Masukบทที่ 2 คนจะนอน
พอมาถึงที่ชั้นดาดฟ้า ธารน้ำก็ต้องอ้าปากค้าง‘โห... สวยอะ’ตรงหน้าคือสวนเล็ก ๆ ที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัว มีทั้งไม้กระถาง ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ที่นั่งพักผ่อนหลากมุม และลมที่พัดเอื่อย ๆ มาพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ วิวตรงขอบรั้วเป็นกระจกใส มองออกไปเห็นตึกสูงเรียงรายกับท้องฟ้ากรุงเทพฯ ที่เริ่มมีเมฆลอยบาง ๆ แสงแดดช่วงเที่ยงสะท้อนเป็นประกายวาวระยิบเหมือนแผ่นทอง “บริษัทนี่เขาทุ่มงบจัดวิวขนาดนี้เลยเหรอ” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะมองรอบ ๆ อีกครั้งไม่มีใครเลย… เงียบสงบ เหมือนโลกมีเขาคนเดียว “อืม... เหมาะจะพักสมองสุด ๆ”เขายกขนมในมือขึ้นมากำไว้แน่นแล้วเดินไปหยุดตรงชิงช้าไม้ใหญ่ที่แกว่งเบา ๆ ตามแรงลม “สวัสดีธารน้ำมาแล้วค้าบบบ~~” เสียงของเขาดังก้องในอากาศ พร้อมเสียงหัวเราะสดใสที่หลุดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติวันแรกของการทำงานมันเหนื่อย แต่ตอนนี้มันเหมือนปลดล็อกทุกอย่างออกไปแล้วจริง ๆ ...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลัง “เสียงดังทำไม จะนอน” “กริ๊ดดดดดดด!!!” เสียงกรี๊ดของเขาแหวกอากาศออกไปจนแผ่นกระจกสะเทือน เขาสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเห็นเงาคนลุกขึ้นจากม้านั่งไม้ด้านในสุดของสวน ชายคนนั้นสูงมาก สูงจนเงาทอดยาวทับร่างเขาเกือบมิดแขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นรอยสักลายเส้นดำที่พันจากข้อมือขึ้นไปใต้แขนเสื้อ หน้าคม ดวงตาคมเฉียบเหมือนมองทะลุทุกอย่างได้ และริมฝีปากเรียวที่ขยับพูดช้า ๆ “หยุดกรี๊ด หนวกหู” เขารีบเอามือปิดปากทันทีเหมือนเด็กโดนจับได้ ตายแล้ว... ผีหล่อ... หรือคนจริง? “จะมองอีกนานไหม” เสียงเข้มพูดอีกครั้ง “ข... ขอโทษครับ” เขารีบก้มหัวจนแทบจะชนพื้น ใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงของตัวเองใครจะไปรู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้ เขามองตั้งนานแล้วนะ ไม่มีซักเงา! “มานี่สิ” “ค... ครับ?” “บอกให้มานั่งตรงนี้” คนตัวสูงตบมือลงบนม้านั่งข้างตัวหนึ่งที เสียงเบาแต่เด็ดขาดจนเขาเผลอขยับเท้าโดยไม่รู้ตัว เขาเดินไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มือกำขนมแน่นราวกับถืออาวุธไว้ป้องกันตัว แม่ครับ ถ้าผมโดนฆ่าตายบนดาดฟ้า ฝากบอกพ่อด้วยว่าผมรักเขา... “มีอะไรครับ” เขาถามเสียงเบาแทบไม่ถึงหู “มานั่งใกล้ ๆ สิ จะให้พูดอีกกี่รอบ” “ครับ...” เขาทรุดนั่งลงข้างชายแปลกหน้าอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ความห่างระหว่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ปนกลิ่นควันบุหรี่จาง ๆ ลอยมาแตะจมูกเป็นกลิ่นที่ไม่แรง แต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงเฉยเลย “ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะโดนเชือด” “อ่า... คุณอ่านใจเราได้เหรอครับ” “เพ้อเจ้อ” “อ้าว แล้วคุณรู้ได้ไงครับว่าผมกลัว” “หน้าตาฟ้องขนาดนี้” เขาพูดเรียบ ๆ แล้วเอนหลังพิงพนักหลับตาเหมือนจะกลับไปนอนต่อ “แหะ ๆ ก็ผมนึกว่าที่นี่ไม่มีคน...” “ก็ไม่มี….