วันต่อมา
"นิสา นิสาเป็นยังไงบ้างลูก" เสียงนิดาแม่ของชนิสาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงลูก "แม่" เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นแม่เธอที่เรียกอยู่ข้างๆ "ทำไมถึงไปกินปลากะพงได้ละลูก" แม่เธอถามอย่างคนใจเย็น "ฮึกๆ นิสาเผลอไปกินจ้ะแม่" เธอเลี่ยงที่จะพูดความจริงดีที่สุด "ร้องไห้ทำไมลูก" เมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้แม่เธอก็สวมกอดเธอเอาไว้ "นิสากลัวว่าจะตาย นิสากลัวจะไม่ได้เห็นพ่อกับแม่อีก ฮือๆๆ" เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เธอกลัวที่สุดในชีวิตแล้ว "ไม่ต้องร้องไห้นะลูก นิสาปลอดภัยแล้ว หมอบอกแม่ว่าให้นอนดูอาการอีก 2 วันค่อยกลับได้" "เป็นว่าต้องอยู่โรงพยาบาล 3 วันเลยหรอจ้ะแม่" "ใช่ลูก อีกสักคืนสองคืน ให้ผืนแดงมันหยุบลงด้วย" "แล้วนี่แม่มาได้ยังไง พ่ออยู่กับใครจ้ะ" เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพ่อ "แม่ฝากไว้กับป้านุช แม่โทรมาหานิสาเมื่อเช้า หนูที่ชื่อแตงกวาเป็นคนรับสาย และบอกว่านิสานอนอยู่โรงพยาบาล แม่เลยรีบมาแต่เช้าเลย" "โธ่ แม่ ไม่เห็นต้องลำบากทิ้งพ่อมาเลย นี่ก็ไกลด้วย" "ทำยังไงได้ แม่เป็นห่วงลูก" แม่เธอพูดพร้อมลูบหัวเบาๆ "ขอบคุณนะจ๊ะแม่ นิสาก็ยังใจไม่ดีอยู่จริงๆ นิสากลัว กลัวจริงๆ" เธอพูดพร้อมกับกอดแม่เธอไว้แน่น "ไม่เป็นไรนะลูก คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะ" "แล้วที่พ่อจะไปหาหมอละจ้ะแม่" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวตาวันพาไป ไม่ต้องห่วง" "จ้ะ นิสาโอนเงินให้ให้แล้วนะ แม่อยากกินอะไรอร่อยๆ ก็กินนะจ๊ะ “ "แม่ว่าแม่ประหยัดเงินไว้ดีกว่า ลูกก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ ส่งมานี่มีใช่บ้างไหม" แม่เธอพูดด้วยความเป็นห่วง "มีจ้ะ แม่ไม่ต้องห่วง" ความจริงก็แทบจะไม่มีหรอก เธอให้พ่อแม่เธอไปบ้าง และอีกส่วนหนึ่งก็ฝากประจำเป็นเงินเก็บไว้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอก็อาศัยกินอาหารที่รีสอร์ท และก็แทบไม่ซื้อเสื้อผ้าเลย เพราะยังไงก็ได้ใส่แต่ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ส่วนเครื่องสำอางค์ อะไรที่สวยๆ งามๆ คุณขุนเขาเขาจะเป็นคนซื้อมาให้เธอทั้งหมด คงสมเพชที่เธอสภาพแย่แบบนี้ละมั้ง "แต่แม่ว่านิสาเก็บไว้ใช้อีกสักหน่อยก็ดีนะลูก" แม่ของเธอพูดพร้อมกับลูบหัวเบาๆ "ไม่เป็นไรจ้ะแม่ แม่ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินแล้วนะ ที่นิสาส่งให้แม่ใช้ได้หมดเลย แล้วที่ดินเรา เมื่อนิสาทำงานให้เขาครบ 2 ปี แล้วเขาจะคืนให้เราอย่างที่นิสาบอกแม่ไป" สองแม่ลูกก็กอดกันด้วยความรักความคิดถึง เธอบอกแม่ของเธอว่า เธอมีงานดีๆ ทำในไร่ 'สุขสมบูรณ์' และเมื่อทำงานให้เจ้านายนั่นคือ คุณขุนเขา ครบ 2 ปี คุณขุนเขาก็จะคืนที่ 6 ไร่ของเธอให้ ซึ่งเธอก็ไม่กล้าบอกจริงๆ ว่าเธออยู่ในฐานะนางบำเรอ และพ่วงด้วยตำแหน่งคนรับใช้... 