ตอนที่แปด แกล้ง
หลังจากมื้ออาหารเย็นที่ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดผ่านไป จินซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมในจานเรียบร้อยแล้วกำลังจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร
"จิน" มาร์ตินก็เรียกทันทีที่จินทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ไป
"เดี๋ยวนายไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ" มาร์ตินพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ทิ้งให้จินสงสัยว่ามาร์ตินเรียกเขาไปคุยเรื่องอะไรกันแน่
"เอ่อ.. พี่ชุนครับ พี่ชุนพอจะรู้ไหมครับว่าคุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า" จินหันไปกระซิบถามชุนซึ่งยืนอยู่มุมห้อง
ชุนได้แต่ส่ายหน้าด้วยเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาร์ตินมีธุระอะไรกับจิน ถึงเขาจะช่วยงานในห้องทั้งวันแต่ก็แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมาร์ตินมากเท่าไหร่
จินได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว มาร์ตินคิดยังไงกับตนกันแน่ ในตอนแรกเขาก็พอรู้มาบ้างว่ามาร์ตินไม่ค่อยชอบเขาเหมือนกัน เพราะต่างคนต่างถูกบังคับให้แต่งงานกัน
แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เจอมาร์ตินบ่อยๆ เกือบจะสามเวลาหลังอาหารกันเลยทีเดียว เมื่อเช้าก็หนหนึ่งละ เมื่อบ่ายก็อีกหนหนึ่งละ นี่ก็อีกหนหนึ่งแล้วจะมีอีกครั้งก่อนนอนไหมเนี่ย.. จินบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองเบาๆ พลางเกาหัวแกรกๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
ก๊อก.. ก๊อก.. จินเคาะประตูห้องมาร์ตินทันทีที่เดินมาถึง
"เข้ามาได้" มาร์ตินเรียกคนที่ตนบอกให้มาพบเข้ามาในห้อง
"คุณมาร์ตินมีธุระอะไรรึเปล่าครับ" จินถามขณะที่มาร์ตินผายมือให้เขานั่งลงบนเก้าอี้
"โทรศัพท์มือถือของนายอยู่ที่ไหน" มาร์ตินเอ่ยถามทันทีที่จินนั่งลงบนเก้าอี้
"เอ๋.. โทรศัพท์มือถือของผมหรือครับ" จินทวนคำถามของมาร์ตินก่อนจะทำท่าครุ่นคิดด้วยความงุนงง เจ้าของร่างนี้มีโทรศัพท์มือถือด้วยเหรอ เขาพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก
นั่นสินะ ว่าแต่โทรศัพท์มือถือของจินในร่างเดิมอยู่ที่ไหนกันนะ เพราะตั้งแต่เขามาอยู่ในร่างนี้ได้เดือนกว่า เขาก็ไม่เคยกลับเข้าไปในห้องเก่าของจินอีกเลย อะไรที่เป็นของจินคนเก่าเขาก็ไม่คิดแตะต้อง เพราะเขาไม่อยากใช้ของส่วนตัวของคนอื่น ของใช้ส่วนตัวของเขาก็ซื้อใหม่ทั้งหมดที่ห้างสรรพสินค้ากับชุนในตอนนั้น
มาร์ตินเห็นจินกำลังครุ่นคิดตั้งนานและไม่ยอมตอบเขาเสียที จึงทำให้เขาเอ่ยเรียกสติจินกลับมาอีกครั้ง
"ทำไม นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า ถึงไม่รู้ว่าโทรศัพท์มือถือของนายอยู่ที่ไหน" มาร์ตินถามจินด้วยความสงสัย
"อ๊ะ เปล่าครับ" จินตอบกลับทันทีที่ได้สติ "ผมเพียงแต่คิดว่าผมไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือน่ะครับ เพราะผมอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนให้ติดต่อ ไม่มีงานที่ต้องไถ่ถาม และไม่มี.. " จินเว้นวรรคก่อนจะตอบมาร์ตินช้าๆ
