“พี่ภาค ด้าให้มาตามกลับบ้านค่ะ” เสียงหวานของพลอยใสเข้ามาช่วยชีวิตจังหวะนรกของประทีปไว้ได้ เมื่อได้ยินว่าเมียให้มาตามกลับบ้าน ภาคต้องรีบยกมือถือขึ้นมาดู
“ฉิบหายแล้ว” เสียงสบถของภาคทำให้ทั้งหมดถึงกับตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น!” ประทีปถามด้วยความเป็นห่วงนายเก่าและเฮียในปัจจุบัน
“เมียโทร.มาเกือบสิบสายไม่ได้ยินน่ะสิ กูไปก่อนนะ” ภาครีบบอกทุกคนก่อนจะวิ่งออกไปเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า เพราะรู้ว่าเวลานี้รถไฟฟ้าคือทางเลือกที่ดีที่สุด
“กลัวเมียจนหัวหด” ภาคีบ่นอย่างไม่ใส่ใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เห็นน้องชายกลัวเมียแล้วเขาเหนื่อยใจ ไม่ได้เหนื่อยใจเรื่องมันนะ เหนื่อยใจเรื่องตัวเอง เพราะอีกไม่นานภาคจะแต่งงานแล้ว แล้วเขาก็ต้องแต่งในอีกไม่ช้า
“กูกลับก่อน” ภาคีบอกทุกคน ตอนที่เห็นข้อความจากแม่เลขาตัวดีบอกว่าให้เขารีบกลับ
“ไม่ได้กลัวเมียเลยนะครับเฮีย แค่ข้อความยังรีบกลับขนาดนั้น นี่ขนาดยังไม่ได้โทร.ตามนะครับ” ชวีเอ่ยแซวคนที่กลัวเมียหัวหดทั้งหลาย เห็นจะมีแต่เขานี่แหละที่ไม่เคยกลัวใคร
“เฮีย!” เจนิตาเรียกเสียงดังจนชวีตกใจ
“แกจะตะโกนอะไรไอ้เจ เฮียตกใจหมด” ชวีหันไปดุเจนิตา เธอจึงกระซิบข้างหูเขาอีกครั้ง เพียงไม่นานทั้งสองก็ทำหน้าตาตื่นรีบเดินออกไป ทิ้งให้ประทีปนั่งอยู่กับพลอยใสเพียงสองคน
“พี่ทีปจะกลับเลยไหมคะ” พลอยใสเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เหลือกันแค่สองคน คนมีคู่ทั้งหมดหนีกลับหมดแล้ว เหลือไว้เพียงคนไม่มีคู่ทั้งสองคนนั่งอยู่
“ถ้าคุณน้องพลอยไม่ได้ไปไหน นั่งกับทีปก่อนก็ได้ครับ ทีปอยากดื่มอยู่พอดี”
“แต่ไม่เอาเมาแบบวันนั้นแล้วนะคะ” พลอยใสเอ่ยแซว
“ไม่แล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอครับ คุณน้องพลอย” ประทีปใช้มือลูบท้ายทอยด้วยความเขินอาย พอเจอหน้าพลอยใสอีกครั้ง ภาพที่เขาร้องไห้กอดเธอ แถมเธอยังปลอบเขา นอนกอดเขาทั้งคืน คิดแล้วก็อายจนมองหน้าเธอไม่ติด
“พี่ทีปจะเปลี่ยนงานเหรอคะ” พลอยใสถามเพื่อชวนคุย พอรู้เรื่องราวจากพี่ชายมาบ้างแล้ว
“ครับ เฮียภาคให้ทีปลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง” ประทีปมองแก้วเหล้าในมือก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ก็ดีค่ะพี่ทีป ว่าง ๆ ไปทำเล็บที่ร้านพลอยนะคะ เดี๋ยวพลอยให้ส่วนลด”
“ทำเล็บเนี่ยนะครับ” ประทีปทำหน้างง ให้เขาไปทำเล็บเนี่ยนะ
“อ้าว ทำไมล่ะคะ หรือพี่ทีปเคยทำ” พลอยใสมองหน้าประทีป เธอแกว่งแก้วไวน์ในมือพร้อมมองหน้าเขา
