ขุนเขา Talk
3 วันผ่านไป เขาและเธอยังมีสงครามเย็นต่อกันอยู่ เธอเงียบทุกอย่าง เขาจะหาเรื่องอะไร เธอก็ทำทั้งหมด ไม่เคยบ่นไม่เคยปฏิเสธอะไรสักอย่าง "พ่อ..." เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นพ่อเขา เดินเข้ามาในบ้าน "อืม" "พ่อมาได้ไง" ร้อยวันพันปี พ่อเขาแทบไม่มาที่นี่เลย "ไร่ก็ไร่ข้า ทำไมจะมาไม่ได้วะ” "แต่พ่อยกให้ผมแล้ว จะมาไร่พ่อได้ยังไง" ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ "เอ่อ รู้งี้ยกให้วัดดีกว่า" "พ่อออออ" "เอ่อ ข้าพ่อเอ็ง" "แล้วมาทำไม" เมื่อนิสาเดินออกมาจากห้องครัว ทันทีที่เห็นเสี่ยไพบูลย์ เธอก็ตกใจมาก เพราะเสี่ยไพบูลย์เคยอยากได้เธอเป็นนางบำเรอ ตอนนั้นเธอปฏิเสธแทบตาย เพราะไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้ แต่เมื่อความจำเป็นทำให้เธอไม่มีทางเลือก เธอก็ตัดสินใจไปหาเสี่ยไพบูลย์ที่โรงแรมของเขาทันที แต่ก็เจอกับลูกชายคนเล็ก นั่นก็คือคุณขุนเขาก่อน เมื่อเขารู้เจตนาของเธอว่าเธอมาทำอะไร เขาก็โกรธเธอเกลียดเธอมาตั้งแต่ตอนนั้น เขาดึงแขนเธอขึ้นไปบอกเสี่ยไพบูลย์ซึ่งตอนนั้น ก็อยู่กับผู้หญิงอีกคนในห้อง ว่าเขาจะให้เธอมาเป็นนางบำเรอตัวเอง และที่ 6 ไร่ของเธอเขาจะขอ จนสุดท้ายก็ได้เป็นนางบำเรอของลูกชายของเสี่ยไพบูลย์มาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนั้นเธอก็โกรธเกลียด ทั้งรังเกียจตัวเองเหมือนกัน เขามองเธอว่าเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ราคา ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะเอาตัวเข้าไปยอมเป็นนางบำเรอใคร แต่ในเมื่อความจำเป็นมันบีบบังคับ เธอก็ต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองให้ได้ "หนู..." เสี่ยไพบูลย์พูดเสียงเรียบนิ่ง "สวัสดีค่ะ..." เธอพูดด้วยเสียงที่นิ่งที่สุด แม้ว่าในใจจะสั่นไหวแค่ไหนก็ตาม ตั้งแต่เธอมาอยู่กับเขาที่นี่ ก็ 1 ปี 6 เดือนแล้ว เธอก็พึ่งจะเห็นเสี่ยไพบูลย์ก็วันนี้ "ยืนเซ่ออยู่ทำไม มีอะไรทำก็ไปทำสิ" ขุนเขาพูดเสียงดัง "ค่ะ" และเธอก็รีบเดินออกจากบ้านไปทันที "ไอ้เสือ ทำไมนังหนูนี่ยังอยู่กับแกอยู่" เสี่ยไพบูลย์ถามพร้อมกับจ้องหน้าเขม่ง "ก็ยังอยู่" ขุนเขาพูดพร้อมกับหลบสายตา "มันยังไง คนเจ้าชู้เหมือนพ่อแบบแก ทำไมยังอยู่กับนังหนูคนนี้อยู่" "ก็รู้ตัวเนอะว่าตัวเองเจ้าชู้" -- "เอ่อ ก็ข้ารักสวยรักงาม เอ็งก็รู้" "ก็นั่นแหละ เมียถึงได้ทิ้ง" "ไอ้ห่า ข้าพ่อเอ็งนะ" "พ่อมีไร รีบๆ พูดมา ต้องออกไปดูโรงงานนม" "เอาเรื่องนังหนูคนนี้ก่อน เอ็งถึงขั้นขอกับพ่อ เอ็งถึงขั้นให้มาอยู่ เข้านอกออกในบ้านเอ็งได้ ต้องยังไง" "ไม่ยังไงหรอก ก็ให้มาเป็นคนรับใช้" "คนรับใช้อะไร สวยขนาดนี้" เสี่ยไพบูลย์พูดขึ้นอย่างรู้ทัน "สวยตรงไหนพ่อ ทำงานตากแดดตากลมทุกวัน" "นี่ขนาดทำงานตากแดดตากลมนะ ยังสวย เช้งกะเด๊ะได้ขนาดนี้" "ไร้สาระหน่าพ่อ" ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทำงานหนักขนาดนี้ยังสวยอยู่ได้ "เอามาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เดี๋ยวเอ็งก็ตกหลุมรักซะหรอก เอาไปเอามาได้ขึ้นมาเป็นนายหญิงของไร่เอ็งสักวัน" "ไม่มีทาง ผมไม่มีวันยกย่องผู้หญิงแบบนี้" "เอาเถอะ ข้าจะคอยดู" เสี่ยไพบูลย์พยักหน้าเบ๋ปากเล็กน้อยและยิ้มให้ลูกชาย "ก็แค่ผู้หญิง เอาร่างกายมาแลกกับสิ่งของ น่าสมเพช" จังหวะที่เขาพูดว่าเขาไม่มีวันยกย่องผู้หญิงแบบเธอ เธอก็เดินเข้ามาได้ยินพอดีเพราะลืมของเขาไว้ เขาก็ชงักไปเล็กน้อย แต่ก็ทำเป็นไม่ได้สนใจอะไร จนเธอเดินออกไปด้วยท่าที ที่ไม่ได้สนใจ หรือใส่ใจอะไรกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน "เอ่อ แล้วแต่เอ็งก็แล้วกัน" "พ่อพูดเรื่องตัวเองมาเถอะ ผมไม่ได้มีเวลามากนะ" "งานแต่งเจ้าขุนพล แม่เอ็งจะมาไหม" เมื่อพูดเรื่องอื่นจนคลายความกังวลแล้ว เสี่ยไพบูลย์ก็พูดออกมา "ก็ต้องมาสิ งานแต่งลูกชายเขาทั้งคน" "เอ่อ จัดห้องดีๆ ให้ด้วยละกัน" บุษบายิ่งเป็นคนนอนยากๆ อยู่ด้วย มาแบบนี้จะนอนหลับไหมก็ไม่รู้ "แล้วเกี่ยวอะไรกับพ่อ" เขาทำทีหรี่ตาถาม "นั่นเมียกูนะ ทำไมจะไม่เกี่ยว" "เมียเก่าเถอะ" "ไอ้ห่า มึงอย่ายอกย้อน" เสี่ยไพบูลย์ทำท่าทีจะลุกขึ้นตีลูกชายตัวแสบ "อะๆ ทำไม จะทำอะไร" เขาก็ยิ้มพร้อมถาม "ข้าก็บอกไว้ ยิ่งนอนยากๆ อยู่ด้วย ทั้งเผื่อพาผ้วใหม่มาด้วย จะว่าไม่ได้ว่าต้อนรับไม่ดี" "แม่มีใครที่ไหนละ วันๆ ก็วุ่นวายอยู่แต่กับร้านอาหาร" แม่เขาไม่เคยมีใครเลยจริงๆ วันๆ ก็ทำแต่งาน งานยุ่งยังกะคนจะสร้างตัว ทั้งๆ ที่มีครบทุกอย่างแล้ว เมื่อพ่อแม่เขาตัดสินใจแยกทางกัน ตอนที่เขากับพี่ชาย บรรลุนิติภาวะกันทั้งคู่ เพราะความเจ้าชู้ของพ่อ ก่อนจะไปจดทะเบียนหย่า ทั้งสองคนก็แบ่งทรัพย์สินให้ลูกทั้งสองตามสมควร แล้วก็แบ่งสินสมรสกันคนละครึ่ง ซึ่งพ่อเขาชอบโรงแรมที่อยู่ในเมืองนี้มาก เลยทุ่มเงินมหาศาล ซื้อโรงแรมต่อจากส่วนของแม่ จะได้ไม่เป็นปัญหาต้องยุ่งยากกันอีก และก็อาศัยอยู่ที่โรงแรมนั้นเลย แล้วงานอดิเรกก็เปิดโรงรับจำนำ แต่เบื้องหลังก็ปล่อยเงินกู้ จนทำให้ชนิสาได้มาเจอเขาทุกวันนี้ ส่วนแม่ของเขาก็ได้บ้านใจกลางเมืองในกรุงเทพฯไป และอาศัยอยู่ที่บ้านนั้น ได้ลงทุนเปิดร้านอาหาร จนโด่งดังไปทั่วประเทศ มีสาขาที่ห้างชั้นนำอีกนับไม่ถ้วน และทั้งสองคนก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย จนเวลาผ่านไปนับสิบปี จนถึงงานแต่งลูกชายคนโตที่คาดว่าจะได้มาเจอกัน "แม่เอ็ง สวยขนาดนั้นทำไมจะไม่มี" เมียเก่าเขาทั้วสวยทั้งแสนดี ดีกว่าผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาเขา แต่เพราะความไม่รู้จักพอของเขานี่แหละเขายอมรับ "ขนาดเขาสวย ยังทำไม่ดีกับเขาได้เนอะ" ลูกชายตัวดีก็เย้าแหย่พ่อตัวเอง "ไอ้ห่า ก็ของใหม่มันดีกว่าสดกว่า มันก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา" มันหลงอะไรใหม่ๆ แล้วออกไม่ได้จริงๆ "ก็สมควรแล้วไง ไม่รักกันก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันถูกแล้ว" "แล้วใครว่าข้าไม่รัก ข้ารักแม่เอ็ง รักแม่เอ็งแค่คนเดียว" เขารักจริงๆ รักบุษบาที่ยกขึ้นมาเป็นเมียเดียวของเขาจริงๆ "จะซีเรียสอะไรขนาดนั้น" แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่บราเครื่องดื่ม หยิบแก้วคริสตัลออกมา พร้อมกับบรั่นดี ยื่นให้ผู้เป็นพ่อทันที "ไอ้ห่า แต่เช้า" "เอ่อ กินๆ เข้าไปเถอะ" เวลาต่อมา "พอเถอะพ่อ กินเยอะไปแล้ว" "ปล่อยกูจะกิน กิน กินมันให้เยอะๆ เลย ไอ้ห่า" "..." "กูรักแม่มึง รักแม่มึงคนเดียว กูคิดถึงบุษคิดถึงบุษมากๆ อึก แค่บุษคนเดียว" เมื่อเมาแล้วก็เริ่มเลอะเทอะจริงๆ "รักเขาก็ยังทำให้เขาเสียใจได้" "มึงยังไม่มีเมีย มึงไม่มีวันเข้าใจ เมียมันบ่นมันด่า มันบังคับ แต่น้องๆ ที่กูเรียกมาเขาดูแลกูทุกอย่าง เอาใจกูสารพัด กูก็ต้องหลงสิวะ มึงนี่ อึก มึงไม่มีวันเข้าใจกู ขุนเขา มึงไม่เข้าใจกู" "ถ้าผมมีเมีย ผมมั่นใจได้ว่า ผมจะรักแค่เมียคนเดียว จะสร้างครอบครัว จะไม่ไปยุ่งกับใคร จะให้เกรียติเมียทุกอย่าง" ซึ่งเขาได้เห็นบทเรียน จากพ่อแม่ของเขาแล้ว ลูกทั้งสองคนก็ไม่มีความสุข แต่ทำยังไงได้ เมื่อมันเป็นความต้องการขอพ่อกับแม่ ลูกๆ อย่างพวกเขาก็ต้องเข้าใจและยอมรับ และตอนนี้ในใจเขาก็รู้สึกแปลกๆ มีแต่ภาพผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเข้ามาอยู่ในโสตประสาท ทำไมทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องสร้างครอบครัว หน้าเธอตัองลอยมาด้วย ชนิสา! "เหอะ กูจะคอยดู มึงจะเอาใครซ้ำซากได้ทุกวันๆ ได้หรอ อึก" "พ่อพอเถอะ ไปพักผ่อนไป นอนมันในห้องรับแขกแหละ" ก็นึกว่าจะมาเรื่องอะไร ที่แท้ก็มาเรื่องเมียเก่าตัวเอง คงอยากคุย อยากเจอบ้างนั้นแหละ คนที่ไม่เจอกันนานกว่า 10 ปี ก็คงจะคิดถึงกันมากอยู่ไม่น้อยจริงๆ แม่เขาก็คงเช่นกัน...ชนิสา Talkเมื่อนั่งทำงานที่ออฟฟิตได้สักพัก ก็มีคนเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย"สวัสดีครับนิสา" เป็นเสียงอันหล่อเหลาไม่แพ้หน้าตา"อ้าว คุณปริ้นสวัสดีค่ะ" ชนิสาก็ทักทายกลับไปทันที แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าสงสัย"อ่อ พอดีผมว่างๆ เลยแวะมาเที่ยวครับ นี่ครับของฝากจากกรุงเทพฯ" และปริ้นก็ยื่นกล่องบางอย่างให้เธอ"ขอบคุณมากนะคะ สวยมากเลย" เป็นโบว์สีขาว คล้ายๆ กับแบบที่เธอชอบใส่"พอดีไปเดินเล่น แล้วเห็นว่าเหมาะกับนิสาเลยซื้อมาฝากครับ เห็นว่านิสาทำผมทรงนั้นพร้อมกับใส่โบว์แล้วสวยดี" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ชนิสาพูดพร้อมกับก้มหน้าให้เล็กน้อย"ไม่เป็นไรเลยครับ เต็มใจมากๆ""เชิญนั่งก่อนค่ะ ตามสบายนะคะ" และหญิงสาวก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำ มาให้ชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเธอว่างจากงานบ้างแล้ว"ขอบคุณครับ งานยุ่งมากเลยหรอครับ" เมื่อเห็นว่าหญิงสาว ยังใจจดใจจ่อตั้งใจทำงานเขาเลยถามขึ้น"ตอนเช้าก็จะยุ่งแบบนี้ทุกวันค่ะ ต้นเดือนด้วย" เธอชงักไปกับคำว่าต้นเดือน เพราะสิ้นเดือนหน้าเธอก็หมดสัญญาแล้ว..."นิสานี่ตั้งใจทำงานจังเลยนะครับ""..." หญิงสาวยังคงคิดอะไรอยู่"ไอ้ขุนนี่โชคดีจริงๆ เล
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชนิสาก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานปกติ แต่ก็เจอกับแบมไพลินที่ยืน คุยอยู่กับนทีแบบไม่สบอารมณ์ ทั้งนทีที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน"มีอะไรกันหรือเปล่าคะคุณแบมพี่นที" ชนิสารีบเข้าไปถามทันที เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ"ฉันจะไปหาพี่ขุนเขา แต่นายนทีมาว่าฉัน""ผมไม่ได้ว่าครับ ผมแค่ให้คุณแบมเข้าไปดูงานในออฟฟิตก่อน มันเป็นงานที่ต้องทำก่อน ไม่ใช่ว่าไปหาคุณขุนเขาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่อง" นทีตอบกลับแบบไม่ค่อยพอใจ"นี่ไง! นายกำลังว่าฉัน""ผม!""คนงานอย่างนายมาเกี่ยวอะไรด้วย อนาคตฉันจะเป็นนายหญิงของที่นี่ ฉันจะทำอะไรก็ได้" แบมไพลินแพร่ดเสียงดัง"ผมเปล่าว่า ผม..." นทีกำลังอธิบาย"เอ่อ คืออย่างนี้ค่ะคุณแบม ตอนเช้ามาเราต้องเข้าออฟฟิตเข้าระบบทุกอย่างก่อน เพื่อดูพนักงานว่าคนไหนขาดลา มาสาย ต้องอยู่ตรงนั้นแตั้งแต่ 8 โมงถึง 9 โมงค่ะ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ" ชนิสาอธิบายอย่างใจเย็น"เธอก็ไปทำสิ ปกติก็หน้าที่ของเธอไม่ใช่หรือไง""ก็ใช่ค่ะ แต่คุณผู้หญิงบอกมาเองเลยว่าให้สอนงานคุณแบมเหมือนที่ฉันทำทุกอย่าง คุณแบมจะได้รู้ทุกหน้าที่""ฉันจะเป็นนายหญิงนะ ฉันจะทำหรือไม่ทำก็ได้ คนงานเยอะแยะ พนัก
