หลังจากวันนั้นวันที่ฉันทำใจกล้าเอ่ยปากขอรางวัลเป็นการจีบเขา วันรุ่งขึ้นเขาก็พาฉันไปกินอาหารเช้าร้านดังและขับรถมาส่งที่คอนโดเพราะเขาต้องกลับบ้านส่วนฉันก็ไม่ต่างกันคุณพ่อคุณแม่มารับฉันไปกินมื้อเย็นและพากลับมานอนค้างที่บ้านหนึ่งคืนเหมือนกัน จนวันนี้ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เราไม่ได้เจอกันเลยพลอยทำให้ฉันไม่ได้เริ่มจีบเขาจริงๆ จังๆ ด้วยเช่นกัน มีแค่แชทคุยกันบ้างฉันโทรหาเขาช่วงเย็นบ้างเท่านั้น ถึงอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเรียนคณะเดียวกันใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ อย่างนี้สินะเขาถึงให้เวลาฉันสองปี
nongpream🌷: จ๊ะเอ๋ ทำอะไรอยู่คะ lens.lff : ทำรายงาน nongpream🌷: พรีมเป็นกำลังใจให้นะ nongpream🌷: ไม่กวนแล้วค่ะ ตอบกลับมาแบบนี้ทำเอาใจห่อเหี่ยวชะมัด ทั้งที่ตั้งใจจะทักไปชวนกินข้าวอยากเจอหน้าเพื่อทำคะแนนสักหน่อย แล้วแบบนี้ใครจะกล้ากวนเขาละ ได้แต่พับแผนที่วางเอาไว้เก็บใส่กระเป๋าตามเคย "เป็นอะไรจ๊ะสาว ทำหน้าเป็นน้องหมาหงอยขนาดนั้น" ใยไหมถามเพื่อนสาวที่กำลังเท้าคางนั่งหน้าซึม "เศร้า" "ไปหาเขาสิ" "ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากกวน" "แล้วเมื่อไหร่แกจะจีบเขาติด" ใช่! ฉันเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทฟังแบบย่อๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดยิบย่อยถึงเรื่องที่ฉันนอนค้างที่คอนโดเขาหนึ่งครั้ง กลัวเพื่อนจะเอาเรื่องนี้มาล้อกันนี่นา "เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ฉันไม่รีบ" "จ้า ไม่รีบจ้า งั้นสรุปเย็นนี้แกว่างถูกมั้ย" "ว่างสิ" "ไปกินชาบูกัน" "อืม" ชั่วโมงนี้ชาบูคงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาจิตใจของฉันได้ดีที่สุด ฉันกับใยไหมพากันนั่งรถไฟฟ้าไปห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองเพราะมีร้านชาบูเจ้าประจำอยู่ แน่นอนว่าฉันไม่พลาดที่จะสั่งหมูสามชั้นสไลด์แล้วก็กุ้งของโปรดมาฮิลใจตัวเองอย่างละสามถาดให้อิ่มท้องแบบพอดีพอดี เพราะจะไปกินไอศกรีมหม้อไฟปิดท้ายกันต่อ เรื่องกินเรื่องใหญ่ไว้ใจน้องพรีมคนนี้ได้เลย nongpream🌷: ทานอะไรยังคะ lens.lff : ยัง nongpream🌷: พรีมซื้อข้าวไปให้มั้ยคะ lens.lff : ข้าวหน้าเนื้อ รอยยิ้มหวานเปื้อนใบหน้าสวยทันที เป็นเพราะแรงยุจากเพื่อนที่นั่งเป่าหูเธอตลอดสองชั่วโมง ทำให้เธอใจกล้าทักไปหาเขาซึ่งผลตอบรับที่ได้ทำเอาเธอยิ้มแก้มปริ รีบตรงไปร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อซื้อเสบียงไปส่งคนที่ตอนนี้เป็นทั้งพี่รหัสและคนที่เธอต้องทำคะแนนด้วย nongpream🌷: พรีมถึงแล้วค่ะ พรีมฝากไว้ให้ที่นิตินะ lens.lff : รอ เดี๋ยวพี่ลงไป ไม่ถึงห้านาทีคนตัวโตก็ลงมาในชุดสบายๆ กางเกงผ้าขายาวสีดำกับเสื้อยืดสีเดียวกันพร้อมกับรองเท้าแตะหูหนีบดูขัดลุคคุณชายเนี้ยบที่ฉันเคยเจอใมหาวิทยาลัย มีก็แต่ทรงผมที่ยังคงถูกจัดเป็นทรงอย่างดีเหมือนเดิม "นี่ค่ะ ข้าวหน้าเนื้อ พรีมซื้อเกี๊ยวซ่ามาให้ด้วยนะ เผื่อพี่เลนส์หิวตอนดึก" "อืม เท่าไหร่ เดี๋ยวพี่โอน" มือหนารับถุงอาหารในมือเล็กมาถือไว้เองพร้อมกับกดมือถือเปิดแอพธนาคารเตรียมจ่ายค่าข้าวที่เธอเป็นธุระซื้อมาให้ "ขอเปลี่ยนเป็นบวกคะแนนให้แทนได้มั้ยคะ" คนตัวเล็กทำตาเป็นประกายวิบวับท่าทางออดอ้อนทำใจแกร่งสั่นไหวไปกับความน่ารักของคนน้องจนเผลอแอบอมยิ้มออกมาบางเบา อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตีหน้าผากมนอย่างมันเขี้ยว "0.5 พอ" คิ้วเข้มเลิกขึ้นยักใส่คนตัวเล็กอย่างถือไพ่เหนือกว่า "ชิ" ตากลมโตแอบมองค้อนวงเล็กพร้อมกับยู่ปากราวกับน้อยใจนักน้อยใจหนา ได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ เอาหน่า! อย่างน้อยก็มีคะแนนกับเขาบ้างแล้ว "พรีมกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวเรียกรถยาก" หมับ! มือใหญ่คว้ามือเล็กที่กำลังเปิดแอพพลิเคชั่นเพื่อเรียกรถกลับ ก่อนจะจับไว้แน่นจูงเธอเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัว มาถึงขนาดนี้เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้เธอกลับไปง่ายๆ "อุ่นให้พี่หน่อย" "คะ" "มันเย็น" "อ๋อ ค่ะ" ที่จริงผมก็ไม่ใช่คนพิถีพิถันเรื่องการกินเท่าไหร่ บ่อยครั้งที่สั่งเดลิเวอรี่มากินง่ายๆ คนเดียวเวลาไม่อยากออกไปข้างนอก แต่วันนี้จู่จู่ก็อยากจะลองทำตัวเรื่องมากขึ้นมานิดหน่อย อยากให้คนที่ไม่ได้เจอกันตลอดหลายวันที่ผ่านมาคอยเอาใจ "เสร็จแล้วค่ะ ทานเลยมั้ยคะ" ข้าวหน้าเนื้อถูกเปลี่ยนจากใส่กล่องกระดาษจากร้านเป็นชามกระเบื้องสีดำเพราะสามารถเข้าไมโครเวฟได้ มาพร้อมกับเกี๊ยวซ่ากลิ่นหอมชวนกิน วางลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็ก "ครับ" "ไม่กิน?" เธอหย่อนสะโพกลงบนโซฟานั่งข้างๆ หันไปให้ความสนใจกับตัวอักษรที่ผมเขียนไว้ในไอแพดและหน้าจอแมคบุ๊คที่ผมค้นหาข้อมูลค้างไว้ "ไม่ค่ะ พรีมกินมาเยอะมากเลย" "พรีมขอดูได้มั้ยคะ" "ได้" ผมตอบเธออย่างตามใจเพราะไม่มีอะไรให้หวง อีกหน่อยเธอก็ต้องได้เรียนและทำแบบนี้เหมือนกัน ผมว่า...ได้อ่านผ่านตาบ้างถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอนะ จนผมกินอิ่มและเอาจานไปล้างเรียบร้อยคนตัวเล็กยังคนขมักเขม้นตั้งใจอ่านรายงานที่ผมทำไว้คร่าวๆ ไม่สนใจคนตัวใหญ่อย่างผมที่เดินไปเดินมาจนเข้ามายืนใกล้ๆ เลยสักนิด "อุ้ย" คนตัวโตหย่อนสะโพกลงข้างคนตัวเล็กเรียกว่านั่งเบียดเลยก็ว่าได้ ก่อนจะวาดวงแขนแกร่งอ้อมไปด้านหลังเอวบางช่วยจับไอแพดที่เธอถืออยู่ในมือ เหมือนกำลังนั่งกอดกันอย่างไรอย่างนั้นทำเอาแก้มกลมๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นอีกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ไม่ต่างจากเขาที่ต้องขบกรามแน่นอย่างอดกลั้นเพราะกลิ่นหอมจากคนตัวเล็กทำให้อารมณ์ของเขาที่สงบนิ่งมาหลายวันพลุ่งพล่านจนแทบไม่เป็นตัวเอง "อ่านถึงตรงไหน" "ตะ ตรงนี้ค่ะ" "เข้าใจ?" "ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ พี่เลนส์สอนพรีมบ้างสิคะ" ฟอด เพราะคนตัวเล็กเอียงหน้ามาคุยกับเขา ทำให้จมูกโด่งสัมผัสแก้มนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ เขาจึงจงใจกดจมูกลงไปสูดความหอมจนแก้มแดงบุ๋มลงไปอีกหนึ่งครึ่ง ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งหน้าตั้งตาเขียนเนื้อหาของรายงานลงในไอแพดที่เขาและเธอช่วยกันถือไว้พร้อมกับพูดอธิบายอย่างใจเย็นให้เธอทำความเข้าใจ คอยตอบคำถามที่เธอสงสัยโดยไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด ห้องโทนสีเข้มที่เคยเงียบงันมีบ้างที่เปิดเพลงคลอเบาเบาตามอารมณ์ เวลานี้มีเสียงหวานคอยถามคอยพูดเจื้อยแจ้วให้เสียงทุ้มได้ตอบ จากที่เป็นคนพูดน้อยถามคำตอบคำกลับพูดเป็นประโยคและชวนเธอคุยต่อไม่ปล่อยให้ห้องเงียบเหมือนเคย "ง่วง?" "นิดหน่อยค่ะ" "ง่วงก็นอน" มือหนาประคองหน้าจิ้มลิ้มให้ซบลงบนอกแกร่งแทนหมอน เพราะตอนนี้เลยเวลาเข้านอนของเธอแล้วทำให้ตากลมโตปิดลงอย่างง่ายดาย ส่วนเขานั่งหาข้อมูลต่อไม่นานก็พาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอนวางร่างบางบนเตียงกว้าง ไม่ลืมที่จะหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาตามเช็ดใบหน้าแขนเรียวและขาขาวให้เธอสบายตัวขึ้นอย่างเบามือ ทั้งที่ใจอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แต่ตู้เสื้อผ้าของเขาก็มีเพียงเสื้อผ้าตัวใหญ่ และความอดทนของเขามีไม่มากพอหากต้องสัมผัสผิวเนียนลื่นและอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ดีต่อใจแกร่งนี้เท่าไหร่ เขากลัวใจตัวเองกลัวว่าจะเผลอทำอะไรลงไป อยากรอเวลาอีกสักหน่อย... #ใครบอกให้คะแนนน้อง 0.5 น้อออหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