“ก็ไม่เคยทำไงครับ”
“ก็ไม่เคยทำไง พลอยเลยอยากให้พี่ทีปทำ ทำอะไรที่ไม่เคยทำบ้าง ลองอะไรใหม่ ๆ หรือใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยใช้” พลอยใสอธิบาย คำพูดของเธอจริงจังมากกว่าจะพูดลอย ๆ
“ขอบคุณครับคุณน้องพลอย”
“ชีวิตเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว ตายแค่ครั้งเดียว อย่าเสียดายหรือเสียใจกับอะไรที่เราไม่มีความสุขค่ะ”
“มันพูดง่ายนะครับ แต่เวลาทำมันยาก” ประทีปก้มหน้า เขายังทำใจไม่ได้
“ชีวิตไม่มีอะไรยากและง่ายค่ะพี่ทีป มีแค่ว่าเราจะเลือกมอง และเลือกทำให้มันง่ายหรือยากเท่านั้นเองค่ะ”
“ขอบคุณนะครับคุณน้องพลอย ทีปรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย พรุ่งนี้ถ้าทีปจะไปทำเล็บพอได้ไหมครับ” ประทีปเอ่ยถาม เขาก็อยากลองไปทำดูจริง ๆ เหมือนกัน
“ได้สิคะ เดี๋ยวพลอยให้ส่วนลดเยอะ ๆ เลยค่ะ”
“ทีปไม่เคยไป ครั้งแรกทีปขอไปเจอคุณน้องพลอยก่อนได้ไหมครับ คุณน้องพลอยจะได้ช่วยเลือกให้ทีปได้”
“ได้ค่ะ พี่ทีปทำผมไหมคะ เดี๋ยวพลอยพาไปเปลี่ยนลุค ทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง” พลอยใสยิ้มตาหยี นี่เธอคงไม่ได้เห็นเขาเป็นตุ๊กตาใช่ไหม ถึงอยากจับเขาแต่งตัว
“เอ่อ ก็ได้ครับ” ตอบรับไป แต่ใจหนึ่งก็กลัว จะกลัวอะไร ทำอะไรที่ไม่เคยทำบ้าง
ทั้งสองใช้เวลาดื่มด้วยกันอีกเกือบชั่วโมง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจของทั้งสอง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร มันเป็นความรู้สึกคัน ๆ ที่หัวใจ
นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ประทีปนัดผู้หญิงอื่นซึ่งไม่ใช่พิมมาดาออกมาทำธุระด้วยกัน วันนี้เขามีนัดกับพลอยใส ผู้หญิงที่คอยดูแลยามเขามีทุกข์ ถามว่าตื่นเต้นไหม ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนะ คงเพราะพวกเขาเคยพูดคุยกันมาหลายต่อหลายครั้ง ที่สำคัญเคยนอนกอดกันถึงเช้ามาแล้ว
ณ ร้านทำเล็บและเสริมสวยของพลอยใส
ชายหนุ่มมาถึงเกือบสิบนาฬิกา พลอยใสรีบเดินออกมาต้อนรับเขาด้วยหน้าตาสดใส เพิ่งรู้ว่าพลอยใสเป็นคนน่ารัก นิสัยดี และสวยไม่ใช่เล่น ประทีปถึงกับประหม่า ปกติเขาไม่เคยเสียอาการกับใคร แต่คงเพราะรอยยิ้มรู้ทันของเธอนั่นแหละ เล่นเอาเขาประหม่าทุกครั้ง
“ทำผมก่อนนะคะ”
“ได้ครับ” ประทีปเดินตามเธอไปทางโซนสระผมที่อยู่หลังกระจกบานใหญ่ซึ่งกั้นเป็นสัดส่วน แค่นั่งลงแล้วแหงนหน้าขึ้น ไม่ต้องถึงกับนอนเหมือนเตียงสระผมรุ่นก่อนหน้านี้
