ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน หลังจากที่รอเธอซักและอบผ้าสำหรับใส่กลับเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพามาส่งที่คอนโดให้เธอได้แต่งตัวไปกินเลี้ยงรับสายรหัสตามที่บอกไว้ เพราะเข้าใจว่าผู้หญิงกับการแต่งตัวเป็นของคู่กัน ส่วนผมแค่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบก็ไปได้ทุกที่แล้ว
"เสร็จแล้วโทรมา" "รับทราบค่ะ" คนตัวเล็กปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมตัวลงจากรถสปอร์ตสีฟ้าน้ำทะเลคันใหม่ล่าสุดของคนพี่ "เดี๋ยว" "คะ" หน้าจิ้มลิ้มเอียงมองอย่างงุนงงเหมือนปลาทองจนคนตัวโตแอบขำในลำคอ "แต่งตัวเรียบร้อย" "???" "ห้ามโป๊" ผมพูดดักไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดให้รำคาญใจพาลจะพาให้เสียบรรยากาศเอาได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะฟังกันหรือเปล่า เห็นแบบนี้แอบดื้อเงียบตาใสอย่าบอกใคร ระหว่างรอผมจึงขับรถมานั่งเล่นที่คาเฟ่มินิมินนี่มีมินินเข้ามาคอยดูแลลูกค้าเตรียมรับช่วงต่อจากคุณน้ามินนี่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่คาเฟ่แห่งนี้ก็ยังได้รับความนิยมและยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต้องยอมรับว่าบรรยากาศดี ทั้งเครื่องดื่มและขนมก็อร่อยมากจริง ขนาดผมผู้ที่ไม่ค่อยชอบของหวานแต่ถ้ามาจากร้านนี้ผมกินหมดไม่มีเหลือสักครั้ง เพราะไอ้แฝดชอบแย่งกินตลอด "ฮัลโหลพี่เลนส์ พรีมพร้อมแล้วค่ะ" "สิบนาที" แต่งตัวเร็วกว่ากี่ผมคิดนะ รอไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงสายจากคนตัวเล็กก็โทรมาบอกให้ไปรับตามที่นัดกันไว้ ร่างบางใส่เสื้อสีขาวแขนตุ๊กตาคอบัวติดกระดุมครบทุกเม็ดคู่กับกระโปรงผ้าลูกไม้ซีทรูสีขาวความยาวพอดีเพิ่มความน่ารักด้วยถุงเท้ายาวและรองเท้าแมรี่เจนสีโทนน้ำตาลแบรนด์ดังสะพายกระเป๋าใบเล็กสีมอคค่า ทำใจแกร่งละลายเหลวเผลอยิ้มจนแก้มบุ๋มเมื่อเห็นเธอยืนรออยู่ด้านหน้าคอนโด เขาชอบแบบนี้ ไม่มากไปไม่น้อยไป ชวนน่าค้นหา "เรียบร้อยพอมั้ยคะ" ทันทีที่เธอหย่อนสะโพกลงเบาะหนังและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย แววตาซุกซนมาพร้อมกับคำถามฟังดูประชดประชันไม่น้อย บอกแล้วว่าเธอหน่ะ...ดื้อเงียบ "หึ ไม่ พอ" ผมตอบกลับด้วยความมันเขี้ยว อยากรู้ว่าเธอจะแสดงท่าทางตอบกลับอย่างไร ปากเล็กเบะปากคว่ำ ตากลมโตมองตาขวางอย่างเปิดเผย สนุกดีนะ เวลาที่ได้เห็นลูกแมวพยายามแปลงร่างเป็นลูกเสือ "ใยไหมแชทมาบอกว่าให้ขึ้นไปก่อนค่ะ" "อืม" เขามาฉันขึ้นมาชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่เปิดเป็นร้านอาหารสไตล์รูฟท็อปดูหรูหราแถมบรรยากาศก็ดีมาก มากเสียจนฉันอดหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้เลย