Share

บทที่ 344

Penulis: ไห่ตงชิง
ครึ่งแรกของประโยคนี้ก็ดูปกติ แต่สามคำสุดท้ายนี่สิ ที่ทำให้ทุกคนตกใจ

แม้แต่หลี่อิ๋นหู่ก็มองจ้าวเหอซานเหมือนมองคนบ้า

ตั้งแต่จ้าวเสวียนจีกลายเป็นราชเลขา จนถึงตอนนี้ มีเพียงหลี่เฉินรวมถึงจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเท่านั้น ที่สามารถดูถูกเขาในที่สาธารณชนได้ แต่วันนี้ จ้าวเหอซานเป็นคนที่สอง

ใบหน้าของจ้าวเหอซานยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าเขาพูดอะไรบางอย่างที่ธรรมดามาก

เขากล่าวอย่างจริงจังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ทุกคนรู้ดีว่าคนปกติจะไม่ทิ้งจดหมายที่สามารถใช้เป็นหลักฐานเช่นนี้เอาไว้ แต่ใครจะพูดได้ว่าสามารถใช้ตรรกะของคนปกติมาคาดเดาตระกูลหลงได้ แค่นี้ก็สมเหตุผลสมผลแล้วไม่ใช่หรือ?”

“สมรู้ร่วมคิดกับพวกกบฏ นี่มันอาชญากรรมอะไร? ก่อกบฏ!”

“ราชสำนักคือศูนย์รวมของยอดหัวกะทิทั่วทั้งต้าฉิน เหล่าอัจฉริยะชั้นยอดต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านกล้าก่อกบฏหรือไม่? ไม่ แต่ตระกูลหลงกลับกล้า อาศัยแค่จุดนี้ ก็ไม่สามารถยกตรรกะของคนทั่วไปมาใช้กับตระกูลหลงได้”

“ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจดหมายเหล่านี้ เรายังมีพยานที่เห็นเหตุการณ์ พยานรายงาน รวมถึงตระกูลเหลย ตระกูลเฉียน และตระกูลเจิ้ง ทั้งสามตระกูลนี้ล้วนมีพื้นเพอยู่ใ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 345

    “เช่นนั้นก็ดี หลงไหวอวี้มีส่วนร่วมในการกบฏ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสหายของเจ้า แต่กฎหมายจะต้องไม่ลำเอียง หน่วยบูรพาจะไปจับกุมเขาทันที เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”หลี่อิ๋นหู่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาทมิต้องกังวล กระหม่อมถูกโจรกบฏผู้นี้หลอกลวง แน่นอนว่าจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก กระหม่อมจะร่วมมือกับคนของหน่วยบูรพาจับกุมคนผู้นั้นด้วยตัวเอง”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ยิ่งองค์ชายแปดฉลาดมากเท่าไหร่ ความตั้งใจที่จะฆ่าของหลี่เฉินก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น คนแบบนี้จะเก็บไว้นานไม่ได้ หลี่เฉินสลับสายตามองระหว่างหลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจี จากนั้นก็กล่าวว่า “ดีมาก จ้าวอ๋องยังรู้จักเหตุผล”“หลังจบการประชุม กรมยุติธรรมทั้งสามฝ่ายจะส่งบุคลากรที่มีความสามารถไปยังมณฑลซีซานทันที เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีตระกูลหลงให้ชัดเจน จากนั้นก็ประกาศให้ใต้หล้าได้ทราบ เพื่อทำหน้าที่เป็นคำเตือนแก่ผู้อื่น”“ประการที่สอง หลังการประชุม หน่วยบูรพาจะไปที่จวนจ้าวอ๋องเพื่อจับกุมหลงไหวอวี้ และนำตัวเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ” ในพระที่นั่งไท่เหอ พายุที่กำลังก่อตัวขึ้นก็ได้สิ้นสุดลงเม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 346

