Masuk“ก็แล้วทำไมคุณถึงไม่พาฉันกลับบ้านที่สุราษฎร์ล่ะคะ พาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองเขาอย่างสนใจ“อายังมีงานทางนี้ต้องจัดการเลยยังไม่มีเวลาจะพารุ้งกลับบ้านเพราะยังไม่มีเวลากลับไปอธิบายให้ใครต่อใครฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ้งบ้าง”“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็อยากจะรู้ว่าเราแต่งงานกันมานานแค่ไหนแล้วคะ ทำไมคุณถึงไม่เคยพาฉันมาที่นี่ แล้วฉันรู้มาก่อนหรือเปล่าคะว่าคุณมีห้องพักหรูหราอย่างนี้อยู่ในกรุงเทพฯ”เธอเดินผ่านเขาออกไปที่ระเบียงซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนของห้องนั่งเล่น เลื่อนประตูกระจกเปิดออกเพื่อรับลมพร้อมกับสูดหายใจลึก ๆ ด้วยความรู้สึกพึงพอใจและสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพและความโอ่โถงของห้องพัก“เราเพิ่งจะแต่งงานกันได้ครบปี และถึงรุ้งจะไม่เคยมาที่นี่แต่ก็ใช่ว่ารุ้งจะไม่รู้ว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของอา”เขาเลิกคิ้วมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังกวาดสายตามองสำรวจออกไปภายนอกพร้อมกับตอบไปตามความเป็นจริงหญิงสาวหมุนตัวกลับและเดินมาทิ้งกายลงบนโซฟาหนังพร้อมกับถอนใจยาวอย่างสับสน บอกตัวเองว่าสถานที่ไม่คุ้
ธมกรยิ้มอ่อนโยน มองเธออย่างเห็นใจ “อาจต้องใช้เวลาในการทบทวนอย่างที่หมอแนะนำ รุ้งอย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ส่วนเรื่องสำเนียงพูดก็คงจะเป็นเพราะบ้านรุ้งพูดภาษากลางกันมาตลอด พ่อกับแม่ของรุ้งก็ไม่ใช่คนใต้”“คุณช่วยเล่าเรื่องทางบ้านของฉันให้ฟังหน่อยสิคะ”สรรพนามที่เธอใช้เรียกแทนตัวเขา สร้างความรู้สึกประหลาดให้กับนายทหารหนุ่มเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะปัดความสงสัย เพราะเข้าใจว่าเป็นอาการป่วยของเธอ เขาทรุดตัวลงข้างเตียง ค่อย ๆ เล่าทุกเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับครอบครัวของพราวรุ้งควบคู่กับเปิดมือถือให้เธอดู เรื่องราวของตัวเองที่เธอโพซในโลกโซเชียลไปในขณะเดียวกันยิ่งฟังและอ่านเรื่องราวในอดีตผ่านการขึ้นสเตตัสและข้อความต่าง ๆ ในโซเชียลรวมถึงเพื่อน ๆ ที่เข้ามาพูดคุยผ่านระบบสื่อสารออนไลน์ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกังขาและค่อนข้างรู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ เมื่อไม่มีสิ่งใดเลย ที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องราวของตัวเธอเลยสักเรื่อง ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งว้าวุ่นจนรู้สึกได้ถึงความเครียดอันเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างหนักขึ้นอีกครั้งเป็นเหตุให้ถูกธมกรห้ามไม่ใ
“ไม่เป็นไรนะรุ้ง อย่าเพิ่งคิดมาก ยังจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” เขาปลอบอย่างอาทรและสงสารในชะตาของเธอ“ฉันเป็นอะไรกับคุณคะ ทำไมฉันถึงจำคุณไม่ได้เลยล่ะ” เธอมองเขาอย่างมึนงงและไม่ไว้ใจ“รุ้งชื่อพราวรุ้ง เป็นภรรยาของอา เราแต่งงานกัน และรุ้งเพิ่งคลอดลูกชายให้กับอาเมื่อเกือบสี่เดือนที่ผ่านมายังไงล่ะ” เขาค่อย ๆ ตอบช้า ๆเธอเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจในคำตอบที่ได้ยิน “ภรรยา! แต่งงาน...คลอดลูก!!”‘ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเป็นความจริงอย่างเด็ดขาด’ อะไรบางอย่างในใจมันคัดค้านและส่งสัญญาณไปถึงสมองที่ร่ำร้องปฏิเสธละล่ำละลักอยู่ในใจอย่างตื่นตะลึงและงงงัน“ทำไม...” เขาเลิกคิ้วมองและเอ่ยถามอย่างสงสัย “รุ้งไม่เชื่อ คิดว่าอาโกหกเราอย่างนั้นรึ”“ฉัน...ฉันไม่รู้ แต่ว่าฉันรู้สึกเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ”เธอมองเขาอย่างหวาดระแวงไม่เชื่อถือแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างที่ใจคิดเพราะความทรงจำที่มืดดับไม่เอื้ออำนวยให้เธอขุดค้นหาสิ่งใดขึ้นมาคัดค้านคำพูดของเขา