จนเมื่อกี้” เขาเงียบไปทันที โดนพูดแซะกลับแบบนั้นถึงกับอ้าปากค้าง คนตรงหน้านี่พูดน้อยแต่คมทุกคำจริง ๆ เงียบไปพักหนึ่ง มีเพียงเสียงลมพัดผ่านใบไม้จนธารน้ำเริ่มห่อไหล่แล้วหยิบขนมออกมาวางไว้บนตักอย่างเงียบ ๆ “จะกินไหม” เขาชูขนมขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆคนตรงหน้าลืมตาขึ้นมามอง... ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง “แจกทุกคนที่หล่อเหรอ” “ฮะ!?” “ทำหน้าตกใจทำไม ก็เห็นยื่นให้” “ก...ก็ไม่ได้แจกนะครับ แค่เห็นคุณยังไม่ได้นอนเลยคิดว่า...” “ว่าอะไร” เสียงต่ำถามต่อ พร้อมรอยยิ้มมุมปากนิด ๆ ที่เหมือนกำลังแกล้ง “ว่า... ถ้ากินขนมก่อนนอน จะหลับฝันดีครับ” เขาพูดเสียงแผ่ว ๆ แล้วรีบก้มหน้างุด ร่างสูงหลุดหัวเราะเบา ๆ ครั้งแรกของวัน เสียงหัวเราะนั้นแปลก... มันไม่ได้ดังมาก แต่กลับอบอุ่นจนทำให้หัวใจเขาสั่นแปลก ๆ “เด็กอะไรพูดตลก” “ผมชื่อธารน้ำครับ” “อืม...” “แล้วคุณชื่ออะไรครับ” “คนจะนอน ไม่คุย” เขาอ้าปากจะเถียงแต่ก็ต้องเม้มปากไว้แทนเพราะอีกฝ่ายหลับตาไปแล้วจริง ๆ ธารน้ำเลยได้แต่นั่งเงียบ ๆ จ้องหน้าชายคนนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วค่อย ๆ หยิบขนมเข้าปากทีละชิ้น นั่งกินขนมไปสักพัก เสียงกรุบกรอบจากถุงขนมเป็นเสียงเดียวที่กลบความเงียบระหว่างพวกเขา ธารน้ำเหลือบมองคนที่นอนเหยียดอยู่ข้าง ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นตุ้บ ๆ ตลอดเวลา เขาไม่เคยนั่งอยู่ใกล้คนที่ดู ‘อันตรายแต่น่ามอง’แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิตรอยสักสีดำบนแขนอีกฝ่ายที่พาดผ่านกล้ามเนื้อชัดเจนขยับขึ้นลงเบา ๆ ตามจังหวะลมหายใจ เส้นเลือดบนแขนที่ปูดนิด ๆ ตอนมือวางทาบลงบนหน้าท้อง...เขาเผลอจ้องอยู่นานจนตัวเองต้องสะกิดสติกลับมา “คุณทำงานอยู่แผนกไหนเหรอครับ?” เขาเอ่ยถามเสียงเบากล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนคนจะยื่นมือไปแตะไฟดูว่าร้อนหรือเปล่า “ทำไม?”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาเรียบ ๆ เจ้าของร่างสูงยังคงหลับตาเหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะขยับตัว “ก็... เห็นเหมือนเพิ่งมาทำงานใหม่เหมือนกัน” “อืม” คำตอบสั้น ๆ หลุดออกมาพร้อมลมหายใจขี้เกียจ แต่สำหรับธารน้ำ มันคือสัญญาณว่า เขายอมคุยด้วยแล้ว! “คุณไม่ต้องกลัวนะ” เขารีบพูดต่ออย่างตื่นเต้น “มีอะไรบอกผมก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง” เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ จะดังออกมาเบา ๆ จากคนที่นอนอยู่ “หึ หึ” ธารน้ำขมวดคิ้วทันที “หัวเราะอะไรครับ?” “เปล่า” เสียงตอบยังนิ่งเหมือนเดิม แต่ปลายประโยคมีรอยยิ้มบาง ๆ แอบซ่อนอยู่ “ผมพูดจริงนะ ผมช่วยได้ทุกเรื่อง” “ช่วยตัวเองให้รอดก่อนดีไหม” “ห๊า?” “หน้าแบบนั้น ตัวกลมขนาดนั้น จะช่วยใครได้” เขาทำตาโตให้กับร่างสูงตรงหน้า “นี่คุณว่าผมเหรอ” “ไม่ได้ว่า บอกตามจริง” “ชิ..แล้วคุณชื่ออะไรครับ” “ลูคัส” “ผมธารน้ำหรือเรียกว่า น้ำเฉยๆ ก็ได้” “อ้วน?” “ธารน้ำ” “อ้วน” “ธารน้ำไง!” “อ้วน” “คุณกวนตีนหรอ!?” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเบา ๆ คราวนี้ชัดเจนจนธารน้ำอยากเขวี้ยงขนมใส่หน้า “หึ หึ” เสียงหัวเราะสั้น ๆ แต่มันกลับฟังดู...