ตากลมโตค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่ส่องผ่านผ้าม่าน พร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีท่อนไม้ขนาดใหญ่ทับอยู่ช่วงเอวและขาพยายามขยับตัวเท่าไหร่ก็ขยับไม่ได้ หรือว่าคอนโดนี้จะมีผีกัน!
"นอนนิ่งๆ" เสียงแหบพร่าดังข้างหูทำฉันตัวแข็งทื่อ เสียงแบบนี้คงไม่ใช่โจรหรอกใช่มั้ย? แต่เอ๊ะ! กลิ่นหอมหอมแบบนี้ กล้ามหน้าอกแน่นๆ แบบนี้ เป็นเขา...คนที่ฉันแอบชอบไม่ผิดแน่ ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังหลับตาพริ้มผิวแก้มใสเหมือนเด็กไม่มีผิดชวนให้ฉันอยากลองใช้นิ้วจิ้มเล่น นอกจากผิวจะใสแล้วยังนุ่มมากอีกด้วย จนได้ใจค่อยๆ ลากไปหาจมูกโด่งเป็นสันเกลี่ยเล่นแผ่วเบาอย่างรู้สึกอิจฉาผู้ชายอะไรจมูกสวยขนาดนี้กัน ไหนจะแพรขนตายาวนั่นอีก แอบขโมยมาสักเส้นคงไม่รู้หรอกมั้ง จุ๊บ "อื้อ" ระหว่างที่ฉันกำลังเล่นใบหน้าของเขาอยู่เพลินๆ เพราะคิดว่าเขาหลับสนิทไม่รู้ตัวแน่ จู่จู่ตาคู่คมก็ลืมขึ้นมามองอย่างเสือร้ายพร้อมกับสองมือหนาที่ดันแผ่นหลังบางให้เข้าหาเขาจนอะไรต่อมิอะไรของฉันแนบชิดไปกับตัวเขา แต่ที่ทำให้ฉันตั้งตัวไม่ทันก็ตอนที่ปากของฉันถูกปิดด้วยปากร้อนๆ ของเขา ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจูบแรกของฉันจะเป็นจูบที่แสนจะเอาแต่ใจจากเขาคนนี้ "เตือนแล้ว" จุ๊บ "ดื้อ" ริมฝีปากร้อนค่อยๆ ถอนออกอย่างอ้อยอิ่งแต่ยังคงแตะวางไว้ตรงริมฝีปากสีชมพูไม่ห่าง จากที่หน้าแดงเพราะรสจูบอยู่แล้วพอสบสายตากรุ่มกริ่มของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวไปหมดจนต้องหลุบตามองต่ำหลบสายตาคู่คมที่มองมา มุมปากที่ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทำฉันเผลอแอบหยิกหน้าอกแกร่งด้วยความหมันไส้ นี่เขาไม่ได้ใส่เสื้อนอนหรอกเหรอ? ตายแล้วน้องพรีมจะอยู่อย่างไร "หิว?" "..." ใบหน้าแดงส่ายไปมาเบาเบาแทนคำตอบ "นอนต่ออีกหน่อย" ประโยคคำสั่งเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับดันศีรษะของฉันเบาเบาให้ซบลงตรงอกแกร่งจนหน้าของฉันแทบจะฝังลงไปอยู่ข้างในนั้น ง่วงก็ง่วงอยู่หรอกนะ แต่ความขาวความแน่นของหน้าอกหน้าใจที่ใกล้ขนาดนี้ ใครจะข่มตาหลับลงกัน "พี่เลนส์ พรีมขอยืมเสื้อก่อนได้มั้ยคะ" เพราะฉันอยู่ในชุดนักศึกษามาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเต็มเลยอยากจะอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อยแต่จะให้ใส่ชุดเดิมกลับไปอีกครั้งคงไม่ไหวแน่ นี่ฉันยังรู้สึกอายอยู่เลยที่เมื่อคืนสามารถหลับสนิทโดยไม่ได้อาบน้ำแถมยังทำตัวเล็กตัวน้อยให้เขากอดทั้งคืนอีก ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกก็เถอะ แต่ก็น่าขายหน้าชะมัด "อืม" คนตัวโตยกแขนบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะพาร่างสูงที่มีเพียงกางเกงนอนขายาวสีดำเปลือยท่อนบนเพราะเป็นคนขี้ร้อน ลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อเชิ้ตสีดำส่งมาให้ "เป็นอะไร" คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อเห็นท่าทีเปลี่ยนไปของคนตัวเล็ก สองขาเล็กถอยหลังหนีที่เขาเข้ามาใกล้ยกมือขึ้นปิดปากราวกับกลัวว่าเขาจะทำอะไร "พรีมยังไม่ได้แปรงฟัน" จูบเขาก็จูบแล้ว ยังจะกลัวเขารังเกียจ น่าเอ็นดูมั้ยละ? "หึ" จุ๊บ ผมเลยจัดการคนน่ามันเขี้ยวโดยการโน้มตัวลงไปกดปากจูบผ่านฝ่ามือเล็กที่ปิดริมฝีปากหวานเอาไว้ ทำตากลมโตเบิกกว้างรีบคว้าเสื้อในมือวิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูแน่น เธอคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเมื่อเช้าผมต้องอดทนอดกลั้นขนาดไหน ลำพังนอนกอดร่างนุ่มนิ่มตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้ทำอะไร ร่างกายของผมก็ร้อนรุ่มไปหมด ยังจะมาแกล้งกันเล่นขยับตัวยุกยิกไปมาจนอะไรต่อมิอะไรที่มันนุ่มนิ่มทำใจผมว้าวุ่นไปหมด เลยขอปราบเด็กซนนิดนิดหน่อยหน่อย "อยากกินอะไร" เพราะเมื่อเช้าผมพาเธอตื่นสายเลยทำให้เราทั้งคู่พลาดมื้อเช้าสำคัญไป "พรีมอยากกินไข่เจียวกุ้งค่ะ" จากที่ตั้งใจจะกดสั่งเดลิเวอรี่จึงต้องวางมือถือลงบนโต๊ะแล้วพาตัวเองเดินไปเปิดตู้เย็นในห้องครัว ดีที่มามี๊ซื้อไข่กับกุ้งของโปรดของผมมาแช่ตู้เย็นไว้ให้ เลยพอทำเมนูที่เธออยากกินให้ได้ "พรีมช่วยมั้ยคะ" คนตัวเล็กในเสื้อเชิ้ตสีดำเขย่งปลายเท้าชะโงกหน้ามองไข่ไก่สามฟองในถ้วยเซรามิคสีดำ เสื้อที่ผมใส่พอดีตัวเวลาอยู่บนตัวเธอแล้วกลับตัวใหญ่โคร่งความยาวเลยสะโพกมนลงมาเหมือนเดรสพอให้เห็นต้นขาเรียวขาวที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก "ช่วยนั่งเฉยๆ ก็พอครับ" ปากสีชมพูยู่เข้าหากันราวกับน้อยใจดูแสนงอน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเล่นมือถือรอตรงโต๊ะกินข้าวอย่างว่าง่าย ก๊อก ก๊อก ก๊อก "มึงเปลี่ยนรหัสทำไมวะ" มาเคาะประตูเสียงดังขนาดนี้เป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้แฝด ผมทำเพียงเปิดประตูให้พอโผล่หน้าออกไปคุยด้วยได้เท่านั้น "เบื่อมึงไง" ใช่! แฝดพูดถูกรหัสประตูห้องที่มันเคยรู้ถูกเปลี่ยนเมื่อหลายวันก่อน "ทำไข่เจียวหรอวะ กินด้วยดิ" นอกจากจะหูไวตาไวยิ่งกว่าสับปะรดแล้ว จมูกดียิ่งกว่าแมวของมามี๊ก็ไอ้แฝดนี่แหละ "ไม่มี หมด" ผมรีบปิดประตูลงทันทีไม่รอให้ไอ้แฝดได้ทันอ้าปากด่า แล้วพาตัวเองเดินกลับมานั่งกินข้าวไข่เจียวกุ้งสับฝีมือตัวเองกับเธอต่อ "เห็นสายรหัสของเพื่อนคนอื่นเขาพาไปปาร์ตี้กันด้วยนะคะ" "มีแค่พรีมกับใยไหมที่ไม่ได้ไป" คนตัวเล็กเล่าหน้าเศร้าใช้ช้อนส้อมเขี่ยข้าวไปมาจนผมรู้สึกสงสาร "อยากไป?" "อยากไปอยู่แล้วสิ" ที่จริงผมกับไอ้ภัทรกำลังช่วยกันหาร้านดีดีที่จะพาน้องรหัสอย่างเธอและใยไหมไปเลี้ยงต้อนรับ แต่ติดตรงอายุของเธอสองคนซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ ครั้นจะพาไปผับไอ้ติณก็ไม่อยากทำให้เพื่อนลำบากใจจนไม่กล้าปฏิเสธ ไหนจะงานคณะและวิชาที่เรียนอีก เลยทำให้ผมยังไม่ได้พาเธอไปเลี้ยงสักทีจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ และเธอเองคงหาจังหวะเอ่ยปากทวงผมอยู่เหมือนกัน "วันนี้ได้" "จริงหรอคะ ชวนใยไหมไปด้วยได้ไหมคะ" "อืม" ระหว่างที่เธอโทรศัพท์ชวนเพื่อนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผมก็แชทไปหาไอ้ภัทรให้มาจ่ายเงินในส่วนของน้องรหัสตัวเอง อันที่จริงเรื่องเงินผมจ่ายให้ได้อยู่แล้วแต่จะให้ผมไปนั่งท่ามกลางสาวสาวสองคนคงจะกระไรอยู่ มีไอ้ภัทรไปด้วยจะได้มีคนคุยเป็นเพื่อน ซึ่งร้านที่ผมเลือกเป็นร้านอาหารสไตล์รูฟท็อปชั้นบนสุดของโรงแรมหรูในเครือของบ้านคุณอากาย ที่เด่นทั้งเรื่องบรรยากาศและอาหารอร่อยแถมมีดนตรีสดคลอเบาเบารับรองว่าต้องถูกใจเธออย่างแน่นอน #ใดใดคือสงสารพี่ฟิล์มสุดหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