย” น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้น แสดงออกว่าห่วงอยู่ไม่น้อย“ปิดแล้วค่ะ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ปล้ำกับท่อที่มันแตกจนเปียกอย่างที่เห็นอยู่ตั้งนาน...แฮ่” เพลงพิณส่งยิ้มแห้งๆ ให้เฟร์เร รู้สึกเขินกับคว
ลัคกี้ร้องรับคำพูดของเฟร์เรราวกับมันฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง ส่วนเพลงพิณได้แต่ยืนงงๆ กับการเออออของทั้งคน ทั้งแมว“คุณรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา”“อื้อ” เพลงพิณพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวก็เดินไปส่งเพื่อนบ้านหนุ่มเสียก่อน จากนั้นก็อุ้มลัคกี้ไปวางในคอก หาอะไรให้มันกิน แล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว ก่อนจะออกไปทำงานแต่งานทอดสะพานเพื่อจีบหนุ่มมาดเซอร์ของเพลงพิณก็ใช่ว่าจะจบเพียงแค่นี้ เรื่องท่อน้ำแตกมันเป็นเหตุสุดวิสัย อยู่เหนือการควบคุมของเธอ แต่เรื่องต่อจากนี้ต่างหากที่มันมาจากสมองล้วนๆ เรื่องอะไร เธอจะปล่อยให้ผู้หญิงอื่นคว้าเฟร์เรไปครอง นั่นเพราะเขาเสียจูบให้เธอแล้ว ต้องรับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต...หืมพอมีเวลาว่าง ซึ่งดูเหมือนจะน้อยนิด เพลงพิณก็พยายามหาเหตุให้ได้พบหน้าหนุ่มข้างบ้านนามว่าเฟร์เรเสมอๆ เรียกได้ว่างานทอดสะพานไม่ได้ขาด อย่างเช่นที่กำลังทำอยู่ตอนนี้“มันใช้ยังไงหว่า ไอ้เครื่องตัดหญ้าเนี่ย” เสียงบ่นที่ดังเ
บทที่ 33“เจ้กับเบค ไม่ได้แอบคบกันลับหลังเค้าอยู่ใช่มั้ย” คำถามของบุหลัน ทำเอาเพลงพิณต้องกลืนน้ำลายลงคอ“เปล่า…ไม่ได้คบเลย” ใช่! ตอนนี้เธอกับเฟร์เรยังไม่ได้คบกัน“ถามจริงๆ เจ้ไม่ชอบเบคเหรอ”“ชอบสิ เอ้ย! ชอบก็บ้า เจ้ไม่ชอบเด็ก เดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง” เพลงพิณหลุดปากคำว่าชอบออกไปแล้ว ก่อนจะรีบแก้ต่างให้ตัวเองจนลิ้นพัน“แน่ใจนะ”“แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ ส้มไม่ต้องมานั่งพะวงหึงเจ้เรื่องนี้หรอก” เพลงพิณโบกไม้โบกมือไปด้วย นี่ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าบุหลันจะเชื่อเธอไหม“เฮ้อ...ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย เจ้ๆ…แมวมาทางนี้แล้ว” โล่งอกได้ไม่เท่าไหร่ บุหลันก็กระโดดขึ้นโซฟา เพราะสายตาเหลือบไปเห็นโชคดีเดินมายังตนเอง“มันแค่อยากไปอ้อน”“ไม่เอา เค้าไม่ชอบ เจ้เอามันออกไปห่างๆ เค้าหน่อยสิ” เพลงพิณส่ายหน้าให้ ก่อนจะเดินไปอุ้มโชคดีไว้ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ชอบแบบนี้จะชนะใจหนุ่มได้ยังไง เบ
“อืม…ฉันคิดดีแล้ว บางทีคนที่ฉันควรรักอาจไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้” อยู่ๆ ใบหน้าของเพลงพิณก็ผุดเข้ามาในความคิดอีกครั้ง นั่นทำให้เฟร์เรยิ้มออกมาแล้วหยิบเหล้าขึ้นมาจิบแก้เขิน ก่อนจะเอ่ยต่อ“หลังจากนี้ถ้าพระเจ้าจะทรงเมตตา ท่านคงประทานโอกาสให้ฉันได้พบเธอ ก่อนจะบินกลับเยอรมันสักครั้ง”“ถ้าได้พบกันจริงๆ นายจะบอกรักเธอมั้ย”“หากเธอยังโสดและยังไม่มีใคร ฉันคงบอก แต่ถ้าเธอมีคนรัก มีครอบครัวอยู่แล้ว ก็คงไม่” อันที่จริง เฟร์เรเผื่อใจเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่เพราะใช้ความหวังหล่อเลี้ยงมาตลอด ทำให้เขาเฝ้ารอที่จะได้พบเธอ“แล้วนี่นายจะกลับเมื่อไหร่”“อีกหนึ่งเดือน” เฟร์เรบอกกำหนดการที่เขาจะไปจากเมืองไทย และคนที่เขาอยากบอกเรื่องนี้ให้รู้อีกคนคือเพลงพิณ แต่ทว่าแค่คิดเรื่องนี้ ทำไมหัวใจเขาถึงรู้สึกเหมือนถูกบีบจนรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างบอกไม่ถูก“ก่อนกลับเยอรมัน ฉันขอให้นายได้พบเธอคนนั้นเบค”“ข