3 วันผ่านไป ณ ไร่สุขสมบูรณ์ เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้ารีสอร์ท พนักงานหลายคนก็เดินกู่ เข้ามารอถามอาการของชนิสาเต็มไปหมด จนเธอยิ้มออกมาอย่างสดใส แตงกวาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มตาม "นิสา,พี่นิสา,หนูนิสา,น้องนิสา" สรรพนามเรียกที่ต่างกัน แต่ก็ถามอาการของเธอในเรื่องเดียวกัน ส่วนคนที่ไม่ชอบเธอก็มองด้วยสายตาที่ผิดหวัง ว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก "หนูนิสาอย่ากินปลาอีกนะ ลุงใจคอไม่ดีเลย ตอนนทีบอกว่า หนูหายใจไม่ออก" ลุงเจิมพูดขึ้น "ขอบคุณมากนะคะลุงเจิม ไม่กินแล้วค่ะ" "ป้าก็ว่า หนูนิสามาถามหาปลา ป้านี่ใจคอไม่ดีแล้ว ขวัญเอยขวัญมานะลูก" ป้าภาคนงานอวุโสเอ่ยขึ้นกับเธอ "ขอบคุณมากนะคะป้าภา" "ทุกคนโว้ย ต่อไปนี้ห้ามใครเอาเมนูปลาให้หนูนิสากินนะ เลี่ยงได้เลี่ยง ห้ามเอาเข้าใกล้เด็ดขาด" เสียงลุงเจิมดังขึ้น เสียงทุกคนพูดจารับทราบเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพียง เมื่อครั้งหนึ่งที่เธอเผลอกินน้ำซุปปลา ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่แรกๆ โชคดีที่ตอนนั้นมันเป็นแค่น้ำซุป ไม่ถึงขั้นกินเยอะแบบนี้ แค่กินยาแก้แพ้แล้วก็นอนพักผ่อนก็หาย แต่คนงานก็ยังตกใจกันถึงตอนนี้ เธอดีใจมากที่คนงานหลายคน รักและเอ็นดูเธอจริงๆ เมื่อถึงวันที่เธอต้องไปจากที่นี่ เธอคงจะคิดถึงคนที่นี่มากแน่ๆ ... "มาอู้งานอะไรกันตรงนี้" เป็นเสียงของขุนเขาพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนเงียบกันหมด "..." "ไปทำงาน!!!" เขาพูดเสียงดัง จนพนักงานแตกตื่น และแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน แล้วนิสาก็มองหน้านที นทีก็พยักหน้าให้ และเดินแยกกันไปคนละทาง แต่ขุนเขาก็พูดขึ้นซะก่อน "เดี๋ยว!!!" ทั้งสองคนก็หันมาพร้อมกัน "นที มึงไปทำงาน ส่วนเธอตามฉันมา" "คุณขุนเขาครับนิสากำลังไม่สะ..." "มึงไปทำงานของมึง และไม่ต้องยุ่ง" เขาจ้องหน้านทีเขม่ง "แต่คุณขุน..." นทีมองหน้าขุนเขาด้วยความไม่ชอบใจ "ไป!!!" เขาพูดขึ้นเสียงดัง จนชนิสาพยักหน้าให้ นทีถึงได้เดินออกไป "ตามฉันมา" เขาพูดเสียงเรียบ เขาเดินนำเธอกลับมาที่บ้านของตัวเอง เปิดประตูอย่างช้าๆ และเดินไปหยุดที่โซฟา "คุณมีอะไรจะใช้ฉะ..." ทันทีที่เธอพูด เขาก็หันหน้ามาจูบเธอโดยทันที เขาบดปากหนาของตัวเองกับปากบางของเธอ เริ่มด้วยจังหวะที่รุณแรงและก็ค่อยๆ เชืองช้าลง ลิ้นร้อนของเขาก็สอดเข้าไปภายในโพรงปากของเธอ เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้เขาทำอยู่แบบนั้น เนิ่นนานหลายนาที เขาก็ผละออกให้เธอได้หายใจ โดยที่เธอไม่ได้ร้องขออะไร เขามองเธอที่ปากบวมเจ่อ พร้อมกับตาที่แดงก่ำ เหมือนจะร้องไห้ เขาก็หยุดทันที "เธอนี่มัน..." เมื่อเขาเห็นแววตานั้นของเธอ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว "คุณมีอะไรจะใช้ฉันคะ ฉันจะได้ทำ" "ป่วยไม่ทันไร ลืมหน้าที่ของตัวเองแล้วหรอ" "ไม่ลืมค่ะ แค่จะถามให้แน่ใจว่าจะให้ทำเรื่องอะไร" "หึ ไหนว่าป่วย ไหนว่านอนโรงบาล" "หายแล้วค่ะ พร้อมกลับมารับใช้" "รับใช้ที่บ้าน หรือรับใช้ที่เตียง" "แล้วแต่คุณจะสั่ง" คำพูดที่ดูถูกดูแคลนนี้ ทำให้หัวใจของเธอชาขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับเขาเธอก็เป็นได้แค่นี้แหละ 'ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะนิสา เธอต้องไม่เป็นไร' เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่ในใจ แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ก็ห้ามแสดงออกมา "เก่งหนิ ไปป่วยมาท่าไหนล่ะ ไอ้นทีถึงลางานไปอยู่เฝ้าได้ 2-3 วัน" และเขาก็ยิ้มเย้ยหยันเธอ "ก็ทุกท่านั่นแหละค่ะ" เมื่อเขาไม่ยอมหยุดดูถูกเธอ เธอก็จะตามนั้นกับเขาไป อยากคิดอะไรก็คิดไปเถอะ เธอป่วยปางตายขนาดนี้ยังไม่คิดจะถามไถ่ ไม่เคยใยดีอะไร คนที่นอนด้วยกันเกือบทุกวัน จะไม่รู้สึกอะไรบ้าง นอกจากความใคร่จริงๆ หรอ นทีไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย เขายังเห็นอกเห็นใจเธอได้ ในฐานะพนักงานที่ไร่เหมือนกัน แต่กับเขาแม้จะถามเธอว่า เธอเป็นยังไงบ้าง ยังไม่มี... "นี่เธอ!!!" เขาพูดขึ้นเสียงดัง "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะคะ บ้านไม่เรียบร้อยเลย" เมื่อพูดจบเธอก็รีบเดินเข้าไปห้องเก็บของ และเอาอุปกรณ์ทำงานบ้าน ออกมาทันที โดยไม่สนใจเขาที่มองเธอตาขวางอยู่ตรงนั้นทุกๆ คำพูดของคนทั้งสองที่โต๊ะนั้นคุยกัน แบมไพลินได้ยินทั้งหมด และเธอแสยะยิ้มออกมาทันที เพราะคิดอะไรได้เมื่อขุนเขากลับมาอาหารทั้งหมดก็มาวางอยู่บนโต๊ะแล้ว และเขาก็นั่งกินทันที แบบไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้า"พี่ขุนเขากินปลากะพงทอดน้ำปลานี่สิค่ะ น่าอร่อยมากเลยนะ" หญิงสาวำพูดพร้อมกับตักใส่จานให้"ครับ" ขุนเขาพูดแต่ไม่สนใจจะกินที่แบมไพลินตักให้แม้แต่น้อย"พี่นิสาน่าจะชอบกิน พี่ปริ้นถึงสั่ง""..." ขุนเขาชงักไปเล็กน้อย พร้อมกับเปลี่บนมาตักปลาชิ้นนั้นเข้าปาก"อร่อยใช่ไหมคะ" แบมไพลินถามพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา"อร่อยดีครับ" แล้วขุนเขาก็กินต่อ แบบไม่สนใจจะดูแลเทคแคร์อะไรคนตรงหน้าแม้แต่น้อยแบมไพลินก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เพราะเธอรับรู้แล้วว่า ระหว่างขุนเขากับชนิสา ต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอจะเป็นคนขัดขวางทุกอย่างเองเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากร้านอาหาร และขุนเขาก็รีบเดินตามออกมาติดๆ พร้อมกับแบมไพลิน ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะขุนเขาไม่สนใจจะรอเธอ"มึงจะไปไหน" ขุนเขารีบถามขึ้น"ไปนั่งฟังเพลง มึงมีอะไร" ปริ้นถามอย่างลำคาญ"กูไปด้วย" ขุนเขาพูดด้วยท่าทางกวนๆ แต่ตาก็เหลือบมองชนิ
เมื่อถึงเวลาเลิกงานของชนิสาปริ้นก็รีบวิ่งแจ้นมานั่งรอทันที วันนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพาเธอไปเที่ยว"พี่นิสาคุณปริ้นมารับพี่นิสาไปเที่ยวหรอ" แตงกวาถามด้วยความแปลกใจ"งานพี่ยังไม่เสร็จเลยแตงกวา" ชนิสาพูดแบบไม่สนใจ"แสดงว่าจริง""ก็คงงั้นมั้ง" ชนิสาก็ยังคงใจจดใจจ่อในงาน"นี่พี่นิสา หยุดเถอะเลิกงานแล้ว" แตงกวาพูดพร้อมกับจับมือชนิสาไว้"...""อย่าทุ่มเทอะไรให้คนที่เขาไม่เห็นค่าเลยนะ ลองเปิดใจให้คนที่เขาเห็นค่าเถอะ มันอาจจะดีก็ได้ เชื่อแตงกวานะ" แตงกวาพูดพร้อมกับมองหน้าชนิสา"พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแตงกวา" ชนิสาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ"เขาไม่เคยแคร์พี่นิสาเลย ตอนนี้ก็พาคนอื่น เข้ามาทำงานแทนเราจนวุ่นวายไปหมด ไม่เคยมาสนใจด้วยว่าพี่นิสาจะรู้สึกยังไง" แตงกวาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยใจ"พี่...""พี่นิสาลองเปิดใจไปเที่ยวกับคุณปริ้นดูนะ อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อน""...""ไปเถอะนะพี่นิสา พอแล้วไม่ต้องทำงานแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ออกไปเที่ยวในเมืองดีกว่า" แตงกวาพูดพร้อมกับปิดคอมแล้วดึงชนิสาลุกขึ้นทันทีและเมื่ออาบน้ำแต่งหน้าเสร็จแล้ว แตงกวาก็เป็นเลือกชุดให้ชนิสาใส่ เป็นชุดของเธอที่ซื้อแล้ว แทบจะไม่ได้
ชนิสา Talkเมื่ออยู่กันตามลำพัง แบมไพลินก็ไม่สนใจงานอะไรเลย เอาแต่เล่นโทรศัพท์ จนเวลาล่วงเลยมาเป็นชั่วโมง"คุณแบม ถนัดงานด้านไหนบ้างคะ" ชนิสาเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า"งานอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องร้อน" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"แต่งานในไร่ต้องเหนื่อยต้องร้อนนะคะ และชุดก็ต้องเป็นชุดที่พร้อมทำงานด้วย อย่างชุดที่คุณแบมใส่มา มันไม่เหมาะกับหน้างานค่ะ" เธอใส่ชุดเดรสสีขาวสะอาด กับรองเท้าส้นสูงราคาแพงสีขาว ซึ่งดูยังไงก็สวยมาก แต่แค่ไม่เหมาะกับงานที่เธอต้องมาทำ"ทำไมเธออิจฉาที่ฉันแต่งตัวสวยแล้วเธอไม่ได้แต่งงั้นหรอ" แบมไพลินเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วแพร่ดเสียงใส่ชนิสาด้วยความหงุดหงิด"ไม่ใช่แบบที่คุณแบมคิดเลยค่ะ แต่ด้วยงาน..." ชนิสากำลังพูดขึ้นมาแบมไพลินก็ขัดซะก่อน"อะไรที่มันหนักมันเหนื่อย เธอก็ทำไปสิ เธอทำของเธออยู่แล้วหนิ จะให้ฉันต้องมาทำทำไม ฉันไม่ทำให้เสียเวลาหรอกนะ แต่งตัวสวยๆ เดินไปเดินมา ให้พี่ขุนเขาสดชื่น กับให้ลูกค้าชื่นชมดีกว่าไหม เธอควรรู้นะว่าอะไรเป็นอะไร" หญิงสาวพูดออกมาอย่าหงุดหงิด"พี่ไม่ได้จะอยู่ทำตลอดไปหรอกนะคะ คุณผู้หญิงถึงได้บอกให้สอนงานคุณ พี่เลยอย
ชนิสา Talkเมื่อนั่งทำงานที่ออฟฟิตได้สักพัก ก็มีคนเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย"สวัสดีครับนิสา" เป็นเสียงอันหล่อเหลาไม่แพ้หน้าตา"อ้าว คุณปริ้นสวัสดีค่ะ" ชนิสาก็ทักทายกลับไปทันที แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าสงสัย"อ่อ พอดีผมว่างๆ เลยแวะมาเที่ยวครับ นี่ครับของฝากจากกรุงเทพฯ" และปริ้นก็ยื่นกล่องบางอย่างให้เธอ"ขอบคุณมากนะคะ สวยมากเลย" เป็นโบว์สีขาว คล้ายๆ กับแบบที่เธอชอบใส่"พอดีไปเดินเล่น แล้วเห็นว่าเหมาะกับนิสาเลยซื้อมาฝากครับ เห็นว่านิสาทำผมทรงนั้นพร้อมกับใส่โบว์แล้วสวยดี" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ชนิสาพูดพร้อมกับก้มหน้าให้เล็กน้อย"ไม่เป็นไรเลยครับ เต็มใจมากๆ""เชิญนั่งก่อนค่ะ ตามสบายนะคะ" และหญิงสาวก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำ มาให้ชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเธอว่างจากงานบ้างแล้ว"ขอบคุณครับ งานยุ่งมากเลยหรอครับ" เมื่อเห็นว่าหญิงสาว ยังใจจดใจจ่อตั้งใจทำงานเขาเลยถามขึ้น"ตอนเช้าก็จะยุ่งแบบนี้ทุกวันค่ะ ต้นเดือนด้วย" เธอชงักไปกับคำว่าต้นเดือน เพราะสิ้นเดือนหน้าเธอก็หมดสัญญาแล้ว..."นิสานี่ตั้งใจทำงานจังเลยนะครับ""..." หญิงสาวยังคงคิดอะไรอยู่"ไอ้ขุนนี่โชคดีจริงๆ เล
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชนิสาก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานปกติ แต่ก็เจอกับแบมไพลินที่ยืน คุยอยู่กับนทีแบบไม่สบอารมณ์ ทั้งนทีที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน"มีอะไรกันหรือเปล่าคะคุณแบมพี่นที" ชนิสารีบเข้าไปถามทันที เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ"ฉันจะไปหาพี่ขุนเขา แต่นายนทีมาว่าฉัน""ผมไม่ได้ว่าครับ ผมแค่ให้คุณแบมเข้าไปดูงานในออฟฟิตก่อน มันเป็นงานที่ต้องทำก่อน ไม่ใช่ว่าไปหาคุณขุนเขาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่อง" นทีตอบกลับแบบไม่ค่อยพอใจ"นี่ไง! นายกำลังว่าฉัน""ผม!""คนงานอย่างนายมาเกี่ยวอะไรด้วย อนาคตฉันจะเป็นนายหญิงของที่นี่ ฉันจะทำอะไรก็ได้" แบมไพลินแพร่ดเสียงดัง"ผมเปล่าว่า ผม..." นทีกำลังอธิบาย"เอ่อ คืออย่างนี้ค่ะคุณแบม ตอนเช้ามาเราต้องเข้าออฟฟิตเข้าระบบทุกอย่างก่อน เพื่อดูพนักงานว่าคนไหนขาดลา มาสาย ต้องอยู่ตรงนั้นแตั้งแต่ 8 โมงถึง 9 โมงค่ะ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ" ชนิสาอธิบายอย่างใจเย็น"เธอก็ไปทำสิ ปกติก็หน้าที่ของเธอไม่ใช่หรือไง""ก็ใช่ค่ะ แต่คุณผู้หญิงบอกมาเองเลยว่าให้สอนงานคุณแบมเหมือนที่ฉันทำทุกอย่าง คุณแบมจะได้รู้ทุกหน้าที่""ฉันจะเป็นนายหญิงนะ ฉันจะทำหรือไม่ทำก็ได้ คนงานเยอะแยะ พนัก
เมื่อพ่นน้ำไปไม่รู้ตัว ขุนเขาก็รีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้ในทันที"โทษๆ วะมึง""มึงเป็นเหี้ยไร ห่าโดนกูเลยเนี่ย" ปริ้นพูดพร้อมกับเช็ดไปด้วย"เอ้อๆ กูเช็ดให้นี่ไง""ไม่ต้องเลย กูเช็ดของกูเอง เสื้อแพงนะเว้ย" ปริ้นยังบ่นไม่หยุด"แล้วมึงบอกว่าอยู่หลายวันนี่ยังไง" ขุนเขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ก็กูเบื่อๆ อะ ไอ้ห่าพวกนั้นก็ไม่ว่างกัน ไอ้คชาก็ติดลูกติดเมีย กูเลยมาหามึง""แล้วมึงก็มาตั้งไกลเนี่ยนะ" ถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"ไกลเหี้ยไร แค่นี้กูขับรถ 3 ชั่วโมงเองสบาย" ปริ้นพูดอย่างสบายใจ"ห่าไรละ แต่ก่อนกูให้มาหาบอกไกลบอกไม่สะดวกมา"เมื่อก่อนขนาดมีงานอะไรที่ไร่เขา ไอ้พวกนี้ยังปฎิเสธจ้าละหวั่นกัน ถ้าไม่ใช่งานแต่งหรืองานศพ ไอ้พวกห่านี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าพวกมัน"ก็วันนี้ไม่เหมือนกัน กูมาเพราะมีเป้าหมาย""อะไรของมึง" ขุนเขาหรี่ตาถาม"กูมาจีบนิสา" ปริ้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"..." ขุนเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก"กูบอกที่บ้านกูแล้ว ป๊าม้าโอเค อาม่ารอรับหลานสะใภ้ ทั้งเฮียและเจ่เจ้ถามใหญ่เลยว่าจะพาไปสวัสดีวันไหน" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มออกมา"ที่บ้านมึงไม่ว่าหรอถ้าคนนั้นคือผู้หญิงธรรมดา" ก็ถามไปแบบนั้นแหละ