หลังจากที่กลับออกมาจากห้องน้ำของลูกค้าโซนVIP สายตาคมของหนุ่มเซอร์ผมยาวที่มีส่วนสูงถึง187เซนติเมตรก็มองไปบริเวณโซนโต๊ะลูกค้าVIP ซึ่งก็มองเห็นสามสาวสามสไตล์ที่ดูจะโดดเด่นที่สุดในค่ำคืนนี้กำลังนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขายาวๆ พาร่างสูงตรงไปยังโต๊ะของเป้าหมายทันที
“ขอโทษนะครับ ขอผมนั่งคุยด้วยได้ไหมครับ” เสียงทุ้มดังมาจากหนุ่มเซอร์ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนสีเข้ม หากแต่หุ่นล่ำๆ กับใบหน้าหล่อๆ นั้นทำเอาสองสาวที่ยังไม่เคยพบชายหนุ่มถึงกับนั่งอึ้ง ก่อนที่ลี่หลินจะเป็นฝ่ายเชิญเขาให้มานั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่าง เจียวจ้านโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปนั่งลงตรงที่หญิงสาวเชื้อเชิญ สองสาวหันไปมองใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทสลบกับหนุ่มเซอร์ผมยาวผู้มาใหม่
“นี่ไง คนที่ฉันเล่าให้พวกเธอฟังเมื่อกี้น่ะ” หวงลี่หลินรีบบอกเพื่อนทั้งสองทันที
“อ่ะ...เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการค่ะ ดิฉันชื่อลี่หลิน เป็นนักเขียน นั่นชื่อเยว่หรู ฉันไม่แน่ใจว่าคุณรู้จักเธอไหมเพราะเธอเองก็ค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงในเมืองเอแห่งนี้ เธอเป็นนักแข่งรถน่ะค่ะ และนั่นชื่ออ้ายฉิง เธอทำงานเป็นนักพัฒนาบุคลิกภาพ แล้วคุณชื่ออะไร ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ” คนที่ไม่เคยปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชายเลยสักครั้งเอ่ยแนะนำตัวเองและเพื่อนๆ ในกลุ่ม สองสาวจึงส่งยิ้มและก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทักทายเขา
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจียวจ้าน เพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอก ผมไปเรียนต่อเพื่อกลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัวน่ะครับ” เฉินเจียวจ้านเอ่ยแนะนำตัวคร่าวๆ ให้สาวๆ ได้รู้จักบ้าง สามสาวพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกัน
“แล้วยัยลี่หลินบอกคุณแล้วใช่ไหมคะว่าเธอต้องการให้คุณทำอะไร”
เยว่หรูเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ดูผู้ชายตรงหน้าทั้งหล่อ ทั้งเซอร์ หุ่นก็เพอร์เฟคซะขนาดนี้จะโสดจริงหรือเปล่า เธอกลัวเพื่อสาวจะได้แฟนชาวบ้านมาปลอมตัวเป็นแฟนหลอกๆ ซะมากกว่า
“ครับ เราคุยกันคร่าวๆ แล้วเมื่อสักครู่นี้” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มจนสองสาวอดที่จะตาพร่ากับเขี้ยวเสน่ห์ของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ ‘หล่อบาดใจเกินไปแล้วพ่อคุณ’
“แล้วนี่คุณโสดจริงๆ ใช่ไหมคะ เห็นว่าเราหาแฟนหลอกๆ แบบนี้แต่ก็ไม่ได้อยากได้คนมีชนักติดหลังอยู่หรอกนะคะ เพราะเราไม่ได้อยากขึ้นชื่อว่าไปยุ่งกับคนของใคร” เยว่หรูเอ่ยถามออกมาทันทีและเธอก็คิดว่าเพื่อนทั้งสองก็คงอยากรู้เหมือนกัน
“ไอ้นี่มันโสดจริงๆ ครับ พี่รับประกันได้” เสียงหนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของคลับเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง เยว่หรูหันไปมองก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาให้พี่ชายของเพื่อนสมัยมัธยม
“พี่ตงหาน!! สวัสดีค่ะ” เยว่หรูเอ่ยทักทายชายหนุ่มขึ้นมาก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นผู้ชายอีกคนที่เธอไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นักยืนอยู่ข้างหลัง ใบหน้าหวานคมคายสะบัดกลับคืนมามองผู้ชายของเพื่อนเช่นเดิม
“อ้าว นี่รู้จักกันหรอคะ” อ้ายฉิงเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย ส่วนคนที่เพิ่งจะรับประกันความโสดให้เพื่อนก็หันไปมองใบหน้าหวานก่อนที่จะตอบเธอ
“ครับ ไอ้นี่เพื่อนสนิทของพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศจริงๆ และมันก็โสดจริงๆ ครับ โสดเหมือนพี่ๆ อีกสองคน”
ลู่ตงหานยิ้มให้กับเธอก่อนที่จะหันไปทักเพื่อนสนิทที่ตามน้องชุดแซกสีแดงเพลิงคนนี้ไปถึงห้องน้ำ แถมไม่รู้ไปคุยอีท่าไหนถึงทำให้เขาชวนกลับมานั่งที่โต๊ะได้เสียอีก
“กลับโต๊ะไม่ถูกหรอวะไอ้เจียวจ้าน” ลู่ตงหานบีบบ่าหนาของเพื่อนพร้อมกับเอ่ยแซวขึ้น
“นั่นสิ มัวมาจีบสาวอยู่นี่เอง” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นบ้างพร้อมกับสายตาคมที่กวาดมองสาวๆ ทั้งสามคน จนไปหยุดอยู่ที่นักบิดสาว ดาวสนามคนสวยแถมเก่งอีกต่างหาก เธอดูร้อนแรงถูกใจเขาที่สุด เสียดายที่เธอนั้นยากกว่าสาวคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบ
“บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะรู้จักกันด้วย เชิญนั่งด้วยกันก็ได้นะคะ”
หวงลี่หลินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเชิญให้อีกสองหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะของพวกเธอ หวงลี่หลินกวาดสายตามองไปยังสามหนุ่มก็พบว่าทุกคนก็หน้าตาดีต่างสไตล์กันไป แต่คนที่หล่อ เท่จนทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวได้ก็มีเพียงเขาคนนี้
“ครับ ว่าแต่เพื่อนๆ ของคุณลี่หลินมีแฟนกันหรือยังล่ะครับ”
เฉินเจียวจ้านเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่สองหนุ่มเพื่อนซี้พากันหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่เรียบร้อยแล้ว คำถามของเฉินเจียวจ้านทำเอาสองหนุ่มอดที่จะลุ้นตามไม่ได้
“แก๊งพวกเรายังไม่มีใครอยากมีแฟนหรอกค่ะ พี่ตงหานก็น่าจะรู้อยู่นะคะ” สาวสวยสุดมั่นในชุดเสื้อกล้ามหนังสีดำอวดหน้าท้องแบนราบโชว์ให้เห็นเอวขอดน่ามองเป็นคนตอบ ก่อนที่จะโบ้ยไปหาพี่ชายของเพื่อน
“ครับ เรื่องนี้พี่ก็พอจะรู้มาบ้าง ยัยหลิงหลิงเคยมาบ่นให้ฟังว่าน้องเยว่หรูไม่ยอมคบกับใครสักที ทั้งๆ ที่สมัยเรียนผู้ชายก็มาจีบเยอะแต่ก็ไม่สนใจ พี่ก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกันครับ ว่าทำไมน้องๆ ถึงยังไม่อยากมีแฟน” ลู่ตงหานเอ่ยถึงน้องสาวก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นกับคำถามที่หนุ่มๆ หลายๆ คนอยากจะรู้เหมือนกัน
