FAZER LOGINบทที่ 1 เริ่มงานวันแรก
แสงแดดยามเช้าสาดลงกระทบกระจกตึกระฟ้าในย่านอโศก เสียงเครื่องยนต์ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ และเสียงบีบแตรประสานกันจนกลายเป็นจังหวะคุ้นเคยของเมืองที่ไม่เคยหยุดหายใจ ผู้คนสวมสูทถือกาแฟเร่งฝีเท้าเข้าสู่อาคารสำนักงานเหมือนฝูงมดกำลังเข้ารัง ในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มร่างกลมคนหนึ่งที่กำลังวิ่งสุดแรง ใบหน้าแดงระเรื่อ ผมสีทองอ่อนยุ่งฟูจนแทบจะคลุมหน้า กระเป๋าเอกสารแน่นในมือเหงื่อเปียกเต็มขมับ เขาสูดลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง “รอด้วยครับ!” เสียงตะโกนของผู้ชายร่างกลมมีพุง แก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อ ผมสีทองอ่อนยุ่งเล็กน้อยดังลั่นไปทั่วโถงหน้าลิฟต์ เขากำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับกระเป๋าใส่เอกสารแน่นมือ เหงื่อผุดเต็มขมับ แต่ก็ยังพยายามส่งเสียงเรียกให้คนในลิฟต์รอก่อนประตูจะปิด วันนี้เป็น วันแรกของการเริ่มงานใหม่ ในบริษัทนำเข้าระดับยักษ์ใหญ่ของเครือ “มัตเตโอ้” ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ไกลถึงอิตาลีจะเรียกว่าโชคช่วยก็ได้ หรือว่าวาสนากันแน่เพราะหลังเรียนจบไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งผลสัมภาษณ์เข้าทำงานที่นี่ทันที ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า เหมือนกำลังจะขึ้นชั้นสวรรค์ด้วยลิฟต์ตัวนี้เอง แฮ่ก... แฮ่ก… “ขอบคุณครับที่รอ” เขากล่าวขอบคุณพลางยิ้มให้คนในลิฟต์ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เขากลืนคำพูดแทบไม่ลงชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสามคนยืนเรียงอยู่ในนั้น ใบหน้าเรียบเฉย ด้านข้างเขากลับเป็นผู้ชายที่ดูแล้วมีอำนาจคล้ายมาเฟียซะมากกว่าพนักงาน รอยสักโผล่พ้นจากขอบปกเสื้อขึ้นมาถึงลำคอ แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นหนา เส้นเลือดขึ้นชัดขณะกลิ่นน้ำหอมผู้ชายกลิ่นเย็นปนควันจาง ๆ ลอยคลุ้งไปทั่ว ธารน้ำยืนเกร็ง มือจิกสายกระเป๋าแน่น พยายามเบือนหน้ามองปุ่มลิฟต์แทนใบหน้าของคนข้าง ๆ ที่รู้สึกเหมือน ‘อันตราย’ มากกว่าจะเป็นพนักงานบริษัททั่วไป แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็มีมากกว่า เขาเหลือบมองแอบสำรวจอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งสายตาคมเข้มคู่นั้นหันมามองตอบแบบตรง ๆหัวใจธารน้ำแทบหลุดจากอก “อ๊ะ ขอโทษครับ...”เขารีบยิ้มกลบเกลื่อน ก่อนจะก้มหน้าบ่นกับตัวเองเสียงเบา “วันแรกก็สายแล้วไหมล่ะ แบบนี้จะโดนไล่ออกไหมเนี่ย” ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ แวบผ่านมุมปาก ก่อนที่ธารน้ำจะก้มมองชุดตัวเองเพื่อเบี่ยงความเขิน เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลครีดเรียบ... ถ้าไม่นับ พุงกลม ๆ ที่ล้ำหน้าเกินเข็มขัดนิดหน่อย ก็คงดูดีอยู่หรอก ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้น 5 เขารีบก้าวออกไปอย่างไว หัวใจเต้นตุบ ๆ ทั้งจากความตื่นเต้นและความโล่งใจโดยไม่รู้เลยว่าคนในลิฟต์ชายผมดำคนนั้นยังมองตามหลังอยู่ พร้อมรอยยิ้มบางที่ยากจะเข้าใจความหมาย ก๊อก ๆ “เข้ามา” เสียงเรียบทรงอำนาจจากในห้องทำให้ธารน้ำกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเปิดประตูเข้าไปผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน นั่งหลังตรงอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่ ดวงตาหลังกรอบแว่นมองเขาแบบพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน “สวัสดีครับ ผมธารน้ำครับ” “ใครอนุญาตให้นั่ง?” “ขะ... ขอโทษครับ!” เขารีบลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว แก้มขึ้นสีจัดเพราะทั้งอายทั้งตกใจ หัวใจเต้นแรงราวกับจะหนีออกจากอก ‘วันแรกก็โดนแล้วไหมล่ะธารน้ำ... จะรอดมั้ยเนี่ย!’ “เชิญนั่ง” “ขอบคุณครับ...” เขาแทบทรุดนั่งแทบไม่ทัน “ฉันชื่อเพ็ญนภา เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี จะเรียกพี่เพ็ญก็ได้” “ครับพี่เพ็ญ” “ดี... เดี๋ยวพี่จะให้เธอไปทำงานกับชมพู่ ให้ชมพู่ช่วยสอนงานไปก่อน” “ครับ” “แล้วอย่ามาสายอีก เข้าใจไหม” “เข้าใจครับ” “บริษัทนี้มีคนจากสำนักงานใหญ่ที่อิตาลีมาตรวจบัญชีทุกเดือน ถ้าตัวเลขผิดพลาดแม้แต่จุดเดียว คนทั้งแผนกโดนหมด เข้าใจไหม?” “เข้าใจครับ!” “งั้นไปได้ ชมพู่รออยู่ข้างนอก” “ครับ ขอบคุณครับพี่เพ็ญ” เขายกมือไหว้อีกครั้งก่อนออกจากห้อง ถอนหายใจแรงจนไหล่ตก ‘เห้อ... เกือบไม่รอดแล้วไหมละธารน้ำ’ . . . “ไงเรา ถึงกับหน้าซีดเลยหรือไง~”เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านข้าง ทำให้ธารน้ำหันไปมอง เห็นหญิงสาวรูปร่างอวบเล็ก ใส่เดรสสีชมพูหวาน แว่นตากรอบหนา และรอยยิ้มที่สดใสราวแสงแดดยามเช้า “พี่ชมพู่ใช่ไหมครับ?” “ใช่แล้ววววว~” เธอลากเสียงยาวก่อนยิ้มกว้าง “ยินดีที่ได้รู้จักนะธารน้ำ เรียกพี่ว่า พี่ชมพู่คนสวย ก็ได้~” “ครับพี่ชมพู่” “ตกใจพี่เพ็ญใช่ไหมเรา?” “นิดหน่อยครับ” “อย่าไปกลัวเลย แกก็ปากร้ายแต่ใจดี ทำงานให้ตรงเวลาก็ไม่มีปัญหา ไป พี่พาไปดูโต๊ะเราก่อน” โต๊ะทำงานของเขาอยู่ติดกับพี่ชมพู่ ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีกระถางต้นไม้เล็ก ๆ วางอยู่ตรงมุมเหมือนจะต้อนรับสมาชิกใหม่ “นี่โต๊ะเรานะ เก็บของได้เลย แล้วนี่คือโปรแกรมบัญชีที่ใช้ ดูตรงนี้นะ...” พี่ชมพู่เริ่มอธิบายทีละขั้นตอน ทั้งเรื่องตัวเลข การส่งรายงาน และระเบียบการตรวจบัญชีจากสำนักงานใหญ่ ธารน้ำตั้งใจฟังเต็มที่ แต่บางจังหวะก็เผลอเหม่อเพราะคำว่า‘บริษัทแม่ที่อิตาลี’ มันยังติดอยู่ในหัว เขาแอบคิดขึ้นมาเบา ๆ ว่า ‘หรือว่าคนในลิฟต์เมื่อกี้... จะมาจากที่นั่น?’ “นี่คือระบบบัญชีของบริษัทนะ ต้องกรอกตัวเลขตรงนี้ให้ครบทุกช่องก่อนส่งเข้าฝ่ายตรวจสอบ” พี่ชมพู่พูดพลางชี้หน้าจอคอม มือข้างหนึ่งถือกาแฟ อีกข้างขยับเมาส์คล่องราวกับคนอยู่กับตัวเลขมานานสิบปี “ครับพี่ชมพู่” ธารน้ำพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยายามจดทุกคำ เพราะกลัวทำพลาดตั้งแต่วันแรก พักเที่ยง “เสร็จสักที” ธารน้ำบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างโล่งอก กว่าจะทำความเข้าใจกับระบบใหม่ ๆ ได้เล่นเอาปวดหัวแทบจะมึนตาย ตัวเลขในหน้าจอที่วิ่งวุ่นราวกับเส้นหมี่พันกันไปหมด ทำเอาสมองแทบไหม้ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี เขายืดแขน ยืดขา แล้วลูบพุงน้อย ๆ ของตัวเองเบา ๆ พลางถอนหายใจท้องร้องประท้วงรัว ๆ เหมือนจะบอกว่า พอที เหนื่อยแล้ว หิวแล้ว! “ธารน้ำ~ ไปทานข้าวกับพี่ไหม ถือว่าต้อนรับน้องใหม่ด้วย”เสียงใส ๆ ของพี่ชมพู่ดังขึ้นจากโต๊ะข้าง ๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิม “ได้ครับ!” ตอบแทบจะทันทีไม่ต้องคิด เพราะหิวจัดจนมือเริ่มสั่น ตาเริ่มลายตามประสาเด็กกินเก่งที่พลังหมดง่าย เขารีบเก็บของ ปิดระบบ แล้วหันไปยิ้มให้พี่ชมพู่ “พร้อมแล้วครับ” “ไปกันเลย เจ้าเด็ก~” “ครับ~” เขายิ้มกว้าง เดินตามหลังพี่ชมพู่ลงลิฟต์ไปด้วยความรู้สึกดีใจเล็ก ๆแค่มีคนใจดีในวันแรกของการทำงานก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ลิฟต์เปิดออกสู่ชั้นล่างของอาคารที่เต็มไปด้วยร้านอาหารเรียงราย กลิ่นอาหารหอมลอยมาแต่ไกล ทั้งกลิ่นผัดกะเพรา กลิ่นน้ำซุป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง แค่สูดกลิ่นก็แทบจะกลืนลิ้นตัวเองแล้ว “กินอะไรดีเรา เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงน้องใหม่” “เอาข้าวหมูแดงครับ” “โอเค~ ไปนั่งรอได้เลย วันนี้คนสวยจะบริการเจ้าเด็กเอง” “ขอบคุณครับพี่ชมพู่” เขานั่งลงที่โต๊ะริมกระจกมองออกไปเห็นลานด้านนอกที่มีน้ำพุเล็ก ๆ ตรงกลาง บรรยากาศดีจนเผลออมยิ้ม พนักงานบริษัทเดินไปมาเต็มไปหมด ทุกคนดูมีจังหวะชีวิตที่รีบเร่ง แต่ก็มีสีหน้าเปี่ยมพลังดี ไม่นานนัก เสียงสดใสของพี่ชมพู่ก็ดังขึ้นพร้อมถาดอาหารในมือ “มาแล้วจ้าา~” “ขอบคุณครับพี่ชมพู่” “ไม่เป็นไรจ้า กินเลย อันนี้พี่สั่งพิเศษให้ หมูเยอะ น้ำราดเข้มข้นสุด ๆ” เขาตักข้าวคำแรกเข้าปาก แล้วถึงกับหลับตาพริ้ม อร่อยจนอยากร้องไห้น้ำราดไม่หวานเกินไป เนื้อหมูนุ่มแทบละลาย ปรุงได้พอดีทุกอย่าง “มาทำงานยังไงเราอ่ะ” “แว้นมาครับ” “หืม~ เก่งนี่ ขับรถเองด้วยเหรอ” “ครับ พอดีผมพักอยู่คอนโดใกล้ ๆ ที่นี่ครับ ไม่ไกลมาก” “อ๋อ~ ดีเลย แต่ระวังเรื่องมาสายล่ะ เจ้านายพี่ไม่ชอบคนสาย” “ครับ จะระวังครับ” ทั้งสองหัวเราะเบา ๆ ไปพร้อมกัน ก่อนจะกลับไปกินต่ออย่างเงียบ ๆไม่นานก็หมดจาน ธารน้ำยกมือเช็ดปากเบา ๆ แล้วหันไปยิ้ม “อิ่มแล้วครับพี่ชมพู่” “งั้นพี่ไปทำธุระก่อนนะ บ่ายเจอกันที่โต๊ะทำงานจ้า~” “ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ” เขามองตามหลังอีกฝ่ายที่เดินออกไปอย่างใจดี ก่อนจะถอนหายใจโล่ง ๆมือคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมา เดินไปซื้อขนมขบเคี้ยวอีกสามสี่อย่าง ของหวานคือกำลังใจของมนุษย์ออฟฟิศจริง ๆ ตอนเดินผ่านโซนลิฟต์สายตาก็เหลือบเห็นป้าย ชั้นดาดฟ้า – Sky Garden(เฉพาะพนักงานภายใน) หืม มีดาดฟ้าด้วยเหรอ เขาคิดในใจ แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมา “ขึ้นไปกินขนมชมวิวหน่อยละกัน” มือเล็กกดปุ่ม “R” อย่างมั่นใจ ลิฟต์เคลื่อนขึ้นช้า ๆบทที่ 9 ขยันแกล้ง พาร์ทลูคัส ผมรู้อยู่แล้วว่าเด็กอ้วนจะต้องหาทางหลบหน้าผมหลังเลิกงาน ผมเลยมาแอบดักรอไว้ที่ลานจอดรถ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าตัวอยู่ในสายตาผมทั้งหมด ผมจึงตั้งใจแกล้งเข้าไปจับคอเสื้อด้านหลัง เพื่อทำให้เด็กคนนี้ตกใจเล่นที่ไหนได้... เจ้าตัวกริ๊ดเสียงดังจนหูผมเกือบดับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงจะเสียงดังแค่ไหน ผมก็ยังคงชอบที่จะแกล้งอยู่ดีผมรู้ดีว่าเด็กตรงหน้าไม่ค่อยพอใจเรื่องที่ผมปิดบังสถานะตัวเอง ถ้าผมบอกความจริงทั้งหมดว่าผมต้องพัวพันกับธุรกิจแบบไหน คนตรงหน้าก็จะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ผมอีก และนั่นคือสิ่งที่ผมทำใจยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตามไปวุ่นวายกับน้อง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองผมเลยแกล้งขอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปด้วย ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของรถไม่อยากให้ไป แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะฟังเสียงคัดค้าน ตลอดทางผมจงใจจับเอว... จะเรียกว่าเอวไหมนั้นก็ไม่รู้ หึหึ แต่พุงเด็กนี่นุ่มนิ่มไปหมด สัมผัสที่ได้ช่างน่าหลงใหลจนอยากจะจับกดคาเตียงฟังแล้วเหมือนผมเป็นคนเลว... มันก็เลวจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งธุรกิจสีเทา ธุรกิจมืด ไหนจะต้องจัดการคนที่มาขัดผลประโยชน์จนถึง
บทที่ 8 ยิ่งหลบ ยิ่งเจอ หลังเลิกงานเย็น ธารน้ำรีบเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่ลานจอดรถ เขารีบคล่อมน้องฟักทองมอเตอร์ไซค์คู่ใจทันที เขากลัวว่าถ้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องเผชิญหน้ากับ ลูคัส ผู้บริหารปากแข็งที่หลอกลวงเขาอีกครั้ง ระหว่างที่กำลังจะสตาร์ทรถอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาจับคอเสื้อด้านหลังของเขาไว้แน่นกริ๊ดดดด!ธารน้ำร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนตัวโยน นึกว่าโดนผีอำหรือโดนใครมาทำร้ายยามวิกาล“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ! เดี๋ยวลูกช้างจะทำบุญไปให้! ฮือๆ”“พี่เอง! จะร้องทำไมเนี่ย”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลัง“เอ้า! แล้วใครเขามาเงียบๆ แบบนี้ล่ะ! ตกใจหมด!” ธารน้ำหันไปโวยวายทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้คนด้านหลัง“ถ้าไม่มาแบบนี้จะรู้ได้ยังไง ว่าเราไม่อยากเจอหน้าพี่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ก็ไม่อยากเจอไง! ไม่เข้าใจที่พูดเหรอไง!” “ไม่!”“ปล่อยนะ! จะกลับบ้าน!”“เดี๋ยวไปส่ง”“ไม่ไปกับคนแปลกหน้า!” “เหรอ”พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงที่รั้งคอเสื้อเขาไว้ก็จัดการปล่อยมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระโดดขึ้
บทที่ 7 ผู้บริหารคนใหม่แฮ่ก... แฮ่ก...เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังมาจากร่างของคนตัวอ้วนที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้าลิฟต์มาอย่างรวดเร็ว และรีบเดินกะเผลกๆ ไปที่แผนกด้วยความเร่งรีบ เขาเหนื่อยจากการวิ่งหนี ลูคัส บนดาดฟ้า แถมยังไปกวนประสาทร่างสูงคนนั้นเข้าอีก คิดแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรถามดีๆ ก็ไม่ยอมบอกความจริง ให้เราทำแผลให้ตั้งนาน แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยว่าไปโดนอะไรมา มันน่าตีจริงๆ!พอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงาน พี่ชมพู่ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาแทบจะทันทีแฮ่ก... แฮ่ก…“เจ้าเด็ก! เตรียมตัวเร็ว!”“มีอะไรครับพี่ชมพู่”“เรียกประชุมด่วน! ผู้บริหารคนใหม่เรียกแผนกของเราทั้งหมดให้เข้าไปประชุมตอนนี้เลย!”“โอ๊ย! เหนื่อยหายใจไม่ทันแล้วเนี่ย” ชมพู่โอดครวญ“ใจเย็นสิครับ หายใจลึกๆ” ธารน้ำพยายามปลอบ แต่สายตาก็ยังเร่งเร้า“ไปเร็ว! เดี๋ยวโดนหาว่าไปสายนะ”“ครับ!”มาแบบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เมื่อกี้ก็ว่าเหนื่อยจากการวิ่งหนีไอ้คนปากแข็งบนดาดฟ้าแล้ว นี่พี่ชมพู่ยังพาเหนื่อยอีกรอบเพราะความรีบร้อน ‘โอ้ย! ทำไมกันนะ ชีวิตของไอ้ธารน้ำคนนี้มักจะมีแต่เรื่องให้วิ่งเข้าใส่จังเลย’ เรียกประชุมอะไรเอาตอนนี้ แทนที่จะเรียกตั้งแต่เช
บทที่ 6 กลับมาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่พี่ชมพู่กระซิบบอกเรื่องข่าววงในเกี่ยวกับการเข้ามาของผู้บริหารคนใหม่ ธารน้ำก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของใครคนนั้น หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับอิตาลีไปแล้ว? ช่างเถอะ... มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกใจและทำให้ธารน้ำเป็นกังวลมากกว่าคือ ลูคัส ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลูคัสมาส่งเขาที่คอนโด ชายหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไปดื้อๆ เหมือนไม่เคยมีตัวตน ธารน้ำตั้งใจว่าจะติดต่อเขาเพื่อสอบถามเรื่องค่าซ่อมรถเก๋งที่โดนชนท้าย และค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาเองที่จู่ๆ ก็กลับมาสวยปิ๊งเหมือนใหม่... แต่ก็ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหนไปดูที่ลานจอดรถของบริษัทก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของเขาเลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ’ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบสะบัดมันทิ้งไปว่าแล้วเขาก็กลับมาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเรียกของพี่ชมพู่ที่ดังขึ้นข้างๆ“เจ้าเด็กๆ!”“ครับ?”ธารน้ำหันไปมองด้วยความสงสัยเต็มที่ เพราะอยู่ดีๆ พี่ชมพู่ก็หันมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกใจราวกับเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมา
บทที่ 5 ตายแล้วกล้วยทอด หลังจากหาหมอเสร็จ ลูคัสก็ให้ลูกน้องจัดการขับรถมาส่งธารน้ำถึงหน้าคอนโดหรูอย่างรวดเร็ว พอรถเก๋ง BMW จอดเทียบ เขาก็ลดกระจกแล้วพูดสั้นๆ ว่า “ถึงแล้ว” ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็วธารน้ำยืนงงอยู่หน้าคอนโด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ‘อะไรเนี่ย... รีบไปไหนของเขา’ พลางหันกลับไปที่ลานจอดรถของอาคาร และก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถมอไซด์เวสป้าคู่ใจสีเหลืองที่เขาตั้งชื่อเล่นว่า 'น้องฟักทอง' จอดอยู่ในช่องจอดเรียบร้อย ‘เอ๊ะ! เขารู้ได้ไงวะ ว่ารถเราจอดอยู่ตรงไหน แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้เขาเลิกสนใจความสงสัยนั้นไปในทันที ‘ช่างเถอะ! ขอขึ้นห้องนอนก่อนละกัน’ ว่าแล้วก็เดินกะเผลกๆ ตรงขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 20 ทันทีทันทีที่เข้าห้อง ธารน้ำก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนเลย วันนี้เจอศึกหนักมาทั้งวัน ทั้งเข้างานสาย รถชน เจ็บตัว แถมยังต้องมานั่งเถียงกับผู้ชายหน้าหล่อที่กวนประสาทเป็นที่หนึ่งอีก ‘เอ๊ะ หรือเราจะโทรหาแม่ก่อนดี? ไม่สิ... อาบน้ำก่อนดีกว่า!’เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ไม่ใช่อะไรนะ... ลีลาจ้า! เนอะ ตามประสาคนหล่อที่ดูดีทุกอณูอย่างเขา ก็ต้องพิถีพิถันหน่อย! พออาบน้ำเส
บทที่ 4 คุณเป็นใครกันแน่โห..รถอย่างสวย!ทันทีที่ธารน้ำก้าวขึ้นมานั่งในรถ เบาะหนังนุ่มนิ่มหอมกลิ่นใหม่ ๆ ทำเอาแทบอยากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียวแม่เจ้า... รถหรูขนาดนี้ คนขับก็หล่อ ลูกน้องยังดูดีอีก นี่มันชีวิตในฝันของใครสักคนแน่ ๆ แต่ทำไมมันดันเป็นเขานะ เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบสำรวจเงียบ ๆ ตั้งแต่ข้างล่างขึ้นบนสูทดี น้ำหอมแพง หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับพี่เพ็ญแน่ ๆ …แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนาเลยดีกว่า“เอ่อ... คุณทำงานแผนกอะไรอ่ะ ถึงได้มีรถหรูแบบนี้?”เสียงถามเต็มไปด้วยความอยากรู้แบบเด็กซื่อ ๆ ที่พยายามทำเนียนไม่ให้ดูอยากรู้อยากเห็นจนเกินไป“ทำไมต้องบอก?”เสียงตอบกลับเรียบเฉย แต่แฝงรอยยิ้มมุมปากบาง ๆ“คุณจะเล่นตัวทำไมเนี่ย เราถามดี ๆ นะ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ ยังไม่ตอบเลย”ธารน้ำเถียงเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยนิด ๆ เหมือนงอน“ผู้จัดการ”คำตอบสั้น ๆ ทำเอาธารน้ำชะงักไปนิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือลูกน้องทั้งสองที่นั่งข้างหน้าดีนกับคาลหันมามองหน้ากันผ่านกระจกมองหลังแทบจะพร้อมกันผู้จัดการ?ในเมื่อเจ้านายตัวจริงคือเจ้าของบริษัททั้งคน จะโกหกท







