Share

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
Author: ไห่ตงชิง

บทที่ 1

Author: ไห่ตงชิง
จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”

หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ

เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

วิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?

“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

ชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!

ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!

“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”

หลี่เฉินได้สติขึ้นมา และจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หลี่เฉินรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอกและท้องของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ ในชาติก่อน เขาก็ทำได้แค่เลียผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเข้าคิวได้

แต่ตอนนี้ สตรีที่บอบบางละเอียดอ่อนเช่นนี้ กลับพร้อมให้รอเลือกสรร มันช่างร้อนแรงจริงๆ

ที่น่าขันก็คือเจ้าของร่างเดิมนั้น รับจ้าวหรุ่ยเข้าตำหนักบูรพาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมนั้นขี้ขลาดมองจ้าวหรุ่ยเป็นเทพธิดา จึงไม่กล้าล่วงเกิน และไม่กล้าสัมผัส

แต่เช่นนั้นก็ดี จ้าวหรุ่ยที่ใสดุจน้ำแข็งและสะอาดดุจหยกจะตกเป็นของเขาโดยเฉพาะ

ทะลุมิติมาปุ๊บก็ได้รับรางวัลเช่นนี้ มันเทียบได้กับการเปิดแพ็คเกจของขวัญสำหรับมือใหม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้หลอมรวมความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม หลี่เฉินก็รู้ว่าสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลิน

“จะดีสักแค่ไหน ถ้าหากสาวงามเช่นเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าจากใจจริง?”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของจ้าวหรุ่ยแข็งทื่อ ดวงตาของนางดูตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันปฏิบัติต่อท่านจากใจจริง คำพูดของท่าน หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจ?”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้เข้าใจเอง จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของราชวงศ์ปัจจุบัน และเป็นพระสัสสุระ ฮองเฮาเป็นลูกสาวของเขา ส่วนเจ้าก็เป็นหลานสาวห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เจ้า จ้าวเสวียนจีและฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกัน โดยเจ้าจะใช้เสน่ห์ยั่วยวนข้า เพื่อทำให้ข้าละทิ้งกิจการบ้านเมืองไป จากนั้นจ้าวเสวียนจีก็จะร่วมมือกับฮองเฮาในวังหลังเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เสด็จพ่อปลดข้าจากตำแหน่งรัชทายาท และจ้าวเสวียนจีก็จะสนับสนุนรัชทายาทหุ่นเชิดของตัวเอง ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา จ้าวหรุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็ตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา

องค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงรู้ทุกอย่าง!

“องค์ องค์รัชทายาท ท่านทรงพูดอะไร หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดึงร่างของจ้าวหรุ่ยให้เข้ามา ปล่อยให้นางนอนทับตัวเขา วางแขนของตัวเองไว้รอบเอวอ่อน มองดูความงามจนแทบหยุดหายใจซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นรัชทายาทจอมเสเพลไม่ใช่หรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดู”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาละโมบราวกับหมาป่าของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัว...”

จ้าวหรุ่ยพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เวลานี้ มือใหญ่ของหลี่เฉินกลับล้วงเข้าไปผ่านรอยแยกตรงช่วงเอวของนางอย่างเผด็จการ

“กลัวอะไร? เจ้าวางยาพิษข้า เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าค่อยๆ เสื่อมถอยก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะกลัวเลย ตอนนี้พอให้เจ้ามารับใช้ข้า กลับกลัวขึ้นมา?”

หลี่เฉินพลิกตัวและกดจ้าวหรุ่ยไว้ข้างใต้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งและความอ่อนนุ่ม หลี่เฉินก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้นมา หลี่เฉินแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะบดขยี้นางด้วยร่างกายของตัวเอง

จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาเบาๆ พูดอย่างเขินอายปนกังวลว่า “ฝ่าบาท ไม่ ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม...”