เมื่อพ่นน้ำไปไม่รู้ตัว ขุนเขาก็รีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้ในทันที"โทษๆ วะมึง""มึงเป็นเหี้ยไร ห่าโดนกูเลยเนี่ย" ปริ้นพูดพร้อมกับเช็ดไปด้วย"เอ้อๆ กูเช็ดให้นี่ไง""ไม่ต้องเลย กูเช็ดของกูเอง เสื้อแพงนะเว้ย" ปริ้นยังบ่นไม่หยุด"แล้วมึงบอกว่าอยู่หลายวันนี่ยังไง" ขุนเขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ก็กูเบื่อๆ อะ ไอ้ห่าพวกนั้นก็ไม่ว่างกัน ไอ้คชาก็ติดลูกติดเมีย กูเลยมาหามึง""แล้วมึงก็มาตั้งไกลเนี่ยนะ" ถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"ไกลเหี้ยไร แค่นี้กูขับรถ 3 ชั่วโมงเองสบาย" ปริ้นพูดอย่างสบายใจ"ห่าไรละ แต่ก่อนกูให้มาหาบอกไกลบอกไม่สะดวกมา"เมื่อก่อนขนาดมีงานอะไรที่ไร่เขา ไอ้พวกนี้ยังปฎิเสธจ้าละหวั่นกัน ถ้าไม่ใช่งานแต่งหรืองานศพ ไอ้พวกห่านี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าพวกมัน"ก็วันนี้ไม่เหมือนกัน กูมาเพราะมีเป้าหมาย""อะไรของมึง" ขุนเขาหรี่ตาถาม"กูมาจีบนิสา" ปริ้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"..." ขุนเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก"กูบอกที่บ้านกูแล้ว ป๊าม้าโอเค อาม่ารอรับหลานสะใภ้ ทั้งเฮียและเจ่เจ้ถามใหญ่เลยว่าจะพาไปสวัสดีวันไหน" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มออกมา"ที่บ้านมึงไม่ว่าหรอถ้าคนนั้นคือผู้หญิงธรรมดา" ก็ถามไปแบบนั้นแหละ
ภายในรถ"หื้มมมม คุณขุนเขาค่ะในที่สุด องุ่นที่ไร่ก็ได้โกอินเตอร์ ไปอีกประเทศแล้ว แบบนี้ก็ต้องทำงานให้หนักขึ้นนะสิ" เสียงแตงกวาพูดขึ้นด้วยความดีใจ"..." ชนิสาที่นั่งอยู่ข้างหลัง ยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเธอก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน ทุกความเหนื่อยของเธอ เริ่มเห็นผลขึ้นมาบ้างแล้ว"ผลผลิตดี อย่างอื่นก็จะดีไปด้วยนะแตงกวา" ขุนเขาพูดกับคนข้างๆ แต่สายตาก็เหลือบมองกระจกมองหลัง เกือบจะตลอดเวลา"เช่นโบนัส ใช่ไหมคะ""ก็ต้องถามนิสาแล้วละ" เพราะปีที่แล้ว ช่วงที่จะให้โบนัสพนักงาน ชนิสาจะเป็นคนคิดให้ทั้งหมด จะดูภาพรวมของทุกอย่างในไร่ และก็เสนออกมาเป็นโบนัส ให้พนักงานอย่างเหมาะสมที่สุด"พี่นิสาว่าไง โบนัสจะดีไหมปีนี้" แตงกวาหันมาถามอย่างตื่นเต้น"พี่ไม่รู้ อันนี้ต้องถามคุณแบมนะ" ชนิสาตอบพร้อมยิ้มบางๆ ให้แตงกวาเธอไม่รู้จริงๆ เพราะเธอคงอยู่ไม่ถึง อีกไม่เกิน 3 เดือน เธอก็ต้องออกไปจากที่ไร่แล้ว เธอคงไม่มีสิทธิ์จะไปรับรู้อะไร เรื่องของเขาปล่อยให้ว่าที่นายหญิงของไร่เป็นคนจัดการ"ใช่สิเนอะ แตงกวาลืมไปค่ะ"ทุกคำพูดของเธอ ทำให้คนที่ขับรถอยู่ ถึงกับหย่นคิ้วเข้าหากัน จนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว"ถึงแล้วค่ะคุณข