ดีจัง เหมือนเสียงที่ฟังแล้วหัวใจมันอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณนี่มัน...” เขาบ่นพึมพำ แต่ไม่ทันได้พูดจบ ร่างสูงตรงหน้าก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหยิบแจ็กเก็ตที่พาดไว้ขึ้นมาสะบัดเบา ๆ แล้วสวมไว้บนไหล่ “ไปไหนครับ?” “ไปนอนที่อื่น คนเสียงดังอยู่แถวนี้” “เอ้า! ผมไม่ได้ดังแล้วนะ” “หึ!” “นี่คุณ!” แต่ยังไม่ทันได้เถียงต่อ ลูคัสก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่เหลียวหลัง กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่ติดตัวอีกฝ่ายยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ธารน้ำได้แต่นั่งหน้าเอ๋ออยู่ตรงนั้น มือหนึ่งกำถุงขนม อีกมือยกขึ้นเกาหัวแกรก ๆ “บ้าเอ๊ย... หล่อแล้วยังปากหมาอีก”เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แล้วเบิกตากว้าง “เห้ย! บ่ายโมงแล้ว! เวรแล้วไหมละธารน้ำ!!!” เขารีบลุกพรวด ยัดขนมที่เหลือเข้าถุง วิ่งพรวดไปที่ลิฟต์แทบจะสะดุดขาตัวเอง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะทั้งจากความรีบ... และจากคนเมื่อกี้ ‘ลูคัส…’ ชื่อก็เท่ แถมยังชอบกวนประสาทอีกบทที่ 9 ขยันแกล้ง พาร์ทลูคัส ผมรู้อยู่แล้วว่าเด็กอ้วนจะต้องหาทางหลบหน้าผมหลังเลิกงาน ผมเลยมาแอบดักรอไว้ที่ลานจอดรถ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าตัวอยู่ในสายตาผมทั้งหมด ผมจึงตั้งใจแกล้งเข้าไปจับคอเสื้อด้านหลัง เพื่อทำให้เด็กคนนี้ตกใจเล่นที่ไหนได้... เจ้าตัวกริ๊ดเสียงดังจนหูผมเกือบดับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงจะเสียงดังแค่ไหน ผมก็ยังคงชอบที่จะแกล้งอยู่ดีผมรู้ดีว่าเด็กตรงหน้าไม่ค่อยพอใจเรื่องที่ผมปิดบังสถานะตัวเอง ถ้าผมบอกความจริงทั้งหมดว่าผมต้องพัวพันกับธุรกิจแบบไหน คนตรงหน้าก็จะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ผมอีก และนั่นคือสิ่งที่ผมทำใจยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตามไปวุ่นวายกับน้อง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองผมเลยแกล้งขอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปด้วย ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของรถไม่อยากให้ไป แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะฟังเสียงคัดค้าน ตลอดทางผมจงใจจับเอว... จะเรียกว่าเอวไหมนั้นก็ไม่รู้ หึหึ แต่พุงเด็กนี่นุ่มนิ่มไปหมด สัมผัสที่ได้ช่างน่าหลงใหลจนอยากจะจับกดคาเตียงฟังแล้วเหมือนผมเป็นคนเลว... มันก็เลวจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งธุรกิจสีเทา ธุรกิจมืด ไหนจะต้องจัดการคนที่มาขัดผลประโยชน์จนถึง
บทที่ 8 ยิ่งหลบ ยิ่งเจอ หลังเลิกงานเย็น ธารน้ำรีบเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่ลานจอดรถ เขารีบคล่อมน้องฟักทองมอเตอร์ไซค์คู่ใจทันที เขากลัวว่าถ้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องเผชิญหน้ากับ ลูคัส ผู้บริหารปากแข็งที่หลอกลวงเขาอีกครั้ง ระหว่างที่กำลังจะสตาร์ทรถอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาจับคอเสื้อด้านหลังของเขาไว้แน่นกริ๊ดดดด!