หลี่เฉินฝังหน้าลงที่คอของจ้าวหรุ่ย แล้วดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขา หลี่เฉินระงับความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าแต่งเข้าตำหนักบูรพามาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่พร้อม? เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเมตตาเจ้าเป็นอย่างดี”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉินก็งับเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวหรุ่ย

การกระตุ้นอย่างฉับพลันทำให้จ้าวหรุ่ยที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นพลันหายใจไม่ออก มือของนางจับฟูกด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากลัวหรือประหม่า นางเกร็งไปทั่วทั้งตัว บนผิวขาวราวกับน้ำนมค่อยๆ มีสีแดงแผ่ออกมา

จ้าวหรุ่ยมีใจจะต่อต้าน สองมือน้อยๆ ที่ขาวนวลพยายามผลักไสหลี่เฉิน แต่ในฐานะชายหนุ่มที่โตเต็มวัยของหลี่เฉิน และยังเป็นชายหนุ่มที่กลัดมัน ไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำได้ด้วยกำลังอันน้อยนิดของนาง

“ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะทำตามคำสั่งของจ้าวเสวียนจีเพื่อยั่วยวนข้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หากเจ้าต้องการจะยั่วยวนข้า ก็ต้องทุ่มอย่างสุดตัว หากลังเลที่จะสละร่างกายของตัวเอง แล้วจะทำให้ข้าหลงใหลเจ้าได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหายใจแรง เขาไม่สนใจการต่อต้านของจ้าวหรุ่ย และฉีกเครื่องแบบฝ่ายในอันวิจิตรบนตัวนางออก

เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดฝ่ายในอันงดงามที่ปักโดยสำนักซูซิ่วก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในสีขาว ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ สาวงามผู้อ่อนหวานกำลังแสดงท่าทางหวาดกลัว มันช่างงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตาของหลี่เฉินแดงก่ำ ร่างกายรู้สึกกระสับกระส่าย สาวงามเช่นนี้ ยังจะมีชายใดในใต้กล้าที่สามารถต้านทานได้?

“ไม่เอา ไม่เอานะ...หยุด...”

จ้าวหรุ่ยตื่นตระหนก

นางตั้งใจจะมาล่อลวงหลี่เฉิน ทำให้เขาละทิ้งบ้านเมือง แต่ไม่เคยคิดจะเสียสละร่างกายของตัวเองจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายจ้าวหรุ่ยก็เป็นแค่หญิงสาววัยยี่สิบปีต้นๆ นางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน พอถูกหลี่เฉินฉีกเสื้อผ้าอย่างกะทันหัน สัญชาติญาณก็สั่งให้นางขัดขืนและหลบหนี

“ไม่เอา? หรืออย่าหยุด?”

หลี่เฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ความหวาดกลัวของจ้าวหรุ่ยขยายความปรารถนาในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงโถมตัวไปข้างหน้า...

เสื้อผ้าถูกโยนออกไปทีละชิ้น ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็น้อยลงเรื่อยๆ เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกคลื่นซัดไปมา ท่ามกลางแสงเทียนอันสลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุดภายในห้องบรรทมอันแสนงดงามแห่งนี้

สาวใช้ในวังสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อได้ฟังเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงและเสียงหอบหายใจหนักๆ ของผู้ชายจากภายในห้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

“เร็ว รีบไปที่พระราชวังแล้วรายงานต่อฮองเฮา บอกว่าตำหนักบูรพามีการเปลี่ยนแปลง เชิญพระองค์มาเร็ว!”

เมื่อสาวใช้ในวังได้ยินคําพูดของสหาย ก็ไม่สนสิ่งใด รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในความมืด

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองดูคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพอใจ

ตรวจสอบแล้ว บริสุทธิ์ ใสดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก!

บนเตียง หัวไหล่อันกลมกลึงของจ้าวหรุ่ยโผล่พ้นขึ้นมาจากผ้าห่ม เวลานี้นางกำลังกอดผ้าห่มแล้วร่ำไห้ออกมา

“ร้องไห้ทำไม เมื่อครู่เจ้ายังเพลิดเพลินด้วยกันอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้ร้องไห้แล้ว”

คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวหรุ่ยทั้งเขินอายทั้งโมโห นางมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา

“ข้าชอบดวงตาของเจ้ามาก”

เขายกมือลูบใบหน้าอันเรียบเนียนของจ้าวหรุ่ย ใช้นิ้วเกลี่ยผมแล้วทัดหูนาง และค่อยๆ ลูบไล้ริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ “รักษามันไว้นะ ยิ่งเกลียดข้ายิ่งชอบ ตอนที่ข้ากอดเจ้า มันก็ยิ่งสนุก”

พูดจบ หลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกจากห้องบรรทม โดยไม่สนความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูกของจ้าวหรุ่ย

ทันทีที่ออกมา หลี่เฉินก็ได้ยินเสียงกีบม้าและรถม้าขบวนใหญ่ดังเข้ามา

องค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องบรรทม แต่ละคนต่างจ้องมองหลี่เฉินพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา ในหมู่พวกเขา มีอยู่คนหนึ่งซึ่งดูจะโกรธแค้นเป็นพิเศษ เขาแทบอยากจะกลืนกินหลี่เฉินทั้งเป็น

จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา เผยให้เห็นเกี้ยวที่งดงามและสูงส่ง สัญลักษณ์ของมารดาแผ่นดิน

เสียงแหลมๆ ของขันทีดังกึกก้องไปทั่วตำหนักบูรพา

“ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว!”

“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีๆ”

ทุกคนที่อยู่หน้าห้องโถงต่างพากันคุกเข่าลง

บนเกี้ยวหงส์ ม่านประตูก็ถูกเปิดออก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมหงส์ สัญลักษณ์ของมารดาแห่งแผ่นดิน หญิงสาวผู้งดงามเหยียบบนร่างที่คุกเข่าลงของขันทีแล้วเดินลงมาจากเกี้ยวหงส์

“ลูกชายคารวะเสด็จแม่”

หลี่เฉินยกมือขึ้นคารวะ เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย และบรรยากาศที่หาใครในใต้หล้าเทียบได้

“เจ้ายังรู้ว่าคือเสด็จแม่ของเจ้า?”

ดวงตาหงส์ของจ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปด้านใน

ด้านหลังของนาง ตามมาด้วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินคนหนึ่งที่จ้องมองหลี่เฉินด้วยแววตาอาฆาต

“หยุด”

หลี่เฉินเปิดปากพูดเสียงเรียบ ขณะจ้องมององค์รักษ์ผู้นั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็พูดว่า “ตำหนักบูรพาเป็นที่ประทับของข้า เทียบเท่ากับวังต้องห้าม องค์รักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้าคนหนึ่ง กล้าดียังไงจะเข้าไปด้านใน? เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

เมื่อถูกหยุด ใบหน้าของเฉินจื้อเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วพูดอย่างรำคาญว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฮองเฮา...”

“ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน? ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้านระดับสูง แต่ก็ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอยู่ดี”

เฉินจื้อเหวินโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจ้องมองหลี่เฉินอย่างเหี้ยมโหด มือของเขากดลงบนด้ามดาบที่เอว

ดวงตาของหลี่เฉินเย็นชาอย่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหลี่ เป็นของเสด็จพ่อข้า และข้าคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ เจ้าเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ราชวงศ์เลี้ยงดู กล้าที่จะแว้งกัดเจ้าของหรือ?”

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ก่อนที่หลี่เฉินจะกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าชักดาบ? ข้าก็กล้ารับประกันว่า เพียงเจ้าดึงดาบออกมาหนึ่งนิ้ว ก็เท่ากับมีเจตนาสังหารองค์รัชทายาท โทษคือกบฏ เจ้าลองชักดาบออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
ต้องอ่านต่อแล้ว
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
น่าอ่านมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1180

    คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ก็สามารถสลายความกังวลใจที่ใหญ่หลวงที่สุดในใจของหลิวซือฉุนลงได้พร้อมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า หลี่เฉินไม่เคยคิดจะเป็นพวกยืมเงินแล้วไม่คืน หรือฆ่าไก่เอาไข่ทองคำเลยแม้แต่น้อยหลิวซือฉุนถอนใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ฝ่าบาทเฉลียวฉลาด ยอดสตรีน้อมสรรเสริญเพคะ”“แทบไม่เคยได้ยินคำไพเราะเช่นนี้จากปากเจ้ามาก่อนเลยนะ”หลี่เฉินเอ่ยพลางยิ้มตาหยี “เรื่องนี้ ต้องรีบจัดการให้เร็ว”หลิวซือฉุนครุ่นคิดเล็กน้อย ถามว่า “เร็วเพียงใดหรือเพคะ?”“เร็วได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น”หลี่เฉินตอบหนักแน่น “ขณะนี้ศึกที่ด่านเยว่ยากวนได้ปะทุขึ้นแล้ว ทัพภายในแผ่นดินก็ได้เคลื่อนพลไปสมทบ เมื่อกำลังพลไปถึง ศึกใหญ่ก็จะระเบิดขึ้นแน่นอน เงินในคลังหลวงจะต้านทานได้ไม่เกินครึ่งเดือน”“กล่าวคือ ภายในครึ่งเดือน ต้องระดมเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงให้ได้ใช่หรือไม่เพคะ?” หลิวซือฉุนมองหลี่เฉินพลางเอ่ยถาม“ภารกิจนี้มิใช่เรื่องง่าย เจ้ากล้ารับหรือไม่?” หลี่เฉินถามกลับหลิวซือฉุนสูดหายใจลึก ขบฟันแน่นพลางเอ่ยว่า “หากฝ่าบาทมีเรื่องให้ตระกูลหลิวช่วยเหลือ ก็ถือเป็นเกียรติของตระกูลหลิว ต่อให้ยากเย็นเพียงใด ตระกูลหลิวก็จะฟั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1179

    หลี่เฉินขมวดคิ้วอีกครั้ง“แม้ขณะนี้คลังหลวงจะดีกว่ายามเผชิญภัยพิบัติก็ตาม แต่สถานะทางการเงินของราชสำนักยังคงไม่น่าวางใจนัก บัดนี้ราชสำนักจำต้องจัดการเรื่องใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งหากไร้เงินทองแล้ว ย่อมไม่อาจสำเร็จได้”“ค่าใช้จ่ายจากทุกด้าน อย่างน้อยที่สุดต้องใช้ราวๆ ห้าสิบล้านตำลึง”คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ทำให้หลิวซือฉุนตกใจถึงกับร้องเสียงเบา“ห้าสิบล้านตำลึงหรือเพคะ!?”ห้าสิบล้านตำลึง…คือแนวคิดที่น่าหวาดหวั่นเพียงใด?ตลอดสามร้อยหกสิบกว่าปีของจักรวรรดิต้าฉิน แม้แต่ยุครุ่งเรืองที่สุด รายได้คลังหลวงทั้งปียังไม่เคยเกินสิบสองล้านตำลึงขณะองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเสด็จขึ้นครองราชย์ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา รายได้คลังหลวงแต่ละปียังไม่ถึงแปดล้านตำลึงแต่หลี่เฉินเอ่ยปากทีเดียวถึงห้าสิบล้านตำลึง ตัวเลขนี้ถึงกับทำให้หลิวซือฉุนไม่กล้าคิดต่อเลยทีเดียว“ฝ่าบาท ห้าสิบล้านตำลึงนี้ไม่เพียงหาได้ยาก แม้จะหาได้จริง ถึงคราวไถ่ถอน ราชสำนักจะสามารถชำระหนี้ได้จริงหรือเพคะ?” หลิวซือฉุนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังนางไม่กล้าถามว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้จะนำไปทำสิ่งใด แต่จำเป็นต้องรู้ว่าหลี่เฉินคิดจะชำระคืนหรือไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1178

    คำถามของหลี่เฉินทำให้หลิวซือฉุนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันทีนางก้มศีรษะลง ตอบเสียงเบาว่า “หม่อมฉันเกิดในตระกูลหลิว ย่อมต้องอยู่กับตระกูลหลิวไปตลอดเจ้าค่ะ”เวลานั้น ในห้องโถงยังมีท่านอาหลิวสามของตระกูลหลิวกับวั่นเจียวเจียวอยู่ด้วยวั่นเจียวเจียวเคยชินกับเรื่องเช่นนี้มานานแล้วแต่ท่านอาหลิวสามกลับตื่นตระหนกแทบจะขาดใจใครก็เข้าใจได้ว่าหลี่เฉินหมายถึงสิ่งใดท่านอาหลิวสามมองหลิวซือฉุน ดวงตาร้อนผ่าว แทบจะพุ่งเข้าไปตอบแทนให้นางเสียเองไปตำหนักบูรพาเถอะ!ไปสิ!ตระกูลหลิวที่แสนจะต่ำต้อยนี้มีอะไรให้น่าอยู่กันเล่า!ไปตำหนักบูรพาไม่ดีกว่าหรือ!?หลี่เฉินมองหลิวซือฉุนแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง อยากให้เจ้าจัดการ”หลิวซือฉุนลอบถอนใจโล่งอก รีบกล่าวว่า “เชิญฝ่าบาททรงบัญชามาได้เลยเพคะ”หลี่เฉินตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นราวกับตัดสินใจได้แล้วจึงกล่าวว่า “ราชสำนักเร็วๆ นี้จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ในบัญชีของโรงเงินตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่?”หลิวซือฉุนสีหน้าเปลี่ยนทันที นางเอ่ยว่า “ในบัญชีของโรงเงิน ตอนนี้มีประมาณหกสิบแปดล้านตำลึงเงิน แต่ฝ่าบาท เง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1177

    เห็นหลี่เฉินอุ้มหลิวเฮ่อเข้าไปในจวน คนอื่นในตระกูลหลิวต่างพากันมองหน้ากันไปมาแต่อย่างน้อยตอนนี้ดูเหมือนว่า องค์รัชทายาทฝ่าบาทจะทรงโปรดหลิวเฮ่ออยู่ไม่น้อย?หลิวซือต๋ามองหลิวซือฉุนเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง หลิวซือฉุนจึงกล่าวว่า “เข้าไปดูแลก่อนเถิด ไม่น่าจะใช่เรื่องร้าย อาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ”ด้วยฐานะของหลี่เฉิน ต่อให้เอ่ยเพียงประโยคเดียว ก็พอให้นามของลูกหลานตระกูลหลิวรุ่งเรืองไปได้ทั้งชีวิตคนในตระกูลหลิวทยอยกันตามหลี่เฉินเข้าไปในจวนในห้องโถงใหญ่ คนในตระกูลหลิวส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติพอจะอยู่รับใช้ในนั้นมีเพียงหลิวซือฉุน สามอาของตระกูลหลิว และหลิวซือต๋าเท่านั้นที่อยู่ได้หลี่เฉินประทับนั่งบนที่ประธาน ให้หลิวเฮ่อนั่งอยู่บนตัก พลางยิ้มถาม “อายุเท่าไหร่แล้ว?”หลิวเฮ่อหันไปมองหลิวซือฉุนตาปริบๆ แต่พอได้ยินหลี่เฉินถาม ก็รีบตอบอย่างว่าง่ายว่า “สามขวบแล้วเจ้าค่ะ”พูดพลางยื่นนิ้วอ้วนกลมออกมาสามนิ้วเน้นย้ำหลี่เฉินเห็นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี“ชื่อหลิวเฮ่อ ตั้งชื่อรองไว้หรือยัง?” ประโยคนี้หลี่เฉินถามหลิวซือต๋าหลิวซือต๋ารีบโค้งกายเล็กน้อย ตอบด้วยความเคารพว่า “ทูลฝ่าบาท ยังมิได้ตั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1176