“ใช่ เล่นตัวเหมือนสวยมาก ถ้าฉันเป็นพี่ทีปไม่รอแกหรอก” เจนิตาเองก็เบะปากว่าเพื่อน“ถ้าแกเป็นพี่ทีป ฉันก็ไม่เอาแกหรอก ไม่ชอบของแปลก ให้พี่ชวีกินคนเดียวก็พอ” พลอยใสเองก็ไม่ยอม ทั้งสองคนชอบกัดกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันตลอด จนบางครั้งชวีแอบงอนว่าเจนิตาจะแอบชอบพลอยใส ชวีเคยบ่นหลายครั้งว่าคงเป็นกรรมของเขาที่ต้องหึงทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพราะเจนิตาดึงดูดใจได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง“อย่าเพิ่งตีกันครับ” ประทีปรีบห้ามก่อนที่จะเกิดศึกตีกันระหว่างเพื่อนรัก“ตีกันเป็นเด็ก มานี่” ชวีพูดพร้อมทั้งดึงเจนิตาไปนั่งตักในตอนที่ทั้งแปดคนกำลังนั่งดื่มที่ข้างสระว่ายน้ำ“ด้า แล้วเด็ก ๆ ล่ะ” พลอยใสเอ่ยถาม เพราะคุณแม่ลูกสามวันนี้ยอมออกมานอกบ้าน การออกมาข้างนอกของรริดาก็เพื่อเพื่อนรักอย่างพลอยใส“ให้คุณย่ากับคุณยายเลี้ยง อยากได้หลานหลาย ๆ คนก็ต้องช่วย ๆ กันเลี้ยง เราเหนื่อยทำ ให้คนแก่เหนื่อยเลี้ยง จริงไหมเมียจ๋า” ภาคที่ยืนอยู่ตอบแทนเมียสาว ก่อนจะโดนเมียสาวกระทุ้งที่ท้องทีหนึ่ง คำพูดแรกเหมือนจะดี แต่คำว่า เราเหนื่อยทำ นี่แหละ ทำเอารริดาหน้าแดงเพราะความอายทั้งหมดอยู่แสดงความยินดีกับทั้งสองคนเพียงไม่นาน เพราะต้องการให้ทั้งค
“แล้วทำไมแกไม่แต่งฮึ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน” รริดาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุผลอะไรที่พลอยใสยังไม่อยากแต่งงาน ในเมื่อปีนี้พลอยใสอายุสามสิบเอ็ดแล้ว “ฉันกลัวด้า” “แกกลัวอะไรพลอย” “กลัวว่าเขาจะรักลูกมากกว่าฉัน กลัวทุกความสนใจของเขาจะไปอยู่ที่ลูก ฉันเลยไม่อยากแต่งงาน อยากอยู่แบบนี้ อยากให้เขาเอาใจแบบนี้” พลอยใสพูดความในใจที่แสนจะงี่เง่าให้เพื่อนฟัง“อีพลอย แกจะบ้าเหรอ คือคนที่แกกำลังจะอิจฉาคือลูกแกกับเขานะ” รริดาโมโหถึงขั้นขึ้น ‘อี’ อย่างที่ไม่ได้ใช้มานาน พูดได้เพราะตอนนี้อยู่ตามลำพัง“แล้วพี่ภาคเขาใส่ใจแกน้อยลงไหม”“พลอย ใช่อยู่ที่ว่าเราต้องแบ่งเวลาให้ลูก แต่ความรู้สึกที่มีให้กันมันก็ยังมีเหมือนเดิม ถ้าแกมีลูก แกจะเข้าใจว่าการมองเขาเติบโตคือความสุข ลูกเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พี่ภาคมอบให้ฉัน”รริดาอธิบายความรู้สึกที่เธอมี ความสุขใจที่ได้รับจากการที่เธอมีเจ้าตัวน้อยเหล่านั้น หลายคนอาจจะมองว่าลูกคือภาระ เพราะค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน หากแต่บางครั้งลูกก็คือของขวัญ ทำให้เรามีความสุข ทำให้เราต่อสู้อยู่อย่างมีความหมายกับโลกใบนี้พลอยใสนั่งตรึกตรองอยู่นาน นั่นสินะ
ครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายความสุขหฤหรรษ์ก็ผ่านพ้นไป เขาหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง พลอยใสมอมเมาเขาด้วยรสสวาทแสนเร้าใจ เมื่อเขาพูดถึงเรื่องแต่งงานก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง หรือสำหรับพลอยใส เขายังไม่ดีพอที่จะเป็นพ่อของลูกเธอ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ประทีปซึ่งทำหน้าที่จากผู้ช่วยท่านรองประธาน พนักงานรับเงินเดือนธรรมดา ตอนนี้เขาคือเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งมีนายทุนจากฮ่องกงยอมมาร่วมหุ้นเปิดสาขาในไทยกับเขา นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจอาหารเสริมตัวดังที่ทำมาแล้วหลายปีกับว่าที่พ่อตา เงินทองที่เขามีเลี้ยงพลอยใสได้ทั้งชาติ ของขวัญวันเกิดของเธอเมื่อเดือนก่อนคือสร้อยเพชรน้ำงามที่เขากับว่าที่พ่อตาบินไปตามหาจนได้มาให้เธอ ‘แล้วทำไมน้องพลอยยังไม่ยอมแต่งงานกับทีปอีก’ ประทีปกำลังคุยโทรศัพท์กับภาคเพื่อปรึกษาปัญหานี้ ปัญหาที่เขาคิดไม่ตก ‘กูว่าน้องพลอยเห็นมึงเป็นของตาย’ เสียงตามสายของภาคดังขึ้น คนปลายสายทางนี้ถึงกับหน้าซีด ‘ของตายเลยเหรอเฮีย’ ประทีปถามเสียงเบา ‘อ้าว ไม่ของตายได้ไง มึงไม่เจ้าชู้ ทำกับข้าว ทำงานบ้านตามใจเขาทุกอย่าง กลับบ้า
“ทีปไม่ได้กลัวนะเฮีย ไม่รู้เป็นอะไรถึงได้เป็นลม คงเพราะมื้อเช้าทีปกินน้อยไปหน่อย” ประทีปแก้ตัวเสียงเบาเพราะกลัวคนที่ขับรถอยู่จะได้ยิน‘เด็กสมัยนี้ไม่เคยเป็นทหาร อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัว สมชายนี่เป็นทหารชายแดนมาแล้ว แบกปืนบุกป่ามาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ กะอีแค่เข็มเล็กเท่าจิ๋มมดจะมากลัวทำไม’ภาคสบตากับพี่สมชายในกระจกมองหลัง แอบเห็นสายตาที่มองเขากับประทีปอย่างเย้ยหยัน ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายยอมไม่ได้“พี่สมชายทำหมันหรือยังครับ” ภาคถามออกไปในตอนที่รถติดไฟแดงนาทีที่ร้อยยี่สิบสอง“เมียผมทำหมันครับคุณภาค”“แบบนี้พี่สมชายก็ไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องได้น่ะสิ” ประทีปลูกคู่ชั้นดีรีบเสริมทัพทันที“ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้ครับ” พี่สมชายรีบตอบ“ทีปก็ไม่วางใจอยู่ดี ผู้ชายมีลูกได้ถึงอายุแปดสิบเลยนะครับ แสดงว่าพี่นวลอาจจะได้เลี้ยงลูกผัวตอนที่พี่สมชายอายุแปดสิบก็ได้นะ แบบนี้คงไม่ดีแน่”“คุณภาคอย่าแกล้งผมเลย คุณภาคก็รู้ว่าพี่นวลของคุณภาคขี้หวงขนาดไหน ถ้าคุณภาคไปบอก ผมโดนจับทำหมันแน่” สมชายโอดครวญ เขาไม่น่ามารับสองคนนี้เลย น่าจะปล่อยให้นั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า“ผมไม่บอกพี่นวลก็ได้ แต่พี่สมชายต้องย้ายข้าง” ภาคยื่นข้อเสนอให้สมชา