ธารน้ำร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนตัวโยน นึกว่าโดนผีอำหรือโดนใครมาทำร้ายยามวิกาล“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ! เดี๋ยวลูกช้างจะทำบุญไปให้! ฮือๆ”“พี่เอง! จะร้องทำไมเนี่ย”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลัง“เอ้า! แล้วใครเขามาเงียบๆ แบบนี้ล่ะ! ตกใจหมด!” ธารน้ำหันไปโวยวายทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้คนด้านหลัง“ถ้าไม่มาแบบนี้จะรู้ได้ยังไง ว่าเราไม่อยากเจอหน้าพี่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ก็ไม่อยากเจอไง! ไม่เข้าใจที่พูดเหรอไง!” “ไม่!”“ปล่อยนะ! จะกลับบ้าน!”“เดี๋ยวไปส่ง”“ไม่ไปกับคนแปลกหน้า!” “เหรอ”พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงที่รั้งคอเสื้อเขาไว้ก็จัดการปล่อยมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระโดดขึ้
บทที่ 7 ผู้บริหารคนใหม่แฮ่ก... แฮ่ก...เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังมาจากร่างของคนตัวอ้วนที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้าลิฟต์มาอย่างรวดเร็ว และรีบเดินกะเผลกๆ ไปที่แผนกด้วยความเร่งรีบ เขาเหนื่อยจากการวิ่งหนี ลูคัส บนดาดฟ้า แถมยังไปกวนประสาทร่างสูงคนนั้นเข้าอีก คิดแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรถามดีๆ ก็ไม่ยอมบอกความจริง ให้เราทำแผลให้ตั้งนาน แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยว่าไปโดนอะไรมา มันน่าตีจริงๆ!พอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงาน พี่ชมพู่ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาแทบจะทันทีแฮ่ก... แฮ่ก…“เจ้าเด็ก! เตรียมตัวเร็ว!”“มีอะไรครับพี่ชมพู่”“เรียกประชุมด่วน! ผู้บริหารคนใหม่เรียกแผนกของเราทั้งหมดให้เข้าไปประชุมตอนนี้เลย!”“โอ๊ย! เหนื่อยหายใจไม่ทันแล้วเนี่ย” ชมพู่โอดครวญ“ใจเย็นสิครับ หายใจลึกๆ” ธารน้ำพยายามปลอบ แต่สายตาก็ยังเร่งเร้า“ไปเร็ว! เดี๋ยวโดนหาว่าไปสายนะ”“ครับ!”มาแบบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เมื่อกี้ก็ว่าเหนื่อยจากการวิ่งหนีไอ้คนปากแข็งบนดาดฟ้าแล้ว นี่พี่ชมพู่ยังพาเหนื่อยอีกรอบเพราะความรีบร้อน ‘โอ้ย! ทำไมกันนะ ชีวิตของไอ้ธารน้ำคนนี้มักจะมีแต่เรื่องให้วิ่งเข้าใส่จังเลย’ เรียกประชุมอะไรเอาตอนนี้ แทนที่จะเรียกตั้งแต่เช
บทที่ 6 กลับมาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่พี่ชมพู่กระซิบบอกเรื่องข่าววงในเกี่ยวกับการเข้ามาของผู้บริหารคนใหม่ ธารน้ำก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของใครคนนั้น หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับอิตาลีไปแล้ว? ช่างเถอะ... มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกใจและทำให้ธารน้ำเป็นกังวลมากกว่าคือ ลูคัส ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลูคัสมาส่งเขาที่คอนโด ชายหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไปดื้อๆ เหมือนไม่เคยมีตัวตน ธารน้ำตั้งใจว่าจะติดต่อเขาเพื่อสอบถามเรื่องค่าซ่อมรถเก๋งที่โดนชนท้าย และค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาเองที่จู่ๆ ก็กลับมาสวยปิ๊งเหมือนใหม่... แต่ก็ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหนไปดูที่ลานจอดรถของบริษัทก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของเขาเลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ’ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบสะบัดมันทิ้งไปว่าแล้วเขาก็กลับมาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเรียกของพี่ชมพู่ที่ดังขึ้นข้างๆ“เจ้าเด็กๆ!”“ครับ?”ธารน้ำหันไปมองด้วยความสงสัยเต็มที่ เพราะอยู่ดีๆ พี่ชมพู่ก็หันมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกใจราวกับเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมา
บทที่ 5 ตายแล้วกล้วยทอด หลังจากหาหมอเสร็จ ลูคัสก็ให้ลูกน้องจัดการขับรถมาส่งธารน้ำถึงหน้าคอนโดหรูอย่างรวดเร็ว พอรถเก๋ง BMW จอดเทียบ เขาก็ลดกระจกแล้วพูดสั้นๆ ว่า “ถึงแล้ว” ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็วธารน้ำยืนงงอยู่หน้าคอนโด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ‘อะไรเนี่ย... รีบไปไหนของเขา’ พลางหันกลับไปที่ลานจอดรถของอาคาร และก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถมอไซด์เวสป้าคู่ใจสีเหลืองที่เขาตั้งชื่อเล่นว่า 'น้องฟักทอง' จอดอยู่ในช่องจอดเรียบร้อย ‘เอ๊ะ! เขารู้ได้ไงวะ ว่ารถเราจอดอยู่ตรงไหน แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้เขาเลิกสนใจความสงสัยนั้นไปในทันที ‘ช่างเถอะ! ขอขึ้นห้องนอนก่อนละกัน’ ว่าแล้วก็เดินกะเผลกๆ ตรงขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 20 ทันทีทันทีที่เข้าห้อง ธารน้ำก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนเลย วันนี้เจอศึกหนักมาทั้งวัน ทั้งเข้างานสาย รถชน เจ็บตัว แถมยังต้องมานั่งเถียงกับผู้ชายหน้าหล่อที่กวนประสาทเป็นที่หนึ่งอีก ‘เอ๊ะ หรือเราจะโทรหาแม่ก่อนดี? ไม่สิ... อาบน้ำก่อนดีกว่า!’เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ไม่ใช่อะไรนะ... ลีลาจ้า! เนอะ ตามประสาคนหล่อที่ดูดีทุกอณูอย่างเขา ก็ต้องพิถีพิถันหน่อย! พออาบน้ำเส
บทที่ 4 คุณเป็นใครกันแน่โห..รถอย่างสวย!ทันทีที่ธารน้ำก้าวขึ้นมานั่งในรถ เบาะหนังนุ่มนิ่มหอมกลิ่นใหม่ ๆ ทำเอาแทบอยากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียวแม่เจ้า... รถหรูขนาดนี้ คนขับก็หล่อ ลูกน้องยังดูดีอีก นี่มันชีวิตในฝันของใครสักคนแน่ ๆ แต่ทำไมมันดันเป็นเขานะ เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบสำรวจเงียบ ๆ ตั้งแต่ข้างล่างขึ้นบนสูทดี น้ำหอมแพง หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับพี่เพ็ญแน่ ๆ …แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนาเลยดีกว่า“เอ่อ... คุณทำงานแผนกอะไรอ่ะ ถึงได้มีรถหรูแบบนี้?”เสียงถามเต็มไปด้วยความอยากรู้แบบเด็กซื่อ ๆ ที่พยายามทำเนียนไม่ให้ดูอยากรู้อยากเห็นจนเกินไป“ทำไมต้องบอก?”เสียงตอบกลับเรียบเฉย แต่แฝงรอยยิ้มมุมปากบาง ๆ“คุณจะเล่นตัวทำไมเนี่ย เราถามดี ๆ นะ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ ยังไม่ตอบเลย”ธารน้ำเถียงเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยนิด ๆ เหมือนงอน“ผู้จัดการ”คำตอบสั้น ๆ ทำเอาธารน้ำชะงักไปนิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือลูกน้องทั้งสองที่นั่งข้างหน้าดีนกับคาลหันมามองหน้ากันผ่านกระจกมองหลังแทบจะพร้อมกันผู้จัดการ?ในเมื่อเจ้านายตัวจริงคือเจ้าของบริษัททั้งคน จะโกหกท