แม้จะประชุมติดต่อกันหลายชั่วโมง หลังจากนั้นก็นั่งทำงานติดพันจนแทบไม่ได้พักกินข้าว แต่เพลงพิณก็ยังคงมีความสุข นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะยิ่งยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู เมื่อเฟร์เรทักไลน์มาหา พร้อมกับส่งรูปซุ้มชิงช้ามาให้ดู ไหนจะรูปที่เขาถ่ายกับเจ้าโชคดีอีก โอ๊ย! หัวใจเธอจะละลายนั่นทำให้เพลงพิณเฝ้ารอเวลาเลิกงานอย่างใจจดใจจ่อ แต่ใช่ว่าพอเลิกงานแล้วเธอจะสามารถกลับบ้านได้ทันที เพราะต้องแวะไปทำงานที่คลินิกอีก แต่โชคดีที่วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าที่ควร พอเสร็จงานก็รีบบึ่งรถกลับบ้าน“ขอโทษทีนะคะ พอดีฉันพึ่งเสร็จงานที่คลินิก”“ไม่เป็นไรครับ”“ปล่อยให้คุณรอนานเลย ว่าแต่หิวหรือยัง ป่ะ…เราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า คุณคิดไว้หรือยังว่าอยากกินอะไร” เพลงพิณรีบชวน นั่นเพราะไม่อยากให้บุหลันโผล่มาขัดจังหวะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนี้เพื่อนรุ่นน้องจะไม่มาเป็นกอขอคองอจอฉอ...สาธุ“ผมคงไม่สะดวกออกไปหาอะไรกินตอนนี้”“อ้อ…อย่างนั้นเหรอคะ” เพ
“ยัยโปรด ไปหาเบคที่บ้านอีกแล้วนะหล่อน”“เจ้พิณบ่นว่าอะไรนะ” บุหลันที่กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงเอ่ยถาม เพราะอยู่ๆ เพลงพิณก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” แม้จะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ใจนั้นมีเต็มร้อย อยู่ๆ วันนี้โปรดไปโผล่ที่บ้านเฟร์เรได้ยังไง ไปได้ยังไงโดยที่ไม่ได้บอกเธอก่อนสักคำ...หืมแต่คำถามของลลินดาที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเพลงพิณต้องหยุดคิดเรื่องโปรดชั่วคราว แต่ก็ยังนั่งฟังนิ่งๆ ทำเป็นเนียนๆ ไม่ได้ออกตัว“แล้วนี่ส้มจะตามไปขายขนมจีบเพื่อนบ้านมาดเซอร์ของเจ้พิณถึงเมื่อไหร่”“ก็จนกว่าจะจีบติด”“นี่ก็เอาจริง” ลลินดาเบ้ปากเบาๆ เพราะเรื่องที่บุหลันตามจีบเฟร์เร เพื่อนบ้านสุดเซอร์ของเพลงพิณนั้น เธอก็รับรู้มาตั้งแต่ต้น“ก่อนจะจีบติด มิ้นว่าส้มไปรักแมวให้ได้ก่อนเถอะ”“หูย…มิ้น พูดถึงแมวแล้วส้มอยากร้องไห้ ทำใจรักมันไม่ได้จริงๆ นะ คือแบบว่า เคยพยายามแล้ว แต่ยังไง
“เรื่องส้มก็ทำฉันเครียดๆ อยู่ ถ้าเกิดวันหนึ่ง รู้ว่าฉันเองก็ขายขนมจีบเบคอยู่เหมือนกัน ส้มจะคิดยังไง”“เรื่องยังไม่เกิดก็ไม่ต้องไปคิด” โปรดตบหัวไหล่ของเพลงพิณเบาๆ หวังว่าวันที่ต้องเคลียร์ปัญหาข้อนี้ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“ใช่…เรื่องยังไม่เกิดก็ไม่ต้องไปคิด งั้นมาคิดเรื่องแก วันนี้! แกไปหาเบคมาทำไม...ตอบ” เพลงพิณเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนเรื่องได้ไวม๊าก ไวจนโปรดตามไม่ทันที่อยู่ๆ ประเด็นมันก็หวนมาหาตัวเองแบบซึ่งๆ หน้า“ฉันมีธุระของฉันบ้างสิ”“ธุระอะไรของแกโปรด ครั้งที่แล้วแกก็พูดแบบนี้ บอกมา”“เออน่า เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ”“พูดแบบนี้อีกละ ไม่ใช่จัดเซอร์ไพรส์ แกซุ่มคบอยู่กับเบคให้ฉันเงิบหรอกนะ”“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า แกเลิกห่วงไปได้เลย” โปรดเอ่ยอย่างมั่นใจ นั่นเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเฟร์เรจริงๆ ที่แวะไปหา เพราะเข้าไปขอร้องให้ชายหนุ่มรับงานอย่างหนึ่งให้เท่านั้นเอ