    หลงไหวอวี้เพิ่งมาถึง และก่อนที่เขาจะมา เขาก็มุ่งความสนใจไปที่การหาข้อมูลขององค์รัชทายาท จ้าวอ๋องและจ้าวเสวียนจี ดังนั้นเขาจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เขาจึงส่ายหัวอย่างจริงใจเพื่อแสดงว่าเขาไม่รู้ชายชราพูดอย่างสงบว่า “เมื่อเดือนที่แล้ว ที่นี่คือจวนต้วน ซึ่งเป็นบ้านของข้า” เมื่อหลงไหวอวี้ได้ยินสิ่งนี้ ก็ไม่ได้ตอบสนองในทันทีแต่เมื่อคำว่าจวนต้วนสองคำนี้ดังสะท้อนอยู่ในใจของเขา ก็ทำให้เขานึกข้อมูลบางอย่างขึ้นมาได้และทำให้เขาชาไปทั่วทั้งตัว จวนต้วน!มหาอำมาตย์ตงเก๋อ ต้วนจิ่นเจียง!คนผู้นี้กุมอำนาจของกรมยุทธนาการมานานกว่าสิบปี แม้แต่ราชเลขาจ้าวเสวียนจีก็ล้มเหลวในการแทรกแซง สุดท้ายก็ทำได้แค่ประนีประนอมและร่วมมือกันเท่านั้นนายท่านของจวนต้วนจะยังเป็นใครไปได้อีก? ดวงตาของหลงไหวอวี้พลันตกตะลึงคดีของต้วนจิ่นเจียงนั้นทำให้คนทั้งประเทศต่างตกตะลึง จนถึงทุกวันนี้ ผู้คนยังไม่รู้ว่ามหาอำมาตย์ตงเก๋อต้วนจิ่นเจียง ขุนนางคนสำคัญซึ่งกุมอำนาจมหาศาลและเป็นแกนหลักของจักรวรรดิ ล่มสลายและเสียชีวิตในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรหลงไหวอวี้รู้ว่ามันต้องเป็นความขัดแย้งที่เต็มไปด้วยความดำมืดและการแย่งชิงอำนาจ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 347

    หลังจากที่ต้วนจิ่นเจียงพูดจบ เขาก็เดินไปยังทางลับก่อน “จะไปหรือไม่ ก็แล้วแต่เจ้า” ตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามามากขึ้น หลงไหวอวี้รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าต้วนจิ่นเจียงพูดถูก และคนข้างนอกก็มาที่นี่เพื่อฆ่าเขาจริงๆตามที่คาด เขาถูกจ้าวอ๋องทอดทิ้ง หลงไหวอวี้กัดฟัน และเดินตามต้วนจิ่นเจียงเข้าไปในถ้ำลับอันมืดมิด โดยไม่หันกลับมามอง หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าไปแล้ว ทางเดินลับก็ถูกปิดอีกครั้ง และเตียงก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม แทบจะในเวลาเดียวกัน ทันทีที่พวกเขาจากไป ประตูห้องก็ถูกเตะเปิดหลี่อิ๋นหู่ซึ่งกลับมาจากการประชุมก็นำหน่วยบูรพาจำนวนมากบุกเข้ามา แต่ภายในห้องกลับว่างเปล่า ผู้นำขององครักษ์เสื้อแพรกวาดสายตามอง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “คนล่ะ!?”หลี่อิ๋นหู่ก็ตัวชาเช่นกันเนื่องจากเขาตัดสินใจจะทิ้งหลงไหวอวี้ จึงไม่มีแผนที่จะเฝ้าระวังจริงๆ และไม่คิดจะส่งใครมาย้ายหลงไหวอวี้ล่วงหน้าอีกด้วย แต่สิ่งที่แปลกคือ หลงไหวอวี้กลับละเหยหายไปในอากาศ?เมื่อเห็นสายตาที่ไร้ความปราณีขององครักษ์เสื้อแพรคนนั้น หลี่อิ๋นหู่ก็คว้าคนรับใช้ในบ้านของเขา และกัดฟันพูดว่า “คนล่ะ!?”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 348