    สำหรับหลิวซือฉุนแล้ว คำเชิญแบบกะทันหันเช่นนี้ แม้หลี่เฉินจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพระองค์ทรงจมอยู่กับราชการอันวุ่นวาย บัดนี้มีราชโองการใหม่เริ่มต้น แถมยังมีข่าวด่วนจากด่านเยว่หย่าอีก หลี่เฉินเองก็ทรงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลดังนั้นพระองค์จึงมิได้ลังเล หรือปฏิเสธ ทรงตอบรับด้วยความยินดีอย่างไรก็ดี ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ยังไม่ใช่ยามนี้ มนุษย์ย่อมต้องหาโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสำหรับตระกูลหลิวแล้ว การเสด็จมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวขององค์รัชทายาทฝ่าบาท ทำให้ทั้งตระกูลแทบแตกตื่นเป็นไก่บินหมาวิ่งตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองหลวงและมิได้เดินทางไปต่างเมือง ญาติพี่น้องทุกคนไม่เว้นสักคนต่างพร้อมใจสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย ทั้งภายนอกภายในเรือน แม้แต่รอยร้าวบนชายคาก็ไม่เว้น ล้วนขัดถูจนสะอาดเอี่ยมอ่องมิใช่เพียงเท่านั้น ตระกูลหลิวยังรีบรุดไปเชิญพ่อครัวจากภัตตาคารชั้นนำของเมืองหลวงมาทั้งคนทั้งเขียง ถึงขนาดทำให้เจ้าของร้านหลายแห่งบ่นอุบ ทว่าพอถูกโยนเงินแท่งใหญ่ใส่หน้าเข้า พวกเขาก็พลันยิ้มแย้ม ยินดีส่งพ่อครัวในร้านออกไปทันทีวันเช่นนี้ สำคัญยิ่งกว่าวันขึ้นปีใหม่ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1175

    การคำนับครั้งนี้ เขาค้อมกายลงอย่างลึกสุดหัวใจผ่านไปสามลมหายใจ หลี่เฉินจึงค่อยยืดตัวตรงเขาหันไปกล่าวกับเหล่าราษฎรด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องราวใต้หล้านั้นมากมายดั่งดวงดาว ข้าผู้เดียวไม่อาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ แต่สามารถรับประกันได้ว่า เจอเรื่องใด จัดการเรื่องนั้น เจอผู้ใด ฆ่าผู้นั้น!”“จงประกาศราชโองการข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เจ้าผู้ครองแคว้น ขุนนาง ขุนพล ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้า หากพบเห็นเรื่องอธรรม ขุนนางไม่ซื่อสัตย์ ข่มเหงราษฎร ร้องทุกข์ไร้หนทาง ร้องเรียนมิได้ ล้วนสามารถไปยื่นฎีกาที่ตำหนักบูรพาได้โดยตรง ขุนนางทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ หากมีผู้ใดขัดขวาง ลงโทษด้วยการประหารด้วยโทษแหวะเนื้อ!”“ราชโองการนี้ ประกาศทั่วหล้า มีผลทันที!”เมื่อสิ้นคำ สหายทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง ไม่เว้นแม้แต่เฉินทง ต่างเปล่งเสียงพร้อมกันว่า “กระหม่อม ขอรับพระบัญชา!”ท่ามกลางราษฎร เกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้องฟ้าดินมีคนร้องไห้พลางเปล่งเสียงว่า “กษัตริย์ทรงธรรม! ต้าฉินของเราสุดท้ายก็ได้พบกษัตริย์ทรงธรรมแล้ว!”“องค์รัชทายาททรงเมตตายิ่งนัก เป็นโชคของต้าฉิน โชคของราษฎรต้าฉิน!”หลี่เฉินโบกมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status