“คุณแม่บอกว่าวันนี้คุณพ่อไปทำหน้าที่สามีแห่งชาติ ภามเลยอยากโทร.มาให้กำลังใจครับ”ภาคยิ้มให้ลูกชายคนโตที่หน้าตาเหมือนเมียรักของเขาอย่างกับแกะ ไอ้ลูกชาย “ครับ พ่อกำลังรออยู่ครับ เดี๋ยวพ่อทำหน้าที่สามีแห่งชาติแล้ว พ่อจะรีบกลับไปหาลูก ๆ นะ ขอพ่อคุยกับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ” “ได้ครับ คุณแม่ครับ คุณพ่ออยากคุยด้วย” น้องภามหันกล้องไปทางรริดาที่ตอนนี้กำลังอุ้มลูกสาวคนเล็กพาดอยู่บนบ่า คิดว่าคงกำลังหลับ “ว่าไงคะคุณพ่อคนเก่ง” ภาคถึงกับยิ้มเมื่อได้ยินเมียรักออกปากชม “พี่กำลังรอคิวอยู่ครับ” ‘จริง ๆ ถึงคิวนานแล้วครับคุณน้องด้า แต่เฮียลีลาไม่ยอมเข้าไป ทีปละเหนื่อยใจ’ “ทำไมพี่ภาคดูหน้าซีดจังเลยคะ กลัวหรือเปล่าคะ” รริดามองหน้าสามี เห็นปากซีด ๆ เธอก็เป็นห่วง “เปล่าครับ ไม่กลัวเลย แผลนิดเดียว เล็กกว่าหนูคลอดลูกอีกครับ สิบห้านาทีก็เสร็จแล้ว” ภาคพูดพร้อมทั้งยิ้มให้เมียและลูก “น้องเดียร์ คุณพ่อเก่งไหมลูก” รริดาหันไปถามลูกสาวคนกลางที่ยื่นหน้าเข้ามาในกล้อง “ป้อเก่ง เก่งที่ซู้ด” น้องเดียร์อายุเพียงสามขวบจึงยังพูดไม่ชัด ส
“แล้วพี่ทีปอยากให้อะไรพลอยเหรอคะ” “หลับตาก่อน” “ต้องหลับตาด้วยเหรอคะ เริ่มไม่อยากได้แล้ว” พลอยใสพูดในตอนที่นั่งอยู่บนเตียงตรงหน้าเขา ปากเขาก็ยังเม้มดูดยอดถันสีสด การเปลือยกายต่อหน้ากันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอีกต่อไป เมื่อคุณอยู่ด้วยกันมาปีกว่า “หลับตาหน่อยนะครับที่รัก พี่อยากโรแมนติก” คนอยากโรแมนติกหรืออีโรติกกันแน่ เพราะเขาลูบไล้ตัวเธอไม่หยุด คนว่าง่ายอย่างพลอยใสก็ยอมหลับตาแต่โดยดี ความเย็นของโลหะสัมผัสนิ้วนางข้างซ้าย “เป็นแฟนกันนะครับ พี่ผ่านทดลองงานแล้วใช่ไหม” ประทีปยกมือเรียวบางขึ้นมาจูบ “ค่ะ ผ่านแล้ว” เธอเคยบอกเขาไว้ว่า ถ้าตลอดระยะเวลาเขาทำตัวน่ารัก ลีลาเด็ด เธอจะให้ผ่านทดลองงาน “ที่ผ่านนี่เพราะลีลาหรือความถี่ครับ” “ลามก ใครเขาไปใช้เกณฑ์แบบนั้นตัดสินกันคะ” พูดไปด้วยตัวก็แดงไปด้วย ดูก็รู้แล้วว่าโกหก “พี่หมายถึงลีลาการทำอาหาร กับความถี่เรื่องความหวานครับ ใครกันแน่ที่ลามก ถ้าลีลากับความถี่เรื่องอย่างว่า พี่ผ่านทดลองงานตั้งแต่สองเดือนแรกแล้วครับ” “ขี้โม้ ลีลาท่าเดิม ๆ ความถี่ก็คงสองวัน” “โ