    ซานเป่าเห็นว่าหลี่เฉินค่อนข้างไม่พอใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”หลี่เฉินกล่าวเสียงเนิบนาบว่า “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ตอนกลางวันข้าจะไปทานอาหารที่จวนแม่ทัพใหญ่ จากนั้นก็จะกลับมาที่ตำหนักในตอนเย็น และเข้าไปคารวะเสด็จพ่อที่วังหลัง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ หวังว่าครั้งต่อไปที่ข้าพบเจ้า มันจะเป็นข่าวดี”ใบหน้าของซานเป่าพลันเครียดเกร็ง และพูดทันทีว่า “บ่าวเชื่อฟัง...เพียงแต่ว่าฝ่าบาทจะเสด็จออกจากพระตำหนัก จำเป็นต้องจัดขบวนทหารองค์รักษ์หน้าหลังหรือไม่?” “จัดการไปตามปกติก็พอ” หลี่เฉินกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ข้าไม่ชอบให้ใครติดตามข้ามากเกินไป” หลังจากที่ซานเป่าจากไปแล้ว หลี่เฉินก็เหลือบมองที่วั่นเจียวเจียวแล้วพูดว่า “ไปที่จวนแม่ทัพใหญ่กันเถอะ”หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนในชุดธรรมดาก็เดินออกจากตำหนักบูรพาพร้อมกัน เหล่าหน่วยลับก็เริ่มล้อมรอบทั้งสองในทันที และตามพวกเขาไป เนื่องจากเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ผู้คนบนท้องถนนจึงน้อยลง บางครั้งก็มีบางคนที่เร่งรีบกลับไปทำอาหารสำหรับปีใหม่ นอกจากนี้ยังมีเด็กๆ จำนวนมากวิ่งเล่นไปมาโดยสวมเสื้อนวมลายดอกไม้ ซึ่งเพิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 349

    นี่เป็นจังหวะที่เล็กน้อยมาก เพราะแค่พริบตาเดียวเขาก็กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าต้วนจิ่นเจียงจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่การสืบสวนเรื่องโศกนาฏกรรมดังกล่าวก็ยังไม่ยุติลง ซูเจิ้นถิงได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และด้วยพลังที่หลี่เฉินได้รับจากการงัดข้อกับจ้าวเสวียนจีในราชสำนัก ทำให้ซูเจิ้นถิงค้นพบสิ่งต่างๆ มากมาย“พัวพันมากแค่ไหน?” หลี่เฉินถามอย่างใจเย็น “มากมายพ่ะย่ะค่ะ” แม้แต่ซูเจิ้นถิงก็ยังเผยสีหน้ายากลำบาก เขาเปิดปากพูดว่า “ถ้าเราขุดลึกกว่านี้ ทหารครึ่งหนึ่ง และขุนนางหนึ่งในสามจะต้องหายไป” หลี่เฉินคิ้วกระตุก โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน กลับมีผู้คนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องเรียกได้ว่าทั้งฝ่ายราชสำนักและฝ่ายทหารล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องแทบจะทุกส่วนทันใดนั้นหลี่เฉินก็เข้าใจทันที ว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงสอบสวนคดีนี้ไม่กระจ่างมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่ว่าสอบสวนไม่กระจ่าง แต่ไม่สามารถทำให้กระจ่างได้มันพัวพันเป็นวงกว้างเช่นนี้ จะสอบสวนอย่างไร? ถ้าจัดการไม่ดี ก็จะเกิดรัฐประหารหรือการกบฏของทหารเอาได้แม้จะเป็นจักรพรรดิ แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำไม่ได้ และต้องหลีกเลี่ยง เรื่องที่แม้แต่จัก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 350

    หลี่เฉินเหลือบมองซูจิ่นพ่าอย่างยิ้มๆ แล้วพูดว่า “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”ซูจิ่นพ่าจ้องมองหลี่เฉินและส่งเสียงชิเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรที่เหมือนกับว่าจะไม่แต่งงานกับเจ้าอีก นางรู้ดีว่าถ้านางพูดคำดังกล่าวต่อหน้าพ่อของนาง นางจะได้รับบทเรียนในภายหลังอย่างแน่นอนแม้ว่าซูเจิ้นถิงจะตามใจลูกสาวตัวน้อยของเขา แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงโทษ เขาก็ไม่เคยแสดงความเมตตาเลย“ฝ่าบาท กระหม่อมมีธุระที่ต้องจัดการ ขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ เชิญฝ่าบาทตามสบาย”ซูเจิ้นถิงเป็นคนฉลาดทันคน เขาหาข้ออ้างขึ้นมาแล้วขอตัวจากไปก่อน จากนั้นก็มอบโอกาสและเวลาให้องค์รัชทายาทอยู่กับลูกสาวของเขาซูเจิ้นถิงเป็นคนมีไหวพริบมาก แน่นอนว่าหลี่เฉินจะไม่ปฏิเสธ “ท่านแม่ทัพเชิญตามสบาย ข้าจะทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเอง” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ หนึ่งเฒ่าหนึ่งหนุ่มมองหน้ากันและยิ้ม แต่ซูจิ่นพ่ากลับทำหน้ามุ่ยอย่างไม่มีความสุข หลังจากที่ซูเจิ้นถิงจากไปแล้ว หลี่เฉินก็เดินไปข้างหน้าโดยเอามือไพล่หลัง หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นว่าซูจิ่นพ่าไม่ได้ตามเขามา จึงพูดว่า “ทำไม ต้องการให้ข้าจูงเจ้าเดินไหม?” ซูจิ่นพ่าพูดด้วยความโกรธว่า “ข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 351

