ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม
"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม"
"อะไรรึ"
"คนรับใช้คนเก่า เขา..."
ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน
"คือเขาเป็นอะไรตาย"
ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้
" ถูกยิง "!!!!! +++
"ใครยิงครับ"
"ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"
น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป
"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ"
ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป
" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"
ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็น
อาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม
"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม"
"นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว"
"แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"
ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง
“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”
" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"
ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว
" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้
"แล้วไปไหนกันหมด"
"ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเยาว์ แล้วก็อีกสี่ห้าคนเกษียณมั่งลาออกมั้ง "
"แล้วคนสุดท้ายล่ะครับลุง"
ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยขมวดเข้าหากัน
"ถามทำไม"
เสียงเข้มขึ้นมาทันควัน
"น่านะลุงผมอยากรู้"
"ตาย"
"เป็นอะไรตาย"
ลุงบุญสมป้องปากก่อนจะกระซิบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
"รู้แล้วเหยียบไว้เลย เขาว่า แอบลอบเข้าไปในฮาเล็มขององค์สุลต่าน เลยโดนสังหาร"
"ใครฆ่า ลุงองค์สุลต่านหรือ"
มือเหี่ยวยกขึ้นปิดปากระรินทันทีก่อนจะกระซิบกระซาบ
"พูดพล่อยๆ หยุดปากมอมๆ ของแกได้แล้ว"
ระริน ปิดปากสนิทรู้แล้วว่าตัวเองล้ำเส้นเกินไป ได้แต่กล้ำกลืนเก็บความสงสัยไว้ในใจ
ค่ำนั้น
"ระวิน ฉันไว้ใจแกได้ไหม " เสียงทุ้มดังแผ่วเบาเมื่อระรินนั่งอยู่ในห้อง ข้างแท่นบรรทม
"เรื่องอะไรกระหม่อม "องค์ฟีรอสถอนหายใจยาวเหยียด
"ฉันมีเรื่องที่ต้องให้นายช่วย แต่ไม่ได้ให้ช่วยฟรีนะมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม"
ระรินหูผึ่งทันทีกับคำว่ารางวัล^_^ เก็บเงินเรียนต่อ เก็บเงินเรียนต่อ (:
"ว่ามาเลยกระหม่อม ถ้าไม่เกินความสามารถกระหม่อมยินดีรับใช้"
จริงใจหน่อย ระรินจริงใจหน่อย
หันหน้ามาเผชิญร่างสูงก่อนจะนั่งขัดสมาธิตั้งใจฟัง
“รอให้ฉันวางแผนให้ดีกว่านี้ก่อนเดี๋ยวจะพลาดกันอีก ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
อ้าวไหงงั้น รึว่าหึหึหึ
“บอกมาเลยยยยย...กระหม่อมจะได้ทำใจ”
ระรินยังคงเซ้าซี้ตามแบบฉบับของเธอ
“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวไก่จะตื่นหนีไปเสียก่อน ว่าแต่ว่าตั้งใจฝึกการป้องกันตัวจากฮาฟซาหรือเปล่า”
ระรินหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงองครักษ์รูปหล่อ พูดไม่ออกเขินแป้บ^o^
“ปกติฮาฟซา เป็นคนเข้มงวดมากนะ ถ้าเขาดุด่าอะไรก็อย่าถือสาเขาเลย”
จะดุอะไร ทำให้หนักใจกว่าดุอีก
“นายนี่ปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวอยู่ได้ เป็นใบ้รึอย่างไร”
นิ้วชี้จิ้มเข้าที่กลางหน้าผากก่อนจะออกแรงดัน จนระรินเกือบหงายหลัง
“ฉันนึกออกแล้วเรามาประลองกำลังกันดีกว่าเหนื่อยๆ จะได้หลับสบาย”
น้ำเสียงราบเรียบไม่มีอะไรแอบแฝง หาซวยแล้ว
“กระหม่อม ผมเอ้ย กระผม แขนเจ็บ”
ไม่ทันขาดคำ ร่างทั้งร่างถูกผลัก ให้ลงไปนอนแอ้งแม้งโดยที่มีร่างใหญ่ค่อมอยู่บนตัว
“มวยปล้ำ ไหล่ติดพื้น นับสามแพ้ อ่อนแอก็แพ้ไป555+”
ระรินจุกแอก จนปฏิเสธไม่ออก
องค์ฟีรอสจับตัวระรินก่อนจะเตรียมกดเพื่อนับสาม ตาจ้องตากลิ่นกายหอมละมุน ใบหน้าหวานซึ้ง งดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ใบหน้าที่ต่างจากชายชาตรีทั่วไป ระรินหลับตาลงช้าๆ เพราะรู้สึกถึงแรงกดบริเวณหัวไหล่ เกิดอาการปวดนิดๆ องค์ฟีรอสจ้องใบหน้าขาวเนียน ก้มต่ำลงเรื่อยๆอย่างลืมตัว จมูกโด่งเป็นสันเกือบชิดติดจมูกงอนงามของระริน อารมณ์สับสนวุ่นวาย ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดสับสนนั้น ปล่อยร่างบางเป็นอิสระ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย