Share

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์
Penulis: ไห่ตงชิง

บทที่ 1

Penulis: ไห่ตงชิง
จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”

หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ

เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

วิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?

“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

ชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!

ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!

“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”

หลี่เฉินได้สติขึ้นมา และจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หลี่เฉินรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอกและท้องของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ ในชาติก่อน เขาก็ทำได้แค่เลียผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเข้าคิวได้

แต่ตอนนี้ สตรีที่บอบบางละเอียดอ่อนเช่นนี้ กลับพร้อมให้รอเลือกสรร มันช่างร้อนแรงจริงๆ

ที่น่าขันก็คือเจ้าของร่างเดิมนั้น รับจ้าวหรุ่ยเข้าตำหนักบูรพาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมนั้นขี้ขลาดมองจ้าวหรุ่ยเป็นเทพธิดา จึงไม่กล้าล่วงเกิน และไม่กล้าสัมผัส

แต่เช่นนั้นก็ดี จ้าวหรุ่ยที่ใสดุจน้ำแข็งและสะอาดดุจหยกจะตกเป็นของเขาโดยเฉพาะ

ทะลุมิติมาปุ๊บก็ได้รับรางวัลเช่นนี้ มันเทียบได้กับการเปิดแพ็คเกจของขวัญสำหรับมือใหม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้หลอมรวมความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม หลี่เฉินก็รู้ว่าสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลิน

“จะดีสักแค่ไหน ถ้าหากสาวงามเช่นเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าจากใจจริง?”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้รอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของจ้าวหรุ่ยแข็งทื่อ ดวงตาของนางดูตื่นตระหนกขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันปฏิบัติต่อท่านจากใจจริง คำพูดของท่าน หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจ?”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้เข้าใจเอง จ้าวเสวียนจีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของราชวงศ์ปัจจุบัน และเป็นพระสัสสุระ ฮองเฮาเป็นลูกสาวของเขา ส่วนเจ้าก็เป็นหลานสาวห่างๆ ของจ้าวเสวียนจี เจ้า จ้าวเสวียนจีและฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกัน โดยเจ้าจะใช้เสน่ห์ยั่วยวนข้า เพื่อทำให้ข้าละทิ้งกิจการบ้านเมืองไป จากนั้นจ้าวเสวียนจีก็จะร่วมมือกับฮองเฮาในวังหลังเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เสด็จพ่อปลดข้าจากตำแหน่งรัชทายาท และจ้าวเสวียนจีก็จะสนับสนุนรัชทายาทหุ่นเชิดของตัวเอง ใช่หรือไม่?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา จ้าวหรุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็ตัวแข็งทื่อในวินาทีนั้น

นางมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา

องค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงรู้ทุกอย่าง!

“องค์ องค์รัชทายาท ท่านทรงพูดอะไร หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วดึงร่างของจ้าวหรุ่ยให้เข้ามา ปล่อยให้นางนอนทับตัวเขา วางแขนของตัวเองไว้รอบเอวอ่อน มองดูความงามจนแทบหยุดหายใจซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้าเป็นรัชทายาทจอมเสเพลไม่ใช่หรือ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดู”

เมื่อสังเกตเห็นแววตาละโมบราวกับหมาป่าของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน หม่อมฉันกลัว...”

จ้าวหรุ่ยพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เวลานี้ มือใหญ่ของหลี่เฉินกลับล้วงเข้าไปผ่านรอยแยกตรงช่วงเอวของนางอย่างเผด็จการ

“กลัวอะไร? เจ้าวางยาพิษข้า เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าค่อยๆ เสื่อมถอยก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะกลัวเลย ตอนนี้พอให้เจ้ามารับใช้ข้า กลับกลัวขึ้นมา?”

หลี่เฉินพลิกตัวและกดจ้าวหรุ่ยไว้ข้างใต้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งและความอ่อนนุ่ม หลี่เฉินก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความร้อนก็พลุ่งพล่านขึ้นมา หลี่เฉินแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะบดขยี้นางด้วยร่างกายของตัวเอง

จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาเบาๆ พูดอย่างเขินอายปนกังวลว่า “ฝ่าบาท ไม่ ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม...”

หลี่เฉินฝังหน้าลงที่คอของจ้าวหรุ่ย แล้วดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขา หลี่เฉินระงับความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าแต่งเข้าตำหนักบูรพามาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่พร้อม? เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเมตตาเจ้าเป็นอย่างดี”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉินก็งับเบาๆ ที่ติ่งหูของจ้าวหรุ่ย

การกระตุ้นอย่างฉับพลันทำให้จ้าวหรุ่ยที่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นพลันหายใจไม่ออก มือของนางจับฟูกด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากลัวหรือประหม่า นางเกร็งไปทั่วทั้งตัว บนผิวขาวราวกับน้ำนมค่อยๆ มีสีแดงแผ่ออกมา

จ้าวหรุ่ยมีใจจะต่อต้าน สองมือน้อยๆ ที่ขาวนวลพยายามผลักไสหลี่เฉิน แต่ในฐานะชายหนุ่มที่โตเต็มวัยของหลี่เฉิน และยังเป็นชายหนุ่มที่กลัดมัน ไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำได้ด้วยกำลังอันน้อยนิดของนาง

“ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะทำตามคำสั่งของจ้าวเสวียนจีเพื่อยั่วยวนข้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว หากเจ้าต้องการจะยั่วยวนข้า ก็ต้องทุ่มอย่างสุดตัว หากลังเลที่จะสละร่างกายของตัวเอง แล้วจะทำให้ข้าหลงใหลเจ้าได้อย่างไร?”

หลี่เฉินหายใจแรง เขาไม่สนใจการต่อต้านของจ้าวหรุ่ย และฉีกเครื่องแบบฝ่ายในอันวิจิตรบนตัวนางออก

เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดฝ่ายในอันงดงามที่ปักโดยสำนักซูซิ่วก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นเสื้อด้านในสีขาว ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ สาวงามผู้อ่อนหวานกำลังแสดงท่าทางหวาดกลัว มันช่างงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตาของหลี่เฉินแดงก่ำ ร่างกายรู้สึกกระสับกระส่าย สาวงามเช่นนี้ ยังจะมีชายใดในใต้กล้าที่สามารถต้านทานได้?

“ไม่เอา ไม่เอานะ...หยุด...”

จ้าวหรุ่ยตื่นตระหนก

นางตั้งใจจะมาล่อลวงหลี่เฉิน ทำให้เขาละทิ้งบ้านเมือง แต่ไม่เคยคิดจะเสียสละร่างกายของตัวเองจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายจ้าวหรุ่ยก็เป็นแค่หญิงสาววัยยี่สิบปีต้นๆ นางไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน พอถูกหลี่เฉินฉีกเสื้อผ้าอย่างกะทันหัน สัญชาติญาณก็สั่งให้นางขัดขืนและหลบหนี

“ไม่เอา? หรืออย่าหยุด?”

หลี่เฉินส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ความหวาดกลัวของจ้าวหรุ่ยขยายความปรารถนาในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงโถมตัวไปข้างหน้า...

เสื้อผ้าถูกโยนออกไปทีละชิ้น ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็น้อยลงเรื่อยๆ เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกคลื่นซัดไปมา ท่ามกลางแสงเทียนอันสลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุดภายในห้องบรรทมอันแสนงดงามแห่งนี้

สาวใช้ในวังสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อได้ฟังเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงและเสียงหอบหายใจหนักๆ ของผู้ชายจากภายในห้อง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

“เร็ว รีบไปที่พระราชวังแล้วรายงานต่อฮองเฮา บอกว่าตำหนักบูรพามีการเปลี่ยนแปลง เชิญพระองค์มาเร็ว!”

เมื่อสาวใช้ในวังได้ยินคําพูดของสหาย ก็ไม่สนสิ่งใด รีบยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในความมืด

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองดูคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าปูที่นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพอใจ

ตรวจสอบแล้ว บริสุทธิ์ ใสดุจน้ำแข็งบริสุทธิ์ดุจหยก!

บนเตียง หัวไหล่อันกลมกลึงของจ้าวหรุ่ยโผล่พ้นขึ้นมาจากผ้าห่ม เวลานี้นางกำลังกอดผ้าห่มแล้วร่ำไห้ออกมา

“ร้องไห้ทำไม เมื่อครู่เจ้ายังเพลิดเพลินด้วยกันอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีอะไรจะให้ร้องไห้แล้ว”

คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวหรุ่ยทั้งเขินอายทั้งโมโห นางมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เย็นชา

“ข้าชอบดวงตาของเจ้ามาก”

เขายกมือลูบใบหน้าอันเรียบเนียนของจ้าวหรุ่ย ใช้นิ้วเกลี่ยผมแล้วทัดหูนาง และค่อยๆ ลูบไล้ริมฝีปากของนางด้วยนิ้วหัวแม่มือ หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ “รักษามันไว้นะ ยิ่งเกลียดข้ายิ่งชอบ ตอนที่ข้ากอดเจ้า มันก็ยิ่งสนุก”

พูดจบ หลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกจากห้องบรรทม โดยไม่สนความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูกของจ้าวหรุ่ย

ทันทีที่ออกมา หลี่เฉินก็ได้ยินเสียงกีบม้าและรถม้าขบวนใหญ่ดังเข้ามา

องค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องบรรทม แต่ละคนต่างจ้องมองหลี่เฉินพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา ในหมู่พวกเขา มีอยู่คนหนึ่งซึ่งดูจะโกรธแค้นเป็นพิเศษ เขาแทบอยากจะกลืนกินหลี่เฉินทั้งเป็น

จากนั้นพวกเขาก็แยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา เผยให้เห็นเกี้ยวที่งดงามและสูงส่ง สัญลักษณ์ของมารดาแผ่นดิน

เสียงแหลมๆ ของขันทีดังกึกก้องไปทั่วตำหนักบูรพา

“ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว!”

“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปีๆ”

ทุกคนที่อยู่หน้าห้องโถงต่างพากันคุกเข่าลง

บนเกี้ยวหงส์ ม่านประตูก็ถูกเปิดออก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมหงส์ สัญลักษณ์ของมารดาแห่งแผ่นดิน หญิงสาวผู้งดงามเหยียบบนร่างที่คุกเข่าลงของขันทีแล้วเดินลงมาจากเกี้ยวหงส์

“ลูกชายคารวะเสด็จแม่”

หลี่เฉินยกมือขึ้นคารวะ เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย และบรรยากาศที่หาใครในใต้หล้าเทียบได้

“เจ้ายังรู้ว่าคือเสด็จแม่ของเจ้า?”

ดวงตาหงส์ของจ้าวชิงหลานปรายตามองหลี่เฉินแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปด้านใน

ด้านหลังของนาง ตามมาด้วยองค์รักษ์ส่วนพระองค์อวี่หลินคนหนึ่งที่จ้องมองหลี่เฉินด้วยแววตาอาฆาต

“หยุด”

หลี่เฉินเปิดปากพูดเสียงเรียบ ขณะจ้องมององค์รักษ์ผู้นั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็พูดว่า “ตำหนักบูรพาเป็นที่ประทับของข้า เทียบเท่ากับวังต้องห้าม องค์รักษ์ตัวเล็กๆ อย่างเจ้าคนหนึ่ง กล้าดียังไงจะเข้าไปด้านใน? เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

เมื่อถูกหยุด ใบหน้าของเฉินจื้อเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วพูดอย่างรำคาญว่า “กระหม่อมเป็นผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฮองเฮา...”

“ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ฝ่ายใน? ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้านระดับสูง แต่ก็ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอยู่ดี”

เฉินจื้อเหวินโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจ้องมองหลี่เฉินอย่างเหี้ยมโหด มือของเขากดลงบนด้ามดาบที่เอว

ดวงตาของหลี่เฉินเย็นชาอย่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหลี่ เป็นของเสด็จพ่อข้า และข้าคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ เจ้าเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ราชวงศ์เลี้ยงดู กล้าที่จะแว้งกัดเจ้าของหรือ?”

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ก่อนที่หลี่เฉินจะกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าชักดาบ? ข้าก็กล้ารับประกันว่า เพียงเจ้าดึงดาบออกมาหนึ่งนิ้ว ก็เท่ากับมีเจตนาสังหารองค์รัชทายาท โทษคือกบฏ เจ้าลองชักดาบออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ?”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
ต้องอ่านต่อแล้ว
goodnovel comment avatar
กรัณยวัฒน์ เริไม
น่าอ่านมาก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1159

    เห็นว่าสวีจวินโหลวมีท่าทีจริงใจ สวีฉังชิงจึงพยักหน้าเบาๆน้ำเสียงเขาอ่อนลง พูดว่า “เจ้าอย่าโทษว่าข้าเข้มงวดกับเจ้ามากนัก ความหวังของตระกูลสวีเรา ไม่ได้อยู่ที่ข้า แต่อยู่ที่เจ้า”สวีจวินโหลวได้ยินดังนั้นก็รีบพูดว่า “ท่านอา คำพูดนี้ของท่านรุนแรงเกินไปแล้ว เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ของตระกูลเรา ล้วนต้องให้ท่านอาเป็นผู้ตัดสิน หลานยังเยาว์วัยนัก ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาอีกมาก”สวีฉังชิงกล่าวว่า “ตอนนี้แน่นอนว่าต้องให้ข้าช่วยกลั่นกรอง แต่ในอนาคตเล่า?”สวีฉังชิงวางฝ่ามือลงบนไหล่ของสวีจวินโหลว พูดด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า “เจ้าลองคิดให้ดี ตอนนี้ขุนนางในราชสำนัก ล้วนมีอายุเท่าไรกันบ้าง? พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ พวกเขาล้วนเป็นขุนนางที่เหลือจากรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้ว่าภายนอกพวกสายคณะเสนาบดีจะดูเหมือนถูกสลายไปแล้ว แต่เบื้องหลังเล่า? แบ่งแยกกันตามเชื้อสาย ตามภูมิลำเนา ตามแนวคิดทางการเมือง แก๊งกลุ่มก้อนมากมาย แก่งแย่งแก้แค้นกันไม่สิ้นสุด มีมากมายเกินจะนับ”“การปฏิรูปใหม่ของฝ่าบาทครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการสลายพวกกลุ่มก้อนเหล่านั้น ต่อจากนี้ยังจะมีการเคลื่อนไหวอีกมาก แต่สรุปแล้วมีเพียงคณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1158

    สวีจวินโหลวจำถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกล่าวว่า “ท่านอาวางใจเถิด หลานจะระมัดระวังให้มาก”พูดจบ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อทันที กดเสียงให้ต่ำลง “ท่านอา ท่านได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? ด่านเย่ว์หยานั่น ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อย?”สีหน้าสวีฉังชิงพลันเปลี่ยน แต่ไม่ตอบคำถาม กลับถามกลับแทน “เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด?”สวีจวินโหลวยิ้มแหยๆ ตอบ “ก่อนหน้านี้หลานเป็นรองหัวหน้าสำนักจานซื่อ ประจำตำหนักบูรพา ย่อมมีข่าวบางอย่างเล็ดลอดถึงหูหลานบ้าง ได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้ ฝ่าบาทมีราชโองการหลายฉบับ ล้วนส่งไปยังดินแดนกานและฉ่าน รวมถึงด่านเย่ว์หยา และกรมพระคลังยังได้รับพระบัญชาให้จัดหาทางระดมเสบียงจากทั่วทุกหัวเมือง?”“ใช่ ได้รับมาแล้ว”สวีฉังชิงพยักหน้า “และก็เริ่มดำเนินการแล้วตามพระบัญชา เสบียงจะเน้นการซื้อเป็นหลัก เกณฑ์เป็นรอง สิ่งสำคัญคือต้องไม่กระทบการดำรงชีวิตของราษฎร และห้ามทำให้ราคาท้องถิ่นผันผวนจนเกินควบคุม ราคาตลาดของข้าวสารต้องไม่เกินร้อยละยี่สิบห้า และเมื่อรวบรวมได้แล้ว จะส่งตรงไปยังดินแดนกานและฉ่าน โดยมีผู้รับผิดชอบเฉพาะดำเนินการเข้าคลังเสบียง”สวีจวินโหลวถามอย่างตื่นเต้น “ท่านอา…นี่จะเกิดศึกใหญ่แล้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1157

    เหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้ มิได้เกิดขึ้นแค่ในมณฑลซีซานเท่านั้น แต่ยังมีที่มณฑลหนานเหออีกด้วยที่ว่าการมณฑลหนานเหอ โจวผิงอันรับพระราชโองการจากมือขันทีอย่างเฉื่อยชาไม่มีเงินปึกแนบมือ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเพียงกล่าวคำขอบคุณหนึ่งคำ จากนั้นก็หันไปสั่งให้คนเปลี่ยนป้ายเป็นจวนผู้สำเร็จราชการมณฑลทันทีขันทีรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่พอคิดถึงตำแหน่งใหม่ของชายผู้นี้ ก็จำต้องฝืนหน้าหนามาเอาใจสักสองสามประโยค“ใต้เท้าโจว ขอแสดงความยินดีด้วย”โจวผิงอันไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง แค่ตอบเสียงในลำคอว่า “อืม”อืม!?ขันทีไม่เคยพบใครที่รับราชโองการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่ใยดีถึงเพียงนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเตือน “ใต้เท้าโจว ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีถือเป็นตำแหน่งใหญ่ ต้องควบคุมรายได้ทั้งแผ่นดิน งานนี้ไม่ง่ายเลย ถึงแม้ฝ่าบาทจะสนับสนุนท่าน แต่ตามต่างจังหวัดห่างไกลจากเมืองหลวง อาจมิได้ให้เกียรติตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีเท่าไร ดังนั้นใคร่ขอใต้เท้าโจวโปรดระมัดระวังให้มาก”คราวนี้โจวผิงอันหันมามองเขาหนึ่งแวบแต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หันกลับไปอีก“อืม”เห็นโจวผิงอันเย็นชาขนาดนี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1156

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินก็หัวเราะ “อืม ไม่เลว เป็นคำพูดจากใจจริง”“หากเจ้าบอกว่าคุ้นเคย ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังหลอกข้า เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมกะทันหัน ยังต้องสูญเสียอิสระด้วย อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าแต่ก่อนเจ้าพักอยู่ในจวน หากอยากออกไปข้างนอก พ่อของเจ้าก็ไม่เคยห้าม เพียงแต่ส่งคนอารักขาให้เจ้าอย่างดี แต่ในวังนั้นต่างกัน เจ้าคือพระชายารัชทายาท แค่จะก้าวออกจากวังก็ยากลำบากเหลือเกิน”ซูจิ่นพ่าตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าจะหลอกเจ้าทำไมล่ะ ข้าก็แค่พูดตามจริงเท่านั้น”“ข้าหวังว่า ต่อจากนี้ไป จะได้ยินแต่คำพูดจากใจจริงจากเจ้า”หลี่เฉินลูบขมับเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้าอยากได้ยินคำพูดจากใจจริงก็ยิ่งยากเข้าไปทุกที”“ผู้ที่อยู่สูงมักหนาวเหน็บรอบกาย คนที่อยู่รอบตัวเจ้ามีอยู่เพียงสองประเภท หนึ่งคือผู้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมประจบเจ้า อีกหนึ่งคือผู้ที่คอยวางแผนโค่นเจ้า ทั้งสองประเภทนี้ไม่มีวันพูดกับเจ้าด้วยใจจริง และในอนาคตที่พอคาดเดาได้ สภาพเช่นนี้จะยิ่งเลวร้ายลง ไม่มีวันดีขึ้นหรอก” ซูจิ่นพ่าพูดแทงใจโดยไม่ไว้หน้า“แต่ข้ายังมีเจ้า คนที่เข้าใจข้าอยู่นี่ไง” หลี่เฉินยิ้มทะเล้นซูจิ่นพ่าลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพักกลางวัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1155

    หลี่เฉินยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “บัญชาการน่ะเหรอ ข้าแน่ใจเลยว่าไม่ทำหรอก เรื่องของมืออาชีพ ก็ให้มืออาชีพทำไป เจ้าดูข้าแล้วคิดว่าข้าเหมาะจะบัญชากองทัพนับล้านไหมล่ะ?”หวงจี๋เทียนส่ายหน้าทันที “ไม่เหมาะ”“แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าจะจารึกนาม ณ เขาอู่ซวี…”“ใครจะบัญชาก็ช่าง แต่ผลงานนั้นต้องเป็นของข้า เข้าใจไหม?”หลี่เฉินมองหวงจี๋เทียนด้วยแววตาเวทนา “เจ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลก เพราะเจ้าก็แค่ องค์ชายธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น เรื่องวิธีคิดแบบจักรพรรดิ กลยุทธ์แบบเจ้าผู้ครองแผ่นดิน เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าถึง เสด็จพ่อของเจ้าล่ะก็ ต้องเข้าใจแน่นอน”หวงจี๋เทียนถึงกับกระโดดลั่น “หลี่เฉิน! เจ้าอย่าล้ำเส้นนักนะ!”“ฮ่าๆๆ”หลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ รีบกลับไปติดต่อเสด็จพ่อของเจ้า พรุ่งนี้ข้าต้องการคำตอบ”เขาตบไหล่หวงจี๋เทียน พลางพูดว่า “บอกเสด็จพ่อของเจ้าด้วยว่า ศึกนี้คือศึกของเหลียวต่อฉิน แต่เกี่ยวพันโดยตรงถึงความอยู่รอดของแคว้นจิน”“วิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์ต้องกว้างเข้าไว้”กล่าวจบ หลี่เฉินก็เดินจากไปจากเรือนรับรองอันอบอุ่นงดงามแห่งนั้นที่นั่นเป็นสถานที่ที่ชายใดก็ใฝ่ฝัน แต่หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1154

    “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน!?” หวงจี๋เทียนโกรธจัดตะโกนลั่นเขารู้สึกว่าสายตาของหลี่เฉินเป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุดหลี่เฉินชี้ไปทางด่านเย่ว์หยา พลางกล่าว “ตอนนี้กองทัพเกราะม้าหกแสนของเหลียวกำลังบุกด่านเย่ว์หยาอยู่ ไม่แน่ว่าในขณะที่ข้ากำลังพูดกับเจ้านี่แหละ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ด่านเย่ว์หยาก็อาจแตกแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่ดอกเก๊กฮวยก็เย็นชืดแล้ว ข้าจะไปรอพึ่งพาเจ้าได้อย่างไร?”หวงจี๋เทียนแค่นหัวเราะ “อย่ามาแกล้งพูดเช่นนี้เลย แต่เดิมเจ้าก็วางแผนจะปล่อยพวกเขาเข้ามาแล้วล้อมสังหารไม่ใช่หรือ? ตอนที่พวกเขายังไม่เคลื่อนไหว เจ้ากล้ายิ่งนัก วางแผนฟ้าแทงดินเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มแล้ว เจ้ากลับกลัวขึ้นมาหรือ?”“มิได้กลัว”หลี่เฉินกล่าว “เรื่องเช่นนี้ ต้องมีความเป็นฝ่ายรุกถึงจะมีความหวังที่จะสำเร็จ ดังนั้นเงื่อนไขของการปล่อยให้เข้ามาคือต้องเป็นข้าที่ปล่อยไม่ใช่พวกเขาบุกทะลวงเข้ามาเอง หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ห้ามพวกเขาไม่ได้ ฆ่าหมดน่ะฆ่าได้อยู่ แต่จะเป็นใครฆ่าใคร ยังบอกไม่ได้หรอก”หวงจี๋เทียนยิ้มเย้ย “แล้วถ้าข้าตั้งใจแน่วแน่จะนั่งดูเสือสู้กันล่ะ?”“ได้เลย!”หลี่เฉินตบมือดังฉาด หัวเราะลั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status