    ทั้งสองส่งเสียงดังพูดคุยกันไปจนถึงสวนหลังบ้านสวนด้านหลังของจวนแม่ทัพใหญ่ไม่สามารถเทียบกับตำหนักบูรพาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอุทยานหลวง แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดอกไม้และต้นไม้บางชนิดแม้ไม่ได้ล้ำค่าแต่ก็ถูกปลูกไว้ แม้จะอยู่ในช่วงกลางฤดูหนาว แต่ก็สามารถมองเห็นความเขียวขจีได้ “ข้าดูแลสวนนี้เองกับมือ”น้ำเสียงของซูจิ่นพ่าเต็มไปด้วยภาคภูมิใจและโอ้อวด นางกล่าวว่า “ในวันธรรมดาที่ไม่มีธุระอะไรต้องทำ ข้าชอบจัดการกับดอกไม้และพืชพรรณเหล่านี้ ข้ามักจะรู้สึกว่ามันเรียบง่าย และไม่ซับซ้อนเท่ากับการติดต่อกับผู้คนเช่นเจ้า”แม้จะเห็นว่าซูจิ่นพ่าชอบวกมาประชดใส่ตัวเอง แต่หลี่เฉินก็ไม่สนใจนางและพูดว่า “เจ้าชอบก็ดีแล้ว ในอนาคตที่ย้ายไปตำหนักบูรพา เจ้าจะได้ไม่รู้สึกเบื่อหรือเหงา” ทันใดนั้นซูจิ่นพ่าก็พูดไม่ออก นางได้แต่กระทืบเท้าด้วยความโมโห เพราะไม่สามารถทำอะไรกับหลี่เฉินได้ขณะที่หลี่เฉินยังคงหยอกล้อซูจิ่นพ่าในจวนแม่ทัพใหญ่ เพื่อปลูกฝังความรู้สึก กลุ่มคนภายนอกที่มุ่งเป้ามาที่เขา ก็เริ่มเตรียมการอย่างเข้มงวดในตรอกที่ธรรมดาแห่งหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนคนธรรมดาอย่างเร่งรีบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 352

    ย่าเมิ่งคิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “แผนนี้ดูเหมาะสมมาก” “ไม่เหมาะสม”จู่ๆ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดปากพูดขึ้นมา ทำให้ดึงดูดสายตาของทุกคนสตรีศักดิ์สิทธิ์พูดเบาๆ ว่า “พวกเรายังคิดได้ แล้วคนอื่นจะคิดไม่ได้หรือ การลอบสังหารองค์รัชทายาท พวกเราจะต้องประสบความสำเร็จ”“ถ้าหากมันล้มเหลว แทบจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองเลย ดังนั้นพวกเราต้องเสี่ยง” ขณะที่พูด สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ชี้ไปที่แผนที่แล้วพูดว่า “ข้าคิดว่า ที่นี่เหมาะสมที่สุด” คนอื่นๆ มองไปที่จุดที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ชี้ จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ย่าเมิ่งพูด “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะซุ่มโจมตีองค์รัชทายาทที่หน้าทางเข้าตำหนักบูรพา?”“หน้าทางเข้าตำหนักบูรพา เป็นสถานที่ที่พวกเขาจะคลายความระมัดระวังได้ง่ายที่สุด และไม่มีใครคิดว่าพวกเราจะลงมือที่นี่”“ร้านอาหารที่กล่าวมาข้างต้นดูเหมือนจะอยู่ในทำเลที่เหมาะสม แต่มีร้านค้าและผู้คนมากมายอยู่รอบๆ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายได้ง่าย”“หากเกิดความโกลาหลขึ้นมา องค์รัชทายาทก็มีโอกาสหนีรอดไปได้”“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทางเข้าตำหนักบูรพาอยู่ห่างจากหน่วยบูรพามากที่สุด ตราบใดที่ไม่มีซ

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status