“เพราะพวกเราดูแลตัวเองได้ และชีวิตทุกวันนี้ก็มีความสุขดีนี่คะ ไม่เห็นจำเป็นมองหาใครมาแชร์อะไรด้วยเลย ในเมื่อไม่ว่าจะทุกข์ใจหรือสุขใจก็ไม่มีใครที่จะมาช่วยแบกรับอะไรเราได้ทั้งนั้น”
หวงลี่หลินเป็นฝ่ายตอบออกมาก่อน เฉินเจียวจ้านมองหญิงสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่คิดแบบนี้อยู่อีก ที่ผ่านๆ มาเขาเคยเจอแต่ผู้หญิงที่หวังอยากจะมีแฟนเพื่อเป็นที่พึ่ง ถ้าไม่ทางใจก็ทางฐานะ
วันต่อมาข่าวการมีทายาทอีกคนล่วงรู้ไปถึงหูของคุณปู่คุณย่าคุณตาและคุณยาย รวมไปถึงคุณลุงกับคุณป้า สร้างความยินดีให้กับสองตระกูลเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ที่บ้านของเฉินเจียวจ้านและเฉินลี่หลินจึงมีแขกมาเยือนกันพร้อมหน้าพร้อมตา“ป๊าดีใจด้วยนะเจียวจ้าน ลี่หลิน”“ม๊าก็ดีใจด้วยนะ ว่าแต่ท้องนี้ลูกสาวหรือลูกชายล่ะลูก” เฉินซูฉีเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง“ยังไม่รู้เลยค่ะม๊า หนูยังไม่ได้ไปฝากท้องเลยค่ะ กะว่าจะไปวันพรุ่งนี้” ว่าที่คุณแม่ลูกสองตอบมารดาของสามี“ม๊าว่าต้องผู้หญิงแน่ๆเลยลูก หนูแพ้ไหมช่วงนี้” มารดาของว่าที่คุณแม่ลูกสองเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาบ้าง“ไม่เลยค่ะม๊า.... ไม่แพ้เหมือนตอนมีตาหนู” เฉินลี่หลินตอบพร้อมรอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่แสดงออกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวดังขึ้น เด็กน้อยทั้งสองต่างนั่งคุยกันแบบไม่รู้ความ แต่ก็ดูน่าจะคุยกันรู้เรื่องเพราะมีเสียงอ้อแอ้ดังสลับกันขึ้นมาตลอด“ดีใจด้วยนะไอ้น้องชาย สมหวังแล้วสิ”เฉินเจียงข่านเอ่ยแสดงความยินดีกับน้องชายหลังจากที่เดินออกไปนั่งคุยกันริมระเบียงทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่และภรรยาของทั้งคู่ได้พูดคุยกัน“ขอบคุณครับพี่ ผมไม่เคยคิดภาพครอบครัวแบบนี้ในหัวมาก่อนเลย ผ
วันต่อมาวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปีของทั้งคู่ เฉินลี่หลินเตรียมเซอร์ไพร้ส์ไว้ให้สามีที่ยังคงไปทำงานเพราะวันนี้มีประชุม เฉินตงหยางถูกจับอาบน้ำแต่งตัวหล่อเหลาด้วยชุดสูทสำหรับเด็กชาย ส่วนคุณแม่คนสวยก็แต่งตัวสวยสมกับวัย เฉินลี่หลินนัดสามีรับประทานอาหารนอกบ้าน และเขาก็จำได้ดีว่าเนื่องในโอกาสพิเศษอะไร“ท่านประธานครับ วันนี้ดูท่านอมยิ้มมีความสุขทั้งวันเลยนะครับ” เลขาหนุ่มเอ่ยทักเจ้านายหนุ่มขึ้นมาตอนนี้เฉินเจียวจ้านได้ขึ้นนั่งตำแหน่งประธานกรรมการของบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์สาขาที่เขาเคยรับตำแหน่งเป็นรองประธานเรียบร้อยแล้ว