ประโยคคำตอบของหญิงสาวบีบคั้นหัวใจกร้าวแกร่งของเขาจนอ่อนยวบเพราะความสงสาร เขาเชยปลายคางของเธอดันขึ้นอย่างแผ่วเบา ทอดสายตาลึกเข้าไปในดวงตาหม่นเศร้าของคนตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยอย่างปลุกปลอบและให้สัญญาหนักแน่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ผมเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องเดือดร้อนมาตลอด ผมขอโทษจริง ๆ พราวรุ้ง แต่ผมสัญญานะ ว่าผมจะพาคุณกับไปส่งบ้านให้ได้ คุณอย่าร้องไห้อีกเลยนะ”“แต่ฉันกลัว...กลัวว่าฉันจะไม่ได้กลับไปพบหน้าพ่อแม่และละ...”เธอรีบกัดริมฝีปากเมื่อนึกถึงวงหน้าน้อย ๆ ของบุตรชายด้วยความคิดถึงก่อนจะกลืนประโยคที่เกือบหลุดรอดผ่านริมฝีปากออกไปขณะเงยหน้านองน้ำตามองสบสายตาของเขาอย่างอ่อนไหว“อาธามอีก”หัวใจกระด้างที่ไม่เคยหวั่นไหวกับหญิงใดมาเนิ่นนาน พลันเต้นสะดุดไม่เป็นท่า ทันทีที่ได้ยินชื่อชายอื่นจากปากของคนตรงหน้า เพลิงเพชรสูดลมหายใจลึกแล้วค่อย ๆ ผ่อนระบายออก พลางเอื้อมมือโอบรั้งศีรษะของหญิงสาวลงแนบอกพร้อมกับเอ่ยปลอบแผ่วเบา“ได้โปรดเชื่อใจผมพราวรุ้ง...ผมจะพาคุณกลับไปหาเขา...คนที่คุณคิดถึงให้ได้”ความอ่อนโยนและเอื้อเฟื้อของเพลิงเพชรเปรียบเสมือนน้ำห
พราวรุ้งจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอมองชะง่อนเขาน้ำตกที่มองเห็นพวกเฟิร์นและกล้วยไม้ป่าขึ้นกระจัดกระจายอยู่ริมลำธาร ลมป่ากลางเที่ยงวันหอบกลิ่นสายน้ำผสมกับกลิ่นมวลไม้ดอกบางชนิดพัดโชยผ่านจมูกจนเธอเผลอสูดลมหายใจลึกและหันไปมาเปิดยิ้มกว้างให้กับคนนำทางที่พยักพเยิดหน้าไปทางหินก้อนกลมเรียบ ๆ ก้อนหนึ่งข้างลำธาร พลางบุ้ยใบ้บอกเธอให้นั่งรอเขาตรงนั้น แต่เธอมัวแต่มองเขาเพลินเมื่อเห็นเขาวางอุปกรณ์ในมือกับพื้นง่ายก่อนจะลงมือปลดกระดุมเสื้อออกจนหมดแถว ถอดเสื้อเชิ้ตตัวหลวมออกจากกายช้า ๆ ราวกับตั้งใจจะยั่วสายตาหากเพลิงเพชรตั้งใจยั่วเธอจริงอย่างที่เธอคิด เขาก็ทำได้สำเร็จเพราะรูปร่างแกร่งกำยำของบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด มัดกล้ามแน่นตึงเป็นมัด ท่อนแขนบึกบึนกับไหล่กว้างจนถึงซิกแพคอย่างคนเอาใจใส่รูปร่างเป็นอย่างดี ประหนึ่งเป้าล่อหลอกสายตาที่ดีที่สุด พาเธอหัวใจสั่นคลอนไม่ผิดกับเด็กซุกซนที่เผลอเดินเร็วจนสะดุดขาขวิดแทบล้มคว่ำคะมำหงาย อารามตกใจทำให้เธอเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าที่ร้อนผะผ่าวแต่กลับกางนิ้วกว้างขณะกวาดสายตามองเขาลอดผ่านระหว่างนิ้วของตนเองเพลิงเพชรเลิกคิ้วมองหญิงสาวที่ย
“ก็ไม่เชิงมือเปล่าหรอกคุณ ผมจะใช้ไม้ไผ่เหลาปลายให้แหลมแทนฉมวกแต่มันก็ไม่ง่ายนักหรอกสำหรับคนไม่ชำนาญอย่างผม แต่ก็ไม่เกินความสามารถของผมหรอกคุณ แล้วผมจะแสดงให้คุณดู รับรองคุณต้องทึ่งว่าสามีคนแรกของคุณคนนี้ไม่ได้เก่งแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นหรอกนะ” เขายักคิ้วหลิ่วตาใส่เธอก่อนจะหลบแทบไม่ทันเมื่อหญิงสาวหยิบก้อนหินเล็ก ๆ ปาใส่“นี่แนะ...ปากดีนัก ผีเจาะปากคุณมาหรือไงนะนายหัวเพลิง ไหนเมื่อคืนบอกว่าจะให้เกียรติฉันไงล่ะ แค่ข้ามคืนก็เข้าอีหรอบเดิมแล้ว จะตายกันวันนี้วันพรุ่งยังไม่ยอมเลิกปากเสียใส่ฉันซะที” เธอเอ่ยอย่างนึกฉุน มองค้อนเขาตาคว่ำ“หึ ๆ ก็เพราะจะตายวันตายพรุ่งนะสิคุณ ผมถึงแกล้งหยอกล้อคุณเล่นไปอย่างนั้นเอง คุณนั่นแหละเมื่อไหร่จะยอมรับความจริงเสียทีหืม...”“รับบ้ารับบอล่ะสิ และถ้าขืนคุณยังไม่เลิกพูดพร่ำด้วยเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ละก็ คราวนี้ฉันจะปาคุณให้หัวแตกเลยไม่เชื่อคอยดูสิ” เธอขู่เสียงเขียวพลางปรายตามองเขาอย่างหมั่นไส้“โอเค ๆ ผมเลิกพูดก็ได้”เพลิงเพชรไหวไหล่และเลิกเย้าแหย่หญิงสาวหันไปจัดการแกะ