“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับไปตรงๆ นั่นทำเอาเพลงพิณคอตก“ฉันขอโทษ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามน้องคุณนะ ก็…ฉันนึกว่าเป็นคุณนี่นา”“คุณนี่มันจริงๆ เลยนะ” จากที่โกรธเธออยู่ พอมาเจอประโยคนี้ของเพลงพิณเข้า เฟร์เรก็ถึงกับโกรธไม่ลง ยิ่งได้เห็นสีหน้า รวมถึงท่าทางที่กำลังอ้อนให้เขาหายโกรธด้วยแล้ว เฟร์เรก็ใจอ่อนยวบ“ฉันขอโทษ อย่าโกรธเลยนะคะ...นะ” เพลงพิณสวมวิญญาณโชคดี เข้าไปสวมกอดชายหนุ่มไว้แล้วคลอเคลีย ออดอ้อนขอให้หายโกรธ แต่พอเห็นว่าเขายังนิ่งๆ ก็ชูนิ้วก้อยออกไป“ดีกันนะ...นะ อย่าโกรธกันเลย”“ตามผมมานี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะจูงเพลงพิณให้ตามขึ้นไปชั้นบน เฟร์เรเผลอยิ้มกับการง้อของคนรัก แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะหายโกรธเธอตอนนี้“คุณเบค คุณจะพาฉันไปไหนคะ ปล่อยก่อน” ทันตแพทย์สาวรีบห้าม เมื่อเห็นเขาพาเธอเข้ามายังห้องนอน ใจนั้นเต้นตุ๋มๆ ต้อมๆ ว่าเขาอาจลงโทษเธอด้วยการทำมิดีมิร้าย ถ้าเป็นจริง เธอจะทำยัง
“นี่ก็รู้ดี”“แล้วถ้าไม่รู้ ฉันจะเป็นเพื่อนสนิทแกเหรอยัยโปรด”“ย่ะ…เพราะฉันก็มีชะนีอย่างแกเป็นเพื่อนสาว เป็นเพื่อนแท้คนเดียวที่หาจากไหนไม่ได้ของฉันเหมือนกัน” เพราะคำพูดซึ้งๆ ของโปรดทำเอาต่อมน้ำตาพานจะไหล เพลงพิณจึงเฉไฉ“โอ๊ย! พอๆ อย่ามาทำซึ้งตอนนี้ เดี๋ยวฉันเป่าปี่เป็นพระอภัยอีกรอบ”“เรียกนางผีเสื้อสมุทรเหรอยะ” โปรดแซวทันที“เรียกเบคมาต่างหากเล่า แค่คิดถึงก็มีความสุข...กรี๊ดดด!!!”“บทแกจะเพี้ยนนี่ก็เพี้ยนจนโรงพยาบาลบ้าไม่รับรักษาเลยนะ ยัยบ้า” เอ่ยจบก็ส่ายหน้าให้คนข้างๆ ทันที โปรดมีเพื่อนไม่เยอะ แต่ถึงไม่เยอะก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ อยู่กับเพื่อนดีแค่ไม่กี่คน ยังดีกว่ามีเพื่อนเป็นสิบเป็นร้อย แต่หาความจริงใจให้กันไม่ได้เลยความสัมพันธ์ระหว่างเพลงพิณและเฟร์เรนั้น เรียกได้ว่าหวานหยด น้ำตาลเรียกพี่ ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างเดินเข้านอกออกภายในบ้านของกันและกันได้อย่างส
เพราะไม่ต้องการให้เกิดความหมางใจกับบุหลัน เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้ เพลงพิณจึงตัดสินใจที่จะคุยแบบเปิดอกกันไปเลย เธอนัดแนะให้บุหลันขึ้นไปพบที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ที่ถูกออกแบบให้เป็นสวนย่อมๆ“นัดเค้ามา มีอะไรหรือเปล่าเจ้” บุหลันพอจะรู้ว่าเพลงพิณนั้นจะคุยอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่วายถามออกไป“ส้ม…คนนี้เจ้ขอ”“หืม…เจ้จะขอใคร” แม้จะรู้ว่าใคร แต่บุหลันก็ยังถาม เห็นสีหน้าเครียดๆ ของเพลงพิณแล้วก็อยากอำต่อ คนอะไร บทจะห้าวก็ห้าว ไม่แคร์นางสาวที่ใช้นำหน้าชื่อตัวเองเลย“คนที่ส้มกำลังขายขนมจีบเขาอยู่น่ะ”“อ้อ…เบคน่ะเหรอ” บุหลันแสร้งทำเป็นร้องอ๋อ“แกไปจีบคนอื่นเลยส้ม คนนี้เจ้ขอว่ะ”“เอ้า! เจ้ อยู่ๆ มาขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”“อืม” เพลงพิณเอ่ยรับ ก็จะให้เธออ้อมค้อมไปทำไม เปิดอก พูดกันไปตรงๆ มันนี่แหละ จะได้เข้าใจ แต่จะว่าไป เกิดมาเธอก็เพิ่งจะทำแบบนี้นี่นา“ส้มขอเหตุและผลของการถอนตัวหน่อยเจ้ ถ้าฟังขึ้
แม้จะไม่เคยเสียจิ้นกินตับกับใคร แต่เรื่องจูบ เพลงพิณก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง แหม…เธออายุปูนนี้แล้วนี่นา ไม่ใช่สาวรุ่นวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ แต่ดูท่าประสบการณ์จะน้อยนิดไปหน่อย เพราะตามความช่ำชองของเฟร์เรไม่ทัน ส่งผลให้เพลงพิณหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ยามที่ริมฝีปากอุ่นจัดบดขยี้ลงบนปากอิ่ม บางครั้งก็อ้อยอิ่งคลอเคลียหยอกเย้าเอาใจการจูบโต้ตอบของเพลงพิณทำให้เฟร์เรพอใจ แม้เธอจะเก้ๆ กังๆ บ่งบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์ไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะทำให้เธอเร่าร้อนได้ไม่ยาก ปากอุ่นจัดของเฟร์เรยังคงทำหน้าที่มอบจูบให้คนในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับคางมนของเพลงพิณแล้วสัมผัสเบาๆ เพื่อให้ริมฝีปากเธอเผยอออก จากนั้นก็ส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เพื่อดูดดื่มความหวานจากเธอ“อื้อ…” เสียงครางคล้ายจะต่อต้านดังมาจากเพลงพิณ นั่นเพราะความเร่าร้อนที่มากขึ้นของเฟร์เร ทำให้เธอถึงกับขาอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจูบเขามากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ไหนจะกอดแน่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก เกือบจะแทรกเข้าไปในตัวเขาได้
“ก็มันน่าคิดออก” ได้ยินแบบนี้ เฟร์เรก็ทำท่าจะดีดหน้าผากเธออีกครั้ง นั่นทำให้เพลงพิณต้องรีบห้าม “อย่าดีดนะ เจ็บแล้ว”“คุณนี่ ไม่ไว้ใจกันเลย”“เอ้า! หรือไม่จริง”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจทำ แต่สำหรับผม ไม่…ก็คือไม่” เฟร์เรตอบเสียงหนักแน่น พลอยทำให้เพลงพิณยิ้มออกและรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปอีก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เข้าบ้านไปเอาไม้เบสบอลมาตีหัวแล้วลากเลยซะดีมั้ยเนี่ย รวมทั้งร้องขออยู่ในใจว่า รักนี้…เจ้ขอ ได้ไหมส้ม...กรี๊ดดดด!!!“แล้วคุณให้เหตุผลอะไรไป เธอถึงปล่อยให้คุณรอด ทั้งๆ ที่ลงทุนทั้งจูบ ทั้งกอด อ้อ…มีเปลือยหน้าอกด้วยแบบนั้น” อารมณ์หึงนิดๆ กำลังมา แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะยังไม่รู้ตัว“ผมบอกเธอไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย แล้วแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ เธอก็เชื่อสนิทใจ ผมก็เลยรอดปลอดภัย ไม่เสียตัวให้คนที่ผมไม่ได้รัก” เฟร์เรเน้นคำว่า ‘คนที่ผมไม่ได้รัก’ ให้ชัดๆ พร้อมกับสบตาเพลงพิณไปด้วย แม้รอบข้างจะมืด แต่แสงสว่างจากไฟบนถนนและริมรั้วที่ส่องเข้ามาก็ทำใ
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” นี่คือประโยคแรกที่เพลงพิณเอ่ยเมื่อมาถึงร้านอาหาร เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มๆ ตรงหน้าคือวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะเลือนหายลับไปจากขอบฟ้า แต่ก็ยังคงทอแสงสีทองยามอัสดงที่ระยิบระยับ“ชอบมั้ยครับ”“ชอบค่ะ” ต่อให้เป็นร้านอาหารริมทาง แต่ถ้าได้นั่งทานกับเฟร์เร เพลงพิณก็ดูเหมือนจะชอบหมด ไม่เคยคิดว่าหนุ่มมาดเซอร์ๆ จะโรแมนติกกับเขาได้เหมือนกัน“ดีใจที่คุณชอบ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเลือกว่ามื้อนี้จะทานอะไร