เพราะพี่ชายของเขามีงานล้นมือเขาจึงต้องรับช่วงต่อในบางแห่งเพื่อแบ่งเบาภาระของตระกูล“วันนี้วันสำคัญน่ะ” ประธานหนุ่มบอกเลขาส่วนตัวก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องประชุมการประชุมงานสำคัญของวันนี้กินเวลาไปถึงครึ่งวัน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับท่านประธานที่มีนัดกับภรรยาและบุตรชายในตอนเย็นที่ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองเอ เขาตื่นเต้นและรอคอยของขวัญที่ภรรยาบอกว่าจะมีเซอร์ไพร้ส์ให้อยู่ไม่น้อยตกเย็นรถครอบครัวของตระกูลเฉินซึ่งประกอบด้วยคุณนายเฉินลี่หลินและคุณชายน้อยเฉินตงหยางถูกขับเคลื
“อ้ำ.....อร่อยใช่ไหมลูก ทานเยอะๆ น๊า....จะได้โตเร็วๆ เก่งจังเลย ลูกป๊าทานข้าวได้น่าอร่อยที่สุด....อ้า......อ้ามมม....” เสียงทุ้มบอกบุตรชาย“หม่ำๆ .....หม่ำๆ ......” เฉินตงหยางรู้ดีว่าบิดาเอ่ยชม เด็กชายตัวอวบเลยอ้าปากเอาอ้าปากเอาจนมารดาป้อนไม่ทัน“ค่อยๆ ทานนะคะลูก เดี๋ยวกลืนไม่ทันนะ”เมื่อโดนมารดาปราม เด็กชายจึงคลานไปนั่งบนตักของผู้เป็นบิดาราวกับว่าต้องการให้เขาปกป้อง เฉินลี่หลินถึงกับส่ายหน้าไปมาให้กับบุตรชายที่ดูเหมือนจะเป็นลูกป๊ามากกว่าลูกม๊า“พรุ่งนี้วันหยุดพี่ พี่จะพาลูกกับที่รักไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้านะคะ เราไม่ได้ออกไปไหนด้วยกันมานานแล้ว” เสียงทุ้มบอกภรรยาหลังจากที่บุตรชายรับประทานอาหารเย็นเสร็จ“ดีเหมือนกันค่ะ มีหลายอย่างเลยที่น้องอยากจะไปดูให้ลูก” เสียงหวานบอกก่อนที่จะยกชามข้าวของบุตรชายไปเก็บที่ครัวแล้วเดินกลับมาชวนสามีให้ไปรับประทานอาหารโดยเรียกพี่เลี้ยงเด็กให้มาดูแลบุตรชายแทน“คุณนายลู่เป็นยังไงบ้างนะ... น้องอยากไปเยี่ยมเพื่อนจัง ยัยหนูลู่ซือโตขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้” หลังจากรวบช้อนที่บ่งบอกถึงสิ้นสุดมื้ออาหารแล้ว เฉินลี่หลินจึงเอ่ยออกมา“ได้สิคะ พรุ่งนี้พี่จะพาไปเยี่ยมเพื่
หนึ่งปีต่อมาเฉินลี่จินได้ให้กำเนิดบุตรสาว หลังจากที่เฉินตงหยางหลานชายคนแรกของตระกูลอายุได้เก้าเดือน ตอนนี้ทายาทของตระกูลเฉินเติบโตขึ้นมาทุกวัน โดยเฉินตงหยางอายุหนึ่งขวบกำลังตั้งไข่ ส่วนแม่สาวน้อยอายุอ่อนกว่าพี่ชายไปสามเดือนกำลังอยู่ในวัยอ้อแอ้“ตงหยางครับ มาให้ป๊าหอมแก้มหน่อยเร็ว” เสียงทุ้มของเฉินเจียวจ้านเรียกขานบุตรชายตัวน้อย ร่างอวบอ้วนรีบคลานเข้ามาหาบิดาด้วยความคิดถึง“ปะ...ปะ...” เด็กน้อยขานคำที่ยังฟังไม่ชัดเจนออกมา แต่ก็พอจะเข้าใจว่าเด็กชายตัวน้อยเรียกบิดาของเขาเอง แขนล่ำกางออกเพื่อรอรับบุตรชายที่พยายามลุกขึ้นและจะเดินเข้ามาหาเขาแต่ก็ทำไม่สำเร็จ“ฮ่าๆๆ หลานปู่คนนี้มันกล้าหาญดี คลานไม่ทันใจใช่ไหมลูก” เฉินซือเยว่หัวเราะชอบใจออกมาเมื่อเห็นท่าท่าทางของหลานชายคนโต“นั่นน่ะสิคะ เรียกปะป๊าเป็นแล้วด้วย หลานของคุณย่าเก่งจังเลยครับ” เฉินซูฉีเอ่ยชมหลานชายขึ้นมาบ้าง“ลูกชายของป๊าเก่งที่สุด” เฉินเจียวจ้านเอ่ยชมบุตรชายก่อนที่จะกดจมูกโด่งลงบนแก้มยุ้ยๆ ของเฉินตงหยาง เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะชอบใจ“ม๊าไปไหนครับลูก”“มะ...มะ...” เด็กน้อยเรียกขานตามบิดา“ฮ่าๆๆๆ ห้ามพูดไม่สุภาพกันนะช่วงนี้หลานชายของ
คุณนายเล็กกับคุณชายน้อยพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงสามวันก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากแพทย์เจ้าของเคสให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ เฉินเจียวจ้านได้จัดห้องหับให้กับภรรยาสาวและลูกน้อยที่ชั้นล่างเพราะจะได้สะดวกไม่ต้องให้คุณแม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดบ้าน เฉินลี่หลินอดประทับใจในความใส่ใจของผู้เป็นสามีไม่ได้จึงให้รางวัลเขาโดยจุ๊บลงไปบนแก้มเนียนของสามีสุดหล่อ“ขอบคุณนะคะที่ใส่ใจ ไม่มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้” เฉินลี่หลินเอ่ยขอบคุณผู้เป็นสามีอีกครั้ง“เลิกพูดคำนี้กับพี่เถอะนะคะที่รัก ระหว่างเรามันไม่จำเป็นต้องมีคำนี้เลยค่ะ พี่รักลี่หลินกับลูกนะครับ”เฉินเจียวจ้านบอกภรรยาก่อนที่จะกดจมูกโด่งลงบนหน้าผากนวลของภรรยาและแก้มนุ่มคล้ายลูกซาลาเปาของบุตรชายตัวน้อยที่กำลังดูดนมแม่อยู่อย่างเอร็ดอร่อยคุณย่าและคุณยายอาสามาช่วยเลี้ยงหลานชายให้เพื่อที่สองสามีภรรยาจะได้มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น และท่านทั้งสองก็ช่วยได้มากจริงๆ เพราะการที่ท่านทั้งสองมาช่วยอยู่ดูแลหลานทำให้มารดาอย่างเฉินลี่หลินมีเวลาพักผ่อน รับประทานอาหารและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดอยู่เสมอ เรียกได้ว่าก่อนจะมีลูกเคยสวยอย่างไร คลอดลูกออกมาแล้วก็สวยงาม
หกเดือนต่อมาคุณนายเล็กตระกูลเฉินได้ให้กำเนิดทายาทคนแรกเป็นเด็กผู้ชายตัวขาวอวบ สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเป็นที่ปลาบปลื้มของตระกูลเฉินและตระกูลหวงเป็นอย่างมาก และมีข่าวดีอีกข่าวนั่นก็คือเฉินลี่จินพี่สาวของเฉินลี่หลินก็กำลังตั้งครรภ์ทายาทคนแรกของเธอและสามีเช่นกัน“โถๆๆ หลานชายของอาม่า เฉินตงหยาง” เสียงเรียกจากผู้เป็นย่าดังขึ้นหน้ากระจกห้องเด็กอ่อน“ตาหนูน่ารักน่าชังจริงๆ เลยนะคะคุณพี่” คุณยายแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง“ใช่จ้ะ พี่ต้องขอบคุณเฟยเจินมากกว่าที่เลี้ยงดูลูกสาวทั้งสองคนมาเป็นอย่างดีจนทำให้ลูกชายทั้งสองของพี่ได้มีโอกาสเป็นคู่ชีวิตของเด็กทั้งสองคนและมีหลานๆ ที่น่ารักให้เราได้เชยชมในวันนี้” เฉินซูฉีจับมือของของหวงเฟยเจินขึ้นมาพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ ผู้เป็นอากงทั้งสองต่างมองสองอาม่าและหลานชายคนแรกด้วยแววตายินดีห้องพักฟื้นร่างอวบอิ่มที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัวจนผู้เป็นสามีรู้สึกได้ เฉินเจียวจ้านรีบลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปรินน้ำแล้วเอามาป้อนให้ภรรยาที่ถึงแม้จะเพิ่งคลอดลูกแต่ความสวยของเธอก็ยังคงปรากฏให้เห็น“เป็นยังไงบ้างคะที่รัก ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” เฉินเจียวจ้านเอ่ยถา