และที่สำคัญฉันขอเซลฟี่คู่กับพี่เลนส์เก็บไว้หลายรูปมาก แน่นอนว่าเขายอมถ่ายด้วยแต่โดยดี แม้ว่าจะดึงหน้าตึงทุกรูปก็เถอะ แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็เลือกเก็บรูปของเราสองคนไว้ในอัลบั้มโปรด ทุกรูปเลย "ของพี่เลนส์ รับเป็น Grilled Seabass มั้ยคะ" ระหว่างรอใยไหมกับพี่ภัทร ฉันเลยรับหน้าที่สั่งอาหารสำหรับทุกคน ดูจากเวลาที่เพื่อนบอกแล้วน่าจะมาถึงพร้อมกับอาหารพอดี "อืม" "พรีมเก่งมั้ยคะ รู้ด้วยว่าพี่เลนส์ชอบอะไร" ฉันหันไปถามคนตัวโตที่กำลังนั่งจิบไวน์ขาวข้างๆ ฉันเลือกสั่งหนึ่งในเมนูโปรดของเขา เขาชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ฉันทำการบ้านมาเป็นอย่างดี "เก่ง" เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในมือแกว่งแก้วไวน์ไปมาเบาเบาชวนมอง เขาเป็นผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแล้วดูดีมาก ยิ่งปลดกระดุมลงมาสามเม็ดพอได้อวดกล้ามอกเล็กน้อย ยิ่งทำให้คนที่นั่งข้างๆ อย่างฉันหัวใจเต้นแรง กร้าวใจชะมัด "ขอคะแนนความใส่ใจด้วยค่ะ" มือเล็กยื่นแบตรงหน้าราวกับรอให้คนพี่เขียนคะแนนลงมา แน่นอนว่าเธออยากได้คะแนนเต็มจากเขา "หึ อยากได้กี่คะแนน" นัยน์ตาคมมองตากลมโตระยิบระยับอย่างเอ็นดูจนรู้สึกสนุกอยากจะแกล้งสักหน่อย "สิบคะแนนค่ะ" "เยอะไปรึป่าวครับ" เยอะไปหรอ? ฉันหาข้อมูลมาตั้งนานเชียวนะ สิบคะแนนน้อยไปด้วยซ้ำ "ชิ" ชักจะน้อยใจแล้วนะ สองแขนเล็กยกขึ้นกอดอกพร้อมกับแก้มป่องๆ สะบัดหน้าหันไปสนใจวิวยามค่ำคืนแทนคนใจร้ายข้างๆ ตากลมโตค่อยๆ ปิดลงฟังเสียงเพลงและลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน เป็นครั้งแรกที่ได้มาร้านอาหารแบบนี้ เพราะงั้นขอซึมซับบรรยากาศสักหน่อยแล้วกัน จนกระทั่ง... "ห้าคะแนนพอ" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา ลมหายใจร้อนๆ มาพร้อมกับกลิ่นไวน์อ่อนอ่อนพาให้หัวใจดวงเล็กเต้นแรงดังไม่เป็นจังหวะแข่งกับเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงคลอเบาเบา แต่เดี๋ยวนะ! ห้าคะแนนเชียวหรอ ฟังไม่ผิดใช่มั้ยนะ? "คะแนนพี่เลนส์เต็มสิบใช่มั้ยคะ" ฟอด ในจังหวะที่ฉันผลุนผลันหันไปถามเพราะความตื่นเต้น ผิวแก้มของฉันก็ถูกสัมผัสเข้ากับจมูกโด่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใครจะรู้ว่าเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำของตัวเองมีผลต่อใจดวงนี้ แต่ก็ชอบทำให้ใจฉันคอยหวั่นไหวอยู่เรื่อย "หนึ่งร้อย" "จิ๊" เขาเลิกคิ้วบอกคะแนนเต็มยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกลับไปยกแก้วไวน์ดื่มอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ฉันนั่งหน้าแดงคนเดียวอีกตามเคย ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่ตอนนี้เป็นเพราะสัมผัสจากเขาเมื่อครู่หรือว่าโมโหเขากันแน่ คราวก่อน 0.5 รวมกับตอนนี้อีก 5 คะแนน แล้วเมื่อไหร่คะแนนของฉันจะถึงหนึ่งร้อยกัน ฮือ...สู้ต่อไปนะ! ยัยพรีม "ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นละยัยพรีม" ใยไหมที่เดินนำพี่รหัสของตัวเองมาก่อนถามเพื่อนสนิทอย่างสงสัย "ฉันหิวหน่ะ" "ขออนุญาตค่ะ" เสียงหวานตอบเพื่อนยังไม่ทันขาดคำพนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารมาวางเรียงบนโต๊ะทั้งอาหารจานหลักและของทานเล่นพร้อมกับเครื่องดื่มอย่างม็อกเทลของเธอ เพราะคนตัวโตห้ามไม่ให้เธอสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แค่ค็อกเทลก็ไม่ได้ ทำเธอแอบเศร้าอยู่ในใจ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เคยห้ามขนาดนี้เลย! "พี่รหัสแกเริ่ดมากยัยพรีม" ใยไหมยกมือถือขึ้นมาถ่ายอาหารและบรรยากาศโดยรอบอัพลงสตอรี่เป็นสิบรูป ก่อนจะยกมือป้องปากยื่นหน้ามากระซิบกระซาบกับฉัน เพราะนางบอกว่าอยากนั่งริมเพื่อชมวิว ส่วนเขาก็ไม่ยอมย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้าม ทำให้ฉันกับเพื่อนเม้าท์กันค่อนข้างลำบาก "พี่ภัทรก็ด้วยนะ เขาช่วยกันหา" ฉันแก้ต่างกับใยไหม เพราะพี่เลนส์บอกมาแบบนั้น ทำใยไหมหันไปเบะปากมองบนใส่พี่ภัทรอย่างไม่เกรงกลัว เป็นฉันนี่แหละที่กลัวเฮดว้ากอย่างพี่ภัทรแทน เพราะตั้งแต่มาถึง ฉันยังไม่เห็นรอยยิ้มของพี่เขาเลยสักนิด ไม่สิ! ต้องบอกว่าตั้งแต่รู้จักกันเลยมากกว่า ยังดีที่พี่เลนส์ยิ้มให้ฉันเห็นบ้าง แม้จะบางเบามากก็ตาม ไม่อย่างนั้นใจฉันคงห่อเหี่ยวมากกว่านี้แน่ เราสี่คน ฉัน พี่เลนส์ ใยไหมและพี่ภัทรพี่น้องสายรหัสใช้เวลาด้วยกันจนเกือบห้าทุ่ม ฉันนั่งคุยและถ่ายรูปเล่นกับใยไหมตามประสาผู้หญิง ส่วนเขาก็นั่งจิบไวน์และเล่นเกมส์กับพี่ภัทรจนรู้ผลแพ้ชนะนั่นแหละถึงได้ชวนกันกลับ แน่นอนว่าฉันกับเพื่อนไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณพี่รหัสของตัวเองที่พามากินอาหารอร่อยๆ ในสถานที่ไฮโซไฮคลาสแบบนี้ ฉันกลับกับพี่เลนส์เหมือนเดิม ส่วนใยไหมบอกว่าขับรถมามีพี่ภัทรเดินไปส่งอย่างห่างๆ "ขอบคุณที่มาส่งพรีมนะคะ" "นอนด้วย" "ห๊ะ" "พี่เมา" "..." คนตัวโตเอื้อมไปรั้งแขนเล็กไว้ไม่ปล่อยให้เธอลงจากรถตัวเองง่ายๆ จริงอยู่ที่เขาดื่มไวน์ไปหลายแก้ว แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ใช่ว่าจะทำอะไรเขาได้ เขาไม่ได้เมาแต่แกล้งเมา มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ เพราะเวลานี้เขาได้พาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องคนตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่งรอเธออาบน้ำอยู่ตรงปลายเตียงสีขาว ก่อนที่คนแกล้งเมาอย่างเขาจะแกล้งทิ้งตัวนอนหลับตาบ่งบอกให้เธอรู้ว่าเขาหลับแล้ว...เขาเมาจริงๆหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