"สวัสดีค่ะ ชื่อแบมนะคะ แบมจะมาทำงานที่นี่ ดูแลงานทุกอย่างของไร่ ช่วยพี่ขุนเขา แบมยังไม่เคยทำงานมาก่อนเลยค่ะ รบกวนขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ" หญิงสาวพูดด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และน่ารักสดใส ทำให้คนงานหลายๆ คนชอบเธอขุนเขาที่นั่งฟังอยู่ ตาก็เหลือบไปมองชนิสา ตลอดเวลา ชนิสานิ่งมากเหมือนไม่รู้สึกอะไร กับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่ทักท้วงอะไรสักอย่างเลย จนทำให้ขุนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับทุกสรรพสิ่ง"ค่ะคุณแบม พวกเรายินดีต้อนรับคุณแบมนะคะ" บัวและก็ทีมงานพูดขึ้นเมื่อทุกคนได้รับเงินเดือนหมดแล้ว ก็พากันกลับไปพักผ่อน แม้กระทั่งขุนเขาที่ยิ้มให้แบมไพลินและออกจากห้องไปทันที ไม่พูดอะไรกับเธอต่อแม้แต่คำเดียว"พี่ขุนเขาคือว่าแบม..."ปึง!! เสียงปิดประตูก็ดังขึ้น"อ๊ายยย นี่ไม่คิดจะสนใจกันเลยใช่ไหม" แบมกำมือทั้งห้านิ้วไว้แน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเอาไว้เมื่อความหงุดหงิดบังเกิดขึ้น ก็เดินออกจากห้องไปทันที และก็พอดีเจอนทีกับแตงกวา กำลังยืนคุยกันอยู่"นี่นาย" เสียงเรียกแพร่ดออกมา ทำให้คนทั้งสองรีบหันไปมอง"ครับ คุณแบม" นทีตอบแบบไม่คิดอะไร"นายทำตำแหน่งอะไรที่นี่นะ ฉันจำไม่ได้" พูดพร้อมกับสายตาที่เหยียดเล็ก
เมื่อขุนเขาได้ยินแบบนั้นก็รีบหันหน้าไปมองชนิสา ที่ร้องไห้อยู่ตัวเขาเอง เป็นคนใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง"ไหนพ่อบอกว่านิสามาเสนอตัวให้พ่อเอง วันนั้นที่ผมไปหาพ่อ" ขุนเขาพูดเสียงดังขึ้น"พ่อไม่รู้จะว่ายังไง กลัวเอ็งจะหาว่าพ่อมักมากอีก พ่อเลยโกหกไปแบบนั้น" เสี่ยไพบูลย์พูดพร้อมกล้มหน้า ไม่กล้าสู้หน้าลูกชาย"พ่อ!!!" และความรู้สึกผิดของเขาก็ประเดประดังเข้ามาเต็มอก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาทำร้ายจิตใจชนิสาสารพัด เพราะคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่น่ารังเกียจ เอาตัวเข้าแลกกับที่ดินขี้ปะติ๋ว แต่เขาไม่รู้เลยว่ามันสำคัญกับครอบครัวของเธอขนาดนี้"เอ่อ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง เป็นความผิดของฉัน""..." บุษบายังมองหน้าสามีเก่าด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด"หนูนิสา ฉันขอโทษหนูนะ ที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด ฉันจะคืนที่ให้หนู" เสี่ยไพบูลย์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง"..." ชนิสาเอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้พูดอะไร"นิสา เธอไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ เอาโฉนดที่ดินเธอคืนไปเถอะ ส่วนสัญญาว่าจะทำงานที่นี่...""แม่ครับ ผมยังยืนยันให้นิสา อยู่จนครบสัญญา" ขุนเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"อยู่หรอ อยู่ให้แกทำร้ายซ้ำไปซ้ำมา อีกอย่างนั้นหรอ""ผมไม่ทำครับแม่" ข