"ไม่มี.. ไม่มีครอบครัวให้เป็นห่วงครับ" จินตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ ป่านนี้พ่อของเจ้าของร่างนี้คงจะหายสาบสูญไปแล้วกระมัง เขาไม่เห็นเคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเขาสักครั้งจากความทรงจำของร่างเดิมนี้
แม้แต่ตอนที่เจ้าของร่างเดิมล้มป่วยก็ไม่เคยมาเยี่ยม เพราะเขาเคยถามชุนถึงพ่อเจ้าของร่างเดิม ชุนบอกเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายเงียบหายไปติดต่อไม่ได้ และแจ๊คก็ไม่เคยติดต่อกลับมาหาจินสักครั้ง
มาร์ตินได้แต่มองจินด้วยความสงสาร เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครมาก่อนนอกจากชุน เพราะเขาเติบโตและค่อนข้างสนิทกับชุนมากเป็นพิเศษ แต่เป็นชุนที่มักจะเห็นเขาเป็นเจ้านายอยู่เสมอ
"เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้ว ถ้านายมีปัญหาอะไรหรืออยากได้อะไรก็บอกชุนได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะ ในตอนนี้ถือว่านายเป็นเจ้านายของที่นี่อีกคนก็แล้วกัน" มาร์ตินเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นจินมีใบหน้าเศร้าและหม่นหมอง เขาจึงปัดเรื่องโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายทิ้งทันที
"ครับ ขอบคุณครับ" จินตอบสั้นๆ ก่อนจะนั่งเงียบๆ ส่วนมาร์ตินเห็นจินตอบแล้วเงียบไป เขาจึงเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาเช็กงาน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปจินเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ในเมื่อมาร์ตินไม่มีธุระอะไรกับเขาแล้ว ทำไมจึงยังให้เขานั่งอยู่ไม่ไล่เขาออกไปจากห้องเสียที
หรือว่ามาร์ตินยังไม่หมดธุระกับเขากันนะ แต่ทำไมไม่ยอมคุยต่อ เขาจะทำยังไงต่อดี นั่งอยู่หรือขอตัวกลับ จินนั่งครุ่นคิดไปมาจนตีหน้ายุ่งไปหมด
และทุกอากัปกิริยาของจินนั้นก็ตกอยู่ในสายตาของมาร์ตินที่แอบมองผ่านแล็ปท็อปตลอดเวลา มาร์ตินจึงแอบยกยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
"อ้าว.. นายยังอยู่อีกเหรอ ฉันนึกว่านายกลับออกไปแล้วเสียอีก" มาร์ตินเอ่ยออกมาในที่สุด
"เอ่อ.. ผมคิดว่าคุณยังไม่หมดธุระกับผมเสียอีกครับ" จินตอบด้วยใบหน้างุนงงและไร้เดียงสา
"นายคิดแบบนั้นเหรอ" มาร์ตินตอบพร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด
"ถ้างั้นนายกลับไปได้แล้ว ฉันก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน" มาร์ตินตอบหน้านิ่งๆ แต่ภายในใจของเขาแอบขำกับท่าทางและสีหน้าเงอะงะของอีกฝ่าย
"หรือนายจะไปนอนกับฉัน" มาร์ตินแสร้งเอ่ยถามพลางจ้องใบหน้าของจินที่กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
คำพูดของมาร์ตินทำให้จินชะงักและคิดไปไกลถึงคืนนั้น พลันใบหน้าของเขาก็เห่อร้อนและแดงขึ้นมาจากใบหน้าลามไปจนถึงใบหูบาง จินจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"เอ่อ.. ไม่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมง่วงแล้วครับ" ว่าแล้วจินก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เขาไม่ทันระวังจึงเปิดประตูโขลกใส่หัวตัวเอง จินได้แต่ลูบหัวที่เจ็บ
"อูย.. " เสียงจินที่บ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนเดินออกไปจากห้อง
มาร์ตินได้แต่หัวเราะตามหลังไป ส่วนจินก็เขินอายเขาจนต้องรีบเดินหนีออกไปจากห้อง จินเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาจริงๆ ไม่เหมือนลูกคุณหนูที่อู้ฟู่ ฟุ่มเฟือย และเย่อหยิ่งคนนั้น
หรือนี่จะเป็นนิสัยจริงๆ ของจินกันนะ เมื่อจินไม่มีเพื่อนและใช้ชีวิตในสังคมไฮโซเหมือนที่ผ่านมาจึงไม่จำเป็นต้องวางท่าเช่นเดิม
จินเดินลูบหัวตัวเองป้อยๆ จนกระทั่งเขาเดินมาถึงห้องนอน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ เดี๋ยวนี้ตัวเขาเป็นอะไรไปเมื่อเจอมาร์ตินพูดหรือทำอะไรแปลกๆ ใส่เขา เขาถึงกับเสียอาการทุกที เขาควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้เลย ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เต้นโครมครามตอนอยู่กับมาร์ตินเช่นนี้ทุกที
รุ่งเช้าจินเดินลงมายังห้องครัวจัดเตรียมขนมคุกกี้เนยสดที่เคยทำกับชุนมาใส่ขวดโหลไว้ได้หลายใบ เขาได้คัดเลือกคุกกี้ตัวสวยๆ เพื่อจัดเรียงใส่ขวดโหลอย่างสวยงามหนึ่งขวด และตัดแบ่งเค้กเนยสดบรรจุใส่กล่องขนมอีกใบหนึ่ง
"จิน ฉันมีธุระจะคุยด้วย เดี๋ยวนายตามฉันขึ้นไปห้องทำงานหน่อยนะ" มาร์ตินบอกจินหลังจากเขาทานกาแฟเสร็จ แล้วเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร
"ครับ" จินรับคำอย่างงุนงง
สรุปคือเมื่อวานเขาคุยธุระไม่จบ หรือจะคุยเรื่องใหม่กันแน่นะ จึงหันไปมองชุนที่ยืนอยู่อีกมุมห้องหนึ่ง ชุนมองเห็นสายตาของจินที่มีแต่คำถามจึงเข้าใจว่าจินจะถามอะไร เขาได้แต่ส่ายหัวให้จินเป็นคำตอบเช่นเดิม
"เฮ้อ.. " จินได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินตามมาร์ตินออกไปอีกครั้ง
"เข้ามาสิ" มาร์ตินเรียกคนที่เคาะประตูห้องให้เข้ามาหาเขาอีกครั้ง
"นั่งลงก่อน" เขาบอกให้คนที่เพิ่งจะเดินมาถึง และมีใบหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัยยามมองมาที่เขา
"ครับ คุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมครับ" จินถามเขาด้วยความสงสัย
"รับไปสิ" มาร์ตินมองโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่เขาให้จอห์นซื้อมาให้ ก่อนมารับเขาเช้านี้แล้วจึงเลื่อนโทรศัพท์ไปตรงหน้าของจิน
จินมองโทรศัพท์มือถือตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
"เอ่อ.. ให้ผมเหรอครับ" จินถามพร้อมชี้นิ้วมือเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง
"อืม" มาร์ตินตอบสั้นๆ
"ทำไมละครับ ผมไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้นะครับ" จินถามด้วยความสงสัย
"ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ของฉัน เผื่อนายมีเรื่องสำคัญจริงๆ ก็โทรติดต่อฉันโดยตรงได้เลย นายลองเลื่อนไปสิ มีแอปธนาคารที่ฉันเปิดบัญชีให้นาย ก็สะดวกดีนะนายจะได้ไม่ต้องลำบากไปกดเงินใช้เมื่อถึงเวลาจำเป็น อ้อ.. เครื่องนี้มีอินเทอร์เน็ตด้วย บางทีถ้านายอยากหาสูตรทำขนมที่นายสนใจก็ลองค้นหาได้นะ ฉันได้ยินชุนเล่าให้ฟังน่ะ เปลี่ยนเบอร์ใหม่ก็ดีชีวิตนายจะได้ไม่ยุ่งยาก" ข้อนี้เขาหมายความว่าตามนั้นจริงๆ
เขาไม่รู้ว่าแจ๊คจะติดต่อมาหาจินอีกรึเปล่า เพราะตอนนี้เขาได้ข่าวจากลูกน้องที่ให้ไปตามสืบแจ๊คว่าเงินก้อนใหญ่ที่มาเอากับเขาไปในตอนนั้นใกล้หมดเต็มทีแล้ว
เขาจึงได้ตัดความยุ่งยากนี้ออกไป ชีวิตของจินอาจจะดีขึ้นก็ได้ เพราะตอนนี้จินคนนี้หลังจากหายป่วยก็ร่าเริงและ.. น่ารัก
เอ่อ.. นี่เขามองว่าจินน่ารักเหรอเนี่ย มาร์ตินเริ่มสับสนในตัวเองแล้ว เขาเคยไม่ชอบจินมากและไม่มีความคิดที่จะมาพบจินเลย แต่หลังจากได้พบกับจินแล้วความรู้สึกในตอนนี้ของเขากำลังเปลี่ยนไป จินน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เขายกยิ้มมุมปากเบาๆ หลังจากเห็นจินหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เขาให้มาลองกดดู
"ไม่เข้าใจตรงไหนถามชุนดูนะ อ้อ.. รหัสทุกอย่างในเครื่องที่นายจำเป็นต้องใช้ คือวันเดือนปีเกิดของฉันเอง ถ้านายไม่รู้ก็ถามชุนได้" หลังจากพูดจบ มาร์ตินก็รวบรวมเอกสารขึ้นมาปึกหนึ่ง
จินเองเห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมแบบเมื่อคืน
"เอ่อ.. คุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมอีกรึเปล่าครับ"
"ไม่ละ นายไปเถอะ หึ.. หึ.. " มาร์ตินหัวเราะขำในท่าทางของจิน คงจะกลัวเขาแกล้งให้นั่งรออีกสินะ
"ครับ ขอบคุณครับ" ว่าแล้วจินก็หมุนตัวออกไปจากห้องทำงานของมาร์ตินทันที
จินนั่งรอมาร์ตินในห้องนั่งเล่นสักพัก พอเห็นมาร์ตินเดินลงมาพร้อมกระเป๋าเอกสารโดยมีจอห์นเดินมารับไปรอที่รถ จินรีบเดินมาหาพร้อมกับถุงที่บรรจุขวดโหลคุกกี้กับขนมเค้กเนยสด
"คุณมาร์ตินครับ" จินเรียกทันทีที่เห็นมาร์ตินเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปถึงประตูหน้าบ้าน
มาร์ตินหันกลับมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นจินเขาจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย จินเดินเข้ามาหามาร์ตินที่หยุดอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน เขายื่นถุงขนมที่เขาบรรจงคัดสรรมาเป็นอย่างดีให้แก่มาร์ติน
"นี่ครับ ขนมที่ผมหัดทำเป็นครั้งแรก ผมอยากให้คุณลองชิมดูนะครับ" จินส่งถุงขนมที่เขาบรรจุใหม่เมื่อเช้าให้มาร์ติน
มาร์ตินรับมาพลางมองจินด้วยความรู้สึกเอ็นดู เขาจึงเอื้อมมือไปขณะที่เขากำลังจะลูบศีรษะจินนั้น เขารู้สึกตัวเสียก่อนจึงชะงักค้างมือไว้ก่อนจะรีบชักมือกลับมา จินมัวแต่ก้มหน้ามองถุงขนมด้วยความเก้อเขิน เขาไม่กล้ามองสบตามาร์ตินตรงๆ เขาจึงไม่ทันเห็นว่าอีกคนกำลังเอื้อมมือหนาจะมาลูบศีรษะของตนเอง
"อืม.. ขอบใจนะ ฉันไปล่ะ นายก็ดูแลตัวเองดีๆ " มาร์ตินบอกก่อนจะเดินไปขึ้นรถซึ่งจอห์นได้เปิดประตูรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
จอห์นมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าประตู เขาเริ่มเห็นปฏิกิริยายาที่แปลกไปของเจ้านายจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะค่อยๆ ขับรถออกไปจากเซฟเฮ้าส์
จินมองตามรถที่ค่อยๆ แล่นออกไปอย่างช้าๆ ในใจก็รู้สึกวูบโหวงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ตอนที่สิบ เค้กผลไม้กับอาการที่เปลี่ยนไปใกล้ถึงวันเกิดของมาร์ตินเข้าไปทุกที จินจึงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการหัดทำขนมเค้ก ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเค้กวันเกิดขึ้นมาได้หนึ่งก้อนกว่าจะขึ้นรูปได้แทบทำให้จินท้อไปหลายหน การตกแต่งหน้าเค้กก็ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่อย่างจิน เบี้ยวบ้าง ผิดรูปบ้าง จินหัดทำทั้งอาทิตย์จนได้เค้กรูปวงกลมสวยงาม จากนั้นจึงลงมือตกแต่งหน้าเค้กด้วยผลไม้ที่มาร์ตินชอบ แล้วปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีมแต่งขอบเค้กยอมรับเลยว่างานนี้ยากสุดๆ มือไม่นิ่ง ใจไม่นิ่งคือทุกอย่างอาจจะพังเลย เมื่อผลงานออกมาเป็นที่พอใจ จินจึงยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผากทันที"เฮ้อ.. เสร็จเสียที ไม่ง่ายเหมือนกันแฮะ" จินบ่นกับตัวเองเบาๆ"ว้าว.. สวยมากเลยค่ะคุณจิน" ป้าแนนซี่เอ่ยชมเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วเห็นขนมเค้กที่ถูกจินตกแต่งอย่างสวยงามวางอยู่บนโต๊ะ"คุณจินสุดยอดเลยค่ะ" ป้าแนนซี่ยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้จินด้วยความชื่นชม"ขอบคุณครับป้าแนนซี่ ไม่ง่ายเหมือนกันนะครับกว่าผมจะทำออกมาได้ขนาดนี้" จินพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วยความเคยชิน เขาอยากจะเก็บผลงานไว้ชื่นชมในภายหลังหลัง
ตอนที่เก้า คิดถึงหลังจากจอห์นไปรับมาร์ตินที่เซฟเฮ้าส์เช้านี้ เขาก็ขับรถมุ่งตรงไปที่บริษัททันทีเพราะมาร์ตินมีประชุมตอนบ่ายที่บริษัท"คุณมาร์ตินครับ นี่คือเอกสารทั้งหมดที่จะประชุมบ่ายนี้ครับ" ลุค เลขาของมาร์ตินเข้ามาจัดแจงเอกสารการประชุมที่จะเกิดขึ้นบ่ายนี้ทันทีที่มาร์ตินก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงาน"ขอบใจ" มาร์ตินก้มมองเอกสารบนโต๊ะทีละเล่ม ก่อนจะกวาดสายตาอ่านเอกสารภายในเล่มอย่างรวดเร็ว"เที่ยงนี้คุณมาร์ตินจะรับอาหารบนนี้หรือข้างนอกครับ" ลุคเอ่ยถามเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน"บนนี้ก็แล้วกัน" มาร์ตินตอบลุคโดยที่สายตายังไม่ละจากเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่"ครับ" ลุคตอบก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องทำงานของมาร์ติน ออกไปหลังจากลุคจัดเก็บอาหารเที่ยงที่มาร์ตินทานไปเรียบร้อยแล้วก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้มาร์ติน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จอห์นเดินถือถุงบางอย่างเข้ามาในห้องทำงานของมาร์ตินพอดี"คุณมาร์ตินครับ คุณลืมถุงนี้รึเปล่าครับ หรือคุณจะเอากลับบ้าน ผมไม่แน่ใจเลยถือมาถามคุณก่อนครับ" จอห์นกล่าวพลางชูถุงกระดาษที่อยู่ในมือให้มาร์ตินดู"อ้อ.. เอามานี่เลยละกัน" มาร์ตินมองถุงในมือจอห์น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่
ตอนที่แปด แกล้งหลังจากมื้ออาหารเย็นที่ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดผ่านไป จินซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมในจานเรียบร้อยแล้วกำลังจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร"จิน" มาร์ตินก็เรียกทันทีที่จินทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ไป"เดี๋ยวนายไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ" มาร์ตินพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ทิ้งให้จินสงสัยว่ามาร์ตินเรียกเขาไปคุยเรื่องอะไรกันแน่"เอ่อ.. พี่ชุนครับ พี่ชุนพอจะรู้ไหมครับว่าคุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า" จินหันไปกระซิบถามชุนซึ่งยืนอยู่มุมห้องชุนได้แต่ส่ายหน้าด้วยเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาร์ตินมีธุระอะไรกับจิน ถึงเขาจะช่วยงานในห้องทั้งวันแต่ก็แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมาร์ตินมากเท่าไหร่จินได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว มาร์ตินคิดยังไงกับตนกันแน่ ในตอนแรกเขาก็พอรู้มาบ้างว่ามาร์ตินไม่ค่อยชอบเขาเหมือนกัน เพราะต่างคนต่างถูกบังคับให้แต่งงานกันแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เจอมาร์ตินบ่อยๆ เกือบจะสามเวลาหลังอาหารกันเลยทีเดียว เมื่อเช้าก็หนหนึ่งละ เมื่อบ่ายก็อีกหนหนึ่งละ นี่ก็อีกหนหนึ่งแล้วจะมีอีกครั้งก่อนนอนไหมเนี่ย.. จินบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองเบาๆ พลางเกาหัวแกรกๆ ด้วยความไม่เข้าใจก๊อก.. ก
ตอนที่เจ็ด ทำขนมเป็นเหตุหลังจากจินขึ้นไปนอนพักในช่วงเช้า เมื่อจินตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนบ่ายจึงเริ่มรู้สึกหิว เขาหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเขาจึงเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเผลอนอนหลับนานมาก เขาตั้งใจว่าจะนอนงีบเพียงครู่เดียวเท่านั้นเองเมื่อเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับป้าแนนซี่ที่กำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่นพอดี"คุณจินคะ หิวรึยังคะ ป้าทำสปาเก็ตตีไว้ให้ค่ะ ถ้าหิวแล้วป้าจะไปอุ่นให้เลยค่ะ" ป้าแนนซี่ถามเมื่อเห็นจินเดินลงบันไดมาชั้นล่างเมื่อจินได้ยินดังนั้นจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักด้วยดวงตาเป็นประกาย"ขอบคุณครับ ป้าแนนซี่ใจดีที่สุดเลยครับ" ว่าแล้วจินก็เดินตามป้าแนนซี่เข้าไปในห้องอาหารหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จจินสังเกตเห็นว่าบ้านค่อนข้างเงียบ จึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อถามป้าแนนซี่ที่กำลังล้านจานอยู่"ป้าครับ ทำไมบ้านเงียบจังเลยครับ พี่ชุนไปไหนล่ะครับ ปกติผมเห็นพี่ชุนทำงานที่ห้องนั่งเล่นนี่ครับ" จินเอ่ยถามหลังจากเขาไม่เห็นชุน"อ๋อ.. คุณชุนกำลังช่วยงานคุณมาร์ตินที่ห้องทำงานค่ะ คุณจินมีอะไรรึเปล่าคะ" ป้าแนนซี่หันมาตอบจินขณะที่เธอกำลังเช็ดจานอยู่ในมือ"ปะ.. เปล่าครับ นี่คุณมาร์ตินยังไม่กลับอีกเห
ตอนที่หก ทดสอบ"จิน กำลังทำอะไรอยู่ครับ" ชุนเอ่ยถามขณะที่เห็นจินนั่งจดบางอย่างลงในสมุด "พี่ชุนว่างไหมครับ จินอยากลองทำขนมครับ จินอยากได้ส่วนประกอบของขนม พี่ชุนพาจินไปซื้อได้ไหมครับ" จินหลังจากอ่านตำราการทำขนมมาทั้งอาทิตย์จึงเกิดการทดลองอยากทำขนมขึ้นมา จึงชวนชุนพาไปซื้อของซึ่งชุนก็ไม่ปฏิเสธ ดีเหมือนกันจินจะได้มีอะไรทำแก้เหงาบ้างหลังจากที่ทั้งสองคนไปซื้อของตลอดช่วงเช้ากลับมา จินจึงลงมือทำคุกกี้เนยสดในตอนบ่ายทันที โดยมีชุนและป้าแนนซี่คอยช่วยเป็นลูกมือ ทั้งสามคนช่วยกันลองทำผิดทำถูกหลายครั้งกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด"อืม คุณจินคะ คุณจินเก่งจริงๆ นะคะ ทำครั้งแรกก็ออกมาดีและอร่อยมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่ารูปตัวคุกกี้จะยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ" ป้าแนนซี่เอ่ยชื่นชมจินหลังจากชิมคุกกี้ไปหลายชิ้น"ใช่ พี่ก็ว่าอร่อยดีนะจิน เสียแต่รูปร่างมัน.. " ชุนพูดไม่จบเพราะกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ หลังจากเห็นตัวคุกกี้ที่พวกเขาช่วยกันทำ มันใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และบิดเบี้ยวบ้าง"ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. " ชุนจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด"โธ่.. พี่ชุน อย่าหัวเราะสิครับ นี่จินทำครั้งแรกนะคร
ตอนที่ห้า ความจริง"สวัสดีครับคุณชุน ไม่พบกันเสียนานเลยนะครับ" ลุคเลขาคนสนิทของมาร์ตินทักทายชุนทันทีที่เดินเข้ามาถึงหน้าห้องมาร์ติน"ครับ พอดีไปทำธุระให้คุณมาร์ตินน่ะครับ" เขาตอบรับลุคที่เดินมาทักทายเขาจริงสินะ เขาไม่ได้เข้าบริษัทมาเกือบสี่เดือนแล้วหลังจากที่เขาไปดูแลจิน ปกติเขาจะติดตามมาร์ตินตลอดเวลา ยกเว้นในบางครั้งมาร์ตินจะใช้ให้เขาไปทำธุระสำคัญที่อื่นแทนถึงจะไม่ได้เข้าบริษัทกับมาร์ติน"อ๋อ.. ครับ นี่คุณมารอพบคุณมาร์ตินรึเปล่าครับ" พอชุนพยักหน้าเป็นคำตอบลุคจึงพูดขึ้น"คุณมาร์ตินยังไม่เข้ามาเลยครับ คุณชุนดื่มอะไรไหมครับเดี๋ยวผมชงให้""งั้นผมขอเอสเปรสโซ่แก้วหนึ่งครับ" ลุคยิ้มให้เชิงตอบรับพร้อมเดินไปชงกาแฟให้ชุนทันที"ได้แล้วครับ" ลุคเดินกลับมาถึงห้องรับรองพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้ชุน"ขอบคุณครับ" ชุนรับแก้วกาแฟมาจากลุค ลุคยิ้มให้ชุนอีกครั้ง ก่อนขอตัวออกไปทำงานครึ่งชั่วโมงต่อมา ลุคก็มาตามชุนไปพบมาร์ตินที่ห้องทำงานก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้มาร์ตินเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารฉบับหนึ่งที่ค่อนข้างหนา"เข้ามาได้" มาร์ตินเอ่ยอนุญาตทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว