บริษัทกรุปใหญ่ แตกสาขาสายงานออกไปนับไม่ถ้วน เป็นที่ยกย่องถึงความเก่งและแกร่งของใครคนนึง ที่สร้างเครือข่ายเอาไว้ให้ลูกตัวเองนั้นได้มีงานทำกันทุกคน และลูกแต่ละคนก็ไม่เคยทำหล่อนผิดหวังสักครั้ง ยกเว้นก็แต่คราวนี้ กับลูกคนกลางของหล่อน ที่กำลังนั่งแถลงข่าว อยู่ในจอทีวี ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างฉะฉาน ใช้วาจาเสมือนรู้สึกผิดซะเต็มประดา และอ้างทุกอย่างคือเรื่องเข้าใจผิดกัน ทว่า แววตานั้นกลับไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วย อดทำคุณนายอารีย์แค่นยิ้มออกมาไม่ได้ ต่อพฤติกรรมความก้าวร้าวที่ลูกชายนั้นมี นึกย้อนกลับไปถึงใครคนหนึ่ง กับสีหน้าฉงนเหนื่อยใจเกินบรรยาย
.....นิสัยเหมือนสามีเธอตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด ......
“ เตรียมรถ ฉันจะออกไปหาเจ้านั่นที่บริษัท “
“ ครับผม “
ร่างสูงตระหง่านที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องทำงานตน หลังจากแถลงข่าวเสร็จ ยืนหันหลังให้กับแฟ้มใหญ่ทุกแฟ้มที่มีเลขาอุ้มหอบอยู่ หันหน้าออกไปทางวิวหน้าต่าง ด้วยท่วงท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ปากเม้มเข้ากันแน่น เป็นเส้นตรงเส้นเดียว คิ้วหย่อนชนกันยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงความร้อนใจ สมองต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่ จนกระทั่งต้องชะงักกึก หลังจากมีใครบางคนเดินเข้ามา ด้วยอำนาจที่มีมากกว่าใครในนี้เลยไม่ต้องขออนุญาตใครเลยก็ได้
“ แค่การแถลงข่าวด้วยคำพูดไร้เนื้อแบบนั้น คงไม่ทำให้แกเหม่อลอย ถึงขนาดสะดุ้ง ที่เห็นฉันมาหรอกนะ “
“ นายแม่..”
เสียงทุ้มแผ่วดังขึ้นพร้อมกับหน้านิ่งหันกลับมา คุณนายอารีย์โบกมือเชิงขอให้เลขาออกไปก่อน ส่วนหล่อนนั้นนั่งตรงโซฟา
“ บทที่ให้สัมภาษณ์สาบานสิว่า คนมีความรู้เขาใช้กัน “
“................”
“ แกเป็นถึงกรรมการผู้บริหาร จะทำอะไรคิดบ้างนะคอป “
เปิดประเด็นทันที ไม่เปิดโอกาสให้ร่างสูงได้เตรียมตัว
“ ผมคิดตลอดเวลา จนสมองผมจะแตกตายเข้าสักวัน”
“ คอป! “
“ กับอีแค่พนักงานถ่อยๆ คนนึง ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นี่ครับแม่! “
“ ...............”
ประโยคที่แทรกเสมือนขวานผ่าซากนั้น ไม่ต่างกันเลยกับสายฟ้ายามผ่าลงมาตอนฝนตก คุณนายอารีย์ยืนขึ้นเต็มความสูง ก้าวเท้าเข้ามายืนตรงหน้าคุณคอป ก่อนจะ..
เพี๊ยะ!!!
ต่อหน้าต่อตาคนติดตามสองคน ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างหลัง ทว่าทำตัวไม่ต่างเลยกับหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ซึ่งต่อให้แม่ลูกคู่นี้ชักมีดออกมาฆ่ากันตาย บอดี้การ์ดที่ถนัดเอาแต่ทำตามคำสั่งคงไม่กล้าที่จะแย้งอะไร
“ เมื่อไหร่ จะเลิกทำตัวมีปัญหาสักที เมื่อไหร่จะเลิกดูถูกคน แกดูเคลคิมเป็นตัวอย่างสิ เขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว “
“ เลิกเอาผมไปเปรียบเทียบกับใครสักทีเถอะครับ ตราบใดที่ความรู้สึกของนายแม่ยังไม่มีความเท่าเทียม ผมทำอะไรไปก็คงจะผิด “
“ คอป! “
“ กลับบ้านดีๆ นะครับ ผมขอโทษที่อยู่คุยนานกว่านี้ไม่ได้ มีคุยงานกับลูกค้าต่อตอนบ่ายโมง ขอตัวนะครับ “
“ นี่แก! “
ตัดบทเพียงแค่นั้น คุณคอปก็เดินออกมาเลย ไม่สนว่าคนข้างหลังจะเป็นยังไงบ้าง ด้วยสีหน้าที่เฉยชา ทว่ามีความรู้สึกแย่มากมายซ่อนอยู่ภายในเต็มไปหมด
“ เดี๋ยวค่ะเจ้านาย ยังมีเอกสารด่วนที่เจ้านายจะต้องเซ็นนะคะ เจ้านายคะ เจ้านาย “
ซึ่งแม้แต่เลขาเรียก เขาก็ยังไม่คิดจะหันกลับมาเลย ลำบากคุณนายอารีย์ที่เดินตามหลังมาต้องเหนื่อยใจอยู่เป็นระลอก
“ ปล่อยเขาไป เดี๋ยวฉันเซ็นแทนเอง เอาไปให้ฉันในห้องทำงาน “
“ ค่ะท่านประธาน “
เอี๊ยด!!!
เสียงล้อลากสนั่นหวั่นไหวหลังถึงที่หมาย คนขับลงมาด้วยอารมณ์เดือดดาลสุดๆ วันนี้เขาอยากจะเมาให้มันหัวทิ่ม เมาจนไม่มีสติพอจะให้คิดเรื่องงานให้รู้แล้วรู้รอด ทว่า มาได้เพียงครึ่งทางกลับไม่มีอารมณ์ซะงั้น เปลี่ยนความคิดพอๆ กันกับทิศทางลม หนีไม่พ้นมานั่งดื่มคนเดียวอยู่ในคอนโดตัวเอง จนกระทั่งเที่ยงคืน บรั่นดีเพียวๆ ลดปริมาณหมดไปจากขวดมากกว่าสิบแก้ว คุณคอปเริ่มเมาแอ๋ ทว่ายังมีสติพอที่จะไม่รับสายใครทั้งสิ้น ซึ่งโทรเข้ามาตอนนี้หลายสายจนนับไม่ถ้วนแล้ว
‘ ริซ่า ‘
‘ คิมหันต์’
และ....
‘ นายแม่ ‘
“ ฮึ..”
เขาไม่คิดจะสนใจใครสักคน โดยเฉพาะนายแม่ อันที่จริงมันก็คงจะเป็นเรื่องปกตินั่นแหละ ที่คนอย่างคุณคอปจะเมา เพราะเขาเมามายแบบนี้ไม่ว่างเว้นมานานแล้ว อยู่ที่จะเมานิดเมาน้อย หรือไม่เมาเลยก็เท่านั้น
เคร้ง!
นิสัยตอนเมาเขาไม่ใช่คนชอบโวยวายอะไรหรอก จัดไปทางนั่งเงียบเป็นเป่าสากซะมากกว่า ใช้เพียงแววตาฉ่ำหวานเย้ายวนมากกว่าคำพูดเท่านั้น ที่มองสาวคนไหนแล้วเป็นต้องติดกับ ทว่าวันนี้ เปลี่ยนเป็นเครียดตึงแทน ต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาถอดเสื้อออก เผยให้เห็นผิวท่อนบนขาวเนียนละเอียด กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ส่วนท่อนล่างเหลือเพียงกางเกงยีนที่มีขอบเขตระหว่างจุดเชื่อมต่อความโป๊แค่เข็มขัดเส้นเดียว เดินไปนั่งบนขอบระเบียงทั้งที่เมา อัดบุหรี่เข้าปอดพ่นควันตุ้ยๆ ไม่กลัวว่าจะตกลงไปตาย ขมวดคิ้วยามเผยอปาก เสมือนคือจังหวะการระบายความเครียดออก พลันมาชะงักด้วยเสียงนี้ ที่โชยมาทางขวามือของข้างๆ ห้อง
“ ยังเลยค่ะ ยังไม่กลับ “
“ ไม่ค่ะ ไม่ไปตามแล้ว บลูทำงานไม่เต็มที่มาหลายวันก็เพราะเขา “
“ พอทีเถอะค่ะแม่! ลำพังแค่เรื่องของตาบีมก็ปวดหัวพออยู่แล้ว อาทิตย์หน้าบีมจะต้องถ่ายเลือด แม่ควรจะมานะคะ “
ก่อนประโยคสุดท้ายจะทำเขาชะงัก ถึงพ่นกับควันจังหวะ เพราะอยู่ดีๆสาวข้างห้องเกิดตะเบ็งเสียงสั่น ร้องไห้ออกมาไม่สนว่าใครจะได้ยิน
“ อะไรวะ “
ทำคุณคอปสบถเสียงเบา เลี่ยงความงงในใจไม่ได้ ความอยากรู้อยากเห็นสั่งให้เขาก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้หนาอย่างเงียบเชียบที่สุด
“ งั้นแม่ก็ดูแลเขาเองเลยสิคะ ทำไมล่ะ ทั้งๆที่บอลเขาก็ลูก ทำแบบนี้ไม่ต่างเลยกับคนเห็นแก่ตัว “
แต่เหมือนคุณคอปจะคิดผิด ที่มานั่งฟังอยู่แบบนี้ เพราะการที่ได้ยินเสียงร้องไห้ มันทำให้เขานั้นคิดเรื่องอื่น นอกเหนือไปจากเรื่องของตัวเอง ตอกย้ำให้รู้ว่าหญิงสาวข้างห้องกำลังมีปัญหา หล่อนอาจกำลังเจออะไรบางอย่างที่หนักอึ้งอยู่ ถึงขั้นมาปล่อยโฮไม่สนใจใครแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย แล้วเจ้าหล่อนจะรู้ไหม การมายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียงแบบนี้ มันอาจจะเก็บเสียงดีกว่าในห้องก็จริง แต่มันทำคนซึ่งยืนอยู่ระเบียงข้างๆ กัน ได้ยินมันชัดเจนนะ
“ ค่ะ งั้นก็สุดแล้วแต่ความพึงพอใจของแม่เลยค่ะ “
เสียงถอดหายใจดังระงม นั่นหมายความว่าตอนนี้บลูได้ตัดขาดการสนทนานั้นแล้ว ทว่า ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ไม้ลักษณะเดียวกันกับคุณคอป พร้อมปล่อยโฮออกมาหนักว่าเดิม
“ ฮึก...ฮื้อๆๆ พ่อ... บลูเหนื่อยเหลือเกินจ้ะ "
กอดตัวเองแน่น ท่ามกลางมวลอากาศยามดึก ซึ่งเล้าโลมให้ใจเหงาเท่าทวีคูณ หล่อนจะรู้ไหม หากไม่มีกำแพงนั้นคั่นอยู่ระหว่างกลาง ภาพที่เห็นไม่ต่างเลยกับแผ่นหลังของหล่อนนั้น แนบอิงอยู่กับใครบางคน ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง สองมือกุมผสานเข้าหากัน แถมเขาคนนั้นก็สร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง นับตั้งแต่ได้ยินเสียงอู้อี้ของเธอ
7 เดือนผ่านไปบูรพาไม่ได้แต่งงานเหมือนใครเขา เนื่องจากฟังความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะเบี่ยงเบนไปทางโอดโอยมากจนเกินไป ประสบการณ์เจ้าสาววัยละอ่อนสองคนก่อนหน้านี้อัดแน่นพร้อมรีวิวสีหน้ามาสมทบ ....มันไม่สนุกเลย ที่จะให้คนท้องโย้ สวมชุดเจ้าสาว นอกจากไม่สวยแล้ว มันแสนจะทรมานใช่! นี่คือคำเล่าอ้าง ไหนจะต้องยืนยิ้มทั้งวัน คอยเอาใจแขกเหรื่ออีก แค่บูรพานึกภาพ แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว เธอเลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ดูแลตัวเอง เป็นคนรักที่ดี คอยเอาใจสามี รอวันคลอดจะดีกว่าและเหมือนว่าความสนิทสนม ในช่วงเวลาอยู่ด้วยกันจะเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสรรพนามไปโดยปริยาย" พี่คอปคะ พี่ว่า สีนี้จะสวยรึเปล่า "บูรพาเดินถือหนังสือแคตตาล็อกอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดของตัวเองมายังห้องโถงกลางห้อง ในขณะเจ้าของชื่อกำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโตหน้าจอคอม เธอหมายถึง ผ้าม่านสีครีมสีสวยที่ต้องการจะนำไปติดที่บ้านสวนของเธอ ก่อนหน้านี้ พวกเขาเกทับตัวเองไปพักที่นั่นกันมาแล้ว หลังจากโมดิฟายต่อเติมได้ไม่นาน มันดูชีวิตชีวาขึ้น และน่าอยู่ขึ้น นับตั้งแต่มีคนไปอยู่ ก่อนจะย้ายกลับมา เมื่อไม่กี่วันมานี้ ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้น และระยะทางร
ร่างบางในชุดนอนเนื้อผ้าซาตินลนลานหมุนตัวกลับ เกือบปาดน้ำตาแทบไม่ทัน หลังนึกอะไรขึ้นได้ ปิดประตูอย่างเบามือ ทิ้งตัวลงกลางเตียงแกล้งหลับ ในจังหวะคุณคอปเดินเข้ามาพอดี เขากำกล่องกำมะหยี่นั้นแน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตั้งแต่เดินเข้ามา ก่อนค่อยๆ โน้มตัวนอนลงข้างเธอ ไม่ได้ผลักร่างบางซึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่เข้ามา ทว่ายัดกล่องเล็กนั่นเข้าไปในอุ้งมือแทน" อะไรหรือคะ "บูรพาแกล้งถาม ใช้ศอกยันตัวลุกขึ้นอิงแผ่นหลังพิงกับร่างใหญ่ คุณคอปโน้มหน้ามาฉกริมฝีปากเธอเร็วๆ พลางยิ้มละมุน" ของคุณ"" คะ? "" เก็บไว้ใส่นิ้วนี้ "กระซิบเสียงแผ่ว พร้อมดึงมือข้างซ้ายมาเขย่าเบาๆ บูรพายิ้มตาม ก่อนจะใช้มือข้างขวาปิดปากปล่อยโฮ คราวนี้เธอไม่ได้แกล้ง แต่กลับร้องไห้ออกมาจริง เนื่องจากภาพตอนเธอแอบมองมันไกลเกินกว่าจะเห็น ในมือสามีนั่นถืออะไร ได้ยินเพียงแค่คำขอโทษ กับการสวมกอดของคนสองคนแค่นั้น ก็ดีใจมากพอแล้ว ไม่คิดว่าคุณนายจะเล่นใหญ่ถึงขั้นยกแหวนวงนี้ให้กับคนอื่น วงที่บูรพาเห็นมันบ่อยๆบนนิ้วชี้ด้านขวาของหล่อนใช่ เธอจำได้ และรู้คุณนายหวงมันมาก" ฮึก..."นิ้วใหญ่ยื่นมาปัดก้อนน้ำตาให้ ในขณะริมฝีปากเขายังเปื้อนยิ้มอยู่ ไล้ลงมา
มือบางจัดไปค่อนข้างเหี่ยว บีบเข้ากันแน่น ต่างกันแต่สีหน้าที่ยังเรียบเฉย หัวใจภายใต้เนื้อในเสื้อหรูผ้าซาตินเต้นแรงไม่เป็นจังหวะคุณนายอารีย์ไม่ได้เขินอายเสมือนหญิงสาววัยรุ่น กลับกันหล่อนรู้สึกชื่นใจแปลกๆใจที่บางอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณความบางเข้าไปอีก เมื่อหางตาเกิดชำเลืองไปมองหน้าอดีตสามี ในจังหวะที่เขาเอื้อมมือ ถือวิสาสะมาโดน****" อ๊ะ.."และผลที่เกิดขึ้น คือไม่ต่างจากไฟช็อต คุณนายอารีย์เลื่อนมือตนออกห่าง ยอมรับหล่อนยังไม่ใจอ่อน หรือพร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์แบบนี้" คุณได้ยินที่ผมพูดไหม "ทว่า คู่กรณีเจ้ากรรม ก็พร่ำแต่จะก่อกวน ขยี้คำถามให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นหนักซะเหลือเกิน มือเรียวเลยบีบเข้าหากันใหม่ ซึ่งคราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะมันขึ้นเส้นเลือดปูด" ผมยังจำเรื่องราวในตอนนั้นได้อยู่นะ ยังสามารถเล่าให้คุณฟังได้อยู่ "" อย่ามายุ่งกับฉัน "ตัดสินใจ ลุกขึ้นยืนทันควัน แต่เหมือนจะช้าไป พ่อเลี้ยงผู้รู้นิสัยหล่อนดี เดินมาดักหน้าเสียก่อน" ผมจะปล่อยให้คุณหนีผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว "" หยุดพล่าม คุณก็รู้ว่ามันไม่มีทาง "" เพราะอะไร "ร่างสูงขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ คราวนี
การปรึกษาหารือกันระหว่างพ่อลูก อยู่ในสายตาของบูรพาห่างๆ ด้วยระยะที่ไกล เธอจะไม่มีทางฟังได้สรรพ ยกเว้นจากท่าทีที่ทั้งคู่แสดงออกมาหากให้เดาตามสัญชาตญาณ วินิจฉัยด้วยสมอง จะรู้ในทันทีว่าพ่อเลี้ยงสยามไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากเธอ กับการขายหุ้นมรดกและการเปลี่ยนนามสกุลนั้น เพราะนั่นหมายความว่าคุณคอปเสียผลประโยชน์ไปโดยปริยายอย่าลืม บุคคลในตระกูลจรัญทิพย์ไม่ได้มีแต่คุณนายอารีย์และบุตรชายเท่านั้น ทว่ายังมีบุคคลอื่นที่พร้อมจะแย่งสมบัติ ตามสายเลือดซึ่งหัวเชื้อได้สร้างไว้ใช่ คุณนายอารีย์มีคู่แข่ง และ อดีตสามีหล่อนก็รู้ เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจใยตกมาเป็นของหล่อน มีสิทธิ์มากกว่าผู้ใดในผลประโยชน์ นั่นก็เพราะหล่อนคือบุตรีคนโต ที่ได้เปรียบเรียนรู้งานก่อนคนอื่น ซึ่งแน่นอนผู้มาใหม่ อย่างบูรพาเองก็ยังรู้ เลยคิดว่าเหตุผลทั้งหมดที่จะทำเพื่อแลกกับอิสระในการมีเธอเพียงคนเดียวนี้ มันไม่สมควร เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามีตัวเองหมดตัว หากมันจะจนตรอก นี่ต้องไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย! จะอย่างไรเธอก็เข้าใจคุณนายอารีย์ แม้ว่าทุกเวลาเธอนั้นโดนกระทำ ต่อให้เธอต้องถูกชิงชัง ทว่ายังทำให้เธอเข้าใจหล่อนอยู่ ยิ่งมาถึงวันนี
สายโด่ นาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมงเศษ คุณคอปงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังนอนเกลี่ยผมภรรยาเพลินจนเผลอหลับไป สิ่งแรกที่ใจคิดถึง คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นยังนอนอยู่ที่เดิมและท่าเดิม ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก" เฮ้..ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"เขาเขย่าตัวเธอ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ที่บูรพานั้นหลับสนิทไร้เสียงตอบรับใดๆ และเปลือกตาถ่างขึ้น แต่น่าแปลก ลมหายใจเข้าออกของเธอกลับสม่ำเสมอไร้อาการคนป่วย เธอเหมือนคนนอนหลับสบายเสียมากกว่าก็อก ก็อก ก็อก" ไม่ได้ล็อก"สีหน้าวิตกกังวลของคุณคอปเบี่ยงไปตามเสียง ก่อนบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะถูกเปิดเข้ามาเบาๆ คนโผล่หน้ามาให้เห็นเป็นคนแรกคือป้าแม่บ้าน หลังจากนั้นจึงจะเป็นหน้าหมอรองลงมา" หมอมาแล้วค่ะ "หล่อนบอกก่อนโค้งหัวให้แล้วเดินออกไป มีเพียงหมอ คุณคอป และ ภรรยาเขาที่นอนไม่ไหวติงเหลืออยู่เท่านั้น" ตามสบายครับ"ร่างสูงพยักหน้ายิ้มเล็กๆ ก่อนจะลุกจากเตียง หลีกทางให้หมอได้ทำงาน ในขณะรอหมอตรวจ เป็นเวลาที่เขาได้เช็คโทรศัพท์ และไม่คิดว่าจะได้ดูดบุหรี่ควบคู่กันไปด้วย" ขอตัวนะครับ ตรวจเสร็จก็เรียกผม "" ครับ "เขายอมพาตัวเองออกไปนอกระเบียง ปิดประตูหลังจนมิดช
สี่ล้อรถหรูค่อยชะลอก่อนจะจอดนิ่งในที่สุด เมื่อถึงที่หมาย บ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้หรูหราเทียบเท่าคฤหาสน์จรัญทิพย์ รูปทรงต่างจากทั่วไป ทว่าสวยได้ใจสุดๆ ตั้งตระหง่านหลังเดียวโดดเด่นอยู่กลางป่า คุณคอปดับเครื่องยนต์สนิท ก่อนผ่อนลมหายใจระงมใหญ่ ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะได้มาเหยียบที่นี่ บ้านสวนพ่อซึ่งยกให้เขา ปิดประตูรถฝั่งตัวเอง พลางเดินอ้อมไปจุ๊บผากมนทีนึง และอุ้มคนข้างกายที่หลับสนิทอย่างเบามือ" ไปนอนต่อในบ้านนะครับ "บูรพาหลับไม่ตื่น นับตั้งแต่ออกมาจากบริษัทท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเขา สามีของเธอ เขาพร่ำภาวนาให้ภรรยาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ จนกระทั่งมาถึงที่นี่แอดมันคงจะเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่พอสมควร จากคนที่เคยมาล่าสุดตอนเป็นเด็ก หลังจากอายุสิบห้าปีเขาไม่มาเหยียบอีกเลย ทว่า ยังคงจ้างแม่บ้านและคนสวนคอยดูแลสม่ำเสมอ" คุณเป็นใคร"" ...."และเหมือนสภาพเขาไม่รู้ว่าโตขึ้น หรือว่าโทรม ทำแม่บ้านจำแทบไม่ได้ เมื่อหล่อนวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความตกใจมายืนหอบตัวโยน หลังเห็นไฟในบ้านเปิดเกือบทุกดวง ร่างสูงค่อยๆหันกลับมาด้วยความเหนื่อย เคล้าโคลงรูปหน้าค่าตาแปรเปลี่ยนไปจากเด็กน้อยเพียงนิดเดียว ทำแม่บ้านชะงัก