เมื่อสรุปลงตัวก็สั่งกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่แล้วและขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ เพลงพิณก็มองบรรยากาศเลิศๆ ตรงหน้าอย่างเพลินตา นานๆ จะมานั่งกินข้าวริมน้ำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี กระทั่งสมองหวนคิดถึงบุหลันขึ้นมา นั่นเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เกิดมองหน้ากันไม่ติดจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าส้มชอบคุณ”“ผมรู้ครับ”“แล้วคุณคิดยังไงกับส้มคะ”&ldquo
“อ้อ…นิดหน่อยน่ะจ้ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะตั้งสติทำงานของตัวเธอต่อ กระทั่งได้เวลาเลิกงาน ขณะที่ทันตแพทย์สาวกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของบนโต๊ะ ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา“เลิกงานแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง“คุณนี่! ฉันตกใจหมดเลย”“พึ่งรู้ว่าคุณขวัญอ่อน” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังกลับแยกเขี้ยวใส่“ชิส์…ใครจะไม่ขวัญอ่อน อยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ นี่ถ้ามีไม้เบสบอลอยู่ในมือ ฉันฟาดคุณไม่เลี้ยงเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” ตอนนั้นที่ว่า คือตอนที่อยู่ๆ ฟาโรห์ก็โผล่เข้าไปในบ้านของเพลงพิณ ด้วยเหตุผลว่าตนเข้าบ้านผิด ซึ่งถึงตอนนี้ทันตแพทย์สาวก็ยังเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือเฟร์เร“คุณนี่โหดกว่าที่ผมคิดไว้อีก” หนุ่มมาดเซอร์เออออตามน้ำไปก่อน เพราะเขาตั้งใจให้เธอได้พบกับน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่แล้ว“แน่ล่ะ”“สรุปคุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน...หืม”
“ครับๆ ไว้ผมจะส่งรูปที่เราถ่ายวันนี้ให้” ขณะเอ่ยก็โน้มตัวมาใกล้ๆ อามาเรีย เพราะรังเกียจ เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง แล้วกระโดดลงจากเตียงรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมทันที“ถ้าจะส่งก็ส่งผ่านมาทางพี่ลูกศรเลยนะ ระหว่างเราจบแค่นี้ เพราะฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนสาวเพิ่ม”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับได้น่าฟัง แต่สำหรับอามาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เฟร์เรกลับมาเก็บกล้องและอุปกรณ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็กลับออกไปปล่อยให้อามาเรียยืนหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย เพราะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ที่อ่อยใครไม่อ่อย กลับมาอ่อยชายที่ไม่ใช่ชาย“กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า…บ้าๆ” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของอามาเรีย ทำให้ลูกศรรีบเข้าไปดู ส่วนเฟร์เรนั้นได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากตรงไปยังรถอย่างอารมณ์ดี“หยุด ไม่ต้องถามอะไรเลยนะพี่ลูกศร” พอเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่ตั้งท่าจะถาม อามาเรียก็รีบยกมือห้าม“สรุป…นี่มีอะไรกันแล้วเหรอ” แม้จะถูกห้าม แต่ลูกศรก็อดที่จะถามไม่ได้จ
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห