เสียงแหบๆของลุงบุญสม
“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ”
ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร
“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว”
เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล
“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม”
มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้
“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว”
ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ
“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น”
หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ
“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ
“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจากไปเราจะบอกนายให้เตรียมตัวก่อน ประพันธ์” ประพันธ์ยิ้มแก้มแทบปริ
“นายคือเพื่อนตายของเราจริงๆ ระวิน”
เฮ้อ เพื่อนยากต่างแดนอย่างน้อยก็ไม่เสียหลายมีคนคอยตักของดีๆ ไว้ให้ตอนเช้าอย่างนี้ ก็ไม่เลวเท่าไหร่
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งองครักษ์ และเด็กรับใช้หน้าที่ต่างๆ ต้องมายืนรอฟังคำสั่งจากฮาฟซาและลุงบุญสม
“วันนี้ จะมีการเสด็จประพาสไปเป็นประธานเปิดบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งใหม่ เราจะคัดสรรคนที่ต้องตามเสด็จ”
เสียงทุ้มนุ่มหูของฮาฟซาดังกังวานอย่างคนมีอำนาจ ระรินยืนฟังด้วยใจระทึก
“ระวิน นายตามเสด็จใกล้ชิดนะ ลุงบุญสมบอกแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
ระรินตอบอย่างเสียไม่ได้ มีหลายคนที่ต้องตามเสด็จในครั้งนี้
รถโรสรอยรุ่นใหม่ล่าสุดสีแดงช่างกลมกลืนนักกับพื้นทะเลทราย ระรินไม่สงสัยเลยว่าใครจะนั่งอยู่ในนั้น เธอมองมันนำหน้าไปด้วยสายตาชื่นชม เธอจะมีโอกาสได้หย่อนก้นลงไปสักครั้งไหม รถแล่นไปตามทางที่สองข้างทางประกอบด้วยทราย ทราย ทราย และทรายไอแดดระยิบระยับ ระรินคิดว่าถ้าเธอออกไปเดินข้างนอกนั่นไม่ใช่แค่หลงแต่ต้องตายเพราะร้อนนี้แหละ คิดถึงเมืองไทย ที่แม้จะร้อนเพียงใดก็ยังมีร่มไม้ให้พักพิง จนกระทั่งขบวนเสด็จ หักเลี้ยวตรงแยกหัวมุมเข้าสู่พื้นที่ที่มองไปพบแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกจัดตกแต่งให้เป็นเหมือนป่าขนาดย่อม ความร่มรื่นด้วยเงินบันดาลและฝีมือมนุษย์ ผู้คนมากหน้าหลายตาพยายามแต่งตัวให้ดูภูมิฐาน แบบฉบับของอาหรับ มายืนรอเฝ้ารับเสด็จมากมาย
ฮาฟซาก้าวลงจากรถหรูก่อนจะวิ่งอ้อมมาเปิดประตู อีกฝั่งยืนโค้งคำนับอยู่ตรงนั้น ระรินเองถูกเรียกให้ยืนอยู่เกือบท้ายแถว โดยหัวแถวฝั่งซ้ายขวามีลุงบุญสม และฮาฟซาอยู่คนล่ะฝั่ง ทุกคนต้องโค้งคำนับเป็นแนวเดียวกัน ระรินแอบเหลือบตาขึ้นมอง ผู้ที่ก้าวลงจากรถ สวมผ้าโพกหัวสีขาวแต่งกายตามแบบอาหรับ ใบหน้าที่คมคายอยู่แล้วนั้นยิ่งดูหล่อเหลาหาที่ติไม่ได้ ดวงตามีอำนาจลึกลับนั้นคมดังใบมีดโกน จ้องมองระรินด้วยแววตำหนิ คนที่อยู่ข้างๆคล้ายจะได้อานิสงส์แห่งสายตาคมนั้นไปด้วยกระตุกแขนระริน กระซิบแผ่วเบา ระรินหลบสายตาลงต่ำ ร่างสูงผ่านไประรินถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นปะทะกับใบหน้าหล่อเหลา ของอีกคนทว่าสายตาอ่อนโยนนัก สายตาคมหวานจ้องมองระรินตาไม่กะพริบ บุรุษผู้นี้หาได้แต่งกายเช่นชาวอาหรับทั่วไปไม่หากแต่ แต่งกายคล้ายคนตะวันตกทั่วไป ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสแย้มยิ้มเหมือนจะนึกอะไรได้ แต่กลับเป็นปกติทันควัน
“พักผ่อนตามสบาย ทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้นแท่นรับรองแล้ว หน้าที่ปรนนิบัติเป็นของทางเจ้าภาพเขา เรามีหน้าที่คอยตรวจตราและอารักขาเท่านั้น”
ลุงบุญสมบอกข่าวดีที่ระรินรอคอย อาหารมากมายน่ากินทั้งนั้นระรินคิดในใจเดี๋ยวเหอะแม่จะฟาดให้เรียบ ขณะที่ยืนคอยอยู่ตรงนั้นเสียงหนึ่งแว่วเข้าหูระรินอย่างจังโดย ยัยป้าท่าทางดีแต่งตัวแบบหญิงอาหรับทั่วไปแต่ทว่าตัวอ้วนกลมไม่สมกับชุดที่ใส่ รัดจนพุงปลิ้นออกมาทีเดียว
“องค์ฟีรอสเขาคาสโนว่า ท่านสุลต่านเห็นแก่ว่าเป็นบุตรคนโต แต่ก็อย่างว่ามารดามาจากนางในฮาเล็ม ไม่มียศศักดิ์อะไร ทรงโปรดผู้หญิงสวยเหมือนท่านสุลต่าน แต่อุปนิสัยต่างกันกับองค์อัฟนันที่ทรงสุภาพอ่อนโยนเป็นที่สุด เพราะกำเนิดจากพระมารดาที่เป็นองค์ราชินี ของท่านสุลต่าน”
อีกคนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเห็นด้วย
“แต่กระนั้นองค์ราชินีก็ทรงถวายการเลี้ยงดูท่านฟีรอสมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ตั้งแต่ประสูติด้วยซ้ำ ถึงได้ทรงยินยอมให้แต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร”
“ก็เพราะทรงถูกพรากมาจากมารดาแต่เล็ก ด้วยองค์สุลต่านกับสมเด็จราชินีไม่มีบุตรด้วยกัน ถวายปรนนิบัติตั้งนมนานจนสุดท้าย นำองค์ฟีรอสมาเลี้ยงถึงได้ทรงพระครรภ์”
ทั้งคู่หัวเราะคิกคัก หารู้ไม่ว่าระรินแอบฟังอยู่ น่าตัดหัวพิลึก
“เขาเรียกลูกอิจฉา555+”
ระรินอยากจะเข้าไปด่านางทั้งคู่เหลือเกิน พอดีลุงบุญสมเดินผ่านมา เรียกให้เธอเข้าไปในห้อง
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย