LOGINหลายวันต่อมา
ร่างบางกอดอกมองร่างสูงที่นั่งยอง ๆ ให้ตัวเองอยู่ในระดับสายตาของหนูน้อยผู้เคยเป็นลูกชายมาโดยตลอดด้วยความหมั่นไส้ ปากบอกว่าไม่อยู่3วันแต่เอาเข้าจริงแล้วหายไปเป็นสัปดาห์ กว่าจะกลับมาก็วันที่เด็กชายคีรกูล คีรีและภรรยาจะเดินทางแล้ว
“คิล พ่อคีย์ขอโทษนะที่หายไปหลายวัน กว่าจะโผล่มาก็วันคิลจะไปแล้ว”
“พ่อคีย์ชอบเบี้ยวตลอดนั่นล่ะ คิลชินแล้ว ให้อภัยได้ครับ” เด็กชายคีรกูรเอ่ยกับพ่อบุญธรรมที่เพิ่งจะโผล่มาหลังจากหายไปหลายวันก่อนจะยักไหล่ “คิลรู้นา ความจริงแล้วที่หายไปน่ะ หายไปทำใจใช่มั้ยล่า ต่อไปไม่มีคิลอยู่ด้วยแล้ว พ่อคีย์จะต้องไปแอบไปร้องไห้มาแน่ ๆ เลย”
“ทำเป็นรู้ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้หรอก”
“หึ อย่าให้คิลรู้ก็แล้วกันว่าคิลไม่อยู่แล้วพ่อคีย์ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
“ไม่มีทางหรอกเจ้าหนู” คีรินทร์เอ่ยพลางยกมือยีผมเจ้าหนูน้อยอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบร่างเล็กเข้ามากอด “ต่อไปไม่มีพ่อคีย์คอยแหย่ แม่เคทคอยปรามแล้ว อย่าดื้อกับพ่อกับแม่นะเจ้าหนู พ่อคีย์รักคิลนะ โทรหาพ่อคีย์กับแม่เคทบ่อย ๆ ด้วยล่ะ”
“ครับ คิลก็รักพ่อคีย์ รักแม่เคท คิลไม่อยู่พ่อคีย์ต้องดูแลแม่เคทดี ๆ นะ”
“ถ้าคิลสัญญาจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อ พ่อคีย์ก็สัญญาว่าจะดูแลแม่เคทอย่างดี”
“อือ คิลจะเป็นเด็กดีครับ” หนุ่มน้อยตอบรับก่อนที่สองพ่อลูก (บุญธรรม) จะผละออกจากอ้อมกอดของกันและยกมือขึ้นชนกำปั้นทำสัญญาระหว่างกัน หลังจากทำสัญญาระหว่างลูกผู้ชายหนุ่มน้อยคีรกูลก็ผละไปหาแม่เคทของตน หญิงสาวนั่งลงและกอดลาร่างเล็กที่กำลังจะไปจากอ้อมกอดของเธอไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงด้วยใบหน้าที่กลั้นความรู้สึกเต็มที่
“แล้วแม่เคทจะไปเยี่ยมนะครับ”
“ฝากความคิดถึงถึงคุณตาด้วยนะมาช่า” ทันทีที่ผละจากร่างเล็กหญิงสาวก็หันไปบอกแก่ญาติผู้น้องและโอบกอดคนเป็นลูกผู้น้องก่อนที่การจากลาจะเกิดขึ้นจริง ๆ ในวินาทีต่อมา
ร่างบางยืนมองจนเครื่องบินที่ทั้งสามคนโดยสารบินห่างไปลับตาจึงได้ตัดใจหันหลังให้ ดวงตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองใบหน้าคมที่คล้ายกับมีเรื่องครุ่นคิดก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลนองหน้า
“เคทนึกว่าคีย์จะร้องไห้ซะอีก อุตส่าห์ปล่อยไปตั้งเยอะนึกว่าจะมีคนร้องไห้เป็นเพื่อน”
“บังเอิญไม่ได้ชอบเป่าปี่”
“เหอะ แล้วนี่เป็นอะไร มีเรื่องที่ต้องกังวลเหรอทำหน้าคิดหนักอยู่ตลอด”
“ก็...นิดหน่อย” เขาตอบก่อนจะยักไหล่ “ช่างเถอะ มันอาจจะไร้สาระไป กลับเถอะ”
คริษฐามองตามแผ่นหลังของคนที่เดินนำออกไปด้วยความแปลกใจ...เขาดูแปลกไปจากเดิม ไม่เหมือนคีรินทร์คนเดิมที่เธอรู้จัก
ร่างสูงก้าวนำร่างบางมาจนถึงลานจอดรถก็หยุดราวกับตัดสินใจในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ได้ก่อนจะเอ่ยเรียกโดยไม่หันหน้ามามองคนที่เดินตามหลังมา “เคท”
“อะไร?”
“หย่ากันเถอะ” น้ำเสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกเอ่ยออกมาโดนไม่แม้แต่หันมามองคนที่รับฟัง ก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่รีรอให้หญิงสาวได้ตั้งตัว “ไม่มีคิลแล้วไม่มีความจำเป็นต้องฝืนอยู่ด้วยกันอีก”
“คีย์”
“เธอเคยบอกว่าถ้าหมดห่วงเรื่องคิลเธออยากจะทำงานมีชีวิตอิสระไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็หมดเรื่องคิลแล้ว ถึงเวลาคืนอิสรภาพแล้ว ไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
คริษฐานนิ่งอึ้งราวกับมีคนเอาค้อนปอนด์มาทุบหัวซ้ำ ๆ เมื่อลองรวบรวมสติและคิดทบทวนกับสิ่งที่ได้ยิน...เขาพูดเรื่องหย่าอย่างนั้นเหรอ?
พูดโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกอีกด้วยว่าเป็นการพูดโดยไม่รู้สึกอะไรหรือฝืนพูด...เขาไม่ได้อยากให้เธออยู่ในฐานะภรรยาต่อไปอย่างนั้นใช่มั้ย?
“แรกเริ่มเราแต่งงานกันเพราะคิล ตอนนี้คิลได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงแล้ว เราก็ควรเดินไปตามทางที่แต่ละคนเคยวาดฝันไว้...จริงมั้ย?”
“คะ คีย์ตัดสินใจดีแล้วเหรอ?”
“อื้อ” คำว่าอื้อคำเดียวเป็นการตอบกลับคำถาม หญิงสาวตั้งสติเมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการจะได้ก่อนจะพยักหน้าให้
“โอเค...เราหย่ากัน วันไหนดีล่ะ วันนี้เลยมั้ย?”
“วันนี้เลยก็ดี ถ้าช้าพวกผู้ใหญ่รู้เข้าจะไม่ดี” เขาตอบมาราวกับไม่รู้ถึงความนัยของสิ่งที่หญิงสาวถาม...เธอประชด แต่เขาก็ยังคงตอบราวกับว่าเธอถามจริง ๆ
ได้...ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เธอก็จะทำตามที่เขาต้องการ
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการเป็นสามีภรรยากัน...นี่คือสิ่งที่ตัวเขาเป็นฝ่ายเลือกเอง
เวลาต่อมา
ใบสำคัญการหย่าถูกวางโชว์หราอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นของบ้านขณะที่ดวงตาคู่หวานนั้นจดจ้องอยู่ไม่ยอมละสายตา
นับจากตอนนี้เธอไม่ใช่นางคริษฐา มาการิต้า อิชยกุลอีกต่อไปแล้วจริง ๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วโดยที่ตัวเธอเองไม่สามารถควบคุมได้...เธอเซ็นต์ใบหย่าไปโดนไม่ได้คิดพิจารณาอะไรเลยในสมองมีแต่คำว่าในเมื่อเขาต้องการเธอก็จะจัดให้
ข้างขวาของหญิงสาวตอนนี้มีคุณนายนรินผู้กลายอดีตแม่สามีหมาด ๆ นั่งอยู่ขณะที่ด้านซ้ายเป็นมาดามมารีน่าคุณแม่ชาวรัสเซียของคริษฐา ทั้งสองท่านตรงดิ่งมาที่บ้านทันทีที่เธอโทรไปบอกว่าเธอและคีรินทร์ได้ตัดสินใจหย่ากันแล้ว ทันทีที่มาถึงจนกระทั่ง ณ เวลานี้คุณนายนรินและมาดามมารีน่าก็ยังคงบ่นโวยวายไม่หยุด
“ทำไมถึงได้ตัดสินใจกันปุบปับ ไม่กลัวพ่อแม่หัวใจจะวายรึไงฮะ เด็กพวกนี้นี่ ทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อกับแม่ น่าตีจริง ๆ เลย”
แต่แม้ว่าทั้งคู่จะโวยวายแต่คริษฐาก็หาได้เก็บมาใส่ใจไม่ สติและสมาธิเธอยังคงอยู่กับใบหย่าบนโต๊ะจนกระทั่งได้ยินเสียงของพวงกุญแจกระทบกันไปมาดังมาจากบันไดเธอจึงละสายตาไปมอง
เป็นเขานั่นเอง...เขาไม่ได้ลงมาตัวเปล่า มีกระเป๋าเป้ใบโตสะพายมาด้วย
“นั่นแกจะไปไหนตาคีย์?”
“ไปทำงานซิครับ จะให้ไปไหนล่ะ” คีรินทร์ตอบกลับราวกับก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนจะยักไหล่ไม่ใส่ใจ “ไปนะครับ หวัดดีครับ”
“อ้อ บ้านนี้ผมยกให้เคทนะ แม่ให้ทนายจัดการให้ด้วย” เขาทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้านไปโดนไม่หันกลับมาคนที่นั่งมองอยู่ได้แต่พากันงุนงงไปตาม ๆ กันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เคท ได้ทะเลาะอะไรกันรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะแม่ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย แต่ช่างเขาเถอะค่ะ เขาจะไปไหน ทำอะไรก็ช่างเขา เคทกับเขาไม่เกี่ยวกันแล้ว หลังจากนี้เคทจะอยู่กับอิสระของเคท แค่เป็นหม้ายเคทไม่ตายหรอก” หญิงสาวตอบกลับก่อนจะหยิบใบหย่าและลุกเดินไปยังบันไดราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับการเดินจากไปของคีรินทร์แม้แต่น้อย
คุณนายนรินและมาดามมารีน่าได้แต่ฉงนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ร่างบางเดินเข้ามาภายในห้องที่ภายนอกยังคงเหมือนเดิมก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นกระดาษโพสอิทแปะอยู่บนกระจก หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้ ๆ และอ่านข้อความที่อยู่ในนั้นก่อนจะนิ่งไป
‘Every ending has a new beginning. ทุก ๆ จุดจบ คือสัญญาณแห่งการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...สักวันเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันด้วยความเต็มใจ’
เธอไม่สามารถพูดได้ว่าชายหนุ่มต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เข้าใจ...แต่สิ่งที่เธอเข้าใจมันจะเป็นความหมายเดียวกับที่เขาสื่อหรือไม่
หญิงสาวเบือนสายตาหนีโดยไม่คิดจะเก็บกวาดกระดาษโน้ตที่คนจากไปทิ้งไว้ให้ หญิงสาวก้าวไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะจัดแจงเก็บเสื้อผ้าข้าวของของตนใส่กระเป๋าสัมภาระบ้าง
“สักวันอย่างนั้นเหรอ เหอะ มันไม่ง่ายหรอกตาบ้า”
คริษฐาไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ถูกบอกเลิกแล้วจะเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย โอเค! ในตอนแรกเธออาจจะตกใจ รู้สึกคิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่บ้าง แต่โน๊ตที่คีรินทร์ทิ้งไว้ก็ทำให้ทุกอย่างจางหายไปในความคิดของคริษฐาสิ่งที่คีรินทร์ต้องการจะสื่อทั้งหมดก็คือยกบ้านให้เธอ ให้เธออยู่ที่นี่เพื่อรอเขากลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันในสักวันหนึ่ง...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แต่ถ้าเธอทำตามนั้นเธอก็ไม่ต่างจากของตายที่เขาหันมาเมื่อไหร่ก็ยังวางอยู่ที่เดิมน่ะสิ...ฝันไปเถอะนั่นไม่ใช่สไตล์ของเธอ คีรินทร์จะต้องสำนึกกับการคิดว่าเธอเป็นของตาย และต้องเสียดายจนแทบบ้าที่กล้าบอกเลิกเธอด้วยความคิดบ้า ๆ บอ ๆและสิ่งที่หญิงสาวทำสิ่งแรกหลังจากเห็นโน๊ตของอดีตสามีก็คือการตัดสินใจเก็บกระเป๋าและออกไปจากอะไรเดิม ๆ และที่เดิม ๆ ที่เคยอยู่เขาจะให้เธอรออยู่ที่นี่เธอก็จะไม่รอ...แล้วเขาจะได้รู้ ว่าไม่ควรสิ้นคิดขอเลิกเธอ1สัปดาห์ต่อมาว่ากันว่าอยากทำให้ใครเสียดายก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น ยิ่งถ้าอยากให้แฟนเก่า สามีเก่า หรือคนสิ้นคิดเสียดายเล่นเพื่อความสะใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องทำให้ตัวเองสวยขึ้น ดูดีขึ้น“อุแม่!!! เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผมยาวสลว
หลายวันต่อมาร่างบางกอดอกมองร่างสูงที่นั่งยอง ๆ ให้ตัวเองอยู่ในระดับสายตาของหนูน้อยผู้เคยเป็นลูกชายมาโดยตลอดด้วยความหมั่นไส้ ปากบอกว่าไม่อยู่3วันแต่เอาเข้าจริงแล้วหายไปเป็นสัปดาห์ กว่าจะกลับมาก็วันที่เด็กชายคีรกูล คีรีและภรรยาจะเดินทางแล้ว“คิล พ่อคีย์ขอโทษนะที่หายไปหลายวัน กว่าจะโผล่มาก็วันคิลจะไปแล้ว”“พ่อคีย์ชอบเบี้ยวตลอดนั่นล่ะ คิลชินแล้ว ให้อภัยได้ครับ” เด็กชายคีรกูรเอ่ยกับพ่อบุญธรรมที่เพิ่งจะโผล่มาหลังจากหายไปหลายวันก่อนจะยักไหล่ “คิลรู้นา ความจริงแล้วที่หายไปน่ะ หายไปทำใจใช่มั้ยล่า ต่อไปไม่มีคิลอยู่ด้วยแล้ว พ่อคีย์จะต้องไปแอบไปร้องไห้มาแน่ ๆ เลย”“ทำเป็นรู้ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้หรอก”“หึ อย่าให้คิลรู้ก็แล้วกันว่าคิลไม่อยู่แล้วพ่อคีย์ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”“ไม่มีทางหรอกเจ้าหนู” คีรินทร์เอ่ยพลางยกมือยีผมเจ้าหนูน้อยอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบร่างเล็กเข้ามากอด “ต่อไปไม่มีพ่อคีย์คอยแหย่ แม่เคทคอยปรามแล้ว อย่าดื้อกับพ่อกับแม่นะเจ้าหนู พ่อคีย์รักคิลนะ โทรหาพ่อคีย์กับแม่เคทบ่อย ๆ ด้วยล่ะ”“ครับ คิลก็รักพ่อคีย์ รักแม่เคท คิลไ
2 เดือนก่อน“พี่จะพาน้องคิลกลับไปอยู่ด้วย” น้ำเสียงที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวอย่างคนตัดสินใจมาแล้วของพันเอกคีรี อิชยกุล ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกประจำกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียที่เอื้องเอ่ยออกมาพาให้หัวใจของหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกไหววูบใจหายวาบเมื่อคีรีบอกว่าจะพา “น้องคิล” หรือ เด็กชายคีรกูร อิชยกุล ลูกชายวัย6ขวบเศษของคีรีที่คนทั้งคู่เลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกในฐานะลูกบุญธรรมไปอยู่ที่รัสเซียด้วยกัน...นั่นหมายความว่าจากนี้ไปเขาและเธอจะไม่ได้เจอเด็กน้อยในทุก ๆ เช้าและเย็นอีกต่อไปแล้วคริษฐาอ้าปากหมายจะคัดค้านแต่แล้วก็ต้องหุบปากฉับ...แม่บุญธรรมอย่างอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากพอจะไปคัดค้านพ่อแท้ ๆ ได้เลย...ไม่มีสิทธิ์จริง ๆแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คริษฐาที่เป็นเช่นนั้น สามีของหญิงสาวอย่างร้อยตำรวจเอกคีรินทร์ อิชยกุล หรือ ผู้กองคีรินทร์ ผู้เป็นน้องชายแท้ ๆ ของคีรีเองก็ไม่ต่างกัน...เขาและเธอเป็นแค่พ่อแม่บุญธรรมเท่านั้นจะคัดค้านอะไรคีรีได้“พี่รู้ว่าเคทกับคีย์รักน้องคิลเหมือนลูก แล้วก็เลี้ยงมาตลอด แต่ตอนนี้พี่กับมาช่าเข้าใจกันแล้ว บ้านมาช่าก็เห็นด้วยเรื่องของเราแล้ว น้องคิลควรได้อยู่กับพ่อแม่ พ
ว่ากันว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของคนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ส่วนการหย่าร้างนั้นคือปลายทางจุดสิ้นสุดของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีการหย่าร่างก็หมายถึงคนสองคนได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์และต่างคนต่างไปและต่างมีชีวิตของตัวเองทว่าการหย่าร้างอาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดก็เป็นได้“ทะ ท้อง เคทท้องเหรอคะพี่หมอ?” น้ำเสียงตื่นตะลึงนั้นถามมาขณะที่ใบหน้าของผู้ถามนั้นซีดเผือดไร้สีเลือดไปแล้ว “พี่หมอ” ของคนถูกถามพยักหน้าแทนการตอบรับก่อนจะยื่นมือไปกุมมือคนที่กำลังตกใจ“ลูกน่ะเป็นของขวัญจากฟ้าที่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะจะมี หลายคนที่เขาอยากมีแต่ไม่มีน่ะเเยอะแยะไป เรามีแล้วน่ะต้องยินดีและก็ต้องดูแลเขาให้ดีเข้าใจมั้ย”“คะ เคท เคทรู้ค่ะพี่หมอ แต่...” เสียงนั้นตอบกลับก่อนจะเงียบไปเพราะพูดไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเธอไม่รู้จะบอกคนตรงหน้าว่ายังไง เธอท้อง...ท้องในขณะที่เพิ่งจะเซนต์ใบหย่ากับพ่อของลูกไปเมื่อเช้าวานนี้เองสถานะของเธอตอนนี้คือแม่ม่ายหมาด ๆ แล้วเธอจะมามีลูกตอนไม่มีสามีเนี่ยนะ!!!เธอไม่ได้เสียใจที่เจ้าตัวเล็กมาแอบนอนขดอยู่ในท้องรอวนลืมตาดูโลก แต่เธอกำลังช็อค...ตอนที่พี่ป้าน้าอาปู่ย่







