วันนี้พนิดาเข้าสวนส้มเพียงแค่ครึ่งวันเนื่องจากว่าส้มที่คัดไว้นั้นเสร็จหมดแล้วและกำลังทยอยแพ็คลงใส่กล่อง บรรยากาศภายในไร่ยังคงสนุกสนานครื้นเครงอยู่ตามเคยเมื่อมีพี่แสงหล้าสาวงามตัวท็อปของไร่แห่งนี้คอยสร้างเสียงหัวเราะ
"อุ๊ยต๋ายแล้วว ไผฮั้นน่ะตี้กำลังเดินมากับคุณปริ้น ว่าคุณปริ้นหล่อแล้ว คนตี้เดินมากะเปิ้นกะหล่อบ่าได้แป้กันเลย" แสงหล้าผู้ซึ่งมีเรดาร์ในการสแกนหาผู้ชายหน้าตาดีประจำไร่รีบเอ่ยปากบอก พนิดามองตามก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าเดินตรงมาก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้าเธอ
"กำลังจะกลับบ้านแล้วหรอ"
"ค่ะ ล็อตนี้เป็นล็อตสุดท้ายแล้ว เหลือแค่แพ็คลงกล่องก็เรียบร้อย"
"พนิดา นี่อิทธิพลเพื่อนของฉัน คนที่ฉันเคยบอกว่าจะมาทำโฮมสเตย์ด้วยกัน" ปริญแนะนำเพื่อนตัวเองให้พนิดาได้รู้จัก
"สวัสดีค่ะ คุณอิทธิพล" พนิดายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งเขาก็มองและส่งยิ้มทักทายมาให้เธออย่างเป็นมิตร อิทธิเป็นคนหล่อหน้าตาดีพอๆกันกับปริญ ต่างกันก็เพียงแค่เขาดูเป็นผู้ชายลุคง่ายๆสบายๆมากกว่า จากที่ประเมินจากบุคลิกแล้ว เขาดูน่าจะเป็นคนที่สนุกสนานและอัธยาศัยดี ต่างจากปริญที่ต้องดูดีดูเนี้ยบ เอาแต่วางมาดเท่จนพนิดารู้สึกหมั่นไส้ในบางครั้ง
"สวัสดีครับน้องพาย" อิทธิพลทักทายและยิ้มตอบ
"รู้จักชื่อพายด้วยหรอคะ"
"ครับ ไอ้ปริ้นพึ่งบอกเมื่อกี้"อิทธิตอบพลางส่งยิ้มหวานมาให้อีกที
"ฉันว่าจะพานายอิทไปดูที่ดินเสียหน่อย"
"ค่ะ งั้นเชิญตามสบายนะคะ เดี๋ยวพายขอตัวกลับบ้านก่อน"
"เดี๋ยว วันนี้เธอช่วยทำมื้อเย็นสำหรับฉันกับนายอิทด้วยได้หรือเปล่า คืนนี้นายอิทจะค้างที่นี่ด้วยคืนหนึ่ง"
"ได้สิคะ ว่าแต่พี่อิททานเผ็ดได้มั้ย"
"มันกินได้ทุกอย่างแหละ"
"โอเคค่ะ งั้นเจอกันที่บ้านนะคะ"
ปริญพยักหน้าให้เธอก่อนจะพาเพื่อนของตัวเองเดินตรงเข้าไปในไร่ซึ่งจะทะลุไปยังที่ดินผืนที่เขาต้องการ พอถึงบ้านพนิดาก็ลงมือเตรียมทำอาหารซึ่งก็เป็นอาหารเหนือเสียส่วนใหญ่ จากนั้นจึงได้ขึ้นไปจัดเตรียมห้องนอนให้แขกผู้ที่จะมาพักโดยเธอได้ไปขอยืมชุดเครื่องนอนมาจากเรือนคุณย่าบัวหลันอีกทีเพราะที่บ้านของเธอกับปริญนั้นยังมีไม่ครบ โดยคุณย่าบัวหลันก็ให้แก้วคำมาเป็นคนจัดการให้
ปริญและเพื่อนหายกันไปน่าจะราวๆสักสามชั่วโมงได้ จวนถึงเวลาใกล้จะมืดค่ำจึงได้กลับมา โดยชายหนุ่มทั้งสองคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าแล้วจึงได้ลงมาเจอกันที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง ขณะที่พนิดาจัดการตักข้าวให้ทุกคนเมื่อเห็นว่ามากันพร้อมแล้ว ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆสามี
"กับข้าวมีแต่น่าทานทั้งนั้นเลย ขอบคุณนะครับน้องพายที่อุตส่าห์ลงมือทำอาหารเลี้ยงพี่" อิทธิพลกล่าวขอบคุณภรรยาเพื่อนก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหาร ใช้เวลาไม่นานข้าวสวยจานแรกต่างก็หายวับไปกับตา ทั้งปริญและอิทธิพลต่างส่งสัญญาณว่าต้องการขอข้าวเพิ่มจนพนิดาได้แต่ยิ้มน้อยๆด้วยความภาคภูมิใจ
"ไอ้ปริ้นบอกพี่แล้วว่าน้องพายทำกับข้าวอร่อย"
พนิดาอมยิ้มก่อนจะหันไปมองหน้าสามีแต่เขากลับทำเป็นตักอาหารเข้าปากต่อไปโดยไม่ได้หันมามองเธอ
"ขอบคุณค่ะ งั้นเอาไว้ถ้าพี่อิทมาคราวหน้าพายจะทำให้ทานอีกก็แล้วกันนะคะ" คราวนี้พนิดาไม่ได้หันมามองหน้าปริญเพราะว่าเธอนั้นมัวแต่กำลังสนทนาอยู่กับอิทธิพล แต่กลับเป็นปริญเสียเองที่หยุดตักอาหารเข้าปากแล้วหยุดหันมามองหน้าเธอแทน
"ด้วยความยินดีเลยครับ กลัวก็แต่ว่าวันหน้าถ้าพี่มาบ่อยเข้า หวังว่าน้องพายคงจะไม่บ่นไม่เบื่อที่จะทำให้พี่ทานไปเสียก่อนนะครับ" ในขณะที่ทั้งสองคนต่างก็หัวเราะไปทานไป ซึ่งปริญดูแล้ววันนี้อิทธิพลดูท่าน่าจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ
"ทำไมมึงจะต้องมาบ่อยๆด้วยวะ"ปริญถามขึ้นลอยๆในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก โดยก็ไม่ได้สนใจหันมามองคู่สนทนา
"อ้าวไอ้นี่ ก็อีกหน่อยกูทำโฮมสเตย์ที่นี่ กูก็ต้องมาอยู่ที่นี่สิวะ อีกอย่างสงสัยว่ากูคงจะติดใจฝีมือพายแล้วว่ะ พายทำกับข้าวอร่อยทุกอย่างเลย ถ้าวันหน้ามาสงสัยคงต้องมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะ เฮ้อ คิดแล้วก็อยากมีเมียแบบนี้บ้าง สมัยนี้หายากเมียที่ทำกับข้าวเป็น ถ้าได้ลูกสะใภ้แบบนี้แม่กูคงปลื้ม" อิทธิพลยิ้มแป้นให้พนิดาก่อนจะหันไปตอบคำถามของปริญ
เมื่อทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพนิดาก็ปล่อยให้สองหนุ่มนั่งคุยกันตามอัธยาศัย ส่วนเธอนั้นเข้าไปเก็บกวาดล้างจานชามในครัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ขอตัวขึ้นไปชั้นบนโดยปล่อยให้สองหนุ่มนั่งสนทนากันตามประสาเพื่อนต่อไป
"เชี่ย นี่มึงพูดจริงหรือเปล่าวะปริ้น ที่บอกว่ามึงกับพายแต่งงานกันแค่ปีเดียว"
"กูจะโกหกมึงไปเพื่ออะไรวะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าย่ากูบังคับให้แต่งเพื่อแลกกับที่ดินตรงนั้น มึงคิดจริงๆหรอว่ากูจะยอมแต่งงานกับคนที่ย่าหาให้"
"งั้นเเสดงว่าอีกแค่ไม่กี่เดือน มึงกับพายก็จะต้องหย่ากันแล้วใช่หรือเปล่า"
"อืม" ปริญตอบคำถามเพื่อนไป หากแต่บนใบหน้า คิ้วเข้มผูกเข้าหากันราวกับว่ากำลังครุ่นคิด
"โชคดีของกูอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆเลยว่ะ" อิทธิพลเอ่ยพึมพำคนเดียว พอได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนสนิทแล้วก็อมยิ้มไว้มุมปาก สงสัยจากนี้ไปเขาคงจะต้องแวะมาที่ไร่นี้ให้บ่อยๆเสียแล้ว
พนิดาพอขึ้นห้องไปแล้วเธอก็จัดการเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาเพื่อเช็คดูข้อมูลข่าวสาร อาทิตย์หน้านี้ก็จะถึงวันงานเทศกาลส้มหวานของดีเมืองเหนือแล้ว งานนี้ถือว่าเธอเป็นแม่งานใหญ่ที่คุณย่าบัวหลันมอบหมายให้คอยเป็นธุระจัดการแทน เธอต้องคอยดูแลพวกเรื่องสินค้าที่จะนำไปวางขายว่ามีอะไรบ้าง ปีนี้ไร่ส้มแสนสุขนอกจากจะมีส้มสดๆเกรดคุณภาพไปวางจำหน่ายแล้ว ก็ยังมีสินค้าอื่นๆที่เป็นสินค้าแปรรูปจากส้มในสวนอีกด้วย
พนิดานั่งคอยดูรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยไปห้าทุ่ม เปลือกตาก็เริ่มชักจะปิด พอรู้ว่าไม่สามารถฝืนความเมื่อยล้าได้อีกเธอจึงจำต้องจัดการปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง บิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ คิดว่าจะรีบอาบด้วยความรวดเร็วแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงนอนเสียดีกว่า แต่พอเดินเข้าไปในห้องน้ำก็ดันเจอตะกร้าใส่บาธบอมกลิ่นส้มที่มีส่วนผสมของน้ำนมดูแลผิววางอยู่
พนิดาพึ่งนึกได้ว่าสินค้าที่เธอสั่งผลิตเพื่อมาขายในงานเทศกาลส้มหวานตัวนี้นั้นตัวเธอเองก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้ทดลองใช้เลย และปริญเองก็คงจะอยู่นั่งคุยกับเพื่อนจนดึกดื่น เธอจึงจะขอใช้เวลานี้ทดทอบผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองเป็นคนคิดสูตรขึ้นมาเองดูเสียหน่อย
พนิดาเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำก่อนจะโยนเจ้าบาธบอมลงไปสองลูก ไม่นานนักฟองสบู่ก็ฟูฟ่องขึ้นมาแถมกลิ่นอโรม่าจากส้มก็ยังหอมคละคลุ้งไปทั่ว ไม่รอช้า จัดการผ้าผ่อนของตัวเองได้ก็หย่อนกายลงไปแช่อยู่เสียนาน พอได้รู้ผลจากการทดลอง พนิดาก็รู้สึกพึงพอใจกับสินค้าของตัวเองมากและเธอก็หวังว่ามันคงจะได้รับการตอบรับที่ดี
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ก็จัดการเป่าผมให้แห้งแล้วจึงใช้ผ้าขนหนูพันกายเตรียมที่จะออกไปจากห้องน้ำ ปกติพนิดาจะระมัดระวังในเรื่องการแต่งตัวเนื่องจากว่าเธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว แต่คืนนี้ด้วยความคิดเองเออเอง เธอจึงคิดว่ายังไงเสียปริญก็คงจะยังไม่ขึ้นมาแน่ๆ เธอจึงเปิดประตูออกไปและกะว่าจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าทันที แต่จังหวะที่เปิดประตูออกมาพนิดาก็ต้องตกใจจนถอยไปข้างหลังเมื่อเห็นว่าปริญยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว นาทีที่ก้าวถอยหลังไปสลิปเปอร์ที่เธอสวมก็เกิดดันลื่นขึ้นจนพนิดากรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อคิดว่ายังไงๆก้นเธอคงจะต้องลงไปจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นเป็นแน่ แต่ผิดคาดที่พอลืมตาขึ้นมามองใบหน้าเธอและปริญก็อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบจนเธอต้องกลั้นหายใจ
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